RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai Gallery in Facebook

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311322
ทั่วไป:13282622
ทั้งหมด:13593944
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - รวมข่าวรถไฟหยุดวิ่งทั่วปท. จากมติสภาพการรถไฟฯ
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

รวมข่าวรถไฟหยุดวิ่งทั่วปท. จากมติสภาพการรถไฟฯ
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 29, 30, 31
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
watcharin
3rd Class Pass
3rd Class Pass


Joined: 06/07/2010
Posts: 13

PostPosted: 04/04/2011 7:52 pm    Post subject: Reply with quote

30% ของพนักงานรัฐวิสาหกิจ มีเงินเดือนมากกว่า 50000 บาท
ในหน่วยงานข้าราชการของผมมีบุคลากร 1448 คน มีผุ้ที่มีเงินเดือน
มากกว่า50000 บาท อยู่แค่ 2คนเอง Exclamation
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail
Kan
3rd Class Pass
3rd Class Pass


Joined: 05/07/2010
Posts: 189
Location: กรุงเทพ - ชุมทางทุ่งสง

PostPosted: 04/04/2011 8:42 pm    Post subject: Reply with quote

Wisarut wrote:
สหภาพรถไฟร้องขึ้นเงินเดือนเท่า ขรก.

เนชัน ทันข่าว 3 เมษา. 2554 22:22 น.

สร.รฟท.เรียกร้องปรับเงินเดือนขึ้น5%เท่ากับ ขรก. เล็งยื่นหนังสือต่อ รมว.แรงงาน
(ครม.) มีมติให้ปรับขึ้นเงินเดือนเฉพาะพนักงานที่มีเงินเดือนไม่ถึง 50,000 บาท ไม่เป็นธรรมกับพนักงานรัฐวิสาหกิจ

พนักงานรัฐวิสาหกิจที่ได้รับผลกระทบจากมติ ครม. และจะไม่ได้รับการปรับขึ้นเงินเดือนมีประมาณ 30% ของพนักงานรัฐวิสาหกิจที่มีอยู่ทั้งหมดประมาณ 2 แสนคน (หรือประมาณ 6 หมื่นคน) ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงมาก


ปรับลดเงินเดือนให้เท่ากับกลุ่มที่ได้ขึ้นเงินเดือนดีไหมครับ แหะๆ ดูสภาพรฟท.ของเราตอนนี้แล้วจะเอาเงินจากไหนมาจ่ายพนักงานแต่ละท่านล่ะครับนี่ ผลงานของแต่ละท่านก็....(รู้อยู่แก่ใจ) หกหมื่นท่านแต่ละท่านมากกว่าห้าหมื่นบาท โอ้วว Embarassed

หรืออีกแบบคือ ปลดพวกท่านเสียจะได้เอาเงินมาจ้าง หนุ่มใหม่ไฟแรงเข้ามาทำงานจนกระทั่งจำนวนที่จ้างเข้ามารับเงินเดือนรวมกันแล้วเท่ากับเงินเดือนของท่านคนเดียว แบบระบบเอกชนน่าจะดีนะครับ
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42784
Location: NECTEC

PostPosted: 28/07/2011 9:29 pm    Post subject: คำพิพากษา Reply with quote

ศาลฯไฟเขียวเลิกจ้าง"สาวิทย์"กับพวกรวม 7 คน สั่งชดใช้ค่าเสียหาย 15 ล้าน ก่อม็อบรถไฟ
มติชน วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 เวลา 20:02:53 น.

ศาลพิพากษาให้ รฟท.เลิกจ้าง “สาวิทย์” กับพวก กรณีประท้วงหยุดเดินรถ

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 28 กรกฎาคม 2554 19:39 น.

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 28 กรกฎาคม ที่ศาลแรงงานกลาง ถนนพระราม 4 ศาลอ่านคำพิพากษาคดีที่การรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นโจทก์ฟ้องนายภิญโญ เรือนเพชร นายบรรจง บุญเนตร์ นายสาวิทย์ แก้วหวาน นายธารา แสวงธรรม นายเหลี่ยม โมกงาน นายสุพิเชฐ สุวรรณชาตรี และนายอรุณ ดีรักชาติ เป็นจำเลยที่ 1-7 โดยจำเลยที่ 3 เป็นประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย และกรรมการกิจการสัมพันธ์การรถไฟแห่งประเทศไทย ส่วนจำเลยที่ 1-2 และ 4-7 เป็นกรรมการฯ

ตามฟ้องโจทก์สรุปว่า จำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันไม่ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ในการหาทางปรองดองและระงับข้อขัดแย้งในรัฐวิสาหกิจ และกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของศาลจังหวัดสงขลา ในคดีหมายเลขดำที่ 926/2552 โดยจำเลยทั้งเจ็ดกับพวกร่วมกันยุยง ชักชวนให้พนักงานขับรถและพนักงานช่างเครื่องของโจทก์ทั่วประเทศ รวมทั้งโรงรถจักรหาดใหญ่หยุดการปฏิบัติหน้าที่ขับขบวนรถไฟเพื่อขนส่งผู้โดยสารและสินค้าอันเป็นการบริการของโจทก์ และไม่ยินยอมให้โจทก์นำหัวรถจักรออกใช้งาน โดยอ้างว่าหัวรถจักรของโจทก์ชำรุดไม่ปลอดภัยแก่พนักงานขับรถและพนักงานช่างเครื่องที่จะใช้ลากจูงขบวนรถไฟและบรรทุกสินค้าอันเป็นความเท็จ เป็นเหตุให้พนักงานขับรถและพนักงานช่างเครื่องของโจทก์หลงเชื่อไม่ปฏิบัติหน้าที่ก่อให้เกิดความเดือดร้อนแก่ประชาชนที่มาใช้บริการและทำให้โจทก์ได้รับความเสียหาย

