View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44637
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 06/08/2014 12:39 pm Post subject: |
|
|
<---
Quote: | ซึ่งกทม.ก็ไม่ได้ส่งแบบให้ทช.พิจารณา ทวงถามหลายครั้งอีกทั้งยังมีการประชุมร่วมกันหลายครั้งก็ยังไม่นำเสนอแบบดังกล่าวให้ทช.พิจารณาแต่อย่างใด |
ท่าทางจะยาวและเรื่องใหญ่จริง ๆ ครับ ไม่เหมือนทางคู่ลพบุรี-ปากน้ำโพ ที่ลงทุนสร้างทางใหม่ยกระดับอ้อมจุดปัญหาไปเลย
----
รอคำนี้อยู่ครับ
|
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44637
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 06/08/2014 5:59 pm Post subject: |
|
|
กทม.เร่งสร้าง6สถานีรถไฟฟ้าส่วนขยายจากบางหว้า
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์ วันที่ 6 สิงหาคม 2557 16:24
กทม.เร่งศึกษาสร้าง 6 สถานีรถไฟฟ้า ส่วนขยายจากบางหว้าอีก 7 กม. เชื่อมสายสีแดง-สีส้ม
นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า ขณะนี้สำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กทม. อยู่ระหว่างศึกษาโครงการก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าสายสีลมเพิ่มเติมต่อจากสถานีบางหว้า ซึ่งได้ศึกษาเบื้องต้นกำหนดแนวทางการก่อสร้าง 6 สถานี ระยะทาง 7 กิโลเมตร คือสถานีบางหว้า - บรมราชชนนี โดยจะเชื่อมต่อกับการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงและสายสีส้มที่ตลิ่งชัน ทั้งนี้ บริเวณถนนบรมราชชนนี มีทางคู่ขนานลอยฟ้าที่สูงประมาณ 15 เมตร หากมีการก่อสร้างสถานีจะต้องสูงกว่าถนน ซึ่งต้องสูงประมาณ 20 เมตร และในการศึกษาจะมีการก่อสร้างโรงจอดและศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้า (เดปโป้) ที่ตลิ่งชัน
ด้านนายสมชาย ตกสิยานันท์ ผู้อำนวยการกองการขนส่ง สำนักการจราจรและขนส่ง กทม. กล่าวว่า ขณะนี้กำลังประกวดราคาหาบริษัทที่ปรึกษา เพื่อศึกษาโครงการดังกล่าวซึ่งเป็นนโยบายผู้ว่าฯ กทม. ว่าควรดำเนินการในเส้นทางใดจึงจะเหมาะสม คาดว่าจะได้บริษัทที่ปรึกษาในเดือนกันยายนนี้ โดยใช้เวลาศึกษา 1 ปี จากนั้นจะเป็นการศึกษารูปแบบการลงทุนว่ากทม.จะก่อสร้างเองแล้วจ้างเอกชนวิ่งรถไฟฟ้า หรือจะให้เอกชนดำเนินการทั้งหมด อย่างไรก็ตามได้มีการศึกษาเส้นทางไว้แล้วเบื้องต้น 2 เส้นทาง
1.จากสถานีบางหว้าไปเส้นทางถนนราชพฤกษ์ โดยผ่านถนนพรานนก-พุทธมณฑลสาย 4 ซึ่งเป็นถนนตัดใหม่ของกทม. จนไปถึงทางคู่ขนานลอยฟ้าบรมราชชนนี โดยจะตัดกับสายสีแดงที่ตลิ่งชัน ซึ่งถือเป็นแนวทางที่ดีสามารถต่อขยายสถานีให้เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีม่วงได้ที่บางใหญ่ได้ในอนาคต
2.จากสถานีบางหว้าไปเส้นทางถนนราชพฤกษ์ ผ่านถนนพรานนก-พุทธมณฑลสาย 4 แล้วเลี้ยวซ้ายไปทางพุทธมณฑลสาย 1 แล้วเลี้ยวขวาออกทางคู่ขนานลอยฟ้าบรมราชชนนี ซึ่งแนวทางนี้มีเส้นทางใกล้สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ สามารถรองรับประชาชนที่จะเชื่อมต่อการเดินทางได้
"คาดว่าจะไม่มีการเวนคืนที่ดินประชาชน แต่อาจมีการซื้อที่ดินบางส่วนบริเวณตลิ่งชัน เพื่อสร้างโรงจอดและศูนย์ซ่อมบำรุง และจะหารือกับกรมทางหลวงชนบท เพื่อขอใช้พื้นที่เกาะกลางบางส่วน เพราะถือเป็นโครงการเร่งด่วนตามนโยบายผู้ว่าฯกทม. เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนฝั่งธนบุรีในอนาคต" นายสมชาย กล่าว
----
กทม.เร่งศึกษาสร้าง 6 สถานีรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีลมจากบางหว้าเชื่อมสายสีแดงที่ตลิ่งชัน
เดลินิวส์ วันพฤหัสบดี 7 สิงหาคม 2557 เวลา 08:56 น.
นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.)กล่าวว่า ขณะนี้สำนักการจราจรและขนส่ง(สจส.)กทม.อยู่ระหว่างศึกษาโครงการก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าสายสีลมเพิ่มเติมต่อจากสถานีบางหว้า ซึ่งได้ศึกษาเบื้องต้นกำหนดแนวทางการก่อสร้าง6 สถานี ระยะทาง7 กิโลเมตรคือสถานีบางหว้า บรมราชชนนีโดยจะเชื่อมต่อกับการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงและสายสีส้มที่ตลิ่งชันทั้งนี้บริเวณถนนบรมราชชนนี มีทางคู่ขนานลอยฟ้าที่สูงประมาณ15 เมตรหากมีการก่อสร้างสถานีจะต้องสูงกว่าถนนซึ่งต้องสูงประมาณ 20เมตรและในการศึกษาจะมีการก่อสร้างโรงจอดและศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้า(เดปโป้)ที่ตลิ่งชัน
ด้านนายสมชายตกสิยานันท์ ผู้อำนวยการกองการขนส่งสำนักการจราจรและขนส่ง กทม.กล่าวว่าสจส.อยู่ระหว่างประกวดราคาหาบริษัทที่ปรึกษาศึกษาโครงการก่อสร้างสถานีรถไฟฟ้าสายสีลมเพิ่มเติมต่อจากสถานีบางหว้า 6 สถานีระยะทาง 7กิโลเมตรซึ่งเป็นนโยบายผู้ว่าฯกทม.คาดว่าจะได้บริษัทที่ปรึกษาในเดือนก.ย.นี้โดยใช้เวลาศึกษา 1ปีจากนั้นจะเป็นการศึกษารูปแบบการลงทุนว่ากทม.จะก่อสร้างเองแล้วจ้างเอกชนวิ่งรถไฟฟ้า หรือจะให้เอกชนดำเนินการทั้งหมดอย่างไรก็ตามเบื้องต้นมี2 เส้นทางคือ 1.จากสถานีบางหว้าไปเส้นทางถนนราชพฤกษ์โดยผ่านถนนพรานนก-พุทธมณฑลสาย4 ไปถึงทางคู่ขนานลอยฟ้าบรมราชชนนีโดยจะตัดกับสายสีแดงที่ตลิ่งชันเส้นทางนี้สามารถต่อขยายสถานีให้เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีม่วงได้ที่บางใหญ่ได้ในอนาคต2.จากสถานีบางหว้าไปเส้นทางถนนราชพฤกษ์ผ่านถนนพรานนก-พุทธมณฑลสาย4 แล้วเลี้ยวซ้ายไปทางพุทธมณฑลสาย1แล้วเลี้ยวขวาออกทางคู่ขนานลอยฟ้าฯซึ่งแนวนี้ใกล้สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ทั้งนี้คาดว่าจะไม่มีการเวนคืนที่ดินแต่อาจมีการซื้อที่ดินบางส่วนบริเวณตลิ่งชันเพื่อสร้างโรงจอดและศูนย์ซ่อมบำรุง. |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42749
Location: NECTEC
|
Posted: 25/08/2014 1:35 am Post subject: |
|
|
ยังไม่สรุปทุบสถานีบีทีเอสตากสิน
เดลินิวส์
วันอาทิตย์ 24 สิงหาคม 2557 เวลา 15:02 น.
