หนีหนาว ตามรอยรถไฟ ไปคีรีรัฐนิคม

[mirage_II]

ต้องไปยืนใกล้ๆ หน้าต่างหน่อย แล้วมองออกไปที่หน้าต่างกลางข้างหน้า โดยให้มีขอบหน้าต่างด้วย จะได้รู้ว่ามองจากหน้าต่างห้องบังคับการเรือครับ และนี่ก็เป็นภาพที่กัปตันเรือมองเห็นขณะเดินเรือนะครับ นึกถึงคลื่นที่ซัดเข้ามาทำให้เรือเชิดหน้าขึ้นและก้มลงตลอดเวลาเลยครับ


มองไปทางหน้าต่างซ้ายรองจากตรงกลาง ก็จะเห็นแผ่นป้ายขนาดใหญ่ตรงหัวมุมบ่อ คราวก่อนผมเดินมาถึงแค่ตรงนั้นก็ต้องรีบกลับออกไป เพราะยังมีเป้าหมายสำคัญอื่นอีกมากครับ


มองมาทางหน้าต่างขวาสุด จะเห็นถนนเลียบหาดทรายรียาวไปไกลลับตาซึ่งครั้งก่อนก็เป็นเส้นทางที่ผมใช้เดินทางไปยังท่าเรือเร็ว "ลมพระยา"เกาะเต่า ครับ แม้มีถึง 5 หน้าต่าง แต่ก็ถูกปิดด้วยบานกระจกมัวๆ เลยถ่ายมาได้ 3 บาทครับ


ก่อนกลับออกมา ก็ขอไหว้รูปปั้นกรมหลวงชุมพรฯ หรือเสด็จเตี่ย ในห้องบังคับการ เข้าทำนอง ไป-ลา มา-ไหว้ ครับ แต่ในรูปนี้ได้เห็นสิ่งประหลาดอันน่าตกใจคือ มีมือลึกลับโผล่เข้าไปอยู่ในกล่องเรือจำลอง แต่ไม่มีแขนครับ แต่ถ้าดูดีๆ ก็จะเป็นภาพสะ้ท้อนจากผิวตู้กระจก ที่คนกำลังยกกล้องถ่ายภาพอยู่ครับ อิอิ เล่นเอาหลอนไปเหมือนกันครับ

[mirage_II]

ออกมาข้างนอกห้องบังคับการเรือ ทางด้านตรงข้ามที่เข้า แล้วมองไปที่หัวเรืออีกครั้ง มีปืนใหญ่คลุมผ้าสีขาวด้วย คนเยอะไม่น้อย เดี๋ยวผมต้องไปที่หัวเรือก่อนกลับด้วยละครับ


หันหลังกลับมาดู อ้าว..ตรงนี้ก็มีบันไดขึ้นเหมือนฝั่งโน้นด้วย แต่ยาวกว่า เพราะขึ้นไปถึงขอบผ้าใบเลย ก็คงห้ามขึ้นเช่นกันครับ ไม่งั้นคงอาจมีคนขึ้นไปต่อถึงเสากระโดงเรือเลย นะครับ


หันไปมองข้างหลังอีกที เห็นสองหนุ่มมายืนแอ๊คชั่นท่ายิงปืนเรียงกันเป็นระเบียบเลย น่าสนุกดีเหมือนกันครับ


เดินอ้อมหลังห้องเก็บเรือจำลอง มาลงบันไดฝั่งที่ผมขึ้นเรือมา (ด้านติดกับศาลฯ) จะเห็นเรือชูชีพแขวนอยู่ในสภาพดี นับเป็นบุญของชาวชุมพร ที่ได้เรือลำนี้มาปรับปรุงให้อยู่ในสภาพเกือบสมบูรณ์เพื่อการศึกษาและเป็นเกียรติแก่ กรมหลวงชุมพรฯ ครับ

[mirage_II]

ลงบันไดฝั่งซ้ายมาแล้วก็เดินลอดใต้ไปยังหัวเรือกัน สังเกตุว่ามีห้องชั้นล่างอยู่ แต่ประตูปิดไว้ไ่ม่สามารถเข้าไปได้


ก่อนถึงหัวเรือ พื้นได้ยกระดับขึ้นอีกชั้น เพื่อป้องกันคลื่นที่ถาโถมเข้ามาทางด้านหน้าระหว่างเดินเรือ คนเยอะจริงๆ สังเกตุมีแ่ต่ผู้หญิงล้วนๆ เป็นเพราะต้องพาเด็กๆ มาเล่นนั่นเอง


