View previous topic :: View next topic
Author
Message
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
Posted: 06/06/2015 12:47 am Post subject:
ธนา บี้ บิ๊กจิน เคลียร์กลับลำทำรถไฟฟ้าสายสีส้มเส้นเดิม ปูดเอื้อผลประโยชน์
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์
5 มิถุนายน 2558 12:52 น. (แก้ไขล่าสุด 5 มิถุนายน 2558 13:38 น.)
"ธนา"แฉพิรุธเปลี่ยนเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้ม
โพสต์ทูเดย์
05 มิถุนายน 2558 เวลา 13:28 น.
อดีต ส.ส.ปชป.แถลงข้อพิรุธเปลี่ยนเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มกลับมาใช้เส้นทางที่ 1 ทั้งที่แพงกว่า ประชาชนเดือดร้อนเพียบ และเห็นพ้อง รฟม.ใช้เส้นที่ 2 แล้ว จี้ ประจิน เคลียร์เหตุใดใช้อำนาจโดยพลการกลับมติบอร์ด ย้อนสร้างสถานีใต้เอสพลานาดรอแล้ว ขอ คจร.อย่าอนุมัติ ชี้ส่อผิดกฎหมาย วอน ประยุทธ์ ระงับโครงการ ปูดมีทุนระดับชาติครอบครองพื้นที่เดินรถ ลั่นประชาชนใช้สิทธิระงับเต็มที่
วันนี้ (5 มิ.ย.) นายธนา ชีรวินิจ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงถึงความไม่ชอบมาพากลในการเปลี่ยนเส้นทางเดินรถสายสีส้มของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. ว่าเดิมมีการกำหนดเส้นทางที่ 1 ซึ่งจะสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนเป็นจำนวนมาก เนื่องจากต้องเวนคืนที่ดิน การทำจัดทำผลสำรวจสามด้านนั้นย่านดินแดงซึ่งจะมีประชาชนเดือดร้อนกว่าหนึ่งพันครอบครัว ทำให้ประชาชนออกมาคัดค้านและมีการเสนอเส้นทางที่ 2 ซึ่งได้มีการศึกษาและมีความเห็นร่วมกันทั้งประชาชนและ รฟม.ว่าเส้นทางที่ประชาชนเสนอมีเหตุผลในการเดินรถมากกว่าเส้นทางสายที่ 1 โดยมีการรับฟังความเห็นประชาชนปลายเดือนพฤศจิกายน ปี 2557 ทั้ง รฟม.และประชาชนเห็นตรงกันร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะประหยัดงบประมาณได้หลายพันล้านและเสียเวลาในการก่อสร้างเพิ่มอีกเพียงแค่ 2 เดือนเท่านั้น
แต่ไม่ทราบเพราะเหตุใด พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคมกลับยึดความเห็นตัวเองว่าจะกลับไปใช้เส้นทางเส้นที่ 1 โดยเสนอ คจร. ในวันที่ 10 มิถุนายน 2558 ก่อนจะขอความเห็นชอบต่อ ครม.ต่อไป จึงขอถามว่า รมว.คมนาคมมีข้อมูลพิเศษอะไรจึงทำให้ใช้อำนาจโดยพลการกลับมติบอร์ด รฟม.เช่นนี้ และขอให้ทบทวนเรื่องดังกล่าว รวมทั้งหากมีการเสนอไปยัง คจร.ก็ขอเรียกร้องไม่ให้อนุมัติเพราะเป็นเรื่องที่ไม่ชอบธรรมและไม่น่าจะถูกกฎหมาย โดยอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้า คสช. และนายกรัฐมนตรีใช้อำนาจที่มีระงับโครงการดังกล่าวด้วย นายธนากล่าว
นายธนาระบุว่า เส้นทางที่ 1 ที่ รมว.คมนาคมจะนำกลับมาใช้นั้นเป็นเส้นทางที่ประหลาดที่สุดเพราะขัดต่อหลักการสร้างรถไฟใต้ดินที่ต้องไม่ให้ประชาชนได้รับผลกระทบจึงมีการสร้างใต้ดินแม้ว่าค่าก่อสร้างจะราคาแพงกว่า แต่เส้นทางนี้วิ่งผ่ากลางดินแดงเลย และพบว่าใต้อาคารเอสพลานาดมีการสร้างขารองรับสถานีรถไฟเส้นดังกล่าวแล้ว จึงอยากถามว่านี่คือเหตุผลที่ต้องใช้เส้นทางนี้เวนคืนที่ดินแถวดินแดงจนสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนใช่หรือไม่