ขยายรางคู่บีทีเอสตากสินยังไม่คืบ ทช.เสนอเลื่อนสถานีไปอยู่ตรงกลางสะพาน กทม.รับต้องศึกษาอย่างละเอียดหวั่นต้องปิดการเดินรถฝั่งธนฯ
นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.) กล่าวว่าตามที่กทม.มีแผนที่จะขยายรางรถไฟฟ้าบีทีเอสสะพานตากสินเป็นรางคู่ ซึ่งได้เสนอต่อกรมทางหลวงชนบท(ทช.)ขอใช้พื้นที่สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสินทำรางคู่และจะขยายขอบสะพานฯให้แทน เพื่อจะได้ไม่ต้องทุบสถานีตากสิน โดย ทช.เสนอกลับมาว่าสามารถทุบสะพานตากสินได้แต่กทม.ต้องสร้างสะพานขึ้นมาทั้งสองฝั่งโดยไม่ใช้โครงสร้างสะพานตากสินเดิมนั้นล่าสุด เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีการประชุมร่วมกันทช.ได้เสนอ4 แนวทางคือ1.ทุบสะพานและขยายขอบสะพานด้านข้างซึ่งจะต้องมีการเพิ่มตอม่อสะพานขึ้นมาใหม่เพื่อความแข็งแรงของสะพาน 2.หากไม่ต้องการทุบขอบสะพานก็จะต้องย้ายสถานีไปอยู่ตรงบริเวณกลางสะพานที่มีพื้นที่กว้างกว่าบริเวณตีนสะพานที่สถานีอยู่เดิมซึ่งทางวิศวกรรมอาจสามารถทำได้แต่ติดปัญหาที่ว่าอาจต้องมีการปิดการเดินไปยังฝั่งธนบุรีเป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 7เดือนแน่นอนว่าจะทำให้ประชาชนเดือดร้อนอย่างมาก3.ทุบสถานีตากสินแล้วทำทางเลื่อนตามแผนเดิมและ 4.คงสภาพเช่นเดิมไว้โดยไม่ต้องดำเนินการใดๆทั้งสิ้นแต่ก็จะกระทบกับการเดินรถที่ต้องหยุดรอสับหลีกต่อไปในอนาคต ทั้งนี้ ทาง สจส.ได้นำทั้ง4แนวทางไปศึกษาอย่างละเอียดเพื่อเลือกแนวทางที่ดีที่สุดโดยคาดว่าจะใช้เวลาในการพิจารณาเลือกแนวทางประมาณ2-3 เดือน
อย่างไรก็ตามส่วนตัวตนเห็นว่าทางเลือกที่ดีที่สุดคือการยกเลิกสถานีสะพานตากสินและสร้างทางเลื่อนอัตโนมัติให้ประชาชนใช้บริการที่สถานีสุรศักดิ์แทนซึ่งใช้เวลาและงบประมาณน้อยที่สุดแต่อาจกระทบกับความเคยชินของประชาชนที่เคยใช้บริการที่สถานีดังกล่าวรวมถึงก็อาจกระทบกับผู้ประกอบการที่อยู่บริเวณใกล้เคียงที่เคยได้รับประโยชน์จากการมีสถานีสะพานตากสินเบื้องต้นกทม.จะทำทางเดินระหว่างสถานีสุรศักดิ์ถึงสถานีตากสินระยะทาง700 เมตรก่อน โดยได้มอบหมายให้บริษัทกรุงเทพธนาคมเป็นผู้ดำเนินการคาดว่าจะสามารถหาผู้รับจ้างได้ในเร็วๆนี้ ทั้งนี้หากผลสรุปว่าจะต้องทุบสถานีสะพานตากสินก็จะปรับเปลี่ยนทางเดินดังกล่าวเป็นทางเลื่อนอัตโนมัติเพื่อความสะดวกสบายของผู้ใช้บริการแต่หากไม่ต้องทุบสถานีสะพานตากสินแล้วทางเดินดังกล่าวก็จะเป็นสกายวอล์คให้ประชาชนใช้ได้เช่นกัน
//----------------
4 ทางเลือกแก้สถานีตากสิน
โดย ทีมข่าว กทม.
