View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 06/05/2015 6:31 pm Post subject: |
|
|
เครือข่ายมักกะสัน ร้อง สปช.หนุนโครงการสวนสร้างสรรค์ แทนพัฒนาเชิงพาณิชย์
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
6 พฤษภาคม 2558 14:22 น. (แก้ไขล่าสุด 6 พฤษภาคม 2558 14:38 น.)
ตัวแทนเครือข่ายมักกะสัน ยื่นหนังสือ สปช.หนุนสวนสร้างสรรค์ในพื้นที่โรงงานรถไฟมักกะสัน แทนการพัฒนาในเชิงพาณิชย์ของ ร.ฟ.ท.
วันนี้ (6 พ.ค.) ตัวแทนเครือข่ายมักกะสัน สวนสร้างสรรค์ นำโดยนางนิศานาถ รัตนนาคินทร์ ยื่นหนังสือต่อสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) เช่น นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์, นายบัณฑูรย์ เศรษฐศิโรตม์, นายมีชัย วีระไวทยะ, น.ส.สุภัทรา นาคะผิว เพื่อขอให้สนับสนุนโครงการมักกะสันสวนสร้างสรรค์ในพื้นที่โรงงานรถไฟมักกะสันให้เป็นรูปธรรม โดยขอให้ สปช.พิจารณาตั้งคณะกรรมการศึกษาพื้นที่มักกะสัน เพื่อนำไปสู่การประเมินสิ่งแวดล้อมระดับยุทธศาสตร์ โดยการมีสวนร่วมของเครือข่ายทุกภาคส่วนที่ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน เช่น นักวิชาการด้านสิ่งแวดล้อม นักผังเมือง นักภูมิสถาปัตย์ นักปฐพีวิทยา ผู้มีความรู้ด้านศิลปวัฒนธรรม เครือข่ายประชาชนที่สนใจ โดยการศึกษาดังกล่าวต้องเปิดเผยผลการศึกษาให้ประชาชนรับทราบทุกขั้นตอน รวมถึงระหว่างการศึกษาโดยคณะกรรมการศึกษาพื้นที่มักกะสัน ให้ทำหนังสือระงับโครงการใดๆ ที่อยู่ระหว่างการดำเนินงานในพื้นที่ดังกล่าว
ทั้งนี้ ในพื้นที่ที่เครือข่ายมักกะสันร้องขอให้ทำสวนสาธารณะนั้น ขณะนี้การรถไฟแห่งประเทศไทยเตรียมดำเนินการพัฒนาในเชิงพาณิชย์ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 10/05/2015 1:27 am Post subject: |
|
|
โยนบอร์ดเร่งหาที่ตั้งหมอชิตใหม่ บขส.ลุ้นรถไฟฯให้ใช้ที่ดิน 15 ไร่
โดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ อสังหา REAL ESTATE -
คอลัมน์ : อสังหาฯ-คมนาคม พิมพ์
ออนไลน์เมื่อ วันจันทร์ที่ 04 พฤษภาคม 2015 เวลา 20:27 น.
ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,050 วันที่ 7 - 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2558
ปัญหาที่ตั้งบขส.แห่งใหม่ยังค้างเติ่ง"ประจิน" โยนบอร์ดเคาะความชัดเจน ยันไม่ล้วงลูก แต่ขอรับฟังข้อเสนอก่อนพิจารณาเพื่อเห็นชอบ ชี้ชัดพื้นที่หมอชิตใหม่ย่านสถานีกลางบางซื่อให้ปรับเป็นเพียงจุดรับ-ส่งเท่านั้น ด้านบขส.หวังการรถไฟฯให้ใช้พื้นที่ 15-20 ไร่หรือใช้พื้นที่กรมธนารักษ์ใกล้เดโปบีทีเอสใช้งานในปัจจุบัน
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ถึงความคืบหน้ากรณีการพัฒนาพื้นที่ตั้งแห่งใหม่ของบริษัท ขนส่ง จำกัด(บขส.)ว่าได้มอบหมายให้คณะกรรมการ(บอร์ด)บขส.เป็นผู้พิจารณาความเหมาะสมว่าจะตั้งอยู่ที่ไหน อย่างไร ไม่อยากไปก้าวล่วงการปฏิบัติงานแต่อยากให้เร่งสรุปนำเสนอเพื่อความชัดเจนโดยเร็ว
3501"ให้เป็นอำนาจของบอร์ดบขส.เป็นผู้พิจารณาความเหมาะสมก่อนที่จะนำเสนอข้อมูลมาให้พิจารณาเห็นชอบ แต่ขณะนี้ยังบอกชัดเจนไม่ได้เพราะอยู่ระหว่างการพิจารณาของบอร์ดบขส. และบอร์ดก็ยังไม่ได้นำเสนอมาให้พิจารณาเห็นชอบแต่อย่างใด"
ด้านนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) กล่าวว่า ในเบื้องต้นคงจะเป็นเพียงจุดจอดแล้วจรเท่านั้น ส่วนการจะเป็นสถานีจอดรอขนาดใหญ่คงจะย้ายออกไปอยู่ในพื้นที่ที่บขส.อยู่ระหว่างการจัดหาพื้นที่จากที่มีให้เลือกประมาณ 3-4 ทำเลคือเมืองทองธานี คลองหลวง-รังสิตและจุดใกล้ๆเดโปบีทีเอส
"ได้แจ้งโดยวาจาให้กับสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.)ที่อยู่ระหว่างการศึกษาออกแบบพื้นที่ย่านพหลโยธินในเบื้องต้นว่าประมาณ 15-20 ไร่ แต่ยังไม่สามารถกำหนดจุดชัดเจนได้ในขณะนี้เนื่องจากอยู่ระหว่างการก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อของโครงการรถไฟสายสีแดง โดยจะทำหนังสือแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษรให้บขส.และสนข.ทราบต่อไป ส่วนเรื่องการจัดหาที่ตั้งแห่งใหม่ของบขส.นั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของบขส.เอง"
ด้านแหล่งข่าวระดับสูงของสนข.กล่าวว่า ปัจจุบันพื้นที่ย่านพหลโยธินทั้ง 2.3 พันไร่อยู่ระหว่างการศึกษาออกแบบรายละเอียด ในเบื้องต้นจะมีแนวคิดก่อสร้างทางเชื่อมใต้ดินในบางส่วน มีการเชื่อมโยงด้วยระบบขนส่งมวลชนด้วยโมโนเรล บางส่วน โดยจะมีการประชุมติดตามความคืบหน้าอีกครั้งช่วงกลางเดือนพฤษภาคมนี้
"เบื้องต้นแนวคิดจะสร้างเป็นทางเชื่อมใต้ดิน แต่จากที่คณะกรรมการคัดเลือกที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทยในการโอนสิทธิการใช้ประโยชน์ให้แก่กระทรวงการคลังเพื่อชำระหนี้คงค้างที่กระทรวงการคลังแต่งตั้งขึ้นมานั้นได้เสนอแนวคิดให้มีการสร้างสกายวอล์กเชื่อมโยงพื้นที่จากรถไฟ MRT ไปยังสถานีบางซื่อใกล้เอสซีจี เพราะเห็นว่าประหยัดงบประมาณนั้นก็มีความเป็นไปได้ แต่ยังมีปัจจัยแวดล้อมอื่นประกอบการพิจารณาอีกด้วย โดยมีการเสนอขอใช้พื้นที่ประมาณ 15 ไร่แต่ยังไม่ได้รับการอนุมัติใช้พื้นที่จากการรถไฟฯ"
สำหรับความคืบหน้าการจัดหาพื้นที่ก่อสร้างสถานีบขส.แห่งใหม่ทดแทนหมอชิตใหม่ซึ่งคาดว่าจะใช้งบไม่น้อยกว่า 3,000 ล้านบาทโดยจะใช้พื้นที่ประมาณ 150-200 ไร่นั้นประกอบไปด้วยพื้นที่ต่างๆประมาณ 3-4 แปลง คือ ย่านคลองหลวง รังสิต(ช่วงตั้งแต่ห้างฟิวเจอร์พาร์ครังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต) 3-4 แปลง และจุดใกล้ๆเดโปรถไฟฟ้าบีทีเอสของกรมธนารักษ์ซึ่งมีพื้นที่ประมาณ 1 แสนตร.ม. |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 10/05/2015 2:03 am Post subject: |
|
|
เคาะแล้วที่ดินที่ "มักกะสัน" พัฒนาเชิงพาณิชย์140ไร่
วันที่ 08 พฤษภาคม พ.ศ. 2558 เวลา 12:18:24 น.