นอกจากนี้ จำเลยทั้งเจ็ดกับพวกยังร่วมกันปราศรัย ณ ที่ทำการสำนักงานใหญ่ ตึกบัญชาการของโจทก์ เพื่อขับไล่และเรียกร้องให้รัฐบาลปลดผู้ว่าการรถไฟฯ อันเป็นการกระทำนอกเหนืออำนาจหน้าที่ขัดต่อข้อบังคับของโจทก์ ซึ่งถือเป็นความผิดชัดแจ้ง โจทก์สามารถลงโทษไล่จำเลยทั้งเจ็ดออกโดยไม่ต้องมีการสอบสวน และยังเป็นการทำผิดกฎหมายอาญา โดยให้ไล่ออกจากงานและให้จำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์ตามฟ้อง

ศาลแรงงานกลางวินิจฉัยแล้วข้อเท็จจริงที่คู่ความทั้งสองฝ่ายนำสืบรับฟังได้ว่า กรณีสืบเนื่องจากขบวนรถด่วนของโจทก์ตกรางที่สถานีเขาเต่า จ.ประจวบคีรีขันธ์ เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2552สหภาพฯรถไฟฯ โดยกรรมการสหภาพฯ มีความเห็นว่าเหตุที่ขบวนรถด่วนดังกล่าวตกรางเนื่องจากอุปกรณ์ระบบเดดแมนและระบบวิจิแลนซ์ ในหัวรถจักรชำรุดใช้การไม่ได้ จำเลยทั้งเจ็ดจึงร่วมกันรณรงค์เรื่องความปลอดภัยในการทำงานของพนักงานให้ตรวจสอบอุปกรณ์ดังกล่าวอยู่ในสภาพสมบูรณ์ แต่จากการรณรงค์ดังกล่าวเป็นเหตุให้พนักงานขับรถและพนักงานช่างเครื่องบางคนไม่ยอมนำหัวรถจักรไปนำขบวน ทำให้โจทก์ไม่มีรถไฟออกรับส่งผู้โดยสารและสินค้า ต่อมาศาลจังหวัดสงขลามีคำสั่งคุ้มครองชั่วคราว ห้ามมิให้สหภาพฯกับพวกขัดขวางมิให้มีการเดินขบวนรถไฟตามปกติ โจทก์จึงสามารถนำหัวรถจักรไปนำขบวนได้ ซึ่งปรากฏว่าแม้หัวรถจักรที่มีอุปกรณ์ดังกล่าวชำรุดเสียหายก็สามารถนำไปทำขบวนได้และไม่เคยเกิดอุบัติเหตุตามที่จำเลยทั้งเจ็ดกล่าวอ้าง

ดังนั้น การที่จำเลยทั้งเจ็ดรณรงค์เรื่องความปลอดภัยของพนักงานขับรถและช่างเครื่องจนเป็นเหตุให้พนักงานของโจทก์บางคนหยุดปฏิบัติหน้าที่นำรถไฟออกให้บริการประชาชนโดยเฉพาะการเดินรถในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือเป็นการยุยงชักชวนให้พนักงานขับรถและช่างเครื่องและพนักงานอื่นของโจทก์หยุดการปฏิบัติหน้าที่ เป็นการจงใจทำให้โจทก์ผู้เป็นนายจ้างได้รับความเสียหายและเป็นการละทิ้งหน้าที่ในขณะที่กำลังปฏิบัติอยู่

พิพากษาว่าอนุญาตให้โจทก์เลิกจ้างจำเลยทั้งเจ็ดได้และให้จำเลยทั้งเจ็ดร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 15 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42784
Location: NECTEC

PostPosted: 29/07/2011 5:44 pm    Post subject: Reply with quote

“สาวิทย์”นำทีมสหภาพรถไฟฯเตรียมยื่นอุทธรณ์ หลังศาลสั่งเลิกจ้าง

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 29 กรกฎาคม 2554

“สาวิทย์”นำทีมสหภาพรถไฟฯยื่นอุทธรณ์ศาลแรงงานชั้นฎีกาในสัปดาห์หน้า แจงมีเวลายื่นภายใน 15 วัน หลังถูกศาลแรงงานชั้นต้นพิพากษาเลิกจ้างพร้อมทั้งต้องชดใช้ค่าเสียหาย 15 ล้านบาท จี้การรถไฟฯดูแลความปลอดภัยของพนักงานและปชช.ด้วย