ไทยรัฐ
25 สิงหาคม 2557 05:30
ทช.เสนอ กทม.ตัดสินใจ-กทม.เล็งทุบแล้วทำสกายวอล์ก
นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าฯ กทม. เปิดเผยว่า ตามที่ กทม.มีแผนที่จะขยายรางรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพฯ (บีทีเอส) บนสะพานตากสินเป็นรางคู่ ซึ่ง กทม.ได้ยื่นข้อเสนอต่อกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ขอใช้พื้นที่สะพานสมเด็จพระเจ้าตากสินทำรางคู่และจะขยายขอบสะพานฯให้แทน เพื่อจะได้ไม่ต้องทุบสถานีตากสิน โดย ทช.เสนอกลับมาว่าสามารถทุบสะพานตากสินได้ แต่ กทม.ต้องสร้างสะพานขึ้นมาทั้ง 2 ฝั่ง เพื่อรองรับการจราจร แต่ กทม.จะต้องไม่ใช้โครงสร้างสะพานตากสินเดิมนั้น ล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมามีการประชุมร่วมกันของหน่วยงานด้านระบบขนส่งมวลชนทั้งหมด ซึ่งสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กทม. ได้เข้าร่วมประชุมและได้มีการหารือถึงเรื่องดังกล่าวแล้ว โดย ทช.ได้เสนอแนวทางให้ กทม. ศึกษาแนวทาง 4 แนวทาง ประกอบด้วย
1.การทุบสะพานและขยายขอบสะพานด้านข้าง ซึ่งจะต้องมีการเพิ่มตอม่อสะพานขึ้นมาใหม่เพื่อความแข็งแรงของสะพาน
2.หากไม่ต้องการทุบขอบสะพานก็จะต้องย้ายสถานีไปอยู่ตรงบริเวณกลางสะพานที่มีพื้นที่กว้างกว่าบริเวณเชิงสะพานที่สถานีอยู่เดิม ซึ่งทางวิศวกรรมอาจสามารถทำได้ แต่ทั้งนี้ติดปัญหาที่ว่าอาจต้องมีการปิดการเดินไปยังฝั่งธนบุรีเป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า 7 เดือน แต่จะทำให้ประชาชนเดือดร้อนอย่างมาก
3.ทุบสถานีตากสินแล้วทำทางเลื่อนตามแผนเดิม และ
4.คงสภาพเช่นเดิมไว้โดยไม่ต้องดำเนินการใดๆทั้งสิ้น แต่ก็จะกระทบกับการเดินรถ เนื่องจากปัจจุบันมีประชาชนใช้บริการเต็มเกือบทุกขบวน โดยที่ไม่สามารถเพิ่มโบกี้ได้ เพราะขณะนี้แต่ละขบวนมีความยาวพอดีกับตัวสถานีแล้ว
ส่วนการเพิ่มขบวนให้มีความถี่มากขึ้นนั้นก็ไม่สามารถทำได้เช่นกัน เพราะระยะห่างของแต่ละขบวนประมาณ 4 นาทีถือว่าเร็วที่สุดแล้ว ทั้งนี้ ทาง สจส.ได้นำทั้ง 4 แนวทางไปศึกษาอย่างละเอียดเพื่อเลือกแนวทางที่ดีที่สุด โดยคาดว่าจะใช้เวลาในการพิจารณาเลือกแนวทางประมาณ 2-3 เดือน อย่างไรก็ตาม ส่วนตัวตนเห็นว่าทางเลือกที่ดีที่สุดคือการยกเลิกสถานีสะพานตากสินและสร้างทางเลื่อนอัตโนมัติให้ประชาชนใช้บริการที่สถานีสุรศักดิ์แทน ซึ่งใช้เวลาและงบประมาณน้อยที่สุด แต่อาจกระทบกับความเคยชินของประชาชนที่เคยใช้บริการที่สถานีดังกล่าว รวมถึงก็อาจกระทบกับผู้ประกอบการที่อยู่บริเวณใกล้เคียงที่เคยได้รับประโยชน์จากการมีสถานีสะพานตากสิน เบื้องต้น กทม.จะทำทางเดินระหว่างสถานีสุรศักดิ์ถึงสถานีตากสินระยะทาง 700 เมตรก่อน โดยได้มอบหมายให้บริษัทกรุงเทพธนาคมเป็นผู้ดำเนินการ คาดว่าจะสามารถหาผู้รับจ้างได้ในเร็วๆนี้.
https://www.facebook.com/LOVEROTFAIFAHCLUB/photos/a.435018543243629.98784.434453293300154/698818496863631/?type=1&fref=nf |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44637
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 27/08/2014 5:19 pm Post subject: |
|
|
อีก 1 ปีรู้ผล "สร้าง" - "ไม่สร้าง" ต่อรถไฟฟ้าบางหว้าไปตลิ่งชัน
เดลินิวส์ วันพุธ 27 สิงหาคม 2557 เวลา 08:22 น.
กทม.ทุ่ม40ล้าน จ้างศึกษาแนวรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายจากบางหว้าไปตลิ่งชัน คาด 1ปีพิจารณาได้ว่าจะสร้างหรือไม่
นายนิคม พรธารักษ์เจริญ รองผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่งกรุงเทพมหานคร(กทม.)กล่าวถึงโครงการระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพมหานคร(รถไฟฟ้าบีทีเอส)ส่วนต่อขยายสายสีลมว่ากทม.ได้ดำเนินการจ้างที่ปรึกษาเพื่อศึกษาโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีลมที่กทม.มีเป้าหมายในการสร้างเพิ่มเติมจากสถานีบางหว้าไปจนถึงสถานีตลิ่งชันเพื่อให้สามารถเชื่อมต่อกับระบบรถไฟฟ้าสายสีแดงของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)เพื่อให้เกิดเป็นโครงค่ายการเดินทางที่สมบูรณ์แก่ประชาชนโดยกทม.ได้ใช้งบประมาณในการว่าจ้างคณะที่ปรึกษาเพื่อศึกษาโครงการจำนวนกว่า40ล้านบาทซึ่งจะต้องมีการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการแนวเส้นทางที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากที่สุดงบประมาณในการดำเนินโครงการและการจัดทำผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของโครงกาดังกล่าวซึ่งคาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการศึกษาประมาณ1ปีก็สามารถรายงานผลให้ผู้บริหารกทม.พิจารณาได้ว่าจะดำเนินโครงการหรือไม่
นายนิคมกล่าวต่อว่าสำหรับโครงการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายบางหว้า-ตลิ่งชันเบื้องต้นกำหนดแนวทางในการก่อสร้างระยะทางประมาณ7กิโลเมตรจำนวน 6สถานีซึ่งตนเห็นว่ามีความเหมาะสมในการดำเนินโครงการอย่างมากเนื่องจากจะเป็นส่วนในการสร้างระบบเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายอื่นๆซึ่งเมื่อมีระบบขนส่งมวลชนที่สมบูรณ์ประชาชนก็จะหันมาใช้ระบบขนส่งมวลชนกันมากขึ้นปัญหาการจราจรในกรุงเทพฯก็จะลดลงได้อีกทั้งการสร้างรถไฟฟ้าก็จะทำให้พื้นที่กรุงเทพฯมีความพัฒนามากยิ่งขึ้นอีกด้วยดังนั้นจึงเป็นโครงการที่กทม.จะเร่งดำเนินการเพื่ออำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชนโดยเร็วที่สุด
อย่างไรก็ตามได้มีการศึกษาเส้นทางไว้แล้วเบื้องต้น2 เส้นทางคือ
1.จากสถานีบางหว้าไปเส้นทางถนนราชพฤกษ์โดยผ่านถนนพรานนก-พุทธมณฑลสาย4ซึ่งเป็นถนนตัดใหม่ของกทม.จนไปถึงทางคู่ขนานลอยฟ้าบรมราชชนนีโดยจะตัดกับสายสีแดงที่ตลิ่งชันซึ่งถือเป็นแนวทางที่ดีสามารถต่อขยายสถานีให้เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีม่วงได้ที่บางใหญ่ได้ในอนาคต
2.จากสถานีบางหว้าไปเส้นทางถนนราชพฤกษ์ผ่านถนนพรานนก-พุทธมณฑลสาย4แล้วเลี้ยวซ้ายไปทางพุทธมณฑลสาย1แล้วเลี้ยวขวาออกทางคู่ขนานลอยฟ้าบรมราชชนนีซึ่งแนวทางนี้มีเส้นทางใกล้สถานีขนส่งสายใต้ใหม่สามารถรองรับประชาชนที่จะเชื่อมต่อการเดินทางได้ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42749
Location: NECTEC
|
Posted: 17/09/2014 8:46 pm Post subject: |
|
|
อีก1ปีมีใช้ลิฟท์ทุกสถานีบีทีเอส
เดลินิวส์
วันพุธ 17 กันยายน 2557 เวลา 07:00 น.