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวถึงกรณีที่คณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ได้อนุมัติให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลังไปหารือเกี่ยวกับการโอนที่ดินของ รฟท.ที่มักกะสันให้กระทรวงการคลังเข้าไปบริหารจัดการเพื่อแลกกับการให้คลังเข้าไปรับภาระหนี้ของ รฟท. เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา ขณะนี้ทั้ง 2 กระทรวงอยู่ระหว่างการหารือในรายละเอียด โดยข้อตกลงเบื้องต้นนั้นจะมีการบริหารพื้นที่ทั้งสิ้น 490 ไร่ใน 3 ส่วน โดยจัดสรรที่ดินอย่างเหมาะสมระหว่างการสร้างพิพิธภัณฑ์ การสร้างสวนสาธารณะ และการสร้างพื้นที่เชิงพาณิชย์
"แนวทางการพัฒนาพื้นที่ที่ดินของการรถไฟฯ 490 ไร่นั้น ในเบื้องต้นจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ 1. พื้นที่พิพิธภัณฑ์ ซึ่งจะเป็นพิพิธภัณฑ์การขนส่งทางราง ใช้พื้นที่ 30 ไร่
2. พื้นที่สวนสาธารณะ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น 2 ระยะ
2.1 ระยะแรก 150 ไร่
2.2 ระยะที่ 2 170 ไร่ และ
3. ส่วนที่ 3 จะเป็นพื้นที่เชิงพาณิชย์และที่จอดรถ จะใช้พื้นที่รวม 140 ไร่ ซึ่งรายละเอียดทั้งหมดจะมีการหารือกันระหว่างหน่วยงานต่างๆ ต่อไป" พล.อ.อ.ประจินกล่าว |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44791
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 11/05/2015 6:12 pm Post subject: |
|
|
ที่รถไฟมักกะสัน 6 หมื่นล้าน ทำ สวน ดีที่สุดแล้วหรือ ??
ที่ดินแปลงนี้มีค่าที่สุด? ผมเคยประเมินไว้ว่าที่ดินสวนรถไฟมีค่าประมาณ 67,200 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย
เดลินิวส์ วันจันทร์ที่ 11 พฤษภาคม 2558 เวลา 5:12 น.
ดร.โสภณ พรโชคชัย
ตอนนี้มีการรณรงค์กันใหญ่ที่จะเอาที่การรถไฟแห่งประเทศ ไทยที่มักกะสันเนื้อที่ประมาณ 400-500 ไร่ ไปทำสวนสาธารณะ มีคนชูรักแร้เชียร์กันมากมาย นี่ถ้าผมต้องการเป็นคนดี ผมก็คงต้องไปร่วมเชียร์กันบ้าง ใครหรือจะไม่ชอบพื้นที่สีเขียว ผมคงได้หน้าได้ตาน่าดู แต่เรื่องนี้มีอะไรไม่ดีซ่อนเร้นอยู่ อย่าเพิ่งเชื่อในสิ่งที่เห็นนะครับ คนที่ค้านแนวคิดสวนสาธารณะเช่นที่ผมทำอยู่นี้เสี่ยงต่อการถูกด่าว่าในเชิงลบ แต่ผมไม่กลัวครับ ผมไม่ได้มีผลประโยชน์ส่วนตัวใด ๆ แต่เห็นแก่ประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนจึงกล้าออกมาค้านการสร้างสวนสาธารณะครับ
คนส่วนใหญ่เอาด้วยกับพวกอยากได้สวนจริงหรือ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2558 เครือข่ายมักกะสันสวนสร้างสรรค์อ้างว่ามีพวกกว่า 20,000 คนมาค้านการรถไฟแห่งประเทศไทยสร้างอาคารเชิงพาณิชย์และอยากให้นำที่ดินแปลงนี้ไปทำสวนสาธารณะ คำถามแรกก็คือเครือข่ายพวกนี้มีตัวตนจริงหรือ มีสมาชิกถึง 20,000 คนจริงหรือ เราจะคิดทำอะไรก็คงอยู่ที่เหตุผลไม่ใช่ถือวิสาสะ พวกมากลากไป นะครับ
สมบัติสาธารณะผืนสุดท้ายจริงหรือ เครือข่ายฯอ้างว่าพื้นที่มักกะสันเป็นสมบัติสาธารณะผืนสุดท้ายที่ใหญ่ที่สุด (http://goo.gl/YJepPx) นี่แค่อ้างก็ผิดแล้วครับ ในกรุงเทพมหานครยังมีที่ดินโรงงานยาสูบ 600 ไร่ ที่ดินท่าเรือคลองเตย 2,500 ไร่ ที่รถไฟฯ กม. 11 400 ไร่ นี่ยังไม่รวมค่ายทหารอีกมากมายที่หลายแห่งมีขนาดนับร้อยนับพันไร่ ที่สำคัญที่นี่ไม่ใช่สมบัติสาธารณะแต่เป็นของการรถไฟฯซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจที่ประชาชนทั้งประเทศเป็นเจ้าของ ไม่ใช่ให้ใคร สิบเบี้ยใกล้มือ คว้าเอาไปใช้เฉย ๆ
ที่ดินแปลงนี้มีค่าที่สุด? ผมเคยประเมินไว้ว่าที่ดินสวนรถไฟมีค่าประมาณ 67,200 ล้านบาทเป็นอย่างน้อย ถ้าคิดในแง่ของการลงทุนอาจได้สูงถึง 96,000 ล้านบาท แต่ที่ดินสนามม้าราชกรีฑาสโมสรที่ถนนราชดำริของสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ แม้จะมีขนาดประมาณ 225 ไร่ แต่หากประเมินตามราคาตลาดจะมีค่าถึงประมาณ 100,000 ล้านบาท มากกว่าที่ดินรถไฟมักกะสันเสียอีก ที่ดินที่มีค่ามากมายขนาดนี้เอาไปทำสวนสาธารณะจะดีหรือครับ เงิน 67,200 ล้านบาท ถ้าไปซื้อที่ดิน ชานเมืองทำสวนสาธารณะจะได้ที่ดินถึง 33,600 ไร่ หรือใหญ่กว่าที่รถไฟมักกะสันถึง 84 เท่า หรือมีขนาดพอ ๆ กับการเอาเขตดินแดง บางรัก ปทุมวัน ป้อมปราบศัตรูพ่ายพญาไท พระนคร ราชเทวี สัมพันธวงศ์ สาทร มารวมกันเสียอีก
การสร้างตึกสูงทำลายสิ่งแวดล้อม เครือข่ายฯ อ้างว่า สมควรใช้พื้นที่ในการปฏิรูปค่านิยมในการพัฒนาเมืองโดยเห็นแก่ความผาสุกของประชาชนส่วนใหญ่มิใช่ปล่อยให้มีการสร้างตึกสูงเพื่อการค้าของคนส่วนน้อยที่จะเพิ่มการทำลายสิ่งแวดล้อม กรณีนี้เป็นการมองความจริงด้านเดียว ความจริงอีกด้านที่ไม่กล่าวถึงก็คือการมีตึกสูงอยู่ในใจกลางเมืองมามาก ๆ ทำให้เกิดประสิทธิภาพการใช้ที่ดิน ไม่ใช่ปล่อยให้พัฒนาเปรอะไปหมดในเขตชานเมือง ยิ่งผังเมืองไม่ให้สร้างตึกสร้างบ้านในกรุงเทพมหานครโดยอ้างว่าจะรักษาสภาพแวดล้อมในกรุง คนก็ยิ่งต้องไปสร้างนอกเมือง ไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ทางด่วน รถไฟฟ้า ก็ยิ่งขยายตัวออกไปข้างนอกอย่างไม่สิ้นสุด นี่คือความสูญเสียทางเศรษฐกิจของประชาชนโดยที่พวก โลกสวย ไม่กล่าวถึง
