View previous topic :: View next topic
Author
Message
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
Posted: 12/01/2015 3:00 am Post subject:
20 ม.ค.นี้ คิกออฟรถไฟไทย-จีน เส้นทางหนองคาย-มาบตาพุด "บิ๊กจิน" ลั่นประมูลสิ้นปี สร้างเสร็จใน 2 ปี
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
9 มกราคม 2558 เวลา 17:50:15 น.
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า วันที่ 20-22 มกราคมนี้ คณะทำงานร่วมรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีนจะประชุมหารือถึงการพัฒนาโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ขนาดมาตรฐาน หรือ Standard Gauge ราง 1.435 เมตร เส้นทางหนองคาย-นครราชสีมา-แก่งคอย-ท่าเรือมาบตาพุด ระยะทางประมาณ 734 กิโลเมตร และเส้นทางแก่งคอย-กรุงเทพฯ ระยะทางประมาณ 133 กิโลเมตร ความเร็ว 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง หลังมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยความร่วมมือระหว่างไทยกับจีน ภายใต้กรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทยปี 2558-2565 เมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2557 ที่ผ่านมา
ทั่งนี้ จะมีการประชุมเป็นครั้งแรกหลังมีลงนามความร่วมมือระหว่างกัน โดยจะมีการหารือถึงรูปแบบการตั้งคณะกรรมการบริหารงานร่วมกัน 2 ฝ่าย การจัดทำแผนงาน เพื่อความสะดวกในการวางแผนสำรวจออกแบบ การประมาณการด้านราคา และบทบาทหน้าที่ในการรับผิดชอบของแต่ละฝ่าย
จากนั้นระหว่างวันที่ 5-7 กุมภาพันธ์ จะมีการประชุมถึงรูปแบบการลงทุนและแหล่งที่มาของงบประมาณที่จะนำมาลงทุนก่อสร้างโดยจะกู้เงินจากธนาคารของจีนอย่างแน่นอนเนื่องจากเป็นข้อตกลงในMOUซึ่งมีหลายแหล่ง
จากนั้นช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนมีนาคมจะมีการลงพื้นที่สำรวจการก่อสร้างเมื่อดำเนินสำรวจออกแบบเสร็จเรียบร้อยแล้วคาดว่าประมาณเดือนสิงหาคม-กันยายนนี้จะทราบถึงตัวเลขงบประมาณที่ต้องนำมาลงทุนและประมูลก่อสร้างได้ในสิ้นปีนี้
สำหรับรูปแบบการก่อสร้างจะนำเทคโนโลยีของจีนมาวางระบบรางและการเดินรถโดยตั้งเป้าการก่อสร้างต้องแล้วเสร็จใน2ปีจากเดิมกำหนดไว้4ปีเนื่องจากมีการแบ่งการก่อสร้างเป็น 4 ช่วง จะทำให้รวดเร็วขึ้น
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44651
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 13/01/2015 7:58 pm Post subject:
คมนาคมแจงครม. เดินหน้าความร่วมมือโครงการรถไฟไทย-จีน ดีเดย์ประชุมนัดแรกปลาย เดือนม.ค.นี้
เดลินิวส์ วันอังคาร 13 มกราคม 2558 เวลา 18:09 น.
ร.อ.ยงยุทธ มัยลาภ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมครม.ได้รับทราบความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าไทย-จีน ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ โดยวันที่ 21-23 ม.ค.นี้ ผู้แทนคณะกรรมการบริหารโครงการฯ ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายจีน จะหารือร่วมกันครั้งแรก เพื่อกำหนดกรอบความร่วมมือในการทำงานร่วมกัน และวันที่ 5-7 ก.พ.จะหารือร่วมกันเป็นครั้งที่ 2 เพื่อตกลงแผนงาน บทบาท หน้าที่ ของแต่ละฝ่าย รวมถึงการสำรวจ และออกแบบการก่อสร้าง เพื่อเดินหน้าโครงการฯให้เป็นรูปธรรมต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ประเด็นสำคัญในการหารือรอบแรกนั้น จะพูดคุยถึงการศึกษา การออกแบบ การเวนคืนที่ดิน เพื่อการก่อสร้างว่าจะใช้เส้นทางเดิม หรือเส้นทางใหม่ รวมถึงการแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารงานร่วมไทย-จีน เพื่อกำหนดแผนงาน ประเมินราคา และการแบ่งหน้าที่ 2 ฝ่ายให้ชัดเจน ส่วนรอบสองวันที่ 5-7 ก.พ. 58 จะหารือด้านการลงทุนว่า จะใช้งบประมาณจากฝ่ายจีนและฝ่ายไทยเท่าไร และใช้เวลาลงทุนโครงการกี่ปี จากการนั้นช่วงปลายเดือน ก.พ.ถึงต้นเดือน มี.ค.58 จะเดินทางไปสำรวจพื้นที่ที่ใช้ในการก่อสร้างต่อไป
นอกจากนี้ทางการจีน จะนำรายชื่อสถาบันการเงินที่เข้าร่วมโครงการ พร้อมเงื่อนไขการปล่อยกู้มาให้รัฐบาลไทยพิจารณาด้วย โดยคาดว่าใช้เวลาอีก 6 เดือน หรือภายในเดือน ส.ค.จะได้ข้อสรุปว่ารูปแบบการศึกษาโครงการ แหล่งเงินกู้ รวมถึงงบประมาณที่ใช้ลงทุนครั้งแรกจะมีวงเงินเท่าไร
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
Posted: 13/01/2015 10:08 pm Post subject:
ชงบิ๊กตู่พบนายกฯญี่ปุ่น
เดลินิวส์
วันอังคาร 13 มกราคม 2558 เวลา 17:32 น.
คมนาคม ชง ประยุทธ์ เยือนญี่ปุ่น ถกผู้นำประเทศร่วมมือรถไฟเร็วสูง ให้เลือก 3 เส้นทาง คาดเลือก กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ยันนโยบายแบ่งเค้กทั่วถึง ไม่ให้ผูกขาด
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เปิดเผยถึงการเดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่นของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือกับนายชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรี ญี่ปุ่น วันที่ 8 ก.พ.นี้ว่า กระทรวงคมนาคมจะเสนอให้ผู้นำทั้ง 2 ประเทศ หารือความร่วมมือโครงการรถไฟทางคู่ขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตรร่วมกัน โดยมี 3 เส้นทางให้ญี่ปุ่นเลือก ได้แก่ เส้นทางแม่สอด จ.ตาก-พิษณุโลก-ขอนแก่น-มุกดาหาร ระยะทาง 770 กม.เส้นทางพุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-มาบตาพุด จ.ระยอง ระยะทาง 339 กม. และเส้นทางกรุงเทพ-เชียงใหม่ ระยะทาง 653 กม.