ได้ผู้รับเหมาแล้วกทม.เร่งติดลิฟท์สถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส อีก1ปีมีครบทุกสถานี
เมื่อวันที่16ก.ย.2557 ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในโซเชียลเน็ตเวิร์คมีการแชร์ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊คตามเพจต่างๆเรียกร้องขอลิฟท์ผู้โดยสารผู้พิการและคนชราที่ใช้รถเข็นบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสซึ่งเป็นขนส่งมวลชนที่เปิดใช้งานเป็นเวลานานกว่า10ปีแล้วแต่กลับหลงลืมกลุ่มคนพิการและผู้ใช้รถเข็น
ทั้งนี้นายอมรกิจเชวงกุลรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร(กทม.)กล่าวว่าได้เร่งติดตั้งลิฟท์โดยสารสำหรับผู้พิการบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสซึ่งขณะนี้ได้ตัวผู้รับเหมาเรียบร้อยแล้วซึ่งจะติดตั้งลิฟท์คนพิการบนสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสตั้งแต่พื้นราบไปจนชั้นชานชาลารถไฟฟ้าโดยจะติดตั้งลิฟท์สถานีละ4ตัวใน 21สถานีรวมติดลิฟท์ทั้งสิ้น84ตัวใช้เวลาดำเนินการทั้งสิ้น270วันโดยคาดว่าจะเปิดใช้งานได้ภายในปลายปี58 |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42749
Location: NECTEC
|
Posted: 20/02/2015 11:43 am Post subject: |
|
|
คมนาคมเสนอขยับชานชาลาสถานีตากสินแทนทุบทิ้ง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
20 กุมภาพันธ์ 2558 09:45 น. (แก้ไขล่าสุด 20 กุมภาพันธ์ 2558 10:08 น.)
คมนาคม เสนอ กทม.ขยับชานชาลาสถานีตากสินมากลางสะพานสาทรประมาณ 200 เมตรแก้ปัญหาโดยไม่ต้องยกเลิกสถานี ระบุมีช่องว่างระหว่างสะพานกว้างมากกว่า ประชาชนไม่ต้องเดินไกล ด้าน กทม.รับไปหารือรายละเอียด แต่ยังยืนยันแผนสร้าง Skywalk ระยะทาง 711 เมตรไปใช้สถานีสุรศักดิ์แทน ชี้ผ่านสภา กทม.แล้ว
นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมปรับปรุงสถานีสะพานตากสิน โครงการรถไฟฟ้าบีทีเอส (S6) วานนี้ (19 ก.พ.) ว่า ได้หารือร่วมกับผู้แทนกรุงเทพมหานคร (กทม.) สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กรณีที่ กทม.จะยกเลิกสถานีตากสินและก่อสร้างทางเดินเลื่อนอัตโนมัติ (Skywalk) ระยะทาง 711 เมตร เพื่อให้ไปใช้สถานีสุรศักดิ์ (S5) แทนนั้น ล่าสุดทาง สนข.ได้นำเสนอแนวคิดใหม่โดยคงสถานีตากสินไว้ โดยในส่วนของพื้นที่ชั้นจำหน่ายตั๋วอยู่ที่เดิมและให้บริการตามปกติ ส่วนชั้นชานชาลาสถานีที่จะต้องปรับปรุงรางรถไฟฟ้าจากรางเดียวให้เป็นรางคู่เพื่อแก้ปัญหาช่วงคอขวดนั้น ให้ขยับจากจุดเดิมไปทางฝั่งธนบุรีประมาณ 200 เมตร ซึ่งจะออกไปทางแม่น้ำมากขึ้น เนื่องจากช่วงกลางสะพานสาทรช่องว่างระหว่างสะพานจะมีความกว้างมากกว่า
ซึ่งทาง กทม.ยังคงยืนยันแนวทางเดิม คือใช้สถานีสุรศักดิ์แทน โดยก่อสร้าง Skywalk เนื่องจากผ่านความเห็นชอบจากสภา กทม.มาแล้ว และแนวคิดดังกล่าวของ สนข.ยังมีข้อจำกัดหลายเรื่อง เช่น ในระหว่างก่อสร้างชานชาลาใหม่นั้นจะสามารถให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอสได้แค่สถานีตากสินเท่านั้น ส่วนจากสถานีตากสินไปยังสถานีกรุงธนบุรีและปลายทางสถานีบางหว้าจะต้องหยุดเดินรถประมาณ 6 เดือน ซึ่งเป็นประเด็นที่กระทบต่อระบบสัญญาสัมปทานกับบีทีเอส อีกทั้งจะต้องออกแบบก่อสร้างเสาตอม่อขึ้นมาใหม่เพื่อรองรับชานชาลาสะพาน
ทาง กทม.ยังไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ และเห็นว่าแนวคิดสร้าง Sky Walk ดีกว่า เพราะผ่านสภา กทม.มาแล้ว แต่รับข้อมูลที่เป็นแนวคิดของ สนข.ไปหารือในรายละเอียดร่วมกัน เบื้องต้น สนข.ระบุว่าช่วงกลางสะพานน่าจะมีระยะห่างมากพอที่จะก่อสร้างชานชาลาได้โดยไม่กระทบต่อตัวสะพานสาทร และประชาชนจะยังคงใช้บริการสถานีตากสินได้เหมือนเดิม โดยขึ้นลงสถานีและซื้อตั๋วได้ที่จุดเดิมและเดินมาขึ้นรถไฟฟ้าอีก 200 เมตร แต่ กทม.จะต้องก่อสร้างตอม่อใหม่ขึ้นมา เทคนิคคิดว่าไม่มีปัญหา แต่ผู้แทนจากก ทม.เป็นระดับปฏิบัติการตัดสินใจอะไรยังไม่ได้ ต้องนำข้อมูลกลับไปหารือกับผู้บริหารก่อน ซึ่งต่อไปทางกระทรวงคมนาคมจะนัดประชุมร่วมกับ นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าฯ กทม. ซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลโครงการบีทีเอสโดยตรงต่อไปเพื่อให้ได้ข้อยุติ นายชาติชายกล่าว
//-------------------
ปรับสถานีตากสินขยับชานชาลาลงตัว
บ้านเมือง
วันศุกร์ ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558, 07.18 น.