ยุทธการใส่ร้ายป้ายสี เครือข่ายฯ ออกแถลงการณ์ด่วน ขอระดมรายชื่อมวลชนโดยอ้างว่ามีกลุ่มทุนอาศัยช่วงที่คนไทยกำลังให้ความสนใจกับเหตุแผ่นดินไหวที่เนปาลแอบแบ่งผลประโยชน์จากพื้นที่สวนมักกะสัน (http://goo.gl/Az0fQA) ถ้าเรารณรงค์เพื่อส่วนรวมด้วยฉันทาคติจะดีกว่าการใส่ร้ายป้ายสีคนเห็นต่างเช่นนี้ ถ้าเราเกรงจะมีทุจริตต้องเกาะติดใกล้ชิด ผีย่อมกลัวแสงสว่าง การทุจริตก็จะไม่เกิดขึ้น
จะเอาไปทำพิพิธภัณฑ์ทำไมกัน เครือข่ายฯอ้างว่าอาคารโกดัง/โรงซ่อมรถไฟมีอายุราว 100 ปี น่าจะเป็นโบราณสถาน สมควรรักษาไว้ เรื่องนี้พึงคิดให้ดี ๆ นะครับ ขออนุญาตฟันธงไปเลยครับว่าอาคารที่ไม่ได้มีรูปแบบสถาปัตยกรรมสวยสดงดงามเพราะเขาสร้างเป็นโกดัง/โรงซ่อมจะเก็บไว้ทำไม ถ้าจะเก็บก็เอาไปสร้างที่อื่น ที่รถไฟมีอีกมากมาย อย่าให้คนตายขายคนเป็นเลยครับ พวก โลกสวย ห้ามย้ายกระทั่งว่าอาคารโกดัง/โรงซ่อมเก่าเพียงเพื่อหวังลากถูให้ที่ดินผืนนี้ไม่ต้องพัฒนาอะไรเลย ที่กรุงโตเกียว นครโตรอนโต ฯลฯ เขาสร้างอาคารใหม่ขนาดใหญ่ยักษ์คร่อมอาคารเก่าไปเลยหรือไม่ก็รื้อไปเลยไม่ใช่ปล่อยไว้เป็น จระเข้ขวางคลอง อย่างนั้น
เอะอะก็อ้างปอดของคนกรุง ข้ออ้างก็คือการอยากจะเก็บพื้นที่นี้เป็นปอดของคนกรุง ฟังดูก็น่าจะมีเหตุผล แต่ความจริงกลับไร้เหตุผลจริง ๆ เหมือนอย่างที่กรมการผังเมืองขีดพื้นที่บางกระเจ้าให้เป็นปอดของคนกรุง ทำไมชาวบางกระเจ้าต้องเสียสละเพื่อให้เป็นปอดของคนกรุง ถ้าไม่ต้องการให้พวกเขาสร้างตึกอยากให้เป็นเรือกสวนตลอดไปก็ควรจ่ายค่าทดแทนให้เขาไป
อย่ากลัวหายใจไม่ออก มีบางคนอ้างว่าถ้ามีอาคารมาก ๆ จะหายใจไม่ออก อันนี้เป็นความเท็จอย่างแน่นอน ดูอย่างกรุงโซล หรือ กรุงโตเกียว ถ้าเราขึ้นไปบนอาคาร Tokyo Skytree มองลงมาจะตกใจเลยว่าทำไมกรุงโตเกียวมีแต่ตึก แทบไม่มีสวนหรือต้นไม้อะไรเลย แต่ก็ไม่มีปัญหาอะไร ทุกวันนี้ที่หนาแน่นกว่าไทย ไม่ว่าจะเป็นนิวยอร์ก ปารีสลอนดอน ต่างก็มีพื้นที่อยู่กันอย่างหนาแน่นและหนาแน่นขึ้นทุกวัน
โลกสวยแต่ไม่รับผิดชอบ?!? ถ้าเราอยากได้ที่ดินผืนนี้เป็นปอดของคนกรุงจริง ๆ ก็ควรจะซื้อ ผมในฐานะผู้ประเมินค่าทรัพย์สินขั้นวุฒิและมีประสบการณ์ประเมินมานานถึง 25 ปีเคยประเมินไว้ ณ ราคา 67,200 ล้านบาท คนกรุงมีอยู่ 5.7 ล้านคน คนหนึ่งก็ต้องสละเงินประมาณ 11,800 บาทมาซื้อที่แปลงนี้ ซึ่งก็คงเป็นสิ่งที่เป็นไปได้ยาก หลายคนอยากได้สวน แต่ไม่อยากจ่ายโดยเฉพาะกลุ่มที่เรียกร้องอยากได้สวนด้วย กรุงเทพมหานครอาจจัดงบประมาณมาผ่อนซื้อสัก 20 ปีกับการรถไฟฯก็ยังพอเป็นไปได้ แต่ถ้าผู้บริหารกรุงเทพมหานครตัดสินใจซื้อที่ดินจริง ชาวบางแค บางนา บางเขน บางคอแหลม ฯลฯ อาจคัดค้านเพราะไม่ได้อยู่ใกล้พื้นที่นี้ ไม่ได้ใช้ประโยชน์ด้วย อาจไม่เห็นด้วยกับการซื้อเช่นกัน
พวกโลกสวยมักชอบลวงให้หลง?!? พวกโลกสวยมักอ้างว่าทำพื้นที่นี้ให้เป็นสวนสาธารณะมาก ๆ จะทำให้เกิดมูลค่าเพิ่มแก่ที่ดินเอง ข้อนี้เป็นความจริงบางส่วน กล่าวคือ หากที่ดิน 100% เอาไปทำถนนและสวนสัก 20% ก็อาจดูไม่งามตาเท่าที่ควรแต่ถ้าเอาไปทำถนนและสวนสัก 30-40% ก็จะดูดีขึ้น ทรัพย์สินที่เหลือก็จะดูดีมีระดับมากขึ้น แต่ถ้าเราเอาที่ 60-70% ไปทำถนนและสวนก็คงไม่ได้มูลค่าเพิ่มแก่ที่ดินส่วนที่เหลือมากนัก เข้าทำนองผลตอบแทนที่ลดลง (Diminishing return) คล้ายกับการแต่งหน้าทาปากของสาว ๆ ถ้าไม่แต่งเลย ก็ดูปอน ๆ ไม่งามตา แต่งพอสมควรก็จะดูสวยขึ้นเป็นกอง แต่ถ้าแต่งมากไป ก็จะกลายเป็นคนบ้า เป็นต้น
สร้างสวนอย่างไรให้ได้ประโยชน์ทุกฝ่าย การสร้างสวนหรือพื้นที่สีเขียวนั้นมีหลายทางไม่ใช่เฉพาะการปล่อยให้พื้นดินเขียว ๆ สมัยอาคารเขียวนี้เราสามารถสร้างสภาพแวดล้อมแบบสวนในอาคาร การทำสวนขนาดใหญ่บนดาดฟ้าอาคาร การทำสวนตามระเบียงอาคาร ฯลฯ ไม่จำเป็นต้องทำบนพื้นที่ราบเรียบแต่อย่างใด อาคารเขียวที่มีคุณภาพย่อมสร้างรายได้และมีมูลค่าสูงกว่าอาคารธรรมดาด้วยซ้ำไป นอกจากนั้นยังประหยัดพื้นที่ แฟนเฟซบุ๊กคนหนึ่งของผมกล่าวว่า ผมมีความคิดว่าให้สร้างอาคารหรือตึกที่ออกแบบให้เป็นสวนในตัวครับรวมทั้งทำให้เป็นตึกประหยัดพลังงานและใช้พลังงาน renewable/clean energy เพื่อเป็นต้นแบบให้ที่อื่นโดยผมจินตนาการมานานแล้วว่าอยากให้ออกแบบคล้ายสวนบาบิโลนโบราณซึ่งถ้าทำได้มันจะกลายเป็น Landmark แห่งใหม่ของกรุงเทพฯ เลย
ใครอยู่เบื้องหลังต้องการสวนสาธารณะ ถ้าทำให้ที่ดินทั้งผืนเป็นสวนสาธารณะได้ เจ้าของบ้านและที่ดินโดยรอบจะได้ประโยชน์มหาศาลเพราะอยู่ใกล้สวน มูลค่าทรัพย์ของพวกเขาคงเพิ่มขึ้นอีกมหาศาล ถ้าไทยมีระบบภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเก็บภาษีตามมูลค่าทรัพย์ก็คงจะดี แต่นี่เราไม่มี ก็เท่ากับให้พวกเขา ถูกหวย รวยกันไปจากการที่ที่ดินแปลงนี้ถูก ปล้น ไปทำสวนให้พวกเขา เจ้าของทรัพย์สินที่ได้ประโยชน์จากการแปลงที่ดินแปลงนี้เป็นสวนสาธารณะอาจอยู่เบื้องหลังความเคลื่อนไหวนี้ก็ได้ ลองตรองดูครับ ประชาชนทั่วไปที่อาศัยอยู่ในกรุงคงไม่มีแม้กระทั่งเวลามาเย้ว ๆ อย่างพวกนี้อย่างแน่นอน
เอื้อนายทุนจริงหรือ? การจะพัฒนาที่ดินแปลงใหญ่ก็ต้องมีเอกชนมาร่วมทุนมาประมูลกันไป เพื่อนำเม็ดเงินมาพัฒนาประเทศ หากมีการประมูลกันอย่างโปร่งใส การเอาที่แปลงนี้ไปทำสวนสาธารณะต่างหากที่เอื้อประโยชน์ต่อนายทุนเจ้าของที่ดินรายใหญ่ ๆ รายรอบที่ดินแปลงนี้ต่างหาก!!!