ตรงพื้นต่างระดับนี้ มองไปทางขวาก็มีบันไดเช่นกัน และติดกับบันไดก็มีประตูที่ลงไปใต้ท้องเรือได้อีกจุด แต่ปิดล๊อคไว้ครับ


ขึ้นมาบนพื้นด้านหัวเรือแล้ว มีขอบกันคลื่นซัดขึ้นมากั้นก่อนถึงหัวเรือครับ

[mirage_II]

เดินข้ามขอบกันคลื่นซัดหน้าเรือ ก็เกือบถึงหัวเรือ มีการบูชาแม่ย่านางเรือด้วยครับ


มาถึงหัวเรือแล้ว ไม่เหมาะที่จะไปยืนติดกับขอบระเีบียงเรือเหมือนแจ๊คกับโรส ในภาพยนต์เรื่องไตตานิค นะครับ เพราะของเรามีแม่ย่านางเรือด้วย


หันหลังกลับมาเก็บภาพเรือ จะเห็นหอบังคับการเรือชัดเจนครับ


เดินเข้ามาอีกหน่อย การเดินตรงบริเวณหัวเรือต้องคอยระวังอุปกรณ์ที่ตั้งอยู่มากมาย รวมทั้งโซ่สมอเรือด้วย อาจสดุดหกล้มได้นะครับ ตรงนี้กำลังจะ้ข้ามขอบกันคลื่นซัดหน้าเรือกลับไปแล้ว ช่วงนี้มีกว๊านเยอะถึง 3 ตัวเลยนะครับ ส่วนวงล้อกลมๆ ข้างล่างนี้ ไม่รู้ว่าเป็นกว๊านสมอเรือหรือเปล่า แต่พยายามดูว่าโซ่สมอเรือจะถูกดึงขึ้นอย่างไร ก็ยังงงๆ คงเป็นเพราะอุปกรณ์เลิิกใช้แล้วเลยอาจมีการยึดถาวรไปกับพื้นเรือก็เป็นได้ครับ

[mirage_II]

แหงนดูหอบังคับการ อันสูงสง่า ซึ่งมีปืนใหญ่หุ้มด้วยผ้าสีขาวอยู่ข้างหน้า


มองไปทางขวามือ ซึ่งเป็นศาลกรมหลวงฯ และ ศาลาอาภรเกียรติวงศ์ พอจะเห็นยอดมณฑปหลวงปู่ศุขโผล่พ้นยอดไม้บ้าง แต่ยอดศาลกรมหลวงฯ หลังใหม่ ตำหนักบนมองไม่เห็นเพราะต้นไ้ม้บังหมดครับ (คราวที่แล้วเลยไม่ได้ขึ้นไปไหว้ข้างบนด้วย)


มองไปทางซ้าย ก็จะเห็นป้ายสามเหลี่ยม ที่เป็นอนุสรณ์การประดิษฐานเรือลำนี้ ในวันที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ.2523 โดย พลเรือเอก กวี สิงหะ ผบ.ทร. ร่วมกับประชาชนชาวชุมพร และ ท่านผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรครับ


อดไม่ได้ต้องถ่ายภาพตัวเอง "เซลฟี่" สักหน่อยครับ

[mirage_II]

ก่อนจะลงจากเรือ ขอเก็บภาพหอบังคับการเรือ ดูๆ ไปก็มีส่วนคล้ายกับหัวรถจักรรุ่นเก่าๆ เช่น ดาเวนพอร์ต นะครับ


เิดินลงจากเรือไปทางบันไดฝั่งตรงข้ามกับศาลกรมหลวงฯ


ลงมาแล้วหันกลับไปดูท้ายเรือ ดูโค้งมนคล้ายหัวปลาวาฬ ต่างกับหัวเรือที่แหลมเปี๊ยบประดุจใบมีด นี่ถ้าเป็นเรือโดยสาร หรือเรือขนส่ง จะตัดฉากเลยนะครับ


ขอเข้าไปสัมผัสป้ายอย่างใกล้ชิดหน่อย ว่ามาสำรวจเรือหลวงชุมพร แล้วครับ

[mirage_II]