นายชาติชาย ทิพย์สุนาวี รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมปรับปรุงสถานีสะพานตากสิน โครงการรถไฟฟ้าบีทีเอส (S6) เมื่อวันที่ 19 ก.พ.ที่ผ่านมา ในการประชุมนั้นได้หารือร่วมกับผู้แทนกรุงเทพมหานคร (กทม.) สำนักงานโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ว่า สนข.ได้นำเสนอแนวคิดใหม่โดยคงสถานีตากสินไว้ โดยในส่วนของพื้นที่ชั้นจำหน่ายตั๋วอยู่ที่เดิมและให้บริการตามปกติ ส่วนชั้นชานชาลาสถานีที่จะต้องแล้วปรับปรุงรางรถไฟฟ้าจากรางเดียวให้เป็นรางคู่ เพื่อแก้ปัญหาช่วงคอขวดนั้น ให้ขยับจากจุดเดิมไปทางฝั่งธนบุรี ประมาณ 200 เมตร ซึ่งจะออกไปทางแม่น้ำมากขึ้น เนื่องจากช่วงกลางสะพานสาทร ช่องว่างระหว่างสะพานจะมีความกว้างมากกว่า ทั้งนี้ กทม.ยังคงยืนยันแนวทางเดิม คือใช้สถานีสุรศักดิ์แทน โดยก่อสร้าง Skywalk เนื่องจากผ่านความเห็นชอบจากสภา กทม.มาแล้ว และแนวคิดดังกล่าวของ สนข.ยังมีข้อจำกัดหลายเรื่อง เช่น ในระหว่างก่อสร้างชานชาลาใหม่นั้น จะสามารถให้บริการรถไฟฟ้าบีทีเอส ได้แค่ สถานีตากสินเท่านั้น ส่วนจากสถานีตากสินไปยังสถานีกรุงธนบุรีและปลายทางสถานีบางหว้าจะต้องหยุดเดินรถประมาณ 6 เดือน ซึ่งเป็นประเด็นที่กระทบต่อระบบสัญญาสัมปทานกับบีทีเอส อีกทั้งจะต้องออกแบบก่อสร้างเสาตอม่อขึ้นมาใหม่เพื่อรองรับชานชาลาสะพาน
อย่างไรก็ตาม สืบเนื่องจากกรณีที่ กทม.จะยกเลิกสถานีตากสินและก่อสร้าง ทางเดินเลื่อนอัตโนมัติ (Skywalk) ระยะทาง 711 เมตร เพื่อให้ไปใช้สถานีสุรศักดิ์ (S5) แทนนั้น ขณะนี้ กทม.ยังไม่เห็นด้วยกับข้อเสนอนี้ และเห็นว่าแนวคิดสร้าง Sky Walk ดีกว่า เนื่องจากผ่านสภา กทม.มาแล้ว แต่รับข้อมูลที่เป็นแนวคิดของ สนข.ไปหารือในรายละเอียดร่วมกัน เบื้องต้น สนข.ระบุว่า ช่วงกลางสะพานน่าจะมีระยะห่างมากพอที่จะก่อสร้างชานชาลาได้โดยไม่กระทบต่อตัวสะพานสาทร และประชาชนจะยังคงใช้บริการสถานีตากสินได้เหมือนเดิม ทั้งนี้จะต้องนำข้อมูลกลับไปหารือกับผู้บริหารก่อน ซึ่งต่อไปทางกระทรวงคมนาคมจะนัดประชุมร่วมกับ นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าฯ กทม. เพื่อให้ได้ข้อยุติอีกครั้ง นายชาติชาย กล่าว
ขณะเดียวกัน นายประพนธ์ ปัทมกิจสกุล ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)หรือ ทอท. กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีนระหว่างวันที่ 14-26 กุมภาพันธ์ 2558 ทสภ.คาดว่าจะมีผู้โดยสารมาใช้บริการในช่วงดังกล่าวประมาณ 2.15 ล้านคน หรือเฉลี่ยวันละ 165,783 คน ดังนั้น เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกผู้โดยสารที่คาดว่าจะเดินทางเป็นจำนวนมากในช่วงเทศกาลตรุษจีน ทสภ.จึงได้มีการจัดเจ้าหน้าที่ล่ามมาประจำอยู่บริเวณด้านหน้าเคาน์เตอร์ตรวจหนังสือเดินทาง เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารชาวจีนโดยเฉพาะ การจัดเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกผู้โดยสารที่เดินทางเป็นกรุ๊ปทัวร์ บริเวณห้องโถงผู้โดยสารขาออก และจัดเตรียมรถเข็นกระเป๋าไว้ให้บริการให้เพียงพอกับจำนวนผู้โดยสาร เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีการประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเตรียมความพร้อมรองรับผู้โดยสารในช่วงเทศกาลดังกล่าว |
|
Back to top |
|
|
mirage_II
1st Class Pass (Air)
Joined: 05/01/2011 Posts: 2591
|
Posted: 21/02/2015 5:58 pm Post subject: |
|
|
แหม..รู้สึกเสียดายที่ รถไฟฟ้าบางหว้านั้นเลี้ยวขวาไปทางถนนราชพฤกษ์ น่าจะตรงต่อไปตามถนนกัลปพฤกษ์แล้วเลี้ยวซ้ายไป แยกตลาดบางบอน (จัสโก้) เพื่ออนาคตได้ต่อไปยังถนนพระราม 2 ทำให้พื้นที่แถบนี้ยังต้องปลอดรถไฟฟ้าไปอีกนาน คงต้องรอสาย วงเวียนใหญ่-มหาชัย ที่ยังเป็นแค่โครงการไปก่อนละครับ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42749
Location: NECTEC
|
Posted: 23/02/2015 11:09 am Post subject: |
|
|
เร่งทำสกายวอล์กให้เดินไปขึ้นที่สถานีสุรศักดิ์แทน
วันอาทิตย์ 22 กุมภาพันธ์ 2558 เวลา 14:10 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการที่กระทรวงคมนาคมได้มีการประชุมหารือถึงการปรับปรุงรางสถานีสะพานตากสินโครงการรถไฟฟ้าบีทีเอส ให้รถสามารถเดินสวนกันได้ โดยที่ประชุมได้มีการเสนอความเห็นร่วมกันว่า ให้กทม.คงสถานีตากสินไว้เหมือนเดิมโดยในส่วนของพื้นที่ชั้นจำหน่ายตั๋วอยู่ที่เดิมส่วนชั้นชานชาลาสถานีจะต้องปรับปรุง และรางรถไฟฟ้าจากรางเดียวให้เป็นรางคู่เพื่อแก้ปัญหาช่วงคอขวดนั้น โดยให้ขยับจากจุดเดิมไปทางฝั่งธนบุรีประมาณ200 เมตรซึ่งจะออกไปทางแม่น้ำมากขึ้น เนื่องจากช่วงกลางสะพาน ช่องว่างระหว่างสะพานจะมีความกว้างมากกว่าแต่กทม.จะต้องออกแบบก่อสร้างเสาตอม่อขึ้นมาใหม่เพื่อรองรับชานชาลาสะพานทั้งนี้ในการดำเนินการตามแนวคิดใหม่นั้นจะต้องหยุดเดินรถเป็นเวลา 6 เดือนตั้งแต่สถานีตากสินไปยังสถานีกรุงธนบุรีและปลายทางสถานีบางหว้าซึ่งกทม.จะต้องไปเจรจากับบีทีเอสผู้รับสัมปทาน ถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นดังกล่าว