นอกจากนี้ ที่ผ่านมา รฟม.ยอมรับว่าจะมีการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ในโครงการรถไฟใต้ดินเพื่อประโยชน์ของ รฟม.เป็นครั้งแรก คือ พื้นที่โรงเรียนดรุณพิทยาในปัจจุบัน ซึ่งมีเนื้อที่กว่า 20 ไร่ โดยอ้างว่าจะใช้พื้นที่นี้สร้างอสังหาริมทรัพย์รองรับประชาชนที่ถูกเวนคืนให้ไปอยู่ในพื้นที่ดังกล่าว แต่มีคำถามว่า รฟม.สามารถดำเนินการเช่นนี้ได้หรือไม่ อีกทั้งเมื่อมีการทักท้วงบอร์ด รฟม.ก็เห็นพ้องกับประชาชนที่จะเปลี่ยนจากเส้นทางที่ 1 มาเป็นเส้นทางที่ 2 ตามข้อเสนอของประชาชนแล้ว
นายธนาตั้งคำถามไปถึง รมว.คมนาคมว่า เมื่อมีการศึกษาแล้วยืนยันว่าเส้นทางที่ 2 ดีกว่า บอร์ด รฟม.มีมติเห็นด้วยเสนอ รมว.คมนาคม และรักษาการผู้ว่า รฟม.เคยทำหนังสือถึงประชาชนว่าเปลี่ยนเส้นทางเป็นเส้นทางที่ 2 เรียบร้อยแล้ว แต่ รมว.คมนาคมกลับเสนอเส้นทางที่ 1 ซึ่งใช้งบประมาณมากกว่าหลายพันล้านบาทเพราะจะยาวกว่าเส้นทางที่ 2 ถึง 1.3 กิโลเมตร จึงมีค่าใช้จ่ายเพิ่มทั้งค่าเวนคืนที่ดินและการก่อสร้าง อีกทั้งยังเป็นจุดที่ประชาชนทั่วไปเข้าไม่ถึงรถไฟสายสีส้ม เพราะไม่มีจุดเชื่อมต่อ
ขอตั้งคำถามไปยัง รมว.คมนาคมว่ามีข้อมูลพิเศษที่รู้คนเดียวจากใครใช่หรือไม่ว่าการเดินรถไฟเส้นที่ 1 เกิดประโยชน์กว่าเส้นที่ 2 ข้อมูลดังกล่าวคืออะไร เพราะมีข่าวว่ามีกลุ่มทุนระดับชาติไปครอบครองพื้นที่ที่จะมีการเดินรถแล้ว รัฐบาลมาจากการยึดอำนาจเพื่อสร้างความผาสุกให้ประชาชน แต่โครงการนี้ไม่สนองนโยบายดังกล่าว จึงขอให้ทบทวนถ้ายังเดินหน้าหรือมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องประชาชนจะใช้สิทธิระงับยับยั้งตั้งแต่ชั้นศาลปกครองไปจนถึงการร้องต่อ ป.ป.ช.หากมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องมากเนื่องจากเส้นทางเดิมปรับระดับของท่อรถไฟใต้ดินสูงเพื่อเข้าสถานีใต้ตึกเอสพานาร์ดจึงต้องผ่าดินแดง ขอให้นึกถึงผลประโยชน์ประเทศชาติและประชาชนเป็นหลัก ถ้าทำไม่ชอบมาพากลผมและประชาชนจะใช้สิทธิที่มีอย่างเต็มที่ต่อไป นายธนากล่าว
นายธนากล่าวว่า ตนยังเชื่อว่านายกรัฐมนตรีมีเจตนาทำประโยชน์เพื่อประชาชน จึงขอส่งผ่านข้อมูลนี้ไปยังนายกรัฐมนตรีด้วยว่ามีความไม่ชอบมาพากล ขอให้ใช้อำนาจยับยั้งไม่เช่นนั้นจะเป็นจุดด่างของรัฐบาลชุดนี้แน่นอน โดยประชาชนจะใช้สิทธิทางศาลปกครอง หรือถ้ารัฐมนตรีทำมิชอบ หรือมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้องก็ผิดมาตรา 157 จะยื่นเรื่องต่อ ป.ป.ช. เพราะการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์หาประโยชน์ให้รฟม.จะขัดคำวินิจฉัยศาลปกครองสูงสุดที่เคยวินิจฉัยเกี่ยวกับเรื่องการเวนคืนที่ดินไว้แล้วว่าไม่ได้ใช้ประโยชน์สาธารณะเต็มที่ตามเจตนารมณ์ของกฎหมาย จะต้องคืนทรัพย์ให้ประชาชน เช่น กรณีคำวินิจฉัยที่ อ. 788/2556 จึงขอยืนยันว่าตนและประชาชนจะสู้ทุกขั้นตอนเพราะนี่ไม่ใช่โครงการรถไฟใต้ดินแล้วแต่เป็นโครงการบนดินหากเดินหน้าต่อก็เท่ากับดำเนินการเหมือนที่รัฐบาลยิ่งลักษณ์พยายามทำมาก่อนหน้านี้ประชาชนก็ต้องใช้สิทธิทางกฎหมายปกป้องตัวเอง
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
Posted: 07/06/2015 6:14 pm Post subject:
บอร์ด รฟม.ยืนยันรถไฟฟ้าสีส้มยึดแนวเส้นทางเดิมและ พร้อมเจรจาทำความเข้าใจมวลชน
Written by: กอง บก.ข่าวเศรษฐกิจ
เศรษฐกิจ
สำนักข่าวไทย
มิถุนายน 2558 11:49 น.