จากกรณีศาลแรงงานกลางมีคำพิพากษาอนุญาตให้การรถไฟแห่งประเทศไทยเลิกจ้างนายสาวิทย์ แก้วหวาน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย และกรรมการสหภาพฯรวม 7 คนและให้ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่การรถไฟแห่งประเทศไทยรวมเป็นเงิน 15 ล้านบาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี เนื่องจากทั้ง 7 คนได้รณรงค์เรื่องความปลอดภัยของพนักงานขับรถและช่างเครื่อง จนเป็นเหตุให้พนักงานการรถไฟฯหยุดปฏิบัติหน้าที่นำรถไฟออกไปให้บริการประชาชนโดยเฉพาะในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ถือเป็นการยุยงชักชวนให้พนักงานขับรถ ช่างเครื่องและพนักงานอื่นของการรถไฟฯหยุดการปฏิบัติหน้าที่ เป็นการจงใจทำให้ผู้เป็นนายจ้างได้รับความเสียหายและเป็นการละทิ้งการปฏิบัติหน้าที่นั้น

วันนี้ (29 ก.ค.) นายสาวิทย์ กล่าวว่า แม้ศาลแรงงานชั้นต้นมีคำพิพากษาดังกล่าวออกมา แต่ตนและกรรมการสหภาพฯอีก 6 คน ยังสามารถยื่นอุทธรณ์ต่อศาลแรงงานชั้นฎีกาได้ภายใน 15 วัน ดังนั้น จะให้ทนายความยื่นอุทธรณ์ต่อศาลแรงงานชั้นฎีกาในสัปดาห์หน้า ส่วนการปฏิบัติหน้าที่ที่การรถไฟฯนั้นตามหลักกฎหมายแล้ว หากคดียังไม่สิ้นสุด ตนกับกรรมการสหภาพฯอีก 6 คนก็ยังคงปฏิบัติหน้าที่ได้ต่อไปจนกว่าคดีนี้จะสิ้นสุด ซึ่งตามปกติกระบวนการและขั้นตอนการพิจารณาของศาลแรงงานชั้นฎีกาจะอยู่ที่ประมาณ 1-2 ปีคดีจึงจะสิ้นสุด อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ตนยังไม่ได้รับหนังสือคำสั่งใดๆหรือหนังสือเลิกจ้างจากการรถไฟฯ ส่วนการทำงานในตำแหน่งประธานสหภาพฯก็ยังคงเป็นไปตามเดิมเพราะเป็นคนละเรื่องกัน

“ผมเคารพในคำตัดสินของศาลแรงงาน อย่างไรก็ตาม เรื่องความปลอดภัยในการทำงานของพนักงานและการเดินรถไฟนั้น ขอยืนยันว่าคณะกรรมการสหภาพฯทำเพื่อประโยชน์ของคนทั้งประเทศ และอยากให้การรถไฟฯดูแลเรื่องนี้ให้มากขึ้นเพราะมีผลกระทบต่อการทำงานของพนักงานการรถไฟฯและความปลอดภัยในชีวิตของประชาชนเช่นกรณีรถไฟขบวนที่ 84 จ.ประจวบคีรีขันธ์ประสบอุบัติเหตุทำให้มีผู้เสียชีวิต 7 คนนั้นศาลชั้นต้นพิพากษาลงโทษทางอาญาพนักงานขับรถโทษฐานกระทำการโดยประมาททำให้ผู้โดยสารเสียชีวิตโดยสั่งจำคุก 2 ปีไม่รอลงอาญา

นอกจากนี้ ยังมีญาติผู้โดยสารที่เสียชีวิตไปฟ้องต่อศาลแพ่งกรุงเทพฯใต้ซึ่งศาลมีคำสั่งให้พนักงานขับรถชดใช้เป็นค่าทำขวัญเป็นเวลา 10 ปีเดือนละ 5 พันบาทและให้การรถไฟฯจ่ายค่าเสียหาย 1 ล้านบาท จึงอยากให้สังคมและสื่อมวลชนช่วยตรวจสอบในเรื่องนี้ “นายสาวิทย์ กล่าว
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42784
Location: NECTEC

PostPosted: 17/08/2011 1:54 am    Post subject: Reply with quote

สหภาพรฟท.ดิ้น ขอทบทวน ให้ออก7หัวโจก
ทีมข่าวเศรษฐกิจ
ไทยรัฐออนไลน์
16 สิงหาคม 2554, 21:30 น.

เผย รฟท.ส่งหนังสือเลิกจ้าง 7 สหภาพฯ หัวโจกหยุดเดินรถไฟ ไปถึง ก.คมนาคมแล้วเมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา หลังศาลแรงงานกลางตัดสินให้ออก ด้านสมาพันธ์แรงงานวิสาหกิจฯ เข้ายื่นหนังสือถึงปลัดคมนาคม ขอให้ชะลอการเลิกจ้าง จนกว่าคดีจะถึงที่สุด

เมื่อเวลา 16.30 น. วันที่ 16 ส.ค. นายบุญมา ป๋งมา รองเลขาธิการสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ฝ่ายปฎิบัติการและคณะกรรมการบริหาร สรส. ได้ยื่นหนังสือต่อ นายสุพจน์ ทรัพย์ล้อม ปลัดกระทรวงคมนาคม เพื่อให้กระทรวงคมนาคมทบทวนการเลิกจ้างคณะกรรมการบริหารสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย(สร.รฟท.) จำนวน 7 คน จนกว่ากระบวนการดำเนินคดีระหว่างรฟท. ฝ่ายโจทก์ กับสร.รฟท.ทั้ง 7 ฝ่ายจำเลยจะถึงที่สุด รวมถึงให้ รฟท. รับกรรมการ สร.รฟท. สาขาหาดใหญ่ทั้ง 6 คน กลับเข้าทำงานตามมติคณะกรรมการแรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (ครส.)