ด้านนายอมรกิจเชวงกุล รองผู้ส่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า ขอเสนอการคงสถานีบีทีเอาสะพานตากสินไว้แต่จะต้องย้ายสถานีไปอยู่ตรงบริเวณกลางสะพานที่มีพื้นที่กว้างกว่าบริเวณตีนสะพานที่มีสถานีอยู่เดิมนั้นเป็นขอเสนอของทางกรมทางหลวงชนบท (ทช.) ในฐานะเจ้าของพื้นที่ ซึ่งแนวทางดังกล่าวนั้น ถือว่าเป็นไปได้ยากเนื่องจากในทางวิศวกรรมสามารถทำได้ แต่จะติดปัญหาที่ว่าอาจต้องมีการปิดการเดินรถไปยังฝั่งธนบุรีเป็นระยะเวลาไม่ต่ำกว่า7 เดือนซึ่งจะทำให้ประชาชนเดือดร้อนอย่างมาก กทม.จึงไม่สามารถดำเนินการตามแนวทางนี้ได้เลยทั้งนี้กทม.ก็ต้องเร่งหาแนวทางแก้ไขปัญหาสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสะพานตากเนื่องจากปัจจุบันมีประชาชนใช้บริการรถไฟฟ้าในสายสีลม วันละกว่า 100,000คนและในอนาคตก็จะมีปริมาณผู้ใช้งานเพิ่มมากขึ้นอีกดังนั้นกทม.จึงต้องดำเนินการขยายรางรถไฟฟ้าบีทีเอส สะพานตากสินเป็นรางคู่ เพื่อให้รถไม่ต้องมีการหยุดเพื่อรอสับหลีกขบวนซึ่งจะทำให้ประชาชนต้องเสียเวลารอรถถึง 3-4นาทีต่อขบวน
อย่างไรก็ตามการจะขยายรางรถไฟฟ้าบีทีเอสตากสินเป็นรางคู่นั้น คงต้องรื้อสถานีสะพานตากสินซึ่งเบื้องต้นกทม.จึงได้ดำเนินการทำทางเดิน(สกายวอล์ค)ระหว่างสถานีสุรศักดิ์ถึงสถานีตากสินระยะทาง 700 เมตรเพื่อให้ประชาชนสามารถใช้รถไฟฟ้าได้ที่สถานีสุรศักดิ์แทนซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำทีโออาร์คาดว่าจะสามารถเปิดหาผู้รับรับเหมาได้ในต้นเดือน มี.ค.นี้ โดยสกายวอล์ดดังกล่าวจะต้องใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างทั้งสิ้น 14เดือน หลังจากนั้นกทม.จึงจะสามารถสรุปผลได้อีกครั้งว่าจะมีการยกเลิกการใช้สถานีบีทีเอสตากสินเมื่อใด. |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42749
Location: NECTEC
|
Posted: 10/03/2015 3:39 am Post subject: |
|
|
บีทีเอส"สถานีตลิ่งชัน"บูมอสังหาฝั่งธน ชุมทางเชื่อม3สี"แดง-ส้ม-น้ำเงิน"รื้อผังเมืองพัฒนาเชิงพาณิชย์
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
9 มีนาคม 2558 เวลา 14:55:20 น.
กทม.ทุ่ม 1.3 หมื่นล้านขีดรถไฟฟ้าบีทีเอสไปฝั่งธนฯ จาก "บางหว้า-ตลิ่งชัน" ระยะทาง 7-8 กม. เตรียมรื้อผังเมืองรวมใหม่ จากพื้นที่รับน้ำหันมาบูมพื้นที่พาณิชยกรรม-ที่อยู่อาศัย รองรับ "สถานีตลิ่งชัน" ชุมทางรถไฟฟ้า 3 สาย "บีทีเอส-สีแดง-สีส้ม" ตั้งแท่นชง ครม.บรรจุแผนแม่บทหลังผลการศึกษาจบ ก.ย.นี้
นายอมร กิจเชวงกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า กทม.อยู่ระหว่างศึกษาความเหมาะสม จัดทำแบบเบื้องต้น และจัดเตรียมเอกสารประกวดราคา โครงการรถไฟฟ้าบีทีเอสส่วนต่อขยายสายสีลม ช่วงบางหว้า-ตลิ่งชัน เนื่องจากมีพื้นที่โครงการทั้งหมดอยู่ในเขตตลิ่งชัน และเขตภาษีเจริญ ปัจจุบันมีหมู่บ้านจัดสรร ศูนย์อาหาร ร้านค้ากระจายอยู่เต็มพื้นที่ แต่ยังขาดระบบขนส่งมวลชนมาเชื่อมการเดินทาง ทำให้ประชาชนต้องเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนบุคคล จึงเกิดปัญหาการจราจรติดขัดบนถนนราชพฤกษ์ โดยเฉพาะช่วงชั่วโมงเร่งด่วนและวันหยุด
เชื่อมรถไฟฟ้า 4 สาย
รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าวว่า เมื่อโครงการแล้วเสร็จจะช่วยบรรเทาการจราจรฝั่งธนบุรี และเปิดพื้นที่การพัฒนาใหม่ ๆ เนื่องจากแนวเส้นทางเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้า 4 สายทาง ได้แก่ สายสีเขียว ช่วงถนนสมเด็จพระเจ้าตากสิน ถึงบางหว้า, สายสีน้ำเงิน ช่วงท่าพระถึงบางแค, สายสีแดงอ่อน ช่วงบางซื่อถึงตลิ่งชัน และสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชันถึงดินแดง
สำหรับแนวโครงการ บริษัทที่ปรึกษาเสนอ 3 เส้นทางเลือก ครอบคลุมพื้นที่ 2 เขต 11 แขวง คือ บางหว้า บางด้วน ปากคลองภาษีเจริญ คูหาสวรรค์ บางจาก บางแวก บางเชือกหนัง บางระมาด ฉิมพลี บางพรม ตลิ่งชัน โดยทั้ง 3 แนวเส้นทางมีสถานีร่วมกัน คือ สถานีบางแวก กับสถานีกระโจมทอง
โดยแนวเส้นทางที่ 1 ระยะทาง 7-8 กิโลเมตร มี 6 สถานี ได้แก่ สถานีบางแวก สถานีกระโจมทอง สถานีบางพรม สถานีอินทราวาส สถานีบรมราชชนนี สิ้นสุดที่สถานีตลิ่งชัน
มีจุดเริ่มต้นอยู่ที่จุดเชื่อมต่อกับโรงจอดรถที่บริเวณบางหว้า วิ่งไปทางทิศเหนือตามแนวถนนราชพฤกษ์ จะสร้างบนพื้นที่เกาะกลางความกว้าง 3-3.5 เมตร แล้วผ่านแยกตัดบางแวก ตรงซอยจรัญสนิทวงศ์ 13 ทางแยกตัดถนนพรานนก-พุทธมณฑลสาย 4 จากนั้นจะยกระดับขึ้นไปข้ามทางแยกตัดถนนบรมราชชนนี และยกระดับเพื่อข้ามทางด่วนศรีรัช-วงแหวนตะวันตกที่กำลังก่อสร้างตามแนวรถไฟสายใต้ สิ้นสุดที่ทางลาดลงของสะพานข้ามรถไฟสายสีแดงอ่อน (บางซื่อ-ตลิ่งชัน) และรถไฟสายสีส้ม (ตลิ่งชัน-มีนบุรี)