ทั้งนี้มีความเป็นไปได้ว่าญี่ปุ่นจะเลือกเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เนื่องจากมีโอกาสเกิดขึ้นได้ก่อนเส้นทางอื่น โดยหากผู้นำทั้ง 2 ประเทศเห็นชอบร่วมกัน ขั้นตอนต่อไปจะมีการนัดลงนามบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) การพัฒนารถไฟทางคู่ทั้ง 2 ประเทศแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) และจัดตั้งคณะทำงานเพื่อทำการศึกษา กำหนดรายละเอียดเส้นทาง การลงทุน ซึ่งเป็นลักษณะการลงทุนเดียวกับที่ไทยได้ทำกับรัฐบาลจีน
ก่อนหน้านี้ ตัวแทนรัฐบาลญี่ปุ่นได้หารือกับกระทรวงคมนาคมในการพัฒนาระบบรางร่วมกัน 2 ครั้งตั้งแต่ปีที่แล้ว แต่ต่อมารัฐบาลญี่ปุ่นได้ยุบสภา จึงต้องชะลอการพูดคุยจนกระทั่งญี่ปุ่นได้จัดตั้งรัฐบาลใหม่ ซึ่งล่าสุด เมื่อวันที่ 13 ม.ค. 58 ปลัดกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน (เมติ) ของญี่ปุ่นก็ได้เข้าพบอีกครั้ง เพื่อสอบถามความคืบหน้าความร่วมมือ ก่อนที่ผู้นำทั้ง 2 ประเทศจะพบกัน ซึ่งในการเดินทางไปเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้ กระทรวงคมนาคม ได้ให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคม เดินทางไปด้วย ในฐานะเลขาฯ คณะนายกรัฐมนตรี
ทั้งนี้เส้นทางรถไฟทางคู่สายเหนือ เดิมจะสร้างเส้นทางกรุงเทพฯเชียงของ เพื่อเชื่อมไปต่อไปสปป.ลาว และจีน แต่ต่อมาจีนได้เปลี่ยนเส้นทางเชื่อมต่อไปที่ จ.หนองคาย แทน จึงได้ตัดเหลือแค่กรุงเทพฯ-เชียงใหม่เท่านั้น แต่ทั้ง 3 เส้นทางที่จะหารือกับญี่ปุ่นได้อยู่ในแผนแม่บทการพัฒนาระบบขนส่งทางราง ตั้งแต่สมัยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อเดือนก.ค.57 อยู่แล้ว โดยมีแผนทั้งการทำถนนและรถไฟทางคู่จากฝั่งตะวันออกกับตะวันตก รวมถึงเพื่อเชื่อมต่อเขตเศรษฐกิจพิเศษทวายกับนิคมอุตสาหกรรมมาบตาพุด ตลอดจนเชื่อมต่อทะเลฝั่งอันดามันเข้ากับทะเลแปซิฟิกตอนใต้
สำหรับ นโยบายการลงทุนพัฒนาโครงการรถไฟทางคู่ของไทย นอกจากจะหารือกับรัฐบาลจีนและญี่ปุ่น แล้ว รัฐบาลเกาหลีใต้ยังแสดงความสนใจร่วมมือกับไทยเช่นกัน ซึ่งขณะนี้ไทยได้ส่งข้อมูลแผนการลงทุนไปให้ทางสถานทูตเกาหลีประจำประเทศไทย แล้ว รวมถึงทางคณะทูตอังกฤษก็ได้สอบถามด้วย แต่รัฐบาลไม่มีนโยบายให้ประเทศเดียวทำทุกสายแน่นอน แต่พร้อมจะร่วมมือกับทุกประเทศ หากมีประเทศที่สนใจร่วมมือ ก็จะศึกษา และร่วมลงทุนด้วยกัน แต่หากไม่มีประเทศใดสนใจเลย ก็จะให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ไปศึกษาการลงทุนเอง
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
Posted: 14/01/2015 5:00 pm Post subject:
คาดญี่ปุ่นสนทางคู่ "กทม.-เชียงใหม่" บิ๊กตู่เตรียมบินถก "อาเบะ" พร้อมเซ็นเอ็มโอยูลงทุน
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
14 มกราคม 2558 เวลา 13:40:02 น.
ไทยพร้อมประเคนรถไฟทางคู่รางมาตรฐาน 1.435 เมตร รวม 3 เส้นทางให้ญี่ปุ่นจิ้มเลือกว่าจะทำ เส้นไหน โดยบิ๊กตู่เตรียมบินจับเข่า"ชินโซะ อาเบะ" ต้นเดือนหน้า คาดญี่ปุ่นสนใจสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ในการเดินทางไปเยือนประเทศญี่ปุ่นของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือกับนายชินโซะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ในวันที่ 8 ก.พ. นี้ว่า กระทรวงคมนาคมจะเสนอให้ผู้นำทั้ง 2 ประเทศ หารือความ ร่วมมือโครงการรถไฟทางคู่ขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตรร่วมกัน
โดยฝ่ายไทยจะเสนอให้ญี่ปุ่นพิจารณาเลือกดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าในไทย จำนวน 3 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางแม่สอด จ.ตาก-พิษณุโลก-ขอนแก่น-มุกดาหาร ระยะทาง 770 ก.ม., เส้นทางพุน้ำร้อน จ.กาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-มาบตาพุด จ.ระยอง ระยะทาง 339 ก.ม. และเส้นทางกรุงเทพฯฯ-เชียงใหม่ ระยะทาง 653 ก.ม.
"มีความเป็นไปได้ว่าญี่ปุ่นจะเลือกเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เนื่องจากมีโอกาสเกิดขึ้นได้ก่อนเส้นทางอื่น โดยหากผู้นำทั้ง 2 ประเทศเห็นชอบร่วมกัน ขั้นตอนต่อไปจะมีการลงนามบันทึกข้อตกลง (เอ็มโอยู) การพัฒนารถไฟทางคู่ทั้ง 2 ประเทศแบบรัฐต่อรัฐ (จีทูจี) และ จัดตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษา กำหนดรายละเอียดเส้นทาง การลงทุน ซึ่งเป็นลักษณะการลงทุนเดียวกับที่ไทยได้ทำกับรัฐบาลจีน
ก่อนหน้านี้ตัวแทนรัฐบาลญี่ปุ่นได้หารือกับกระทรวงคมนาคมในการพัฒนาระบบรางร่วมกัน 2 ครั้ง แต่ต่อมารัฐบาลญี่ปุ่นยุบสภาจึงต้องชะลอการพูดคุยจนกระทั่งญี่ปุ่นได้จัดตั้งรัฐบาลใหม่ ล่าสุดปลัดกระทรวงเศรษฐกิจ การค้าและการลงทุน (เมติ) ของญี่ปุ่นก็ได้เข้าพบอีกครั้ง เพื่อสอบถามความคืบหน้าความร่วมมือ ก่อนที่ผู้นำทั้ง 2 ประเทศจะพบกัน
สำหรับเส้นทางรถไฟทางคู่สายเหนือ เดิมจะสร้างเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงของ เพื่อเชื่อมไปสปป.ลาว และจีน แต่ต่อมาจีนได้เปลี่ยนเส้นทางเชื่อมต่อไปที่ จ.หนองคาย แทน จึงตัดเหลือแค่กรุงเทพฯ-เชียงใหม่เท่านั้น แต่ทั้ง 3 เส้นทางที่จะหารือกับญี่ปุ่นอยู่ในแผนแม่บทการพัฒนาระบบขนส่งทางราง ตั้งแต่สมัยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เดือนก.ค.2557 อยู่แล้ว โดยจะทำทั้งถนนและรถไฟทางคู่จากฝั่งตะวันออกกับตะวันตก เพื่อเชื่อมเขตเศรษฐกิจ พิเศษทวายกับนิคมฯ มาบตาพุด และยังเป็นการเชื่อมต่อทะเลฝั่งอันดามันเข้ากับทะเลแปซิฟิกตอนใต้
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
Posted: 15/01/2015 11:54 pm Post subject:
ประจินคิกออฟรถไฟไทย-จีน ดีเดย์ตอกเข็มช่วง กรุงเทพ-แก่งคอย 1 ก.ย.58
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
15 มกราคม 2558 16:08 น.