ด้านนายสุพจน์ เปิดเผยภายหลังการหารือร่วมกับสมาพันธ์แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ (สรส.) ว่า สรส.ได้ขอให้ชะลอการเลิกจ้างกรรมการบริหารสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย จำนวน 7 คน จนกว่ากระบวนการดำเนินคดีระหว่าง รฟท. กับฝ่ายจำเลยจะถึงที่สุด โดยฝ่ายโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้ง 7 ร่วมกันไม่ปฏิบัติตามอำนาจหน้าที่ ในการหาทางปรองดองและระงับข้อขัดแย้งในรัฐวิสาหกิจ และกระทำการอันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งของศาลจังหวัดสงขลา อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 28 ก.ค.ที่ผ่านมา ศาลแรงงานกลางได้พิพากษาให้โจทก์เลิกจ้างจำเลยทั้ง 7 ได้ และให้จำเลยทั้ง 7 ร่วมกันชดใช้ค่าเสียหายแก่โจทก์เป็นเงิน 15 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี นับตั้งแต่วันฟ้องจนกว่าจะชำระเสร็จสิ้น

โดยตนได้รับเรื่องดังกล่าวไว้และจะไปหารือกับผู้บริหาร รฟท. รวมทั้งพิจารณาคำพิพากษาและข้อกฎหมายว่าจะสามารถดำเนินการตามที่ สรส.เสนอไว้ได้หรือไม่ ส่วนตัวเห็นใจ สร.รฟท. และจากการทำงานร่วมกันช่วงที่ผ่านมา พบว่า สร.รฟท.ให้ความร่วมมือกับฝ่ายบริหารเป็นอย่างดี และเชื่อว่าหลังจากนี้ สร.รฟท.จะไม่มีการหยุดเดินรถไฟเหมือนที่ผ่านมาอีก ขณะที่ระยะเวลากระบวนการดำเนินคดีจนกว่าจะถึงที่สุดก็น่าจะใช้เวลาประมาณปีเศษเท่านั้น ดังนั้นหากสามารถประนีประนอมกันได้ก็เป็นสิ่งที่ดี

"สิ่งใดที่สามารถอะลุ่มอล่วยกันได้ ก็เป็นสิ่งที่ดี เพื่อให้การทำงานร่วมกันระหว่างฝ่ายบริหารและสหภาพฯ ไม่เกิดปัญหาร้าวฉาน แต่สิ่งที่ทำต้องมีกฎหมายรองรับ ปัจจุบันสร.รฟท.ทั้ง 7 คน ยังถือว่าเป็นพนักงาน รฟท." นายสุพจน์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานจากฝ่ายบริหาร การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ว่า รฟท.ได้ส่งหนังสือเลิกจ้างสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.รฟท.) ทั้ง 7 คนไปแล้วเมื่อวันที่ 13 ส.ค.ที่ผ่านมา และจะมีผลในอีก 30 วัน เนื่องจากถือว่าคดีดังกล่าวสิ้นสุดแล้ว หาก รฟท.จะยกเลิกหรือชะลอการเลิกจ้างจะต้องมีการวางเงินจำนวน 15 ล้านบาทให้กับ รฟท. เพื่อเป็นการประกันความเสียหายให้กับ รฟท. ส่วนการอุทธรณ์คดีดังกล่าวนี้ ศาลจะรับพิจารณาอุทธรณ์ต่อเมื่อมีประเด็นใหม่เพื่อพิจารณาในการยื่นอุทธรณ์เท่านั้น

สำหรับ สร.รฟท.ทั้ง 7 คนที่ถูกศาลพิพากษาเลิกจ้างก่อนหน้านี้ ประกอบด้วย
1. นายภิญโญ เรือนเพชร
2. นายบรรจง บุญเนตร์
3. นายสาวิทย์ แก้วหวาน
4. นายธารา แสวงธรรม
5. นายเหลี่ยม โมกงาน
6. นายสุพิเชฐ สุวรรณชาตรี และ
7. นายอรุณ ดีรักชาติ.
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42784
Location: NECTEC

PostPosted: 09/02/2012 10:30 am    Post subject: Reply with quote

สร.รถไฟเกาะงบ 1.7 แสนล้าน
โดย. กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ
หน้า อสังหา REAL ESTATE - อสังหาฯ-คมนาคม
ออนไลน์เมื่อวันอังคารที่ 07 กุมภาพันธ์ 2012 เวลา 10:52 น.
ตีพิมพ์ใน หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจฉบับที่ 2,712 9-11 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2555