อย่าเอาเงินหลวงมาล้างขาดทุน ?!? การที่จะเอาที่ดินแปลงนี้ให้เอกชนทำประโยชน์นั้นก็เพื่อนำเงินมาพัฒนาการรถไฟฯ การรถไฟฯ มีหนี้อยู่ 60,000 กว่าล้านบาท ที่ดินแปลงนี้พอที่จะเอามาล้างหนี้ได้สบาย ๆ หากไม่ล้างหนี้ด้วยวิธีนี้ ก็ต้องเอาภาษีอากรของประชาชนทั่วประเทศมาโปะลงไป แต่ขณะเดียวกันก็ยกที่ให้ชาวกรุง อย่างนี้มีความยุติธรรมหรือไม่ นี่ไม่ใช่การสร้างความแตกแยกระหว่างชาวกรุงกับชาวภูธร แต่เราควรสร้างความสมานฉันท์บนความเป็นธรรม
อย่าสับสนระหว่างล้างขาดทุนกับทุจริต การล้างขาดทุนก็เพื่อการรถไฟฯ จะได้พัฒนาต่อไปพัฒนาบริการและคุณภาพรถให้ดีขึ้นเพื่อประชาชนทั้งชาวกรุงและชาวภูธรได้ประโยชน์ไปทั่ว รถไฟพัฒนา ประชาชนก็ได้ประโยชน์ตกถึงมืออย่างแน่นอน อย่างนี้ดีกว่าการเอาภาษีประชาชนไปโปะแน่นอน ส่วนการรถไฟฯ มีทุจริตตรงไหน ก็จัดการกันไปอย่างจริงจัง รัฐบาลอาจใช้ ม.44 ล้างบางทุจริต หรือสำนักงาน ป.ป.ช.ก็อาจเข้ามาตรวจสอบกันอย่างขนานใหญ่ เพราะที่ผ่านมาแทบไม่ได้ทำอะไรนอกจากส่งเสริมการทำดีโน่นนี่และมัวแต่ตรวจสอบเฉพาะนักการเมืองฝ่ายตรงข้ามอย่างเอาเป็นเอาตายในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
ควรสร้างศูนย์ธุรกิจในศูนย์ธุรกิจ ถ้าเราสามารถจัดสรรที่ดินแปลงนี้เช่น ประมาณ 400 ไร่ มาทำประโยชน์สัก 70% หรือ 280 ไร่ แบ่งที่ออกเป็นแปลง แปลงละ 8 ไร่เท่ากับสำนักงานใหญ่ของธนาคารกรุงเทพบนถนนสีลม ก็จะตั้งอาคารขนาดใหญ่แบบธนาคารกรุงเทพได้ถึง 35 อาคาร กลายเป็นศูนย์ธุรกิจขนาดย่อมที่มีรถไฟฟ้าผ่าน ใครอยากสร้างอาคารก็มาที่นี่ ไม่ต้องกระเสือกกระสนไปสร้างที่อื่นให้เปรอะไปหมด ธุรกิจต่าง ๆ ก็จะมีประสิทธิภาพมากขึ้น การขยายเมืองอย่างไร้ทิศผิดทางก็จะลดลง นี่คือข้อดีของการพัฒนาที่ดินแปลงนี้
สรุปแล้วเราควรคิดให้รอบคอบ แฟนเฟซบุ๊กอีกคนของผม บอกว่า อาจารย์บอกเค้าว่ากรุงเทพฯ ไม่ใช่ประเทศไทยครับ อย่าคิดจะเอาแต่ได้นะครับผม เห็นใจประเทศชาติและประชาชนทั้งประเทศเถอะครับ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 11/05/2015 11:41 pm Post subject: |
|
|
"ไพศาล" โพสต์ "บิ๊กตู่"สั่งตีราคาที่ดินรถไฟมักกะสันใหม่ ย้ำราคาเช่า 3แสนล. ไม่ใช่ 3หมื่นล.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
10 พฤษภาคม 2558เวลา 13:11:46 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายไพศาล พืชมงคล กรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี(พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Paisal Puechmongkol เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ระบุว่า
ในฐานะไพร่ฟ้าข้าแผ่นดิน วันนี้ผมขอกราบคารวะพล.อ.ประยุทธ์ นายกรัฐมนตรี อย่างจริงใจ สั่งการแล้วครับ นายกสั่งการในที่ประชุมวันที่ 6 พ.ค. ให้ตีราคาที่ดินรถไฟมักกะสันที่กำลังจะหวานคอแร้งใหม่!!!
1. เนื้อที่ดินจริง 497ไร่ ไม่ใช่ 427 ไร่ดังที่ผมเคยพูดนะครับเป็น prime area มีราคากว่าที่ดินพหลโยธินที่เซ็นทรัลเช่า 30 ปี ค่าเช่า 30,000 ล้าน
2. นายกสั่งให้ตีราคาทั้งแปลง 497 ไร่ ไม่ใช่ตีราคาแค่ที่ก่อสร้าง127ไร่
ขอยืนยันว่าที่รถไฟมักกะสัน 497 ไร่ ถ้าให้เช่า 99 ปีต้องมีราคา 300,000 ล้านบาท ไม่ใช่ 20,000-30,000 ล้านบาทดังที่คนเจ้าเก่ากลุ่มหนึ่งกำลังทำกันนะครับ
แล้วเราท่านจะไม่ร่วมกันขอบพระคุณท่านนายกหรือครับ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 12/05/2015 10:06 am Post subject: |
|
|
ขีดเส้น มิ.ย.สรุปโอนที่มักกะสันล้างหนี้รถไฟ เปิดทางเอกชนร่วมทุนเดินรถ-ซ่อมบำรุง
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
11 พฤษภาคม 2558 18:12 น. (แก้ไขล่าสุด 11 พฤษภาคม 2558 18:31 น.)