ประจินติดเครื่องรถไฟทางคู่ไทย-จีน รางมาตรฐาน หนองคาย-แก่งคอย-มาบตาพุด-กรุงเทพ มูลค่า 4แสนล. วางกรอบหารือคณะทำงาน 3 ครั้ง ตั้งเป้า 1 มี.ค.ลงพื้นที่สำรวจออกแบบก่อสร้าง 2 ระยะ เริ่ม 1 ก.ย.58 สร้างเสร็จใน 2 ปีครึ่ง ขึ้นทะเบียนรับเหมาไทยคัดชื่อร่วมงานก่อสร้าง เล็งให้ร.ฟ.ท.เป็นหลักงานเดินรถ
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารโครงการภายใต้บันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของประเทศไทย (คบร.) วันนี้ (15 ม.ค.) ว่า ได้ประชุมเพื่อเตรียมการฝ่ายไทยสำหรับการประชุมร่วมไทย-จีนเพื่อความร่วมมือด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของประเทศไทย ครั้งที่ 1 ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 21-22 มกราคม 2558 นี้โดยแต่ละฝ่ายจะนำเสนอหัวข้อในการร่วมมือในภาพรวม และจะสรุปเนื้อหาทั้งหมดในการประชุมครั้งที่ 2 วันที่ 5-7 กุมภาพันธ์ 2558 และครั้งที่ 3 วันที่ 25-27 กุมภาพันธ์ 2558
ทั้งนี้ แผนงานการก่อสร้างรถไฟทางมาตรฐาน (Standard gauge) 1.435 เมตร เส้นทางหนองคาย-โคราช-แก่งคอย-มาบตาพุด ระยะทาง 734 กม. และเส้นทางแก่งคอย-กรุงเทพฯ 133 กม. วงเงินลงทุนประมาณ 4 แสนล้านบาทนั้น จะมี 4 ช่วง โดยแบ่งการก่อสร้างเป็น 2 ระยะ
ก่อสร้างช่วงที่ 1 กรุงเทพ-แก่งคอย ระยะทาง 133 กม. และ
ช่วงที่ 2. แก่งคอย-มาบตาพุด ระยะทาง 246.5 กม. เริ่มก่อสร้าง 1 กันยายน 2558
คาดว่าจะเปิดให้บริการเดินรถได้ในเดือนธันวาคม 2560
ระยะที่สอง จะเป็น
การก่อสร้างช่วงที่ 3. แก่งคอย-นครราชสีมา ระยะทาง 138.5 กม.และ
ช่วงที่ 4. นครราชสีมา หนองคาย ระยะทาง 355 กม. เริ่มก่อสร้าง 1 ธันวาคม 2558 คาดว่าจะเปิดให้บริการเดินรถได้ในเดือนมีนาคม 2561
โดยหลังจากคณะกรรมการบริหารโครงการฯสรุปรายละเอียดแล้ว จะสามารถเริ่มทำงาน จัดทีมลงพื้นที่สำรวจออกแบบ ได้ในวันที่ 1 มีนาคม 2558 และในการสำรวจออกแบบจะใช้เทคโนโลยีและเครื่องมือที่มันสมัยเข้ามาช่วย ซึ่งนอกจากจะลดค่าใช้จ่ายและยังทำให้การทำงานรวดเร็วมากขึ้น ใช้เวลาลดลงจากการทำงานแบบเดิม 1 ใน 3 โดยเส้นทางเกือบ 1,000 กม. จะใช้เวลาออกแบบ 6-7 เดือนจากวิธีเดิมจะใช้เวลา 1.5 ปี ส่วนการก่อสร้างจะแบ่งเป็นช่วงจะแล้วเสร็จใน 2.5 ปี จากเดิมไม่น้อยกว่า 4 ปี
พล.อ.อ.ประจินกล่าวว่า เรื่องการก่อสร้างในส่วนของไทยได้รวบรวมบริษัทก่อสร้างทั้งรายใหญ่ บริษัทรับเหมาช่วง และบริษัทผู้แทนบริษัทต่างชาติ ที่มีผลงานและความน่าเชื่อถือไว้ มีประสบการณ์การทำงานในต่างประเทศ ไม่น้อยกว่า 15 บริษัทแล้วตั้งแต่ ช่วงกันยายน-ตุลาคม 2557 และยังเปิดโอกาสให้เสนอตัวเข้ามาอีก ส่วนฝ่ายจีนมีรัฐวิสาหกิจด้านรถไฟ 5 แห่ง และมีบริษัทย่อยที่มีความสามารถด้านก่อสร้าง งานระบบรถ อาณัติสัญญาณ อีกจำนวนมาก ซึ่งจะจัดลำดับรายชื่อไว้และนำมาคัดเลือกร่วมกับฝ่ายจีนต่อไป ไม่ประกวดราคาเพราะเป็นความร่วมมือรัฐต่อรัฐ ( จีทูจี) ส่วนงานเดินรถนั้น ไทยมีหน่วยงานหลักจะเป็นการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) โดยจะศึกษารูปแบบที่เหมาะสม ว่าจะต้องร่วมกับเอกชนอย่างไร
การทำงานแบบคู่ขนานและใช้เครื่องมือ เทคโนโลยีมาช่วย จะรวดเร็วและประหยัดค่าใช้จ่ายได้ พร้อมกันนี้เพื่อให้การดำเนินงานและความร่วมมือของ 2 ฝ่าย บรรลุตามเป้าหมาย จะมีคณะกรรมการจากหลายฝ่ายเข้ามาช่วยให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะโดยนำปัญหาอุปสรรคในอดีตมาเป็นข้อมูลเพื่อเตรียมแผนแก้ไขไว้ล่วงหน้าอีกด้วย พล.อ.อ.ประจินกล่าว
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ในฐานะรองประธานคณะกรรมการบริหารโครงการฯ กล่าวว่า แนวทางการลงทุนนั้น ทางจีนมีความพร้อม และเปิดกว้างทุกรูปแบบ ทั้งให้เงินกู้ 100% หรือลงทุนให้ก่อน100%และไทยใช้คืนภายหลัง หรือจะเป็นการร่วมลงทุน ซึ่งคณะอนุกรรมการด้านการเงินและรูปแบบลงทุนของไทยจะพิจารณาเลือกรูปแบบที่ดีที่สุด
โดยหากเป็นการร่วมทุนจะต้องพิจารณาว่า ฝ่ายไทยจะลงทุนกี่รายการ และต้องใช้แหล่งเงินจากที่ใด ซึ่งมีทั้ง งบประมาณ เงินกู้ หรือ ระดมทุนด้วยการออกกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน ส่วนระบบและตัวรถไฟฟ้านั้น จะใช้เทคโนโลยีของจีนแน่นอน แต่จะต้องออกแบบให้เข้ากับสภาพภูมิอากาศของไทย ที่ภาคอีสานเป็นที่ราบและมีบางช่วงที่ต้องผ่านภูเขา เป็นต้นพร้อมกันนี้จะมีการพัฒนาบุคลากรให้พร้อมกับเทคโนโลยีการก่อสร้างและเทคโนโลยีเดินรถ
สำหรับ ฝ่ายไทยนั้น มีการจัดตั้งคณะกรรมการและอนุกรรมการชุดต่างๆที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินโครงการ ภายใต้ MOU รถไฟไทย-จีน ประกอบด้วย คณะกรรมการ 2 ชุด คือ คณะกรรมการกำกับการดำเนินโครงการ มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน คณะกรรมการบริหารโครงการ มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน คณะอนุกรรมการ 3 ชุด คือ คณะอนุกรรมการที่ปรึกษาโดยมีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธาน คณะอนุกรรมการบูรณาการแผนงานและการดำเนินงาน ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน คณะอนุกรรมการด้านการเงินและรูปแบบการลงทุน ที่มีรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธาน
//-------------------------
แผนลงทุนรถไฟไทย-จีน ได้ข้อสรุป ก.พ. นี้
by Rachida Chuabunmee
VoiceTV
15 มกราคม 2558 เวลา 17:17 น.
กระทรวงคมนาคม เดินหน้าการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟร่วมกับจีน คาดได้ข้อสรุปแผนดำเนินงานภายในเดือนกุมภาพันธ์นี้ มั่นใจแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการภายในปี 2561
ที่ประชุมเตรียมการฝ่ายไทย-จีน เพื่อความร่วมมือด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของประเทศไทย ได้จัดทำโรดแมปโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ ขนาดรางมาตรฐาน 1.435 เมตร จำนวน 2 เส้นทาง ระยะทาง 873 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 4 แสนล้านบาท แบ่งการดำเนินงานเป็น 4 ช่วง คือ ช่วงที่ 1 กรุงเทพฯ-แก่งคอย 133 กิโลเมตร ช่วงที่ 2 แก่งคอย-มาบตาพุด 246.5 กิโลเมตร ช่วงที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมา 138.5 กิโลเมตร และช่วงที่ 4 นครราชสีมา-หนองคาย 355 กิโลเมตร
โดยช่วงที่ 1 และ 2 ได้เริ่มออกแบบก่อสร้างและเวนคืนที่ดินแล้ว จะเริ่มก่อสร้างตั้งแต่ 1 กันยายนนี้ และก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการเดือนธันวาคม 2560 ส่วนช่วงที่ 3 และ 4 คาดจะเริ่มก่อสร้างสิ้นปีนี้ ก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการเดือนมีนาคม 2561
พลอากาศเอกประจิน กล่าวว่า ในวันที่ 5-7 กุมภาพันธ์นี้ จะมีการประชุมทำความเข้าใจแผนงานและบทบาทหน้าที่ และพิจารณาข้อเสนอด้านเทคนิคการก่อสร้างระหว่างไทย-จีน ก่อนประชุมพิจารณารูปแบบการลงทุนและคัดเลือกหน่วยงานหรือบริษัทจีนเข้ามาดำเนินการร่วมกับไทยในวันที่ 25-27 กุมภาพันธ์ คาดจะได้ข้อสรุปและเดินหน้าตามแผนงานวันที่ 1 มีนาคมนี้
ทั้งนี้ ฝ่ายจีนพร้อมร่วมมือกับไทยใน 3 รูปแบบ คือ จีนลงทุน 100% , กู้เงินจากจีนมาลงทุน หรือร่วมลงทุนกับจีน ซึ่งจะเลือกรูปแบบที่ดีที่สุด ส่วนการเดินรถ ฝ่ายไทยจะดำเนินการเองทั้งหมด ยกเว้นเทคโนโลยีและตัวรถ จะเป็นบริษัทจากจีน
ขณะนี้ มีผู้ประกอบการไทยและจีนทั้งรายใหญ่และรายย่อย เสนอชื่อเข้าร่วมโครงการหลายราย ซึ่งมอบหมายให้ที่ปรึกษาไปรวบรวมรายชื่อผู้ประกอบการทั้งฝ่ายไทยและจีน เพื่อจับคู่คัดเลือกบริษัทที่มีความเหมาะสมเข้ามาดำเนินงานร่วมกัน
//----------------
ประจิน ฟุ้งรถไฟเร็วสูงไทย-จีนเสร็จปี61
เดลินิวส์
วันพฤหัสบดี 15 มกราคม 2558 เวลา 19:00 น.