บอร์ด รฟม.ยืนยันรถไฟฟ้าสีส้มยึดแนวเส้นทางเดิมและ พร้อมเจรจาทำความเข้าใจมวลชน
พลเอกยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานกรรมการ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า การประชุมบอร์ดรฟม. เมื่อวันที่ 3 มิถุนายนที่ผ่านมา ได้มีการหารือถึงปัญหา แนวเส้นทางก่อสร้างรถไฟฟ้า สายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-มีนบุรี ที่ปัจจุบัน มีมวลชนออกมาคัดค้าน แนวเส้นที่ 1 ซึ่งเป็นแนวเส้นทางเดิม (ผ่านดินแดง-ประชาสงเคราะห์ ) ที่ศึกษาไว้ และให้ไปแนวถนนพระราม 9 แทน ซึ่งเรื่องนี้ บอร์ด รฟม.เห็นว่า ยังควรใช้แนวเส้นทางก่อสร้างเดิม โดยเหตุผลส่วนหนึ่ง มาจาก การที่ รฟม. ได้มีการลงทุนก่อสร้าง จุดต่อเชื่อม ของสายสีส้ม ไว้ที่สถานีศูนย์วัฒนธรรม ของเส้นทางรถไฟฟ้าใต้ดิน สายสีน้ำเงิน (หัวลำโพง-บางซื่อ) ที่ให้บริการในปัจจุบัน โดยภายในสถานีศูนย์วัฒนธรรม มีห้องโถง ผู้โดยสารขนาดใหญ่ รองรับการต่อเชื่อมได้ ดังนั้น จึงเป็นเรื่องที่ ต้องมีการเจรจาทำความเข้าใจกับมวลชนที่อยู่อาศัยในสายทางต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ปัญหาแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มนี้ กระทรวงคมนาคม ได้เตรียมแผนที่จะนำเสนอปัญหาเข้าสู่ ที่ปะชุมคณะกรรมการ จัดระบบการจราจร (คจร.) ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งจะมีการประชุมหารือในวันที่ 10 มิ.ย.นี้ โดยล่าสุด มีรายงานระบุว่า นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในการประชุม
ทั้งนี้ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมามีกลุ่มมวลชนที่อยู่อาศัย ในแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้ม ตลิ่งชัน-มีนบุรี ได้เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รวมถึงขอเข้าพบ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ให้ทบทวนการกลับมติบอร์ดที่เสนอให้ย้ายแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-มีนบุรี จากตัดผ่านชุมชนประชาสงเคราะห์ เขตดินแดง มาใช้ถนนถนนพระราม 9 แทน
แต่หาก รฟม.ยืนยันจะกลับไปใช้แนวเส้นทางเดิมที่ผ่าน ดินแดง-ประชาสงเคราะห์ ชาวบ้านยื่นข้อเสนอขอให้ รฟม.ก่อสร้างโดยใช้หัวเจาะ และเปิดหน้าดินที่สถานีบริเวณโรงเรียนอรุณ ซึ่งมีพื้นที่กว้าง และให้ปรับแนวเส้นทางเดิมตามแผนแม่บทจากสามเหลี่ยมดินแดง เลี้ยวซ้ายเข้าถนนวิภาวดี ลอดข้ามไปฝั่งตรงข้ามผ่านด้านข้างโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรี ผ่านชุมชนประชาสงเคราะห์ มาใช้แนวถนนมิตรไมตรี โดยไม่ผ่านชุมชน มุ่งหน้าสถานีศูนย์วัฒนธรรม ซึ่ง กทม. มีโครงการที่จะปรับปรุงขยายถนนมิตรไมตรี อยู่แล้วก็ให้ทำไปพร้อมๆกัน เพื่อลดผลกระทบที่มีต่อโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรีและชุมชน
ส่วนความคืบหน้าด้านอื่นๆ ของรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกช่วงตลิ่งชัน-พระราม 9 ขณะนี้ รฟม.ได้ว่าจ้างบริษัทที่ปรึกษาศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรืออีไอเอ และพื้นที่ที่จะต้องทำการเวนคืนที่ดินจากประชาชน ซึ่งโดยส่วนมากจะเป็นบริเวณสถานี เบื้องต้นจากการสำรวจพบว่ามีประมาณ 50 ราย คาดว่าจะใช้เวลาในการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมประมาณ 3 เดือน โดยจะแล้วเสร็จภายในเดือน มิ.ย.นี้ ภายหลังดำเนินการเสร็จ รฟม.จะนำเสนอผลการศึกษาต่อคณะกรรมการบริหารกิจการ (บอร์ด) รฟม. และเสนอไปยังสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม (สผ.) เพื่ออนุมัติ หลังจากนั้น รฟม.จะเร่งรัดดำเนินการส่งเรื่องไปยังกระทรวงคมนาคมและคณะรัฐมนตรี อนุมัติการก่อสร้างเพื่อให้โครงการเดินหน้าต่อไปอย่างเร่งด่วนตามนโยบายของรัฐบาล ในส่วนของการออกแบบรายละเอียดนั้น รฟม.ได้ดำเนินการไปพร้อมๆกับการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม ซึ่งในบางจุดจะต้องมีการทำความเข้าใจกับประชาชนเพื่อลดความ อย่างไรก็ตาม คาดว่ารถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกจะยังไม่สามารถเปิดประกวดราคาได้ทันภายในปี 2558 นี้ เนื่องจากแนวสายทางของรถไฟฟ้านั้นมีบ้านเรือน อาคารพาณิชย์เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะต้องมีการรับฟังความเห็นกันอีกครั้งภายหลังจากศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเรียบร้อยแล้ว
สำหรับรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกนั้นมีแนวสายทาง เริ่มต้นจากสถานีรถไฟชุมทางตลิ่งชัน ชานเมืองด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของกรุงเทพฯ ฝั่งธนบุรี เข้าสู่ย่านบางกอกน้อยลอดแม่น้ำเจ้าพระยา เข้าสู่เขตพระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย และเขตดุสิต ผ่านสถานที่สำคัญ เช่น สนามหลวง ถนนราชดำเนิน ภูเขาทอง ตลาดมหานาคเข้าสู่ใจกลางเมืองย่านราชเทวีประตูน้ำ โดยโครงสร้างเป็นใต้ดินตลอดแนวสายทาง.-สำนักข่าวไทย
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
Posted: 08/06/2015 4:48 am Post subject:
เสนอสผ.ดูผลกระทบอีไอเอโมโนเรลสายสีเทา |
เดลินิวส์
วันอาทิตย์ที่ 7 มิถุนายน 2558 เวลา 21:47 น.