เดินมาดูแผ่นศิลาฤกษ์ตรงท้ายเรือ ระบุวันเวลาที่เริ่มสร้างสถานที่แห่งนี้ คือ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2523 เวลา 11:11 น.โดย พลเรือเอก สงัด ชลออยู่ ซึ่งต่อมาในวันที่ 11 กรกฎาคม ปีเดียวกัน ทางกองทัพเรือก็ได้นำเรือมาประดิษฐานให้ แล้วเสร็จทำพิธีรับมอบอีกทีในวันที่ 27 กันยายน ปีเดียวกัน


ลองเดินมาดูป้ายชื่อเรือด้านหลังอีกด้าน ฝั่งนี้มีร่มเงาแดดเลยมีคนมานั่งพักผ่อนกันเยอะ


ถอยห่างออกไปที่ขอบบ่อ แล้วเก็บภาพรวมด้านหลังเรือ ให้รวมชิ้นส่วนหางเสือ ใบพัด ทั้งสองด้านครบ

[mirage_II]

หันมาดูบนขอบบ่อบ้าง มีแผ่นป้ายใหม่ๆ สีฟ้าสด เป็นข้อมูลเกี่ยวกับภาระกิจของ เรือหลวงชุมพรลำนี้ แบ่งเป็น 2 ลักษณะคือ ยามปกติ กับ ยามสงคราม
ยามปกติก็ลาดตระเวนตั้งแต่ ตราด ถึง นราธิวาส ร่วมกับเรือหลวงลำอื่นๆ และภารกิจฝึกพร้อมรบ
ยามสงคราม เข้าร่วมรบสงครามไทย-อินโดจีน-ฝรั่งเศส ช่วงปี พ.ศ.2483-2484 (หลังจากเข้าประจำการเพียง 2 ปี) กับอีกศึกหนึ่งทีี่ยังไ่ม่ได้รบคือ ศึกฮาเตียนในวันที่ 24 มกราคม พ.ศ.2484 เพื่อเอาคืนศึกเกาะช้างในวันที่ 17 มกราคม พ.ศ.2484 แต่ถูกระงับไว้ เพราะญี่ปุ่นได้ยื่นมือมาเจรจาสงบศึกให้สำเร็จครับ ในภาพนี้ บังเอิญมีหนุ่มสาวคู่หนึ่งนั่งอยู่ข้างหน้า ผมบอกไม่เป็นไรไม่ต้องลุกหนีก็ได้ เลยได้เข้ากล้องมาอย่างที่เห็น


ทางด้านหลังป้ายนี้ เป็นสมรรถนะของเรือ และวันที่เริ่มสร้างเรือจนปลดประจำการ นับเป็นเรื่องแปลกแต่ทำให้จำง่ายคือ ปีที่ประจำการ พ.ศ.2481 กับปีที่ปลดประจำการ พ.ศ.2518 ตัวเลขท้ายสลับที่กันเฉยเลยครับ


เหลือบไปเห็นป้ายอีกอันอยู่ริมถนน ทำเป็นรูปหัวเรือ มีกรอบสามารถใส่ภาพ แผ่นประกาศได้ด้วย แต่ปล่อยว่างไว้ มีตัวอักษรจารึกอยู่บนหินแกรนิตด้วย


เข้าไปดูใกล้ๆ เป็นประวัติการศึกษาช่วงวัยเยาว์ของกรมหลวงชุมพรฯ ครับ

[mirage_II]

เดินอ้อมมาดูอีกด้านของป้ายริมถนนนี้ มีลักษณะเช่นเดียวกันคือเป็นกรอบใส่ภาพและแผ่นประกาศได้ แต่ก็ไ่ม่ได้ใส่อะไรไว้้ข้างใน แ่ต่มีตัวอักษรจารึกไว้อีกเช่นกัน คือเป็นคำสอนของเสด็จเตี่ย


เข้าไปดูใกล้ๆ เป็นคำกลอน แต่เสียดายที่มีคราบปูนขาวเลอะเทอะเลยอ่านยากหน่อย


ติดกันมีป้ายอีกอันของ ทรู แต่อ่านแล้วทำให้เกิดอาการงง.... เพราะรูปกับข้อความในภาพขัดกัน คือภาพเป็นเรือหลวงชุมพรลำนี้ แต่ข้อมูลเป็นเรือจำลองจักรีนฤเบศร ที่ชายหาดแหลมสน ต.ปากน้ำหลังสวน ซึ่งรูปที่ถูกต้องเป็นแบบนี้ครับ

[Mongwin]