แนวเส้นทางที่ 2 ระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร มี 8 สถานี ได้แก่ สถานีบางแวก สถานีกระโจมทอง สถานีบางพรม สถานีพุทธมณฑลสาย 1 สถานีโพธิสาร สถานีบรมราชชนนี สถานีตลิ่งชัน สิ้นสุดที่สถานีฉิมพลี
มีจุดเริ่มต้นเดียวกับแนวที่ 1 คือใช้พื้นที่เกาะกลางตามแนวถนนราชพฤกษ์มุ่งหน้าทิศเหนือ แต่เลี้ยวซ้ายที่ทางแยกตัดถนนพรานนก-พุทธมณฑลสาย 4 เลี้ยวขวาเข้าถนนพุทธมณฑลสาย 1 สิ้นสุดที่ปลายถนนสวนผัก บรรจบกับแนวเส้นทางรถไฟสายสีแดงอ่อน (ตลิ่งชัน-ศาลายา) ที่สถานีศาลาธรรมสพน์
แนวเส้นทางที่ 3 เหมือนแนวที่ 1 ยกเว้นช่วงปลายทางหลังจากทางยกระดับบรมราชชนนี จะเบี่ยงแนวเส้นทางไปทางทิศตะวันตกเข้าสู่สถานีตลิ่งชัน ซึ่งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟสายสีแดงอ่อนมากที่สุด จากนั้นจะเบี่ยงแนวเส้นทางผ่านพื้นที่เอกชนกลับมายังถนนราชพฤกษ์อีกครั้ง ระยะทาง 7-8 กิโลเมตร มี 6 สถานี ได้แก่ สถานีบางแวก สถานีกระโจมทอง สถานีบางพรม สถานีอินทราวาส สถานีบรมราชชนนี และสิ้นสุดสถานีตลิ่งชัน
เคาะแนวสร้างบน ถ.ราชพฤกษ์
จากทั้ง 3 แนวเส้นทางนั้น แนวที่ 1 กับ 3 เป็นทางเลือกที่ดีที่สุด เนื่องจากเป็นเส้นทางตัดตรง ระยะทางสั้น เชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายอื่น ๆ ทั้งรถไฟฟ้าสายสีแดง (บางซื่อ-ตลิ่งชัน) ที่สถานีตลิ่งชัน, สายสีน้ำเงิน (ท่าพระ-บางแค) และสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-มีนบุรี
ที่สำคัญจะไม่มีการเวนคืนที่ดินเพราะสร้างบนเกาะกลางถนนเดิม อาจจะมีเวนคืนเล็กน้อยช่วงปลายทางแนวที่ 3 จำนวน 30 ไร่ ที่จะต้องตัดผ่านที่ดินเอกชน เพื่อให้เชื่อมกับสถานีตลิ่งชันของสายสีแดง
"ค่าก่อสร้างเฉลี่ย 1,500 ล้านบาท/กิโลเมตร รวมเวนคืนที่ดินแล้ว คาดว่าลงทุนทั้งโครงการ 11,000-13,000 ล้านบาท ผลศึกษาจะแล้วเสร็จกันยายนนี้ จากนั้น กทม.จะนำเสนอให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาเพื่อนำโครงการบรรจุเข้าไปในแผนแม่บทรถไฟฟ้าเพิ่มเติม เพราะเป็นโครงการใหม่ ขณะเดียวกัน กทม.จะพิจารณารูปแบบการลงทุนที่เหมาะสม 3 แนวทาง คือ กทม.ลงทุนเอง ให้สัมปทานเอกชน และบริษัทกรุงเทพธนาคม เป็นผู้ดำเนินการ คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างปี"61 แล้วเสร็จเปิดใช้ปี"64" นายอมรกล่าวและว่า
"ตลิ่งชัน" ฮับรถไฟฟ้า
สำหรับประชาชนที่มีส่วนได้ส่วนเสีย อาทิ เจ้าของที่ดินและทรัพย์สิน โรงเรียน วัด สถานประกอบการ หน่วยงานต่าง ๆ ซึ่งอาจได้รับผลกระทบสิ่งแวดล้อมในระยะก่อสร้าง บริษัทที่ปรึกษาให้ความสำคัญเป็นพิเศษสำหรับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากแนวเส้นทางซ้ายและขวา ข้างละ 500 เมตร อาทิ ชุมชนข้างวัดทอง โรงเรียนโพธิสารพิทยากร โรงเรียนมหรรณพาราม วัดทองเชือกหนัง โรงพยาบาลสัตว์ตลิ่งชัน เดอะเซอร์เคิลราชพฤกษ์ หมู่บ้านลดาวัลย์ เป็นต้น
"ต่อไปทำเลตลิ่งชันจะน่าสนใจมาก เมื่อรถไฟฟ้าเส้นนี้สร้างเสร็จ เพราะสถานีตลิ่งชันจะกลายเป็นชุมทางรถไฟฟ้า 3 สาย คือ บีทีเอส สีแดง สีส้ม กำลังเตรียมปรับผังเมืองรวม กทม.ใหม่ เพื่อรับกับความเจริญที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เพราะปัจจุบันการใช้ประโยชน์ที่ดินของพื้นที่ตลิ่งชันเป็นพื้นที่สีเขียวลายขาว หรือพื้นที่รับน้ำ เน้นเกษตรกรรม จะปรับสีการใช้ประโยชน์ที่ดินใหม่ เช่น พื้นที่ย่านพาณิชยกรรม ที่อยู่อาศัย เป็นต้น ซึ่งผังเมือง กทม.จะหมดอายุปี"62 คาดว่าจะพอดีกับที่รถไฟฟ้าเปิดใช้บริการ" รองผู้ว่าฯ กทม.กล่าว |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42749
Location: NECTEC
|
Posted: 10/03/2015 3:41 am Post subject: |
|
|
BTS ลุ้นรับงานเดินรถ 6 เส้นใหม่ ใช้เงินลงทุน 1.23 แสนล้านใน 5 ปีนี้
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
9 มีนาคม 2558 09:49 น. (แก้ไขล่าสุด 9 มีนาคม 2558 16:53 น.)
คลิกที่ภาพเพื่อดูขนาดใหญ่ขึ้น
BTS ลุ้นรับงานเดินรถ 6 เส้นใหม่ ใช้เงินลงทุน 1.23 แสนล้านใน 5 ปีนี้
บีทีเอส กรุ๊ป ตั้งเป้างบลงทุน 5 ปีนี้ 1.23 แสนล้านบาท หากได้รับงานบริหารเดินรถไฟฟ้าทั้ง 6 เส้นทางใหม่ ระยะทาง 118.5 กม. คาด หนุนรายได้จากการรับจ้างเดินรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นแตะ 1 หมื่นล้านบาทในปี 2561
นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการบริหาร บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ (BTS) และผู้อำนวยการใหญ่สายปฏิบัติการ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นบริษทย่อย BTS เปิดเผยแผนการลงทุน 5 ปีนี้ (2558-2562) ว่า บริษัทฯ คาดว่าจะใช้เงินลงทุน 1.23 แสนล้านบาท หากบริษัทฯ ได้งานรับจ้างบริหารเดินรถไฟฟ้าเส้นทางใหม่ 6 เส้นทาง รวมระยะทาง 118.5 กม.