ขีดเส้น มิ.ย.สรุปโอนที่มักกะสันล้างหนี้รถไฟ เปิดทางเอกชนร่วมทุนเดินรถ-ซ่อมบำรุง
ประจิน เร่งแผนฟื้นฟูรถไฟ สรุปแผนโอนที่ดินมักกะสันให้คลังนำร่องเพื่อเคลียร์หนี้สินภายใน มิ.ย.นี้ พร้อมเปิดเอกชนร่วมทุนทั้งงานซ่อมบำรุง เดินรถสายสีแดง และแอร์พอร์ตลิงก์ ยันสรุปตั้งกรมการขนส่งทางรางใน พ.ค.นี้
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังประชุมทบทวนแผนฟื้นฟูการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ว่า การฟื้นฟูตามมติที่ประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เมื่อเดือน ม.ค. โดยให้ ร.ฟ.ท.ดำเนินงานใน 5 แผนงาน คือ 1. ความชัดเจนของนโยบาย 2. การพัฒนากรมการขนส่งทางราง 3. การโอนสิทธิ์ที่ดินให้กระทรวงการคลังเพื่อแก้ปัญหาหนี้สิน 4. แนวทางการให้เอกชนร่วมงานกับรถไฟสายสีแดง 5. การกำกับดูแลโครงการสำคัญต่างๆ โดยในเรื่องการโอนสิทธิ์ที่ดินเพื่อชำระหนี้ให้กระทรวงการคลังนั้นจะนำร่องก่อนที่ดินแปลงมักกะสันจำนวน 497 ไร่ โดยคลังได้มอบหมายให้กรมธนารักษ์เข้ามาร่วมกับ ร.ฟ.ท.ในการจ้างที่ปรึกษาประเมินราคาที่ดินและค่าเสียโอกาส ซึ่งได้พิจารณาวางผังในการพัฒนาออกเป็น 3 ส่วน คือ 1. พิพิธภัณฑ์การรถไฟ หรือขนส่งทางราง เนื้อที่ 30 ไร 2. พื้นที่สวน ประกอบด้วยบึงมักกะสัน เลนจักรยาน และพื้นที่สีเขียว เนื้อที่ 150 ไร่ 3. พื้นที่พาณิชย์ 140 ไร่ รวมกับลานจอดรถ และถนนเข้าออก โดยจะสรุปในเดือน มิ.ย.นี้ ส่วนที่เหลือ 170 ไร่จะพัฒนาในเฟส 2 จัดทำให้ครบที่มีกิจการเดิม ทั้งที่พัก สถานพยาบาลจะทบทวนว่าจะสร้างที่เดิมหรือย้ายออกไป
ส่วนแนวทางการให้เอกชนร่วมงานหรือร่วมลงทุนกับรถไฟนั้น ซึ่งมีโครงการรถไฟสายสีแดง และรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ซึ่งมอบหมายให้ ร.ฟ.ท. และสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ร่วมกันพิจารณาแนวทางที่เหมาะสม ส่วนแอร์พอร์ตลิงก์จะเร่งพิจารณาการดำเนินงานรถไฟฟ้า 9 ขบวนเดิม และจัดหาเพิ่มอีก 7 ขบวนว่าจะให้เอกชนเข้ามาร่วมได้อย่างไร รวมถึงเส้นทางส่วนต่อขยาย พญาไท-ดอนเมือง ว่าควรจะให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนตั้งแต่เริ่มต้นโครงการ ทั้งงานโครงสร้างพื้นฐาน และการเดินรถหรือไม่
งานด้านกำกับดูแลโครงการที่สำคัญ มีความคืบหน้ารถไฟทางคู่ 6 เส้นทาง คือ 1. เส้นทางฉะเชิงเทรา-คลองสิบเก้า-แก่งคอย ซึ่งได้มีการปรับราคากลางเรียบร้อยแล้วรอประกวดราคา คาดได้ผู้รับเหมาในเดือน ก.ค. ปีนี้ 2. เส้นทางจิระ-ขอนแก่น ผ่านความเห็นชอบจาก ครม.แล้ว และจะเร่งสรุปแหล่งเงินลงทุนใน ก.ค. 58 โดยใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี 3. เส้นทางประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร คณะกรรมการสิ่งแวดล้อม (EIA) อนุมัติ แล้ว จะเร่งดำเนินการสรุปเสนอ ครม.ในช่วง ก.ค.-ส.ค.นี้ 4. ลพบุรี-ปากน้ำโพ 5. มาบกะเบา-จิระ และ 6. นครปฐม-หัวหิน อยู่ระหว่างเร่งรัดการดำเนินงานให้เป็นไปตามแผน
สำหรับกรมการขนส่งทางราง จะรับผิดชอบโครงสร้างพื้นฐาน กำหนดนโยบายและกำกับดูแล ซึ่งจะประชุมสรุปในปลายเดือน พ.ค. และสรุปจัดตั้งได้ใน ก.ย.นี้ ส่วน ร.ฟ.ท.รับผิดชอบงานเดินรถและซ่อมบำรุง ซึ่งจะประชุมสรุปในปลายเดือน พ.ค. และสรุปจัดตั้งได้ใน ก.ย.นี้ โดยนโยบายนั้นต้องการให้ ร.ฟ.ท.ทำหน้าที่ในการเดินรถ ส่วนการซ่อมบำรุงเป็นไปได้ที่จะเปิดโอกาสให้เอกชนเข้ามามีส่วนร่วมมากขึ้นทั้งแบบการทำสัญญาซ่อมบำรุงโดยตรง หรือให้เอกชนมาร่วมในเรื่องการลงทุนในสัดส่วนที่เหมาะสม รวมไปถึงรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ด้วย พร้อมกันนี้ ร.ฟ.ท.จะต้องพัฒนาบุคลากรที่มีในปัจจุบัน 14,000 คนเพิ่มขีดความสามารถ เพื่อสนับสนุนการบริการในภาพรวมที่เกี่ยวกับรางขนาด 1 เมตรที่จะมีการปรับปรุงให้ดีขึ้น และรางขนาดมาตรฐาน 1.435 เมตรที่จะก่อสร้างเพิ่ม รวมถึงพัฒนาโรงเรียนวิศวกรรมรถไฟ และมหาวิทยาลัยที่มีการสอบด้านระบบขนส่งทางราง
อย่างไรก็ตาม ตามแผนงานจะมีการจัดหาหัวรถจักร โบกี้เพิ่ม และเตรียมแผนเปลี่ยนรถจักรดีเซลเป็นรถไฟฟ้าภายในปี 2575 แก้ปัญหาจัดตัดรถไฟ และเพิ่มบริการ ติดตั้ง CCTV ปรับปรุงห้องน้ำ เพิ่มที่นั่งคนพิการจาก 5 ที่นั่งเป็น 10 ที่นั่งต่อโบกี้, ปรับปรุง 12 สถานี เป็น IT Service ภายในสิ้นปี 2558 กำหนด KPI ในการเดินรถ เช่นกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ จาก 14 ชม. เหลือไม่เกิน 13 ชม. หรือเฉลี่ยทุกเส้นทางเร็วขึ้น 1.30 ชม. |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 14/05/2015 9:12 pm Post subject: |
|
|
ลมหายใจสุดท้ายของสวนมักกะสัน...ประชาชนคือผู้ตัดสิน
โดย ASTVผู้จัดการรายวัน
13 พฤษภาคม 2558 22:18 น.
สวนมักกะสัน ยังคงเป็นประเด็นร้อนยังไม่มีทีท่าว่าจะคลี่คลาย จากพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ที่ถูกขนานนามว่า ปอดของกรุงเทพฯ ตอนนี้มาถึงทางแยกของการจัดการในมือรัฐบาล มันอาจจะกลายเป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ใจกลางกรุงอีกแห่ง หรือเป็นชิ้นเค้กทางอสังหาริมทรัพย์เพื่อชดใช้หนี้ในหน่วยงานรัฐ หรืออาจเป็นบางอย่างที่ล้ำค่าและสร้างประโยชน์ยั่งยืนให้กับชาวเมือง อย่างไรก็ตาม ประชาชนก็ควรมีส่วนร่วม
ล่าสุดหลังกลุ่ม อยากให้มักกะสันเป็นสวนสาธารณะและพิพิธภัณฑ์ จุดประเด็นเคลื่อนไหวเชิงอนุรักษ์ มาถึงตอนนี้ เครือข่ายมักกะสัน กลายเป็นกลุ่มก้อนใหม่ที่ลุกขึ้นเดินหน้าพร้อมประกาศรับแนวร่วม โดยสามารถร่วมลงชื่อได้ที่ www.makkasan.net/vote
อาทิตย์ โกวิทวรางกูร สมาชิก เครือข่ายมักกะสัน พลเมืองอิสระ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เมดิคราฟท์ จำกัด เผยถึงการลงชื่อครั้งนี้เป็นไปเพื่อสนับสนุนความคิดที่จะจัดการพื้นที่สวนมักกะสันโดยให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการตัดสินใจ โดยรวมตัวกันเป็นเครือข่ายและเคลื่อนไหวในลักษณะแตกต่างตามวิถีทางของตนเองอยู่ในลักษณะของการเคลื่อนไหวร่วมกัน