"ประจิน" มั่นใจก่อสร้างรถไฟเร็วสูงไทย-จีน เสร็จใน 2 ปีครึ่ง พร้อมนำเทคโนโลยีทันสมัยมาใช้ช่วยสร้างเร็ว-ประหยัดงบ
...
การออกแบบก่อสร้างจะมีการนำเทคโนโลยีเครื่องบินติดกล้องภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศและระบบเซ็นเซอร์พื้นดินที่ทันสมัยมาใช้ในการสำรวจแนวก่อสร้าง ซึ่งเชื่อว่าจะทำให้การสำรวจออกแบบทำได้เร็ว และช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย สำหรับกรอบวงเงินเดิมกำหนด หากสร้างรถไฟทางคู่ 1,000 กม. ใช้เงินลงทุน 4 แสนล้านบาท แต่ครั้งนี้อาจจะใช้เงินไม่ถึงเพราะระยะทางทำแค่ 873 กม.เท่านั้น
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวต่อว่า การประชุมคณะทำงานร่วมไทย-จีน ครั้งที่ 1 วันที่ 21-22 ม.ค.นี้ มีประเด็นสำคัญพูดคุยถึงความสำคัญของโครงการ การศึกษา การออกแบบ และการแบ่งบทบาทหน้าที่ 2 ฝ่ายให้ชัดเจน หลังจากนั้นวันที่ 5-7 ก.พ. 58 จะประชุมรอบสองเพื่อหารือแผนการลงทุนว่า จะใช้งบประมาณจากฝ่ายจีนและไทยเท่าไร และครั้งสุดท้ายวันที่ 25-27 ก.พ.จะหารือเพื่อสรุปกรอบการทำงานทั้งหมด
ส่วนการเปิดประมูลหาผู้รับเหมาก่อสร้างต่างๆนั้น เนื่องจากโครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างไทยกับจีน จึงได้มีการรวบรวมข้อมูลบริษัทไทยที่มีขีดความสามารถดำเนินโครงการ 1215 บริษัท เป็นทั้งบริษัทระดับใหญ่ ระดับกลางและผู้แทนของบริษัทต่างชาติ ส่วนฝ่ายจีนก็มีการสรุปรายชื่อบริษัทผู้รับเหมาเช่นกัน ซึ่งมากจาก 5 รัฐวิสาหกิจของจีน ซึ่งทั้งฝ่ายไทยและจีนจะนำข้อมูลมาพิจารณาร่วมกัน และจับคู่คัดเลือกหาบริษัทที่มีความเหมาะสมที่จะเข้ามาดำเนินงานต่อไป เพื่อสรุปและนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมร่วมไทย-จีนครั้งที่ 3 ด้วย
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
Posted: 16/01/2015 10:57 am Post subject:
เคาะงบรถไฟไทย-จีน4แสนล้าน
การเงิน - การลงทุน
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 16 มกราคม 2558 10:00
"ประจิน"เดินหน้ารถไฟทางคู่ไทย-จีน ตีกรอบงบ4แสนล้าน ใช้เวลาก่อสร้าง2ปีครึ่ง คาดเริ่มก่อเฟสแรกเดือนก.ย.58
เปิดบริการได้ปลายปี 2560 ด้านบัวแก้วชี้เป็นการยืนยันไทยเป็นศูนย์กลางขนส่งอาเซียน ขณะนักวิชาการชี้หวั่นงบบานปลาย หากเลี่ยงประมูล แนะเปิดรายละเอียดสัญญาลงทุน
กระทรวงคมนาคมได้ข้อสรุปสำหรับฝ่ายไทย เตรียมเสนอในที่ประชุมร่วม ไทย-จีนในโครงการรถไฟทางคู่ กรุงเทพฯ-แก่งคอย และหนองคาย-มาบตาพุด ระยะทางรวม 873 กิโลเมตร โดยใช้งบลงทุน 4 แสนล้านบาท เริ่มก่อสร้างปลายปีนี้และแล้วเสร็จภายในเวลา 2 ปีครึ่ง
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังการประชุมเตรียมการฝ่ายไทยสำหรับการประชุมร่วม ไทย-จีน เพื่อความร่วมมือด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของประเทศไทย ครั้งที่ 1 ว่า โครงการรถไฟทางคู่ เป็นทางมาตรฐาน 1.435 เมตร เส้นทางหนองคาย-นครราชสีมา-แก่งคอย-ท่าเรือมาบตาพุด และกรุงเทพ-แก่งคอย ที่เคยลงนามเซ็นเอ็มโอยูกับจีนเมื่อวันที่ 19 ธ.ค. 2557 ที่ผ่านมา จะดำเนินการประชุมเพื่อศึกษารายละเอียดแผนงานและขั้นตอนการดำเนินโครงการเพื่อให้ได้ข้อสรุปภายในเดือนก.พ. 2558 พร้อมเริ่มดำเนินโครงการในการศึกษาและสำรวจออกแบบจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม แผนและรูปแบบการลงทุนภายในวันที่ 1 มี.ค. 2558
"คาดว่าจะสามารถสรุปผลการดำเนินงานทุกอย่างรวมถึงรูปแบบการลงทุนได้ในเดือน ก.ค. 2558"
การประชุมคณะกรรมการบริหารงานโครงสร้างพื้นฐานรถไฟไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งฝ่ายไทยเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 21-22 ม.ค.นี้ เพื่อเสนอหัวข้อรายละเอียด หลังจากนั้น จะมีการจัดประชุมรอบสอง ในวันที่ 5-7 ก.พ.เพื่อสรุปข้อเสนอทั้งหมด และ ครั้งสุดท้ายในวันที่ 25-27 ก.พ.ก่อนจะเริ่มลงพื้นที่สำรวจศึกษาออกแบบก่อสร้างในวันที่ 1 มี.ค.
ส่วนแผนการดำเนินงานก่อสร้างงานโยธาจะแบ่งออกเป็น 4 ช่วง ระยะทางรวม 873 กม. คือ
ช่วงที่ 1 กรุงเทพ-แก่งคอย ระยะทาง 133 กม.
ช่วงที่ 2 แก่งคอย-มาบตาพุด ระยะทาง 246.5 กม.
ช่วงที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมา ระยะทาง 138.5 กม. และ
ช่วงที่ 4 นครราชสีมา-หนองคาย 355 กม.