เสนอสผ.ดูผลกระทบอีไอเอโมโนเรลสายสีเทา กทม.พร้อมเดินหน้าก่อปลายปี59 เร่งศึกษาวิธีหางบลงทุน 27,000 ล้านบาท
รายงานข่าวแจ้ง ความคืบหน้า โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเดี่ยว(โมโนเรล) สายสีเทา ว่า สำนักการจราจรและขนส่ง(สจส.)กรุงเทพมหานคร(กทม.) ได้ยื่นรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม หรืออีไอเอ ต่อ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างที่รอการอนุมัติอีไอเอ โดยระหว่างการรอขั้นตอนนี้ กทม.ได้ทำการศึกษารูปแบบการลงทุนโครงการควบคู่ไปด้วยเพื่อไม่ให้โครงการล่าช้า ทั้งนี้รูปแบบการลงทุนที่ ศึกษานั้นได้กำหนดแนวทางเบื้องต้นไว้ 4 แนวทาง ได้แก่
1.ใช้งบของ กทม.เองในการลงทุน โดยวิธีนี้ กทม.ต้องจัดหางบในการลงทุนประมาณ 27,000 ล้านบาท แต่เนื่องจาก ปัจจุบัน กทม.อยู่ในช่วงขนาดสภาพคล่องทางการเงิน เพราะมีงบค่าใช้จ่ายต่างๆ มากกว่ารายได้ ทำให้การเดินหน้าโครงการด้วยงบประมาณตนเองเป็นไปได้ยาก
2.ของบลงทุนจากรัฐบาล
3.เปิดให้ เอกชนร่วมลงทุน แต่อาจจะติดปัญหาล่าช้า ตามกระบวนการของ พรบ.ร่วมทุน และ
4. ให้วิสาหกิจของ กทม. คือ บริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด(เคที) ดำเนินการภายใต้รูปแบบนิติบุคคลเฉพาะกิจ หรือเอสพีวี (Special Purpose Vehicle)โดยดำเนินการตามเงื่อนไขที่กำหนด เช่น เดียวกับที่ กทม. ดำเนินการรถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีลม สถานีสะพานตากสิน -เพชรเกษม ที่ กทม.มอบหมายให้ เคทีเป็นตัวกลางในการบริหารโครงการและระดมทุนโครงการต่าง ๆ แทน กทม. ซึ่งแนวทางนี้เป็นแนวทางที่เป็นไปได้มากที่สุดเพราะกทม.เคยทำมาแล้ว โดยจะทำให้ โครงการสามารถเดินหน้าได้และไม่ล่าช้าจนเกินไป ซึ่งเมื่อผ่านอีไอเอแล้วก็จะสามารถดำเนินการได้ทันที
คาดว่าขั้นตอนนี้หากเป็นไปตามระยะเวลาที่กำหนด จะใช้เวลา 6 เดือน และช่วงปลายปี 2559 จะเริ่มลงมือก่อสร้างได้ โดยจะใช้เวลาก่อสร้างรวมประมาณ 3ปี จะเสร็จเปิดให้บริการได้ปลายปี 2562 โดยการก่อสร้างจะเริ่มดำเนินการในช่วงแรกก่อน คือ ช่วงวัชรพล-ทองหล่อ ระยะทาง 16.25 กิโลเมตร 15 สถานีในส่วนของขบวนรถไฟ น่าจะเป็นลักษณะ 3 ตู้ ตัวเลขประเมินจะมีผู้โดยสาร 4,000-40,000 คน ต่อวันในช่วง 20 ปีแรก จากนั้นอาจจะมีการเพิ่มตู้ขบวน ซึ่งเส้นทางดังกล่าวจะสอดรับกับโครงข่ายการจราจรหลักของรัฐบาลที่จะทยอยเสร็จในช่วงปี2560 เป็นต้นไป
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
Posted: 08/06/2015 4:49 am Post subject:
จี้รัฐลุยเมกะโปรเจ็กต์ ลือ"อุ๋ย"สั่งรื้อรถไฟฟ้า
ไทยโพสต์
วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน 2558 เวลา - 00:00
ลือรื้อรถไฟฟ้าสายชมพู-เหลือง
ลือรื้อรถไฟฟ้าสายชมพู-เหลือง ลือคณะกรรมการ รฟม.ปรับแผนการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลือง เปลี่ยนเป็นเอกชนลงทุนทั้งหมด 100% ตามแนวคิด "หม่อมอุ๋ย"
เดลินิวส์
วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน 2558 เวลา 7:00 น.