ลักษณะของเครือข่ายมักกะสันไม่ได้เป็นองค์กรที่แข็งตัว หรือมีรูปแบบการทำงานอย่างนั้น เป็นเครือข่ายที่ยืดหยุ่นที่ให้คนที่เห็นประเด็นนี้มาร่วมกันในการขับเคลื่อน
โดยเป้าหมายที่เกิดขึ้นนี้คือกระบวนการที่คนเมืองหรือแม้แต่คนต่างจังหวัดที่มีความเห็นกับประเด็นนี้ได้ร่วมกันออกความเห็นว่า สวนมักกะสันจะเป็นอย่างไรถึงจะสร้างประโยชน์ให้กับสังคมได้สูงที่สุด ตอบแทนคืนแก่คนในทุกระดับสังคมอย่างเท่าเทียมกันอีกด้วย
เบื้องต้นรายชื่อที่มารวมกันเราอยากจะบอกไปถึงคนที่ตัดสินใจอยู่ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าเราคิดว่ามันมีทางออกที่ดีกว่าในแบบที่รัฐบาลเสนอมา แม้ว่าแบบที่รัฐบาลเสนอมาล่าสุดมันจะมีส่วนประกอบที่ดีกว่าแบบยุคแรกที่เป็นคอมเพล็กซ์ล้วนๆ แต่มันเป็นแค่ขั้นต้น การออกแบบพื้นที่ขนาดใหญ่แบบนี้มันอีกหลายวิธีที่จะทำให้มูลค่ามันตอบโจทย์ทั้งชีวิตคนเมือง ทั้งนักท่องเที่ยวต่างประเทศ ตอบโจทย์อะไรต่างๆ มากมาย
โดยในส่วนของรายละเอียดเขาเผยว่าในเครือข่ายมีการพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญในด้านต่างๆ ในการถกเถียงถึงมูลค่าของพื้นที่ทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นด้านสิ่งแวดล้อมที่มีปัจจัยในการเป็นที่ผลิตออกซิเจน การเป็นที่ซับน้ำฟอกน้ำในเมือง หรือสภาพแวดล้อมที่พัฒนาให้แก่เด็กและเยาวชนซึ่งมีกว่ามูลค่าทางอสังหาริมทรัยพ์ทั่วไปนับ 10 เท่า
มิติซ้อนทับมันเยอะมาก การตีมูลค่าก็หลากหลายมาก ถ้ามองและคิดแบบเดิมก็จะอยู่ในกรอบและไม่สามารถดึงประสิทธิภาพที่มีอยู่ออกมาได้เต็มที่ แต่ไม่ได้หมายความว่าวิธีคิดของเครือข่ายมักกะสันมันจะละเลยการจัดการเรื่องรายได้หรือการอยู่รอดจนต้องให้รัฐมาอุดหนุน เราจะร่วมหาทางออกที่มันวิน-วินทั้งสองฝ่ายจริงๆ
ทั้งนี้ แน่นอนว่าปัญหาหนึ่งที่เครือข่ายเป็นห่วงคือการเข้ามาของกลุ่มทุนต่างๆซึ่งต้องการแสวงหาผลประโยชน์จากพื้นที่แห่งนี้ การเป็นพื้นที่สีเขียวกลางเมืองจึงเป็นวาระสำคัญที่ต้องระดมไอเดียกันเพื่อให้ได้ทางออกที่ลงตัวกับทุกฝ่าย โดยคำตอบก็มีอยู่อย่างไม่จำกัดอยู่เพียงห้างสรรพสินค้า หรือสวนสาธารณะเท่านั้น
ตอนนี้คือทางรัฐเหมือนพยายามจะแบ่งแยกแปลงเหมือนพยายามจะแบ่งสันปันส่วนประโยชน์อะไรบางอย่างเพื่อให้มันลงตัว แต่จริงๆ การเอาโจทย์มาวางสามารถทำให้คำตอบมันกลมกลืนและได้ใช้งานอะไรที่หลากหลายมากกว่า สวน คอนเพล็ก หรือพิพิธภัณฑ์ มันยังมีศูนย์การเรียนรู้สำหรับเด็ก ยังมีศูนย์สำหรับเอสเอ็มอี มีอินโนเวชันเซ็นเตอร์ มันเยอะแยะมากมายเลยครับในเมืองนอกที่เขาทำกันและประเทศไทยเราก็สามารถทำได้
ในส่วนของประเด็นที่รัฐบาลจะให้พื้นที่สวนมักกะสันในการแก้ไขปัญหาหนี้อันมีมาช้านานของรัฐบาลเองนั้น ทางเครือข่ายก็มีทางออกที่สามารถจัดการกับปัญหาได้ พร้อมทั้งพัฒนาสวนมักกะสักให้ทำประโยชน์อย่างยั่งยืนต่อไปด้วย
ไม่น่าเชื่อว่าพื้นที่หนึ่งเวลามันมาอยู่ในเมืองเนี่ยเวลาเรามองมันมีความเป็นไปได้อีกทางหนึ่งที่มันจะเป็นประโยชน์กับประเทศนี้ เราก็อยากจะเสนอให้รัฐบาลฟังเราเหมือนกัน ถึงตอนนี้เราก็กำลังเร่งทำการระดมความคิด และในอีก 1 - 2 เดือนนี้น่าจะเสร็จสิ้น มันจะเริ่มปรากฏรูปร่างตามลำดับ
เขามองว่าสิ่งนี้จะเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในวิถีพลเมืองที่จะร่วมกันเป็นขบวนการเพื่อเปลี่ยนกรอบความคิดในการจัดการพื้นที่สาธารณะ
มันจะเป็นการร่วมมือกันของรัฐ เอกชน และประชาชน โดยยังมีเครือข่ายอื่นๆ ในต่างจังหวัดที่ได้รับแรงบันดาลใจจากการเคลื่อนไหวตรงนี้ และพร้อมจะเคลื่อนไหวเพื่อจัดการพื้นที่สาธารณะของตนเอง
เมื่อถามถึงสิ่งที่คาดหวังกับเคลื่อนไหวครั้งนี้ เขาเผยว่า ถือเป็นการทำหน้าที่ของพลเมืองให้ดีที่สุด
เราเห็นคำตอบที่ดีกว่า เราเห็นเมืองนอกเขาทำได้ แล้วเมืองไทยก็ไม่ได้ด้อยกว่าใครในโลกนี้ในเรื่องพวกนี้แม้ว่าที่ผ่านมันจะยังไม่เคยประสบความสำเร็จก็ตาม เราคิดว่าเราจะทำให้มันสุดฝีมือ สุดกำลังที่เราทำได้ มันก็แล้วแต่และแล้วแต่ คนที่เห็นพวกเราทำงานแล้วอยากจะเข้ามาร่วมด้วยนะครับ
//------------------
MAKE MAKKASAN REAL: หรือมักกะสันจะเป็นแค่ฝันหวานของคนกรุง?
By Phanuphan Veeravaphusit May 12, 2015 / 15:09 ICT
งานนี้ มี สงครามน้ำลายระหว่างคนเมืองขอนแก่น กะ คนกรุง เพราะ ต่างฝ่ายต่างก็ไม่มีใครยอมใครแน่ๆ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 14/05/2015 9:14 pm Post subject: |
|
|
8-11-57 Nation X Files ตอน ห้างฮุบ...ชุมชนรถไฟบ่อบัว
เรื่องโดย Nation TV
วันที่ 25 พฤศจิกายน 2557 17:53 น.
ชาวบ้านชุมชนตลาดบ่อบัว จ.ฉะเชิงเทรา (บริเวณ สถานี แปดริ้วเดิมที่ กม. 63.4 ) กว่า 400 เรือน กำลังถูไล่รื้อถอนบ้านที่อาศัยอยู่มาเกือบร้อยปี กลุ่มทุนอ้างสิทธิ์เช่าที่ดินการรถไฟหวังแปรสภาพพื้นที่เป็นห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ ทางรอดชุมชนจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ใน Nation X Files ตอน ห้างฮุบชุมชนรถไฟบ่อบัว วันเสาร์ที่ 8 พฤศจิกายน 2557 เวลา 21.15-21.30 น. ทางเนชั่นทีวี
รถไฟไล่รื้อชุมชนบ่อบัว ฉะเชิงเทรา
เรื่องโดย Nation TV
วันที่ 14 พฤษภาคม 2558 10:59 น.
สถานการณ์ไล่รื้อชุมชนริมทางรถไฟที่ ชุมชนบ่อบัว จ.ฉะเชิงเทรา (บริเวณ สถานี แปดริ้วเดิมที่ กม. 63.4) ค่อนข้างตรึงเครียดเมื่อเจ้าหน้าที่นำกำลังเข้ามาทำให้ชาวบ้านนำยางรถยนต์ และบังเกอร์มาปิดทางเข้าชุมชนเพื่อป้องกันการไล่รื้อ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 18/05/2015 4:06 pm Post subject: |
|
|
เปิดพิมพ์เขียวที่ดิน "มักกะสัน" 497 ไร่เวอร์ชั่น "รัฐบาล คสช."
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
18 พฤษภาคม 2558 เวลา 14:30:07 น.