จากนั้นก็พร้อมดำเนินการก่อสร้างงานโยธาช่วงที่ 1-2 ได้ในวันที่ 1 ก.ย. 2558 งานก่อสร้างแล้วเสร็จเปิดให้บริการเดินรถในเดือนธ.ค. 2560 และเริ่มดำเนินการก่อสร้างงานโยธาช่วงที่ 3-4 ในวันที่ 1 ธ.ค. 2558 ก่อสร้างแล้วเสร็จเปิดให้บริการเดินรถ มี.ค. 2561 โดยใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 2ปีครึ่ง เพราะมีการนำเทคโนโลยีต่างๆ เข้ามาช่วยด้วย
การแบ่งย่อยโครงการออกเป็น 4 ช่วง เพื่อความสะดวกและความรวดเร็วในการสำรวจและออกแบบ มีการจัดทีมงาน 4 ชุดลงพื้นที่ทำงานคู่ขนานกันไป ส่วนสำนักงานบริหารโครงการตั้งอยู่ที่กระทรวงคมนาคม มีนางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคมเป็นหัวหน้าสำนักงาน เพื่อจะดำเนินการสำรวจออกแบบงานโยธา ระบบราง ระบบสัญญาณ การจัดหาพื้นที่ การจัดการเรื่องสิ่งแวดล้อม ระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ตลอดจนการบริหารกิจการมวลชนสัมพันธ์และข่าวสารเพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างราบรื่น เพื่อให้การก่อสร้างและการดำเนินงานทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด พล.อ.อ.ประจิน กล่าว
เปิดประมูลผู้รับเหมาทั้งไทย-จีน
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่า ในขณะที่การเปิดประมูลหาผู้รับเหมาก่อสร้างต่างๆนั้น เนื่องจากโครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างไทยกับจีน ขณะนี้ได้มีการรวบรวมข้อมูลบริษัทไทยที่มีขีดความสามารถดำเนินโครงการในด้านต่างๆ ประมาณ 12 - 15 บริษัท เป็นทั้งบริษัทระดับใหญ่ ระดับกลางและผู้แทนของบริษัทต่างชาติ ส่วนฝ่ายจีนก็มีการสรุปรายชื่อบริษัทผู้รับเหมาเช่นกัน ซึ่งมาจาก 5 รัฐวิสาหกิจของจีน แต่มีจำนวนบริษัทมากกว่า
"ฝ่ายไทยและจีนจะนำข้อมูลมาพิจารณาร่วมกันจับคู่คัดเลือกหาบริษัทที่มีความเหมาะสมที่จะเข้ามาดำเนินงานต่อไป โดยจะเร่งดำเนินการสรุปและนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมร่วมไทย-จีนครั้งที่ 3"
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวว่าค่าก่อสร้างงานโยธานั้นคณะทำงานได้เดิมประเมินค่าก่อสร้างไว้ที่ 1,000 กม. ประมาณ 4 แสนล้านบาท ส่วนโครงการนี้ 873 กม. ค่าก่อสร้างประมาณ 3.5 แสนล้านบาท แต่ขึ้นอยู่กับข้อมูลจากการลงพื้นที่สำรวจว่าแนวก่อสร้างเส้นทางกับการเวนคืนที่ดิน ซึ่งพยายามจะยึดตามแนวเส้นทางรถไฟเดิม เพื่อจะได้ประหยัดค่าใช้จ่าย แต่หากต้องตัดแนวเส้นทางใหม่ก็อาจมีค่าใช้จ่ายในการเวนคืนที่ดินเพิ่มขึ้นด้วย
เผยใช้ตัวรถ-เทคโนโลยีจีน
ด้าน นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ในการหารือครั้งแรกจะมีการตกลงเรื่องโครงสร้างและรูปแบบการทำงานร่วมกัน โดยมีการตั้งคณะกรรมการร่วมขึ้นมาทำงานร่วมกัน กรอบเวลาในการทำงาน ช่วงเวลาในการศึกษาออกแบบ ประมาณการค่าใช้จ่าย ส่วนการก่อสร้างจะแบ่งออกเป็น 4 ช่วง จากนั้นจะหารือในรายละเอียดเรื่องการศึกษาและสำรวจออกแบบ
ส่วนระบบเทคโนโลยีและตัวรถจะใช้ระบบของประเทศจีน แต่จะให้มีการออกแบบให้เข้ากับสภาพภูมิประเทศของไทย เพราะตามแนวเส้นทางบางผ่านภูเขาอาจต้องทำเป็นอุโมงค์ด้วย รวมไปถึงการพัฒนาบุคลากร และมีการถ่ายทอดเทคโนโลยีการก่อสร้างทางและการเดินรถ ซึ่งจะมีการจัดตั้งบริษัทหรือหน่วยงาน หรือบริษัทร่วมทุนหากเลือกรูปแบบการร่วมทุน เข้ามารับผิดชอบงานด้านการก่อสร้าง
จีนเปิดกว้างเงื่อนไขลงทุนให้ไทยเลือก
ในเรื่องแหล่งเงินและรูปแบบการลงทุนนั้น นายอาคม กล่าวว่า คณะอนุกรรมการคณะอนุกรรมการบูรณาการด้านการเงินและรูปแบบการลงทุน จะต้องไปศึกษาในรายละเอียดทั้งรูปแบบและวิธีการที่เหมาะสม เกิดประโยชน์กับประเทศไทยสูงสุด ก่อนจะนำเข้าหารือร่วมกันในการประชุมครั้งที่ 2 ในวันที่ 5 -7 ก.พ. 2558 จากการหารือกับฝ่ายจีนนั้นไม่ได้ติดใจรูปแบบการลงทุน แต่มีข้อเสนอที่เปิดกว้างพร้อมจะลงทุนให้ก่อน หรือให้เงินกู้กับฝ่ายไทย หรือาจเป็นการร่วมทุน ส่วนฝ่ายไทยต้องไปพิจารณาหาแหล่งเงินทุน หากเป็นการร่วมทุนต้องมีรายละเอียดค่าใช้จ่ายและสัดส่วนการร่วมทุน ส่วนที่จะใช้เงินงบประมาณ กับส่วนที่เป็นเงินกู้ หรือการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยใช้เครื่องมือการระดมทุนจากกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเป็นต้น
จีนเปิดกว้างตั้งแต่ออกเงินทุนให้ 100 % ให้ใช้คืนทีหลัง หรืออาจใช้วิธีการกู้เงินจากจีน หรือจะเป็นการลงทุนร่วมกัน ทั้งในส่วนของการก่อสร้างและระบบอาณัติสัญญาณและตัวรถ ส่วนการเดินรถชัดเจนว่าไทยจะเป็นผู้รับผิดชอบในการเดินรถเอง ไทยจะลงทุน 100 % นายอาคมกล่าว
ชี้ยอมรับไทยเป็นศูนย์กลางคมนาคม
ขณะที่ นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวว่า การประชุมร่วมไทยจีนครั้งแรก จะย้ำถึงความสำคัญของโครงการร่วมมือความสัมพันธ์ไทยจีน เพราะถือว่าโครงการนี้เป็นการบุกเบิกโครงสร้างพื้นฐานของรถไฟไทยที่เป็นความร่วมมือกับจีนเป็นครั้งแรก เป็นการส่งเสริมเชิงยุทธศาสตร์ของทั้ง 2 ประเทศ ถือว่าเป็นการพัฒนาพื้นที่ทางรถไฟเส้นทางการคมนาคมในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเป็นการยอมรับว่าไทยเป็นศูนย์กลางการคมนาคมในภูมิภาคอาเซียน
"เริ่มต้นจากเส้นทางรถไฟหนองคายมากรุงเทพและระยอง เพื่อที่จะต่อขยายไปในเส้นทางสายอื่นๆ กับประเทศอื่นๆ ในอนาคต เป็นการสร้างเครือข่ายระหว่างประเทศอาเซียน"
ทีดีอาร์ไอหวั่นไม่ประมูลทำราคาสูง
นายสุเมธ องกิตติกุลผู้อำนวยการวิจัย ด้านนโยบายการขนส่ง และโลจิสติกส์ สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวการเดินหน้าโครงการดังกล่าวถือว่ามีความรวดเร็วเนื่องจากการกำหนดระยะเวลาในการสำรวจและออกแบบการก่อสร้างในระยะเวลา 6 เดือนถือว่าใช้เวลาน้อยกว่าโครงการขนาดใหญ่โครงการอื่นๆ ที่จะต้องใช้เวลาในการออกแบบ สำรวจเส้นทางเป็นเวลา 1-2 ปี เพราะโครงการมีรายละเอียดมากการออกแบบจึงจะต้องทำอย่างรอบคอบ
ทั้งนี้ มองว่าการดำเนินโครงการในระยะเวลาที่จำกัดกระทรวงคมนาคมอาจจะไม่มีการเปิดประมูลโครงการ ซึ่งการไม่เปิดประมูลก็ทำให้ราคาโครงการอาจสูงกว่าความเป็นจริงเนื่องจากจะไม่มีการต่อรองราคากับผู้รับเหมาก่อสร้าง
การประเมินราคาก่อสร้างไว้ที่ 4 แสนล้านบาทเข้าใจว่าเป็นการประเมินราคากลางทั้งเส้นทาง แต่ในการดำเนินการจริงๆจะต้องมีการแบ่งสัญญาการก่อสร้างออกเป็นสัญญาย่อยๆ ถ้าไม่มีการประมูลแล้วถึงเวลาก่อสร้างจริงๆ หากงบประมาณบานปลายขึ้นมาจะทำอย่างไร จะมีมาตรการในการดูแลอย่างไร เรื่องนี้ต้องจับตามองเพราะความสำเร็จของการดำเนินโครงการขนาดใหญ่จะต้องมาพร้อมกับความถูกต้องของการดำเนินการในทุกโครงการด้วย นายสุเมธกล่าว
ชี้ควรเปิดเผยรายละเอียดลงทุน
นายสุมเมธกล่าวต่อไปว่าสำหรับการลงทุนในโครงการนี้ที่กระทรวงคมนาคมระบุว่าประเทศจีนมีความพร้อมที่จะลงทุนในโครงการนี้ให้ทั้ง 100% ว่าการที่เข้ามาลงทุนในโครงการคมนาคมและโครงการขนาดใหญ่ในประเทศไทยของต่างชาติเป็นสิ่งที่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแต่สิ่งที่กระทรวงคมนาคมควรจะมีการเปิดเผยก็คือเงื่อนไขของการลงทุนในโครงการนี้ของประเทศจีนมีอย่างไร หากเป็นลักษณะการให้ประเทศไทยกู้เงินและจีนคิดผลตอบแทนเป็นอัตราดอกเบี้ยจากเงินกู้ก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ แต่หากมีเงื่อนไขอื่นๆ ก็ต้องดูว่าเป็นเงื่อนไขที่เราเสียเปรียบหรือทำให้โครงการมีมูลค่าสูงกว่าความเป็นจริงหรือไม่
การลงทุนโครงการขนาดใหญ่ที่เปิดโอกาสให้ต่างประเทศเข้ามาลงทุนถือว่าเป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้น ซึ่งในอดีตเป็นการกู้เงินมาลงทุนเช่นเงินกู้ของไจก้าของญี่ปุ่น ซึ่งเป็นการกู้เงินที่มีเงื่อนไขให้ดอกเบี้ยต่ำ ส่วนโครงการที่จะลงทุนใหม่ก็ต้องดูว่าเงื่อนไขแต่ละโครงการคืออะไรเป็นเรื่องที่เราต้องคุยกับผู้ลงทุนให้ชัดและเปิดเผยให้สังคมทราบ เพราะการที่รัฐบาลระบุว่าโครงการไหนให้ประเทศใดลงทุนก็มีความเสี่ยงที่โครงการจะมีราคาสูงกว่าการเปิดประมูลทั่วไปเพราะที่ผ่านมาก็มีการกำหนดเงื่อนไขว่าให้ใช้วัสดุก่อสร้างหรือเทคโนโลยีจากประเทศใดประเทศหนึ่งทำให้ไม่เกิดการต่อรองราคา นายสุเมธกล่าว
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
Posted: 16/01/2015 5:53 pm Post subject:
ข่าวการเริ่มโครงการ เร็วปานสายฟ้าแลบ ก็ฮือฮาไปถึงเมืองจีนหละ
http://europe.chinadaily.com.cn/business/2015-01/16/content_19337985.htm
http://www.guancha.cn/Industry/2015_01_16_306475.shtml
http://blog.wenxuecity.com/myblog/67837/201501/17253.html
http://mil.news.sina.com.cn/2015-01-16/1525818467.html
ข่าวนี้ออก ซีซีทีวีด้วย
http://news.qq.com/a/20150116/001920.htm
คมนาคมลั่นปี 60-ได้นั่งไฮสปีดเทรน เปิดบริการสายแรก "กรุงเทพฯ-แก่งคอย-มาบตาพุด"
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
16 มกราคม 2558 เวลา 14:30:53 น.