ซิโน-ไทยฯ วอนรัฐ เร่งดันโครงการเมกะโปรเจ็กต์ ชี้ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ เผยก่อสร้างแข่งเดือด ตัดราคา 20-30% ชิงงาน ลือ "หม่อมอุ๋ย" สั่งทบทวนรถไฟฟ้าสายสีชมพู-เหลือง ให้เอกชนลงทุนทั้งหมด คีรี ติง เกิดยาก ไม่คุ้มทุน
นายภาคภูมิ ศรีชำนิ กรรมการผู้จัดการ บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น ( STEC) เปิดเผยว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา โครงการลงทุนขนาดใหญ่ของภาครัฐไม่เกิดขึ้นเลย ดังนั้น อยากให้ภาครัฐเร่งรัดโครงการต่างๆ ให้เกิดขึ้นโดยเร็ว เพื่อประโยชน์กับระบบเศรษฐกิจของประเทศ
ต้องยอมรับว่าช่วง 2 ปีที่ผ่านมา เอกชนหวังว่าจะมีโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐออกมาตั้งแต่โครงการ 2 ล้านล้านบาทแล้ว แต่ทุกโครงการก็เร่งรัด แต่ไม่มีความชัดเจนเลย ดังนั้น ช่วงนี้จึงมีแต่โครงการลงทุนขนาด 100-1,000 ล้านบาท แต่มีการแข่งขันกันรุนแรง โดยเฉพาะมีการตัดราคากันค่อนข้างสูงถึง 20-30% เพื่อให้ได้งาน นายภาคภูมิกล่าว
สำหรับบริษัทคาดว่า ในปี 2558 จะมีปริมาณงานเข้ามาดีกว่าปีที่ผ่านมา แต่รายได้ยังทรงตัว โดยคาดว่าปีนี้ต้องได้งานใหม่มาเติมไม่น้อยกว่า 3 หมื่นล้านบาท ทั้งงานภาครัฐ และเอกชน อาทิ การก่อสร้างอาคาร และงานในภาคอุตสาหกรรมพลังงาน เป็นต้น อย่างไรก็ตาม บริษัทมีงานในมือ (แบ็กล็อก) อยู่ราว 5 หมื่นล้านบาท
ส่วนการเปิดโรงงานผลิตชิ้นส่วนคอนกรีตสำเร็จรูปที่ จ.นนทบุรี พื้นที่ 250 ไร่ ใช้เงินลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท เพื่อรองรับโครงการทางด่วนศรีรัช (บางซื่อ-วงแหวนตะวันออกตลิ่งชัน) และโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ หรือทางพิเศษในอนาคต
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมกล่าวว่า กรณีที่คณะกรรมการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศ (รฟม.) มีมติปรับแผนการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี 34.5 กม. วงเงิน 5.67 หมื่นล้านบาท และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง 30.4 กม. วงเงิน 5.47 หมื่นล้านบาท เปลี่ยนเป็นให้เอกชนลงทุนทั้งหมด 100% นั้น เป็นแนวคิดของ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เพราะกระทรวงคมนาคมเสนอเรื่องไปยังเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (ครม.) ตั้งแต่ต้นปี 2558 ที่อยากให้รวมเป็นสัญญาเดียว และเอกชนรายเดียวดำเนินการ เพื่อลดระยะเวลาดำเนินการให้เร็วขึ้น
ด้านนายคีรี กาญจนพาสน์ ประธานกรรมการ บมจ.บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ กล่าวว่า ข้อเสนอที่ให้เอกชนเป็นผู้ลงทุนรถไฟฟ้าทั้งโครงการ มีความเป็นไปได้ยากที่จะเกิดความคุ้มค่าในการลงทุน หากเทียบกับระยะเวลาสัมปทาน 30 ปี ส่วนบีทีเอสยืนยันสนใจเข้าร่วมแน่นอน แต่ขอศึกษารายละเอียดก่อน. Last edited by Wisarut on 08/06/2015 11:10 pm; edited 1 time in total
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
Posted: 08/06/2015 7:41 pm Post subject:
"ประจิน" ยัวะโต้กลับอดีต ส.ส.ปชป. กล่าวหาเปลี่ยนแนวรถไฟฟ้า-กระทบกับคนนับพัน
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน 2558 เวลา 15:05:41 น.