ประกอบด้วย 1. รถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ระยะทาง 12.8 กม. ซึ่งขณะนี้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) อยู่ระหว่างเจรจาโอนรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้กับกรุงเทพมหานคร (กทม.) จากนั้นบริษัทจึงจะเจรจากับ กทม.ในการรับจ้างเดินรถต่อไป คาดว่าจะสามารถลงนามสัญญารับจ้างบริหารเดินรถกับ กทม.ในไตรมาส 3/2558 ซึ่งล่าช้ากว่าแผนเดิมที่วางไว้ในไตรมาส 2/2558 คาดว่าเส้นทางรถไฟฟ้าสีเขียวใต้แบริ่ง-สมุทรปราการจะเปิดให้บริการได้ในปี 2561-2562 เบื้องต้นคาดว่าจะมีผู้โดยสารใหม่เข้าระบบ 20-30% จากจำนวนผู้โดยสารที่ กทม.คาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึงวันละ 1 แสนคน
ทั้งนี้ บริษัทฯ จะลงทุนซื้อรถไฟฟ้าใหม่เพิ่มขึ้นอีก 15 ขบวน ขบวนละ 4 ตู้ ใช้เงินลงทุน 9,000-10,000 ล้านบาท เพื่อรองรับเส้นทางแบริ่ง-สมุทรปราการ หากบริษัทฯ สามารถเจรจากับ กทม.ได้ทันไตรมาส 3 ตามแผนที่วางไว้ก็จะนำการจัดซื้อรถไฟฟ้าดังกล่าวมารวมกับการสั่งซื้อรถไฟฟ้าอีก 7 ขบวนที่รองรับเส้นทางเดินรถในคราวเดียวกัน ทำให้การประมูลสั่งซื้อรถไฟฟ้าได้ต้นทุนที่ถูกลง ซึ่งปัจจุบันบีทีเอสมีรถไฟฟ้ารองรับอยู่ 52 ขบวน ขบวนละ 4 ตู้
2. รถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ ช่วงหมอชิด-สะพานใหม่-คูคต ระยะทาง 18.4 กม. คาดว่าจะได้ข้อสรุปและลงนามสัญญาการก่อสร้างโยธาภายในกลางปีนี้ และบริษัทฯ น่าจะมีโอกาสได้รับให้เป็นผู้บริหารการเดินรถส่วนต่อขยายเส้นทางนี้ มีแผนเปิดให้บริการในปี 2562 โดยบริษัทฯ จะต้องลงทุนซื้อรถไฟฟ้าเพิ่มขึ้นอีก 20-21 ขบวน รวมทั้งลงทุนระบบไฟฟ้า อาณัติสัญญาณ ระบบตั๋ว คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 2 หมื่นล้านบาท
3. ระบบรถไฟฟ้ารางคู่ขนาดเบา (LRT) จากบางนา-สนามบินสุวรรณภูมิ ระยะทาง 18.3 กม. มูลค่าโครงการ 2.5 หมื่นล้านบาท บริษัทฯ คาดว่าจะมีการประมูลเส้นทางนี้ในปีนี้ ขณะนี้ผลศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการเสร็จแล้วพร้อมกับการจัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) เสร็จเรียบร้อยแล้ว รอนำเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) คาดว่าปลายปีนี้จะเริ่มงานก่อสร้าง และแล้วเสร็จเปิดให้บริการในปี 2561
4. รถไฟฟ้ารางเดี่ยวสายสีเทา ช่วงวัชรพล- ทองหล่อ เป็นโครงการของ กทม.ที่จะลงทุนด้านงานโยธา มูลค่าโครงการ 2.4 หมื่นล้านบาท และบริษัทคาดว่าจะมีโอกาสได้งานรับจ้างบริหารการเดินรถจาก กทม. ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไปได้ คาดว่าทำเสร็จปลายปีนี้
5. ส่วนต่อขยายสายสีเขียว ช่วงบางหว้า-บรมราชชนนี ระยะทาง 7 กม. คาดว่าจะเปิดให้บริการในปี 2562 ขณะนี้ กทม.ได้ว่าจ้างที่ปรึกษาศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการแล้ว คาดเสร็จสิ้นปีนี้ใกล้เคียงกับรถไฟฟ้าสายสีเทา โดยเชื่อมรถไฟฟ้าสายสีแดงที่ตลิ่งชัน ซึ่ง BTS มีโอกาสได้เจรจาบริหารเดินรถ เพราะระยะทางเพียง 7 กม. ซึ่งใช้รถไฟฟ้าเพิ่มอีก 6 ขบวน
และ 6. รถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี คาดว่าจะเปิดประมูลในปลายปีนี้ และจะเปิดให้บริการในปี 2563-64 ขณะนี้รอนำเสนอเข้า ครม.พิจารณาอนุมัติ ทั้งนี้ การเดินรถสายสีชมพูเป็นรถแบบโมโนเรล ซึ่งบริษัทจะเข้าประมูล
สำหรับแหล่งเงินลงทุนทั้ง 6 โครงการดังกล่าวข้างต้นบริษัทฯ มีความพร้อม โดยมีเงินสดในมือกว่า 3 หมื่นล้านบาท เงินจากการออกวอร์แรนต์ที่มีอายุ 3 ปี วงเงิน 4.8 หมื่นล้านบาท และมีความสามารถกู้ได้อีกราว 1 แสนล้านบาท
นอกจากนี้ หากบริษัทได้รับเลือกให้เดินรถทั้ง 6 เส้นทางดังกล่าวข้างต้นจะทำให้มีผู้โดยสารเข้าระบบบีทีเอสเพิ่มขึ้น 1 ล้านคน/วัน หนุนรายได้จากการรับจ้างเดินรถเพิ่มขึ้นมาเป็น 1 หมื่นล้านบาทในปี 2561 จากปีนี้ที่คาดว่าจะมีรายได้ 1.7 พันล้านบาท
สำหรับผลการดำเนินงานปี 2557/58 (เม.ย. 57-มี.ค. 58) คาดว่าจำนวนผู้โดยสารโตขึ้นจากปีก่อน 3% และรายได้จากการเดินรถโต 6% โดยยอมรับว่าจำนวนผู้โดยสารปีนี้โตต่ำกว่าเป้าที่วางไว้โต 5-8% แต่รายได้จากเดินรถเป็นไปตามเป้า
ส่วนการปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าบีทีเอสนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณา หากจะปรับขึ้นก็จะมีผลในวันที่ 1 มิ.ย.นี้ โดยจะแจ้งให้ทราบล่วงหน้าเป็นเวลา 30 วัน ปัจจุบันบริษัทเก็บค่าโดยสาร 15-42 บาท/เที่ยว ซึ่งเก็บต่ำกว่าสิทธิที่เก็บได้ในช่วง 20-60 บาท/เที่ยว |
|
Back to top |
|
|
|