"ประจิน" มั่นใจอีก 2 ปีเปิดใช้รถไฟความเร็วปานกลางสายแรกกรุงเทพฯ-แก่งคอย-มาบตาพุด จากนั้นอีกไม่ถึงปีเสร็จอีกสายแก่งคอย-นครราชสีมา-หนองคาย เผยมีเอกชนทั้งไทย-จีนหลายสิบบริษัทเสนอเข้าร่วม เร่งสรุปจะลงทุนรูปแบบไหน
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม กล่าวภายหลังการประชุมเตรียมการฝ่ายไทย-จีน เพื่อความร่วมมือด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของประเทศไทย ครั้งที่ 1 ว่าที่ประชุมจัดทำโรดแม็ปการดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ขนาดมาตรฐาน 1.435 เมตร จำนวน 2 เส้นทาง รวมระยะทาง 873 ก.ม. วงเงินลงทุนประมาณ 4 แสนล้านบาท
แบ่งแผนการดำเนินการออกเป็น 4 ช่วง ได้แก่ 1.กรุงเทพฯ-แก่งคอย 133 ก.ม., 2.แก่งคอย-มาบตาพุด 246.5 ก.ม., 3.แก่งคอย-นครราชสีมา 138.5 ก.ม. และ 4. นครราชสีมา-หนองคาย 355 ก.ม.
"โดยช่วงที่ 1 และ 2 จะเริ่มออกแบบก่อสร้างและเวนคืนที่ดินช่วงตั้งแต่ 1 ม.ค. 2558 เริ่มก่อสร้าง 1 ก.ย. 2558 แล้วเสร็จและเปิดเดินรถภายในเดือน ธ.ค.2560 ส่วนช่วงที่ 3 และ 4 คาดว่าจะเริ่มออกแบบก่อสร้างและเวนคืนที่ดินช่วงม.ค.2558 เริ่มก่อสร้าง 1 ธ.ค. 2558 ก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการเดินรถ มี.ค. 2561"
การออกแบบก่อสร้างจะนำเทคโนโลยีเครื่องบินติดกล้องถ่ายภาพแผนที่ทางอากาศ และระบบเซ็นเซอร์พื้นที่ที่ทันสมัยมาใช้ในการสำรวจแนวก่อสร้าง เชื่อว่าจะทำให้การสำรวจออกแบบทำได้เร็วและช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย มั่นใจว่าโครงการรถไฟไทย-จีนระยะทาง 873 ก.ม. เราจะก่อสร้างให้แล้วเสร็จได้ภายในระยะเวลาไม่เกิน 2 ปีครึ่ง ซึ่งจะเร็วกว่าแผนงานการก่อสร้างรถไฟทั่วไปที่จะใช้เวลา 4 ปี"
ขณะนี้มีผู้ประกอบการทั้งภาคเอกชนของไทยและจีนได้เสนอตัวเข้าร่วม โดยมีผู้ประกอบการไทยจำนวนรวมประมาณ 12-15 บริษัท ส่วนฝ่ายจีนมีจำนวนมากกว่า มอบหมายให้ที่ปรึกษาไปรวบรวมรายชื่อผู้ประกอบการทั้งฝ่ายไทยและจีนมาพิจารณาร่วมกันจับคู่คัดเลือกหาบริษัทที่เหมาะสม โดยจะสรุปและนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมร่วมไทย-จีน ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 25-27 ก.พ.นี้
ด้านนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคม ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการด้านการเงินและรูปแบบการลงทุนกล่าวว่า ขณะนี้ฝ่ายจีนได้เปิดกว้างโดยพร้อมให้ความร่วมมือกับไทยด้านการลงทุนทั้ง 3 รูปแบบคือ ให้จีนลงทุนให้ทั้ง 100%, กู้เงินจากจีนมาลงทุน และร่วมลงทุนกับจีน ซึ่งคณะอนุกรรมการจะต้องกลับไปพิจารณาเลือกรูปแบบที่ดีที่สุด
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44651
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 19/01/2015 10:41 am Post subject:
เอ็มโอยูรถไฟ "ไทย-จีน" หวัง พลิกโฉม ระบบราง
ไทยโพสต์ Monday, 19 January, 2015 - 00:00
หลังจากรัฐบาลภายใต้การนำ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้ามาบริหารประเทศ คงจะปฏิเสธไม่ได้ว่า ความก้าวหน้าและการเจริญเติบโตทางสังคมและเศรษฐกิจ เห็นการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีได้อย่างชัดเจน
เริ่มจากที่มีการตั้งทีมเศรษฐกิจขึ้นมา เพื่อติดตามแผนงานของแต่ละกระทรวงให้เดินหน้า พร้อมทั้งให้รายงานปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อผลักดันให้แผนงานตามกรอบที่วางไว้ และแล้วเสร็จตามเวลาที่กำหนด
มาที่โครงการเมกะโปรเจ็กต์ ตามที่รัฐบาลได้เร่งผลักดัน คือ โครงการรถไฟทางคู่ จากที่ พล.อ.ประยุทธ์ได้แถลงไว้ว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้เห็นชอบกับกระทรวงคมนาคมในเรื่องความร่วมมือกับรัฐบาลจีน ในการทำเส้นทางรถไฟร่วมกัน โดยจะจัดทำแบบรัฐต่อรัฐ หรือจีทูจี ซึ่ง ครม.เห็นชอบให้จะมีการเร่งรัดโครงการนี้โดยเร็ว
จากนั้นเป็นต้นมา ดูเหมือนว่าจะเกิดความคืบหน้าอย่างรวดเร็ว โดยเมื่อวันที่ 19 ธ.ค.2557 พล.อ.ประยุทธ์ รวมถึง พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม และ นายหลี เค่อเฉียง นายกรัฐมนตรีสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ร่วมลงนามในบันทึกความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ภายใต้การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของประเทศไทย ในกรอบยุทธศาสตร์ การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ.2558-2565 ซึ่งเป็นไปตามกฎหมายมาตรา 23 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พ.ศ.2557 โดยเฉพาะโครงการรถไฟทางคู่ขนาดรางมาตรฐาน (สแตนดาร์ดเกจ) เส้นทางหนองคาย-โคราช-แก่งคอย-ท่าเรือมาบตาพุด ระยะทางประมาณ 734 กิโลเมตร และแก่งคอย-กรุงเทพฯ ระยะทางประมาณ 133 กิโลเมตร
สำหรับสาระสำคัญของร่างเอ็มโอยูดังกล่าวนั้น รัฐบาลไทยตกลงให้รัฐบาลจีนเข้ามีส่วนร่วมดำเนินการตามกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านการคมนาคมขนส่งของไทย พ.ศ.2558-2565 โดยเฉพาะโครงการรถไฟทางคู่ขนาดมาตรฐาน (สแตนดาร์ดเกจ) เส้นทางหนองคาย-โคราช-แก่งคอย-ท่าเรือมาบตาพุด ระยะทางประมาณ 734 กิโลเมตร และเส้นทางแก่งคอย-กรุงเทพฯ ระยะทางประมาณ 133 กิโลเมตร รวมระยะทาง 867 กิโลเมตร ซึ่งเป็นโครงการรถไฟทางคู่ขนาดมาตรฐานโครงการแรกของไทย โดยทั้งสองฝ่ายจะใช้ความร่วมมือในรูปแบบรัฐบาลต่อรัฐบาล