สหภาพการรถไฟฯจี้ติดงบ 1.7 แสนล้าน จับมือคนในร.ฟ.ท.ที่มีใจรักองค์กรและป้องคอร์รัปชันให้ข้อมูลเชิงลึก หวั่นฮั้วประมูลผู้รับเหมาทำให้องค์กรรถไฟตกต่ำ หลังตรวจพบอี-ออกชันหลายรายการราคาห่างแค่หลักร้อยบาท วงใน สร.รฟท.เผยตั้งคณะทำงานติดตามผลงานบอร์ดการรถไฟฯอีกชุด ว่าทำงานเข้มงวดเพียงใด ชี้หากพบว่าเฉื่อยเจอไล่บี้แน่

แหล่งข่าวระดับสูงจากสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย(สร.รฟท.)เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า อยู่ระหว่างการติดตามผลการดำเนินโครงการตามแผนการพัฒนาการรถไฟฯภายใต้กรอบงบประมาณ 1.7 แสนล้านบาทที่คณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติ เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2553 โดยเฉพาะกรณีโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของร.ฟ.ท. ปี 2554-2556 เฉพาะในส่วนที่จะใช้เงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานและเงินกู้อื่นๆ เนื่องจากตรวจพบว่า มีแววส่อฮั้วว่าจ้างผู้รับเหมาในบางรายการเกิดขึ้นแล้ว ทั้งๆที่เป็นการดำเนินงานแบบอี-ออกชันแต่พบว่า ราคาห่างกันเพียงแค่หลักร้อยบาท

"ปี 2554 ที่ผ่านมาพบว่า มีการนำเสนอร่างประกาศประกวดราคาไปหลายรายการ โดยเฉพาะการจ้างเหมาจัดหาและติดตั้งเครื่องกั้นถนนในแขวงบำรุงรักษาอาณัติสัญญาณที่มีมากกว่า 10 รายกา ร จำนวน 114 แห่ง วงเงิน 352,153,252 บาท ล่าสุดเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2555 ยังทยอยเร่งดำเนินการอีกหลายรายการ ซึ่งจากกรณีที่บอร์ดมีมติให้กลับมาดำเนินการปรับปรุงแก้ไขใหม่ให้แล้วเสร็จภายใน 6 เดือน คงต้องจับตาดูต่อไปว่า สามารถเปิดอี-ออกชันแตกต่างไปจากเดิมได้หรือไม่"

แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า การตรวจสอบของสร.รฟท.ในครั้งนี้ได้รับความร่วมมือจากเจ้าหน้าที่หลายฝ่ายที่ต้องการให้ปราบปรามคอร์รัปชันในองค์กรการรถไฟฯหมดไปด้วยการส่งข้อมูลประกวดราคาและส่วนที่เกี่ยวข้องมายังสร.รฟท. เพราะไม่ต้องการให้ชื่อเสียงการรถไฟฯต้องตกต่ำลงไปมากกว่านี้ เนื่องจากบางรายการประกวดราคาแบบอี-ออกชันของผู้รับเหมาพบว่า มีราคาแตกต่างกันในหลักร้อยบาท ทั้งๆที่น่าจะห่างกันหลักหมื่นบาทขึ้นไป

"ทางสร.รฟท.ยังตั้งคณะกรรมการขึ้นมา 1 ชุด เพื่อติดตามการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการ(บอร์ด)การรถไฟฯที่มีนางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.)เป็นประธานว่า จะปฏิบัติหน้าที่เข้มงวดเพียงใด สิ่งสำคัญจะสามารถกำราบการกระทำที่ไม่ถูกต้อง โดยเฉพาะการว่าจ้าง การประมูลโครงการต่าง ๆ ของการรถไฟฯให้โปร่งใสได้จริงหรือไม่ หากยังเพิกเฉยเชื่อว่าภายใน 6 เดือนนี้ น่าจะต้องดำเนินงานบางอย่างต่อไป"

ทั้งนี้โครงการที่มีความพร้อมสามารถดำเนินการได้ทันที มีจำนวน 11 รายการ ประกอบด้วย โครงการลงทุน
1.โครงการปรับปรุงทางระยะ 5 วงเงิน 8,508 ล้านบาท(อยู่ระหว่างก่อสร้าง)

2.โครงการปรับปรุงทางระยะที่ 6 วงเงิน 6,779 ล้านบาท(อยู่ระหว่างก่อสร้าง)

3.โครงการทางคู่แก่งคอย -ฉะเชิงเทรา วงเงิน 11,348 ล้านบาท
4.โครงการจัดหารถจักร 13 คัน(ขนาด 20 ตัน/เพลา) วงเงิน 2,145 ล้านบาท (ตอนนี้่รวมกับโครงการซื้อรถจักร 7 หลัง เป็นรถจักร 20 หลัง)