"ประจิน" โต้อดีต ส.ส.ปชป.ที่โวยเปลี่ยนแนวสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม กระทบชาวบ้านนับพันครัวเรือน ย้ำยังไม่ได้สรุปจะใช้เส้นทางไหน ต้องรอคณะกรรมการพิจารณาก่อนในวันที่ 10 มิ.ย.นี้ แต่ยันไม่กระทบมากอย่างที่อ้าง
จากกรณีนายธนา ชีรวินิจ อดีตส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยชาวบ้านแฟลตดินแดง แถลงไม่พอใจที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะเปลี่ยนแนวเส้นทางสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มตลิ่งชัน-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ช่วงพระราม 9-มีนบุรี กลับไปใช้เส้นทางเดิมคือศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี โดยอ้างว่ากระทบประชาชนย่านดินแดงกว่าพันหลังคาเรือน
ล่าสุด พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม กล่าวถึงโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตลิ่งชัน-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ระยะทางประมาณ 35 กิโลเมตร ซึ่งอดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยชาวบ้านแฟลตดินแดงออกมาคัดค้านว่า เส้นทางแรกคือศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี ระยะทางประมาณ 21 กิโลเมตรเป็นแนวเส้นทางเดิมที่เคยศึกษาไว้ และช่วงพระราม 9-มีนบุรี ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร ที่ได้ปรับเปลี่ยนใหม่นั้น
ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปเรื่องแนวเส้นทาง โดยสั่งการให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) และที่ปรึกษาไปเตรียมข้อมูลการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มทั้ง 2 เส้นทางเสนอที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ในวันที่ 10 มิ.ย.นี้ พิจารณาเพื่อหาข้อสรุปว่าจะเลือกเส้นทางไหน
"แนวเส้นทางเดิมจากศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี ผ่านขั้นตอนต่างๆ ทั้งหมดแล้ว หากที่ประชุมเลือกแนวเส้นทางนี้ก็สามารถนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เดินหน้าได้ทันที โดยแนวเส้นทางนี้จะเชื่อมต่อกับช่วงที่ 2 จากศูนย์วัฒนธรรมจะผ่านพื้นที่ประชาสงเคราะห์-ดินแดง-ประตูน้ำ-ตลิ่งชัน แต่หากเลือกแนวเส้นทางพระราม 9-มีนบุรี ต้องเริ่มต้นกระบวนการใหม่ทั้งหมด คาดว่าจะต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 6 เดือน-1 ปี จึงจะแล้วเสร็จ"
ที่ผ่านมาเปิดรับความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ประชาสงเคราะห์ ตั้งแต่ปี 2539-2545 ซึ่งก็ได้รับความเห็นชอบกับเส้นทางเดิม จากนั้นในปี 2554-2555 ได้เปิดรับฟังอีก ประชาชนก็ยังเห็นชอบเหมือนเดิม แต่ในปี 2556 มี ส.ส.ท่านหนึ่งเข้าใจว่าประชาชนจะได้รับผล กระทบถึง 1 พันครอบครัวจึงออกมาต่อต้าน ถือเป็นความเข้าใจผิด เพราะผู้ที่ได้รับผลกระทบมี 184 รายเท่านั้น
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
Posted: 09/06/2015 6:00 pm Post subject:
ธนา โต้ ประจิน มั่วข้อมูล รถไฟฟ้าสีส้ม เตือนรฟม.ระวังโดนอาญา
โดย ไทยรัฐออนไลน์
9 มิถุนายน 2558 เวลา 16:00
นายธนา ชีรวินิจ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ โต้ "ประจินต์" มั่วข้อมูลรถไฟฟ้าสีส้ม เตือน จนท.รฟม.ระวังโดนอาญาให้ข้อมูลเท็จ ดักทาง รฟม. สงสัยเปลี่ยนแนวสร้างกลับไป-มา สุดท้ายเอื้อใคร