พล.อ.อ.ประจิน กล่าวภายหลังการประชุมเตรียมการฝ่ายไทย เมื่อวันที่ 15 ม.ค.ว่า สำหรับการประชุมเตรียมการประชุมร่วมไทย-จีน เพื่อความร่วมมือด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟของประเทศ เส้นทางหนองคาย-นครราชสีมา-แก่งคอย-ท่าเรือมาบตาพุด และกรุงเทพฯ-แก่งคอย ซึ่งจะมีการประชุมร่วมกัน 3 ครั้ง คือ ครั้งที่ 1 วันที่ 20-21 ม.ค.นี้, ครั้งที่ 2 วันที่ 5-7 ก.พ.2558 และครั้งที่ 3 วันที่ 25-27 ก.พ.2558
จากนั้นจะเริ่มเดินหน้าโครงการในการศึกษาและสำรวจออกแบบจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) แผนและรูปแบบการลงทุน ซึ่งมีข้อสรุปที่ชัดเจนภายในเดือน ก.ค.2558 จากนั้นจะเริ่มก่อสร้างช่วงแรกภายใน ก.ย.2558 กำหนดแล้วเสร็จเปิดให้บริการ ธ.ค.2560 และช่วงหลัง ภายใน ธ.ค.2558 กำหนดแล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการ มี.ค.2561 โดยใช้เวลาก่อสร้างเพียง 2 ปีครึ่ง
สำหรับความชัดเจนของแผนดำเนินงาน จะก่อสร้างรถไฟทางคู่ เป็นทางมาตรฐาน 1.435 เมตร โดยจะย่อยโครงการออกเป็น 4 ช่วง ระยะทางรวม 873 กม. คือ ช่วงที่ 1 กรุงเทพฯ-แก่งคอย ระยะทาง 133 กม., ช่วงที่ 2 แก่งคอย-มาบตาพุด ระยะทาง 246.5 กม., ช่วงที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมา ระยะทาง 138.5 กม. และช่วงที่ 4 นครราชสีมา-หนองคาย 355 กม. โดยในเดือน ม.ค.2558 จะเริ่มวางแผนการดำเนินงานทั้งหมดเริ่มจากการศึกษาและสำรวจออกแบบรายละเอียดต่างๆ
ส่วนการก่อสร้างจะแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ ระยะแรก ช่วงที่ 1 และ 2 จะก่อสร้างภายใน ก.ย.2558 เพื่อให้แล้วเสร็จพร้อมเปิดให้บริการเดินรถ ธ.ค.2560 ส่วนระยะที่ 2 ช่วงที่ 3-4 จะเริ่มก่อสร้างภายใน ธ.ค.2558 กำหนดแล้วเสร็จ พร้อมเปิดให้บริการเดินรถ มี.ค.2561
สำหรับการแบ่งย่อยโครงการออกเป็น 4 ช่วง เพื่อความสะดวกและความรวดเร็วในการสำรวจและออกแบบ มีการจัดทีมงาน 4 ชุดลงพื้นที่ทำงานคู่ขนานกันไป ส่วนสำนักงานบริหารโครงการ ตั้งอยู่ที่กระทรวงคมนาคม มี นางสร้อยทิพย์ ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นหัวหน้าสำนักงาน เพื่อจะดำเนินการสำรวจออกแบบงานโยธา ระบบราง ระบบสัญญาณ การจัดหาพื้นที่ การจัดการเรื่องสิ่งแวดล้อม ระบบสาธารณูปโภคต่างๆ ตลอดจนการบริหารกิจการมวลชนสัมพันธ์และข่าวสารเพื่อให้การดำเนินโครงการเป็นไปอย่างราบรื่น
ดังนั้น ตั้งแต่ต้นวันที่ 1 มี.ค.2558 จะเริ่มคิกออฟโครงการได้ จะมีการส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่สำรวจตลอดแนวการก่อสร้างโครงการ ทุกอย่างจะต้องเดินหน้าไปตามกรอบแผนงานที่กำหนดไว้ เพื่อให้การก่อสร้างและการดำเนินงานทุกอย่างเป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด
สำหรับการประชุมร่วมไทย-จีน รอบแรก ในวันที่ 22 ม.ค.2558 เวลา 12.00 น. จะมีการสรุปผลการประชุมพร้อมกับการลงนามในรายละเอียดเพื่อขยายความร่วมมือไปสู่การประชุมในครั้งต่อไป ซึ่งจะมีความชัดเจนในเรื่องรายละเอียดของการสำรวจและลงพื้นที่ แผนการก่อสร้างและกำหนดระยะเวลาแล้วเสร็จต่างๆ ตลอดจนข้อมูลสัดส่วนการลงทุนในประเทศและต่างประเทศ จะมีความชัดเจน
ส่วนการเปิดประมูลหาผู้รับเหมาก่อสร้าง เนื่องจากโครงการนี้เป็นความร่วมมือระหว่างไทยกับจีน ขณะนี้ได้มีการรวบรวมข้อมูลบริษัทไทยที่มีขีดความสามารถดำเนินโครงการในด้านต่างๆ ประมาณ 12-15 บริษัท เป็นทั้งบริษัทระดับใหญ่ ระดับกลาง และผู้แทนของบริษัทต่างชาติ ส่วนฝ่ายจีนก็มีการสรุปรายชื่อบริษัทผู้รับเหมาเช่นกัน ซึ่งมาจาก 5 รัฐวิสาหกิจของจีน แต่มีจำนวนบริษัทมากกว่า
ซึ่งทั้งฝ่ายไทยและจีน จะนำข้อมูลมาพิจารณาร่วมกัน จับคู่คัดเลือกหาบริษัทที่มีความเหมาะสมที่จะเข้ามาดำเนินงานต่อไป โดยจะสรุปและนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมร่วมไทย-จีน ครั้งที่ 3 ด้วย ทั้งนี้ ฝ่ายจีนจะรับผิดชอบการก่อสร้างและพัฒนาระบบรถไฟเส้นทางดังกล่าว
นอกจากนี้ จะมีการจัดตั้งคณะกรรมการบริหารร่วมขึ้นใหม่ชุดหนึ่ง เพื่อกำกับดูแลการดำเนินการตามบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ สำหรับไทยให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นประธานร่วม สำหรับจีน ให้ประธานคณะกรรมการเพื่อการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ เป็นประธานร่วม
โดยบันทึกความเข้าใจฉบับนี้ จะมีผลบังคับใช้ 7 ปี (2558-2564) นับจากวันลงนาม
สำหรับแหล่งเงินและรูปแบบการลงทุนนั้น นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมช.คมนาคม กล่าวว่า คณะอนุกรรมการบูรณาการด้านการเงินและรูปแบบการลงทุน จะต้องไปศึกษาในรายละเอียด ทั้งรูปแบบและวิธีการที่เหมาะสม เกิดประโยชน์กับประเทศไทยสูงสุด ก่อนจะนำเข้าหารือร่วมกันในการประชุมครั้งที่ 2 ในวันที่ 5-7 ก.พ.2558
โดยจากการหารือกับฝ่ายจีนนั้น ไม่ได้ติดใจรูปแบบการลงทุน แต่มีข้อเสนอที่เปิดกว้าง พร้อมจะลงทุนให้ก่อน หรือให้เงินกู้กับฝ่ายไทย หรือาจเป็นการร่วมทุน ส่วนฝ่ายไทยต้องไปพิจารณาหาแหล่งเงินทุน หากเป็นการร่วมทุนต้องมีรายละเอียดค่าใช้จ่ายและสัดส่วนการร่วมทุน ส่วนที่จะใช้เงินงบประมาณกับส่วนที่เป็นเงินกู้ หรือการระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ โดยใช้เครื่องมือการระดมทุนจากกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน เป็นต้น