หลังหารือมาหลายครั้ง ในที่สุดก็นิ่งเสียที สำหรับโมเดลการพัฒนาที่ดินย่าน "มักกะสัน" พื้นที่ 497 ไร่ ที่ดินไพรมแอเรียของ "ร.ฟ.ท.-การรถไฟแห่งประเทศไทย" ที่ปล่อยร้างมานานนับปี
พัฒนาสวน-พาณิชย์-พิพิธภัณฑ์
ล่าสุดทั้ง 2 กระทรวง "คมนาคมและคลัง" เคาะโควตาจัดสรรปันส่วนการพัฒนาพื้นที่ ตามโจทย์ที่ "คสช.-คณะรักษาความสงบแห่งชาติ" ให้การบ้านไว้สำหรับเป็นปอดคนกรุงเทพฯและพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์สร้างรายได้คืนคลังหลังรับโอนสิทธิ์การพัฒนาที่ดินระยะยาวเพื่อแลกหนี้ของร.ฟ.ท.
"พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง" รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า การโอนสิทธิ์ที่ดินเพื่อชำระหนี้ให้กระทรวงการคลังนั้น จะนำร่องเป็นแห่งแรกคือ ที่ดินมักกะสัน พื้นที่ 497 ไร่ โดยกระทรวงการคลังได้มอบหมายให้กรมธนารักษ์เข้ามาร่วมกับ ร.ฟ.ท.ว่าจ้างที่ปรึกษาประเมินราคาที่ดินและค่าเสียโอกาสที่ ร.ฟ.ท.จะได้รับ จะสรุปภายในเดือนมิถุนายนนี้
สำหรับการพัฒนาได้วางผังพื้นที่ออกเป็น 3 ส่วน ประกอบด้วย 1.พิพิธภัณฑ์รถไฟ พื้นที่ 30 ไร่ 2.พื้นที่สวน ประกอบด้วยบึงมักกะสัน เลนจักรยาน และพื้นที่สีเขียว พื้นที่ 150 ไร่ และ 3.พื้นที่เชิงพาณิชย์เฟสแรก 140 ไร่ รวมกับลานจอดรถ และถนนเข้าออก ส่วนอีก 177 ไร่จะพัฒนาในเฟส 2 ระยะเวลาถัดไปอีก 2-3 ปีข้างหน้า เนื่องจากมีที่พักและโรงพยาบาลของ ร.ฟ.ท.อยู่ กำลังจะทบทวนว่าจะคงไว้ที่เดิมหรือย้ายออกไปยังที่ใหม่ ให้ ร.ฟ.ท.ทำรายละเอียดมาเสนอต่อไป
รอประเมนราคาแลกหนี้ก้อนโต
ด้าน "กุลิศ สมบัติศิริ" ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวกับ "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ที่ประชุมคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมา ให้กระทรวงคมนาคมกับกระทรวงการคลังพิจารณาที่ดินมักกะสันแปลงเดียวก่อนในการนำมาแลกหนี้ของ ร.ฟ.ท.ว่าจะลดภาระหนี้ได้เท่าไหร่หลังมีการพัฒนาตามโมเดลใหม่แล้ว หากไม่เพียงพอถึงจะมาพิจารณาที่ดินแปลงอื่นต่อไป เช่น สถานีแม่น้ำ 277 ไร่ บริเวณ กม.11 จำนวน 359 ไร่
"ที่ดินมักกะสันจะต้องแบ่งพื้นที่เป็นปอดคนกรุงเทพฯการพัฒนาเชิงพาณิชย์อาจจะได้ไม่มาก ทำให้มูลค่าโครงการลดลงตามไปด้วย ทางกรมธนารักษ์และการรถไฟฯต้องให้ที่ปรึกษามาประเมินใหม่ จะประเมินทั้ง 497 ไร่ เพื่อให้ทราบมูลค่าที่แท้จริง จะชำระหนี้ได้เท่าไหร่ ไม่พอก็หาที่แปลงใหม่เพิ่ม"
โดยเอกชนที่สนใจในการพัฒนาโครงการให้กับกรมธนารักษ์จะต้องมีการออกแบบการใช้ประโยชน์ที่ดินให้สอดคล้องกันระหว่างพื้นที่ปอดและเชิงพาณิชย์ความตั้งใจของรัฐบาลอยากจะให้เหมือนกับโครงการมารีน่าเบย์ของประเทศสิงคโปร์
เปิดพิมพ์เขียวโมเดล คสช.
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในเฟสแรกแยกการพัฒนา 3 ส่วน (ดูแผนผัง) ตามแนวคิดของ คสช. โดยพื้นที่พัฒนาเชิงพาณิชย์ จำนวน 140 ไร่ จะอยู่ติดกับสถานีมักกะสันของรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงก์ ปัจจุบันเป็นพื้นที่ย่านโรงงานมักกะสัน
ทั้งนี้ เมื่อหักถนนเข้าออกและลานจอดรถประมาณ 60 ไร่ จะเหลือพื้นที่พัฒนาจริง ๆ ประมาณ 80 ไร่ อยู่ที่กรมธนารักษ์จะออกแบบการพัฒนาเป็นแบบไหน ซี่งมีความเป็นไปได้สูงจะไม่เป็นอาคารที่สูงมากนัก ส่วนพื้นที่สวนสาธารณะและพิพิธภัณฑ์รถไฟจะอยู่บริเวณพื้นที่สับเปลี่ยนย่านโรงงานรถไฟ พื้นที่อาคารโรงงานและกลุ่มอาคารพัสดุ ส่วนเฟส 2 จะอยู่บริเวณพื้นที่นิคมรถไฟและโรงพยาบาลฉัตรไชยากร
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ขณะที่การประเมินมูลค่าจะพิจารณาทั้งแปลง 497 ไร่ แม้จะไม่ได้นำที่ดินทั้งหมดมาใช้ในเชิงพาณิชย์ทั้งหมดก็ตาม เพราะถือว่าเป็นค่าเสียโอกาสให้กับ ร.ฟ.ท. จากเดิมกระทรวงการคลังจะคิดเฉพาะพื้นที่เชิงพาณิชย์เท่านั้น ล่าสุด พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีนโยบายชัดเจนในที่ประชุม คนร.เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมา จะให้มีการประเมินมูลค่าที่ดินย่านมักกะสันยกแปลง
"จากนี้คมนาคมกับคลังจะต้องหารือกันถึงมูลค่าที่ดินซึ่งเดิม ร.ฟ.ท.ประเมินไว้กว่า 5-6 หมื่นล้านบาท และระยะเวลาเช่าจะเป็น 30 ปีหรือ 50 ปี ส่วนการแลกหนี้ทางคลังจะยอมเคลียร์ให้ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท จากทั้งหมด 7 หมื่นล้านบาท" แหล่งข่าวกล่าว
ทั้งหมดเป็นหน้าตาผังการใช้ประโยชน์ที่ดินย่านมักกะสัน ณ เวลานี้ ไม่รู้หลังหมดเวลาของ "รัฐบาล คสช." แล้ว โมเดลนี้จะยังคงอยู่หรือล่มสลายตามไปด้วย
เพราะที่ผ่านมาไม่ว่ารัฐบาลไหนมากำกับดูแล ร.ฟ.ท. ก็ต้องหยิบที่ดินแปลงนี้มารื้อและทบทวนใหม่ ไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ไหน ๆ รัฐบาลชุดนี้ก็มีอำนาจพิเศษอยู่ในมือแล้ว อย่าปล่อยโอกาสและเวลาให้สูญเปล่า
//-----------------------------
อีตาโสภณ พรโชคชัย เปิดศึกกับ Makkasan Hope ชนิด ที่ จ้องจบแบบ Bitter End แน่นอน
ผู้ว่าฯ ลอนดอน ไม่ยอมเอามักกะสันไปทำสวน
โดย : ดร.โสภณ พรโชคชัย
กรุงเทพธุรกิจ
วันที่ 15 พฤษภาคม 2558, 01:00
จดหมายถึงนายก: อย่าให้ใครปล้นที่ดินรถไฟมักกะสัน 490 ไร่ไปทำสวน
14 พฤษภาคม 2015 เวลา 13:37 น.
จดหมายเปิดผนึกถึงนายกรัฐมนตรี ต้านการปล้นที่รถไฟไปทำสวน |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 22/05/2015 11:59 am Post subject: |
|
|
การรถไฟปรับแผนล้างหนี้แสนล้าน เปิดประมูล 277ไร่ "ริมเจ้าพระยา"
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
22 พฤษภาคม 2558 เวลา 10:12:33 น.