ส่วนแผนลงทุนระยะยาว ประกอบด้วย

5.โครงการปรับปรุงทางที่ไม่ปลอดภัย วงเงิน 23,671 ล้านบาท
6.โครงการปรับปรุงสะพาน วงเงิน 12,167 ล้านบาท
7.โครงการอาณัติสัญญาณไฟสี วงเงิน 11,358 ล้านบาท (ตอนนี้เริ่มติดที่ 3 จังหวัดชายแดนใต้แล้ว)
8.โครงการติดตั้งและปรับปรุงเครื่องกั้นวงเงิน 5,456 ล้านบาท
9.โครงการติดตั้งรั้วสองข้างทาง วงเงิน 4,737 ล้านบาท
10.โครงการสร้างโรงรถจักรแก่งคอยวงเงิน 1,000 ล้านบาท (น่าจะเกี่ยวเนื่องกับกรณีที่ จุฬาฯ 4 พันไร่) และ
11.โครงการสร้างโรงรถศรีราชา/ลาดกระบัง วงเงิน 360 ล้านบาท โดยมีการทยอยดำเนินงานไปแล้วบางส่วน

ส่วนโครงการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ปี 2554-2556 เฉพาะในส่วนที่จะใช้เงินกู้เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน (DPL) จำนวน 24,705 ล้านบาท ใน 7 แผนงาน ซึ่งได้ประกาศประกวดราคาและได้ตัวผู้รับเหมาดำเนินการเรียบร้อยแล้วนั้น บางรายการได้ตรวจสอบพบความผิดปกติเกิดขึ้นจนการประชุมบอร์ดการรถไฟฯทั้ง 2 ครั้งที่ผ่านมา คือ วันที่ 22 ธันวาคม 2554 และ 13 มกราคม 2555 ต้องสั่งให้กลับไปดำเนินการแก้ไขแล้วให้นำเสนอเพื่อพิจารณารอบใหม่อีกครั้ง

สำหรับแผนงานเร่งรัดโครงสร้างพื้นฐานทั้ง 7 โครงการ ได้แก่
1.ทางรถไฟที่ไม่ปลอดภัย ซึ่งต้องเปลี่ยนแปลงหมอนและราง วงเงิน 18,923 ล้านบาท
2.โครงการอาณัติสัญญาณไฟสีที่เหลืออีก 200 กว่าสถานีจากทั้งหมด 420 สถานี วงเงิน 2,041 ล้านบาท
3.โครงการติดตั้งเครื่องกั้นถนนเสมอระดับ 121 แห่ง วงเงิน 451 ล้านบาท 4.ปรับปรุงเครื่องกั้นใหม่ 106 แห่ง วงเงิน 423 ล้านบาท
5.งานติดตั้งรั้วตามแนวเขตทางรถไฟใหม่ วงเงิน 27 ล้านบาท
6.ก่อสร้างทางคู่ 3 เส้นทาง คือทางคู่สายลพบุรี-ปากน้ำโพ มาบกะเบา-นครราชสีมา และนครปฐม-หนองปลาดุก-หัวหิน ซึ่งในปี 2554 จะต้องว่าจ้างที่ปรึกษาในเดือนเมษายน 2554 ที่ผ่านมา วงเงิน 355 ล้านบาท และ

7.โครงการติดตั้งระบบโทรคมนาคมแทนคอมลิงก์ วงเงิน 2,421 ล้านบาท
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42784
Location: NECTEC

PostPosted: 13/11/2013 10:45 am    Post subject: Reply with quote

"ประภัสร์"ยันสหภาพฯ ร.ฟ.ท.ไม่หยุดงานให้กระทบบริการ ปชช.


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 พฤศจิกายน 2556 09:35 น.


นายประภัสร์ จงสงวน ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ยืนยันว่า ได้พูดคุยทำความเข้าใจกับสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟแห่งประเทศไทย (สร.ร.ฟ.ท.) แล้ว ในเรื่องข้อเรียกร้องของแกนนำชุมนุมทางการเมืองเรื่องของการใช้ 4 แนวทางอารยะขัดขืนด้วยการนัดหยุดงาน ซึ่งทางสหภาพการรถไฟฯ ยืนยันว่า จะไม่เข้าร่วมการหยุดงานดังกล่าว แต่การใช้สิทธิ์ลาหยุดของพนักงาน เพื่อการเข้าร่วมการชุมนุมนั้นถือเป็นเรื่องส่วนบุคคล โดยจะไม่ให้กระทบต่อการให้บริการแก่ประชาชน
ส่วนการลาหยุดงานตามสิทธิ์นั้น นายประภัสร์ ยืนยันว่า จะให้ผู้บังคับบัญชาพิจารณาตามความเหมาะสม โดยจะต้องไม่ให้กระทบกับการทำงานโดยรวม

//----------------------------

รถไฟอุบลฯ ยังเดินปกติ 10 ขบวน ไม่นัดหยุดงาน

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 13 พฤศจิกายน 2556 13:25 น.