ส่วนค่าก่อสร้างนั้น นายอาคมกล่าวว่า เดิมประเมินค่าก่อสร้างไว้ที่ 1,000 กม. ประมาณ 4 แสนล้านบาท ส่วนโครงการนี้ 873 กม. ค่าก่อสร้างประมาณ 3.5 แสนล้านบาท แต่ขึ้นอยู่กับข้อมูลจากการลงพื้นที่สำรวจว่าแนวก่อสร้างเส้นทางกับการเวนคืนที่ดิน ซึ่งพยายามจะยึดตามแนวเส้นทางรถไฟเดิม เพื่อจะได้ประหยัดค่าใช้จ่าย แต่หากต้องตัดแนวเส้นทางใหม่ก็อาจมีค่าใช้จ่ายในการเวนคืนที่ดินเพิ่มขึ้นด้วย
ปัจจุบันจีนจะเป็นประเทศที่มีเส้นทางรถไฟความเร็วสูงที่เปิดให้บริการระยะทางยาวที่สุดของโลก รวมเกือบ 12,000 กิโลเมตร และที่อยู่ระหว่างก่อสร้างอีกราว 11,000 กิโลเมตร และมีจุดเด่นที่ต้นทุนก่อสร้างถูกที่สุดในโลก กล่าวคือ ต้นทุนก่อสร้างเฉลี่ยโครงการรถไฟที่วิ่ง 350 กม./ชม. คิดเป็น 125 ล้านหยวนต่อ 1 กิโลเมตร ส่วนรถไฟที่วิ่ง 250 กม./ชม. คิดเป็น 87 ล้านหยวนต่อ 1 กิโลเมตร ขณะที่สถิติจาก International Transportation Forum เมื่อเดือนธันวาคม 2556 ระบุว่า ต้นทุนการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงในประเทศฝรั่งเศส คิดเป็น 150-210 ล้านหยวนต่อ 1 กิโลเมตร
ขณะเดียวกัน สิ่งที่รัฐบาลไทยต้องคำนึงคือ การบริหารต้นทุนการก่อสร้าง และหนี้สินที่จะตามมา รวมทั้งแผนการบริหารการเดินรถเพื่อให้เกิดผลกำไร ซึ่งจากผลการศึกษาของ ธนาคารโลก ระบุว่า ความหนาแน่นของประชากรตามแนวรถไฟนั้น ต้องไม่น้อยกว่า 20 ล้านคน จึงจะคืนทุน
นอกจากนั้นแล้ว เนื่องจากระบบรถไฟรางมาตรฐานที่จะสร้างขึ้นใหม่นี้ ใช้ระบบไฟฟ้าในการขับเคลื่อน ฉะนั้น ไทยยังต้องคำนึงถึงอุปทานไฟฟ้าที่เพียงพอสำหรับรองรับการเดินรถไฟตลอดเส้นทางด้วย ซึ่งย่อมหมายถึงไทยต้องหาทางเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้า และต้องสร้างสถานีจ่ายไฟฟ้าเป็นระยะๆ ตามแนวเส้นทางรถไฟด้วย
ดังนั้น ความร่วมมือระหว่างไทย-จีนครั้งนี้ ด้านหนึ่ง จึงเป็นการปฏิวัติวงการรถไฟครั้งประวัติศาสตร์ของไทย และด้านหนึ่งจะเป็นบทพิสูจน์ว่าเทคโนโลยีรถไฟที่ทันสมัยของจีน จะเป็นที่ยอมรับและครองความเป็นอันดับหนึ่งในภูมิภาคอาเซียนได้สำเร็จหรือไม่
ต้องติดตามกันต่อไป.
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
Posted: 19/01/2015 6:37 pm Post subject:
ดูข่าวได้ที่นี่ครับ
https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=n7iSUYqC6yw
รัฐพับแผนไฮสปีดเทรนฉุดอสังหาฯอุดรธานี
ข่าวค่ำ ตรงประเด็น
Now TV 26
วันที่ 19 มกราคม 2558
คุณณรงค์ชัย หอมศรีประเสริฐ เจ้าพนักงานที่ดิน จังหวัดอุดรธานี เปิดเผยว่า ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ประเภทที่อยู่อาศัยในจังหวัดอุดรธานี ในพื้นที่ศูนย์กลางธุรกิจ คือที่ต.หมากแข้ง อ.เมือง บริเวณพื้นที่ใกล้เคียงกับคอมมูนิตี้มอลล์ ยูดีทาวน์ เริ่มชะลอตัวจากผลกระทบด้านเศรษฐกิจที่ชะลอตัวทั่วประเทศ โดยเฉพาะหลังจากที่ปีที่แล้ว รัฐปรับเปลี่ยนแผนการขยายโครงสร้างพื้นฐาน จากโครงการรถไฟความเร็วสูง มาเป็นรถไฟทางคู่แทน
ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ในจังหวัดอุดรธานี ได้รับผลบวกมาตั้งแต่แผนการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือเออีซี และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง นับตั้งแต่ปี 2554 ที่รัฐมีนโยบายโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ทำให้ราคาที่ดินเพิ่มสูงขึ้น
พิจารณาได้จากการจัดเก็บภาษีการโอนที่ดิน ที่เคยจัดเก็บได้สูงสุดในปี 2554 และเริ่มลดลงในปี 2557 โดยลดลงประมาณ 60 ล้านบาท เมื่อเทียบกับปี 2554
สำหรับราคาประเมินที่ดินในบริเวณศูนย์กลางธุรกิจของจ.อุดรธานี บริเวณ 5 แยกน้ำพุ แถบโครงการยูดีทาวน์นั้น คุณณรงค์ชัยระบุว่าปัจจุบันราคาประเมินสูงสุดอยู่ที่ตารางวาละ 1 แสน 5 หมื่นบาท ซึ่งราคาสูงขึ้นเมื่อปี 2554-2555 ต่อเนื่องถึงปัจจุบัน นอกจากนี้จำนวนที่อยู่อาศัยประเภท บ้านเดี่ยวและคอนโดมีเนียม ก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะคอนโดมีเนียม ที่ภายใน 2 ปี มีการก่อสร้างถึง 5 พันยูนิต จากผู้ประกอบการทั้งจากท้องถิ่น และรายใหญ่อย่างแสนสิริ ลุมพินี และกลุ่มซีพี
อย่างไรก็ตามผลกระทบจากเศรษฐกิจชะลอตัว และแบงก์เข้มงวดปล่อยกู้ลูกค้า ทำให้บางโครงการขายได้เพียงประมาณ 40-60%
แสนสิริเบรกคอนโดฯอุดรธานี
สำหรับปัญหาของโครงการ คอนโดมิเนียมของกลุ่มแสนสิริ ในนามบริษัทพิวรรธนา ซึ่งมีอยู่ 2 โครงการในจ.อุดรธานี คือ เดอะเบส ไฮท์ จำนวน 408 ยูนิต ราคาเริ่มต้น 1.9 ล้านบาท กำลังก่อสร้างและคาดว่าจะโอนได้ในไตรมาส 4 ปีนี้ ส่วนอีกโครงการคือเดอะเบสท์ เซ็นทรัล อุดรธานี 573 ยูนิต มียอดจองไม่ถึง 40% และเพิ่งแจ้งลูกค้าที่จองว่าขอยุติโครงการ และพร้อมคืนเงินให้ผู้จองนั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างขั้นตอนการลงเสาเข็ม
รายงานข่าวแจ้งว่าลุมพินีได้เข้าไปลงทุนโครงการคอนโดมีเนียมใน จ.อุดรธานีก่อนแสนสิริ ด้วยโครงการขนาด 1,300 ยูนิต ราคาเริ่มต้นประมาณ 1 ล้านบาท และปรับราคาเพิ่มเป็น 1.4 ล้านบาท โดยลุมพินีมีต้นทุนที่ดินที่ถูกกว่า เพราะซื้อมาในราคาตารางวาละ 50,000 บาท ขณะที่แสนสิริซื้อที่ดินมาในราคาสูงถึงประมาณ 100,000-150,000 บาท ทำให้แสนสิริทำตลาดได้ยาก ต้องตั้งราคาขายสูงกว่าอยู่ที่ยูนิตละ 2.6 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีนักธุรกิจท้องถิ่นกลุ่มสกายแลนด์ที่มีราคาขายสูงสุด 6-7 ล้านบาทต่อยูนิต
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
Back to top