เปิดแผนล้างหนี้การรถไฟฯ ล้างไพ่แผนพัฒนา 3 โปรเจ็กต์ยักต์ ล้มคอมเพล็กซ์แสนล้าน "มักกะสัน-กม.11" ผุดโมเดลเพื่อสังคมกึ่งเชิงพาณิชย์ เตรียมเปิดประมูลสถานีแม่น้ำ 277 ไร่ ดึงเอกชนพัฒนาที่ต่างจังหวัดรับรถไฟไทย-จีน ตั้งเป้าหารายได้เพิ่ม 10%
นายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ปีนี้จะเร่งนำที่ดิน 3 แปลงใหญ่ใจกลางเมืองมาพัฒนาสร้างรายได้ระยะยาว 30 ปี เพื่อปลดภาระหนี้ที่มีอยู่ 1 แสนล้านบาท และตั้งเป้าให้มีรายได้จากการบริหารทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 10% จากปัจจุบันมีรายได้ปีละ 2,200 ล้านบาท
"การหารายได้จากที่ดินทำเลทองเป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูกิจการ การรถไฟฯ มีที่หลายแปลงสวย ๆ ที่เป็นไฮไลต์สามารถนำมาสร้างรายได้ให้องค์กรได้"
แปลงแรกคือ ย่านมักกะสัน 497 ไร่ที่ได้ข้อสรุปแล้วจะยกให้กระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์เช่าพัฒนาระยะยาว เพื่อแลกหนี้ให้การรถไฟฯ จำนวนหนึ่ง ล่าสุดอยู่ระหว่างประเมินมูลค่าที่ดินและค่าเสียโอกาสที่การรถไฟฯจะได้รับ คาดได้ข้อสรุปต้นเดือนมิถุนายนนี้
"ที่ดินแปลงนี้รัฐบาลชุดปัจจุบันจะพัฒนา 3 ส่วน โดยเน้นสวนสาธารณะเป็นหลัก เพื่อให้เป็นปอดคนกรุง พร้อมสร้างพิพิธภัณฑ์รถไฟและพาณิชยกรรม เรามีคณะทำงานร่วมกับกระทรวงการคลัง กำลังว่าจ้างที่ปรึกษาประเมินมูลค่าทรัพย์สิน ว่าคลังจะเช่ากี่ปีถึงจะคุ้ม" นายวุฒิชาติกล่าวและว่า
แปลงที่ 2 บริเวณสถานีแม่น้ำย่านคลองเตย 277 ไร่ ใกล้แม่น้ำเจ้าพระยา จะเปิดให้เอกชนเช่าระยะยาว ขณะนี้รอผลศึกษาที่เคยทำแล้วมาพิจารณาอีกครั้ง ล่าสุดมีบริษัทต่างชาติจากประเทศสิงคโปร์สนใจจะมาลงทุนพัฒนาโครงการ อย่างไรก็ตาม การรถไฟฯต้องเปิดประมูลตามขั้นตอนทั่วไป
และแปลงที่ 3 บริเวณ กม.11 ทำเลด้านหลังอาคารศูนย์พลังงานแห่งชาติ (เอ็นเนอร์ยี่ คอมเพล็กซ์) เนื้อที่ 359 ไร่ ล่าสุด พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีนโยบายจะให้พัฒนาพื้นที่บางส่วนเป็นสวัสดิการของคนรถไฟ รูปแบบคล้ายกับวิสาหกิจชุมชน ประกอบด้วย ตลาด พื้นที่สีเขียว สันทนาการ โรงพยาบาลขนาด 300-500 เตียง
โดยจะย้ายโรงพยาบาลบุรฉัตรไชยากร จากมักกะสันมาอยู่ที่นี่ด้วย และให้เอกชนร่วมพัฒนา รวมถึงอาคารอยู่อาศัยรองรับพนักงานรถไฟที่ กม.11 และรับส่วนที่จะโยกย้ายมาใหม่จากมักกะสันและจากสถานีหัวลำโพง ซึ่งในอนาคตจะเดินรถน้อยลง หลังจากสถานีกลางบางซื่อก่อสร้างเสร็จ
"ส่วนโรงเรียนวิศวกรรมรถไฟจะย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดที่มีที่ดินรองรับได้ประมาณ 300- 400 ไร่ เช่น กาญจนบุรี พื้นที่ภาคตะวันออก เพื่อสร้างศูนย์พัฒนาระบบรางและศูนย์ฝึกอบรมไปด้วยตามนโยบายของรัฐมนตรีกระทรวงคมนาคม"
นายวุฒิชาติกล่าวว่า ยุคนี้จะไม่เน้นพัฒนาเชิงพาณิชย์มากนัก จากแผนที่เคยจะลงทุนสร้างเป็นคอมเพล็กซ์และศูนย์การค้าขนาดใหญ่ตามรูปแบบเดิมที่การรถไฟฯ ศึกษาไว้ ซึ่งมีมูลค่าโครงการถึง1.33 แสนล้านบาท ซึ่งการพัฒนายังทำอยู่ต่อไป แต่จัดลำดับความสำคัญของแผนใหม่ในแต่ละโซน ประกอบด้วย
1.พื้นที่เพื่อนันทนาการ
2.พื้นที่เพื่อรองรับพนักงาน ร.ฟ.ท.ที่ทำการส่วนราชการ
3.พื้นที่กลุ่มอาคารสำนักงานและพาณิชยกรรม
4.พื้นที่สวนและลานกิจกรรมกลางแจ้ง
5.พื้นที่กลุ่มอาคารและสำนักงานด้านพลังงานแห่งชาติและ
6.พื้นที่ศูนย์ประชุม ศูนย์แสดงสินค้า และโรงแรม
จากสภาพปัจจุบัน ร.ฟ.ท.ใช้ประโยชน์พื้นที่บริเวณนี้หลายส่วน มีทั้งเป็นที่อยู่อาศัยพนักงาน ประกอบด้วยแฟลตพักอาศัย 983 ครอบครัว บ้านเดี่ยว 72 ครอบครัว และเรือนแถว 876 ครอบครัว ที่ทำการลานอเนกประสงค์ อาคารเรียนสำหรับเด็กอ่อน คลับเฮาส์ สนามซ้อมกอล์ฟพื้นที่ 35 ไร่ ฝ่ายบริหารงานบุคคลด้านฝึกอบรม บริเวณสำนักงานฝึกอบรมและพัฒนา รวมทั้งโรงเรียนวิศวกรรมรถไฟพื้นที่ 58 ไร่
"ขณะเดียวกันเรามีแผนจะนำที่ด้านข้างสถานีบางซื่อ 70-80 ไร่ ให้เอกชนเข้ามาร่วมพัฒนาเชิงพาณิชย์เหมือนต่างประเทศ เพื่อรองรับรถไฟสายสีแดงที่จะเปิดใช้ในอนาคตอันใกล้ รวมถึงรถไฟระบบต่างๆ เพราะบางซื่อจะเป็นศูนย์กลางการเดินทางเชื่อมกรุงเทพฯ ปริมณฑลและภูมิภาค"
นอกจากนี้ ร.ฟ.ท.เตรียมนำที่ดินรอบสถานีในจังหวัดใหญ่ ๆ ที่มีศักยภาพมาให้เอกชนเช่าระยะยาวด้วย เช่น สถานีเชียงใหม่ สถานีอุบลราชธานี ฯลฯ คาดว่าจะได้รับความสนใจเนื่องจากทำเลมีศักยภาพ พร้อมจะนำที่ดินบางส่วนในต่างจังหวัดมาพัฒนาเป็นสถานีบรรจุและแยกสินค้า (ICD) และศูนย์รวบรวมสินค้าระบบตู้คอนเทนเนอร์ (CY) เพื่อเพิ่มความสะดวกในการขนส่งสินค้า รูปแบบอาจจะร่วมกับเอกชน เช่น สถานีนาทา จ.หนองคาย เนื้อที่กว่า 200 ไร่ จะพัฒนาเป็นซีวาย รองรับรถไฟไทย-จีน จากเส้นทางหนองคาย-นครราชสีมา-แก่งคอย-มาบตาพุดและแก่งคอย-กรุงเทพฯ รวมถึงที่ดินสถานีองครักษ์และศาลายา
คุณ Yuiji แกแสดงออกมาเป็นภาพดั่งนี้
http://thinkofliving.com/2015/05/25/%E0%B9%80%E0%B8%9B%E0%B8%B4%E0%B8%94%E0%B9%81%E0%B8%9C%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%87%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%96%E0%B9%84%E0%B8%9F/
Last edited by Wisarut on 01/06/2015 2:51 am; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
|