อุบลราชธานี - รถไฟอุบลฯ ยังเดินปกติ 10 ขบวน สรส.ยังไม่นัดหยุดงานเพราะไม่ต้องการให้ประชาชนเดือดร้อน

วันนี้ (13 พ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่สถานีรถไฟ จ.อุบลราชธานีว่า พนักงานการรถไฟฯ ทุกคนยังทำงานปกติ และประชาชนยังเดินทางเข้ามาใช้บริการรถไฟขบวนท้องถิ่นวันละ 4 ขบวน และขบวนอุบลราชธานี-กรุงเทพฯ อีกวันละ 6 ขบวน

สาเหตุที่ไม่มีการนัดหยุดงานตามคำเรียกร้องของเวทีการชุมนุมนั้น พนักงานการรถไฟอุบลราชธานีรายหนึ่งระบุว่า สหภาพแรงงานการรถไฟแห่งประเทศไทยไม่ได้แจ้งให้หยุดงาน เพราะจะสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยในการเดินทาง

ขณะเดียวกัน จากการตรวจสอบไปยังการไฟฟ้าและการประปาส่วนภูมิภาคอุบลราชธานี ก็ยืนยันไม่มีการเคลื่อนไหวหยุดงาน หรืองดจ่ายน้ำจ่ายไฟให้สถานที่ราชการแต่อย่างใด
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42784
Location: NECTEC

PostPosted: 21/06/2014 8:30 am    Post subject: Reply with quote

ร.ฟ.ท.รับ 6 พนักงานชุมทางหาดใหญ่กลับเข้าทำงานหลังถูกไล่ออกปี 52


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 มิถุนายน 2557 16:32 น.


การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) มีคำสั่งรับ 6 พนักงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย ประจำสาขาหาดใหญ่ กลับเข้าทำงานตามเดิมอีกครั้ง ประกอบด้วย นายธวัชชัย บุญวิสูตร นายสรวุฒิ พ่อทองคำ นายสาโรจน์ รักจันทร์ นายประชานิวัฒน์ บัวศรี นายวิรุฬห์ สะแกคุ้ม และ นายนิตินัย ไชยภูมิ หลังจากถูกไล่ออกเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2552 กรณีออกมาชุมนุมเรียกร้องความปลอดภัยรถไฟ ซึ่งการรับพนักงานทั้ง 6 คน กลับเข้าทำงาน เป็นมติของกรรมการกิจการสัมพันธ์การรถไฟฯ ที่เห็นว่าการชุมนุมทำไปเพื่อความปลอดภัยและเพื่อภาพลักษณ์ของการรถไฟฯ ไม่ใช่เพื่อผลประโยชน์ส่วนตน โดยทั้ง 6 คน ได้กลับเข้าทำงานในตำแหน่งเดิม และอัตราเงินเดือนเท่าเดิม รวมทั้งให้ได้รับเงินเดือนในระหว่างที่ถูกไล่ออกจากงาน โดยมี 5 คน ที่เริ่มทำงานวันนี้เป็นันแรก ยกเว้นนายนิตินัย ไชยภูมิ ที่อยู่ระหว่างการเข้ารายงานตัว

//-------------------------

รับ 6 พนักงานรถไฟหาดใหญ่เข้าทำงานหลังถูกไล่ออกเมื่อปี 52 เหตุเรียกร้องความปลอดภัยรถไฟ (ชมคลิป)


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 19 มิถุนายน 2557 16:00 น.



ศูนย์ข่าวหาดใหญ่ - การรถไฟฯ มีคำสั่งรับ 6 พนักงานรถไฟประจำสาขาหาดใหญ่ ที่ถูกไล่ออกจากกรณีออกมาชุมนุมเรียกร้องด้านความปลอดภัยการเดินรถไฟ เมื่อปี 2552 กลับเข้าทำงานตามเดิม ตามมติของคณะกรรมการกิจการสัมพันธ์การรถไฟแห่งประเทศไทย ที่เห็นว่าทั้ง 6 คนทำไปเพื่อปกป้องภาพลักษณ์ของการรถไฟฯ และเพื่อความปลอดภัยของขบวนรถ มิใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตน ขณะที่แกนนำภูมิใจที่ได้ต่อสู้เพื่อความถูกต้อง และได้รับความเป็นธรรมหลังต่อสู้มานาน 4 ปี 7 เดือน และสวมเครื่องแบบกลับเข้าทำงานเป็นวันแรก

วันนี้ (19 มิ.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้มีคำสั่งรับ 6 พนักงานของการรถไฟแห่งประเทศไทย ประจำสาขาหาดใหญ่ กลับเข้าทำงานตามเดิมแล้ว ประกอบด้วย นายธวัชชัย บุญวิสูตร ช่างเครื่อง 5 นายสรวุฒิ พ่อทองคำ ช่างเครื่อง 5 นายสาโรจน์ รักจันทร์ ช่างเครื่อง 5 นายประชานิวัฒน์ บัวศรี พนักงานรถจักร 6 นายวิรุฬห์ สะแกคุ้ม พนักงานรถจักร 6 และนายนิตินัย ไชยภูมิ นายสถานีบางกล่ำ

หลังที่การรถไฟฯ มีคำสั่งไล่ออกเมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2552 ฐานละทิ้งหน้าที่ ขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชาที่สั่งการโดยชอบ และประพฤติชั่วรายแรง กรณีที่ออกมารวมตัวชุมนุมเรียกร้องให้การรถไฟฯ ปรับปรุงระบบความปลอดภัยการเดินรถ โดยเฉพาะหัวรถจักร เมื่อเดือนตุลาคม 2552 ส่งผลให้การเดินรถไฟสายใต้บางขบวนต้องหยุดชะงักนานนับเดือน และเป็นข่าวใหญ่ในช่วงดังกล่าว ทั้งนี้ การรถไฟฯ ได้มีคำสั่งให้ทั้ง 6 คนกลับเข้าทำงานตามเดิมเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา

และในวันนี้เป็นวันแรกที่พนักงานรถไฟ 5 คนได้สวมเครื่องแบบเข้าทำงานตามปกติที่ต้นสังกัดเดิม สาขาหาดใหญ่ ในตำแหน่งเดิม และอัตราเงินเดือนเท่าเดิม ยกเว้น นายนิตินัย ไชยภูมิ นายสถานีบางกล่ำ ที่อยู่ระหว่างการเข้ารายงานตัว

โดยในคำสั่งของการถไฟฯ ที่รับพนักงานรถไฟทั้ง 6 คนกลับเข้าทำงาน เป็นผลมาจากที่ประชุมคณะกรรมการกิจการสัมพันธ์การรถไฟฯ ครั้งที่ 9/2556 เมื่อวันที่ 29 ธันวาคม 2556 ได้พิจารณาคำร้องอุทธรณ์ของทั้ง 6 คน เห็นว่าการกระทำของทั้ง 6 คน เกิดจากการร่วมชุมนุมรณรงค์ชี้แจงเกี่ยวกับระบบความปลอดภัยที่เรียกว่าระบบวิจิแลนด์ หรือระบบเบรกอัตโนมัติชำรุดไม่สามารถใช้การได้ เป็นการดำเนินการเพื่อเรียกร้องให้การรถไฟฯ ในฐานะนายจ้างปฏิบัติตามข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง และเพื่อมิให้พนักงานการรถไฟฯ ในฐานะลูกจ้างต้องปฏิบัติหน้าที่บนความเสี่ยง อันอาจจะทำให้เกิดอุบัติเหตุร้ายแรง ดังเช่นที่ อ.เขาเต่า จ.ประจวบคีรีขันต์

และเพื่อเป็นการปกป้องภาพลักษณ์ของการรถไฟฯ และพนักงานการรถไฟฯ อีกทั้งการดำเนินการดังกล่าวมิใช่เพื่อประโยชน์ส่วนตัว ประกอบกับเมื่อวันที่ 28 ตุลาคม 2552 พนักงาน และสมาชิกสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟสาขาหาดใหญ่ ได้ประชุมร่วมกับฝ่ายบริหารบ้านเมือง และฝ่ายบริหารงานของการรถไฟฯ สรุปสาระสำคัญว่า “เพื่อสร้างแรงงานสัมพันธ์อันดี การที่พนักงาน หรือสมาชิกสหภาพแรงงานรถไฟสาขาหาดใหญ่ ไม่ได้นำรถจักรออกไปทำขบวน และไม่ได้ขัดขวางการเดินรถ แต่พนักงาน และสมาชิกสหภาพฯ ปฏิบัติตามข้อบังคับ และระเบียบการเดินรถ พ.ศ.2549 และข้อตกลงเกี่ยวกับสภาพการจ้าง ข้อ 14 เมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2545 โดยมีเจตนาที่ดีกระทำไปเพื่อความปลอดภัยของขบวนรถ”

หลังจากที่มีบันทึกตกลงดังกล่าว ทางสหภาพแรงงานฯ และพนักงานได้ปฏิบัติหน้าที่ตามปกติ ดังนั้น จึงเห็นควรยกเว้นความผิดตามประมวลการลงโทษผู้ปฏิบัติงานฯ พ.ศ.2547 ข้อ 4 ฉะนั้นอาศัยอำนาจตามความในข้อบังคับการรถไฟฯ ฉบับที่ 3.1 ลงวันที่ 18 สิงหาคม 2529 ข้อ 8.2 จึงให้ยกเลิกคำสั่งไล่พนักงานของการรถไฟทั้ง 6 คนออก และให้กลับเข้าทำงานในตำแหน่งเดิมอัตราเงินเดือนเท่าเดิม และให้ได้รับเงินเดือนในระหว่างที่ถูกไล่ออกจากงาน

นายวิรุฬห์ สะแกคุ้ม พนักงานรถจักร 6 หนึ่งในพนักงานรถไฟ และแกนนำชุมนุมเรียกร้องความปลอดภัย กล่าวว่า ดีใจที่ได้กลับเข้ามาทำงานอีกครั้ง และได้รับความเป็นธรรมจากการต่อสู้มาตลอดระยะเวลา 4 ปี 7 เดือน จนนำมาสู่ความเปลี่ยนแปลง และพัฒนารถไฟไทยไปในทางที่ดีขึ้น เช่น รถไฟได้รับงบประมาณเพิ่มเติม มีการรับพนักงานเพิ่ม และพวกตนได้รับความเป็นธรรมจากการออกมาเรียกร้องในเรื่องของความปลอดภัย ซึ่งเป็นหัวใจของการเดินรถไฟ โดยหลังจากนี้จะตั้งใจทำงานเพื่อการรถไฟฯ สำหรับ นายวิรุฬ นอกจากจะได้กลับเข้าทำงานในตำแหน่งเดิมแล้ว ยังได้แต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรถไฟด้วย
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 29, 30, 31
Page 31 of 31

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©