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 9 มิ.ย. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายธนา ชีรวินิจ อดีตส.ส.กทม.พรรคประชาธิปัตย์ แถลงข่าวกรณี พล.อ.อ.ประจินต์ จั่นตอง รมว.คมนาคม ระบุอ้างว่า ถ้าสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงสถานีดินแดง-ประชาสงเคราะห์ เส้นที่ 2 จะมีค่าใช้จ่ายที่สูงกว่าและใช้ระยะเวลาก่อสร้างนานกว่า 1 ปีนั้น ว่า เป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง เพราะเดือน ก.พ.ที่ผ่านมา ข้อมูลของ รฟม.เอง ยืนยันว่า เส้นทางที่ 2 ค่าใช้จ่ายถูกกว่า เพราะระยะทางสั้นกว่า 1.3 กิโลเมตร และมีสถานีน้อยกว่า อีกทั้งยังเวนคืนที่ดินน้อยกว่า ไม่สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนมากเหมือนเส้นทางที่ 1 ซึ่งผ่าดินแดงถึง 18 ซอย ชาวบ้านเดือดร้อนมาก เพราะต้องเปิดหน้าดินจะมีปัญหาการสัญจรของประชาชนมาก ต่างจากการทำใต้ดินบริเวณพระรามเก้าที่ไม่ต้องเวนคืนที่ดินและมีประชาชนที่มาใช้บริการมากกว่า
นายธนา กล่าวต่อว่า ขอเตือนไปยังเจ้าหน้าที่ รฟม.ว่า ระวังจะถูกดำเนินคดีอาญา เพราะให้ข้อมูลขัดแย้งกันจากเดิมเคย ระบุว่า เส้นทางที่ 2 ค่าใช้จ่ายน้อยกว่า และมีผลกระทบทั้งด้านสิ่งแวดล้อมและชุมชนน้อยกว่า เส้นทางที่ 1 แต่กลับเปลี่ยนแปลงข้อมูลใหม่ว่า เส้นทางที่ 1 ค่าใช้จ่ายถูกกว่า 4 พันล้านบาท เข้าใจ ว่า รฟม.ถูกกดดันจากผู้บังคับบัญชา แต่เมื่อเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ก็ต้องรักษาประโยชน์ของชาติ แต่มาวันนี้ข้อมูลกลับแตกต่างโดยสิ้นเชิง และตนมั่นใจ ว่า ถ้าทำเส้นทางที่สอง จะถูกกว่าเส้นทางที่ 1 ประมาณ 4 พันล้านบาท
เมื่อถามว่า รฟม.อ้างว่า ถ้าทำเส้นทางที่ 2 ซึ่งต้องสร้างบริเวณใต้ถนนพระรามเก้า นั้น นายธนา กล่าวว่า ขอถามกลับไปที่ รฟม.ว่า การก่อสร้างรถไฟใต้ดินในทุกแห่ง ก็จะมีปัญหาเรื่องสาธารณูปโภคใต้ดินทั้งสิ้น จึงไม่ควรนำมาเป็นข้ออ้าง และขอให้ รมว.คมนาคม ทำให้เกิดความชัดเจนว่า จะเอาเส้นทางไหนแน่ เพราะถ้าจะทำเส้นทางที่ 1 ก็บอกเองว่า ทำได้เลย เพราะมีการอนุมัติแล้ว แต่ที่มีการเปลี่ยนแปลง เพราะมีการสำรวจเส้นที่ 2 เสนอ คจร. ขออนุมัติเปลี่ยนเส้นทาง เป็นเรื่องที่ รมว.คมนาคม ต้องรับผิดชอบเอง อย่าอ้าง คจร. เพราะอนุมัติเส้นที่ 1 ไปแล้ว โดยประชาชนจะปกป้องสิทธิของตัวเอง ว่า การดำเนินการของรัฐมนตรีชอบด้วยกฎหมาย หรือไม่ อย่างไร เพราะสงสัย ว่า มีเหตุผลอื่นนอกจากผลประโยชน์ประชาชน และรฟม. ทั้งนี้ รัฐมีหน้าที่ตัดสินใจโดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของชาติ และประชาชนเป็นหลัก ไม่ใช่เอื้อประโยชน์ให้กับธุรกิจ
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
Posted: 10/06/2015 3:27 pm Post subject:
เปิดเบื้องหลังทาง 2 แพร่ง "รถไฟฟ้าสายสีส้ม" เปลี่ยนเส้นทางเพื่อใคร? (คลิป)
PPTV
9 มิถุนายน 2558 เวลา 20:13น.
การที่กระทรวงคมนาคมมีแนวทางจะปรับเปลี่ยนเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้มกลับไปที่ถนนพระราม 9 อีกครั้ง จะส่งผลกระทบต่อชุมชนเก่าแก่อายุกว่า 70 ปีที่ชื่อว่า "แม่เนี้ยว" ถึง 184 ครัวเรือน ซึ่งที่นี่เคยต่อสู้และผลักดันให้รถไฟฟ้าเปลี่ยนเส้นทางไปแล้ว
แม้การเวรคืนพวกเขาจะได้รับเงินเยียวยาและทาง รฟม.สัญญาว่าจะจัดหาที่อยู่อาศัยให้เช่าอยู่ แต่ความไม่ชัดเจนที่อยู่เบื้องหลังหลักเกณฑ์การเลือกเส้นทาง คือสาเหตุสำคัญที่ทำให้พวกเขารู้สึกว่าไม่เป็นธรรม
แต่ที่กลายเป็นปัญหาขึ้นมาคือเส้นทางการเดินรถซึ่งปรับเปลี่ยนไปมาจนทำให้ถูกตั้งข้อสังเกตว่าโครงการนี้เอื้อประโยชน์ต่อใครหรือไม่
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
Posted: 10/06/2015 8:18 pm Post subject:
กทม. คาดปี72 คนใช้รถไฟฟ้าเพิ่ม20.7 เปอร์เซ็นต์
ข่าวด่วน
Nation Channel
วันพุธที่ 10 มิถุนายน 2558 เวลา 12:00 น.
นายสุธน อาณากุล รองผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่งกรุงเทพมหานคร กล่าวถึงการแก้ปัญหารถติดในกรุงเทพฯ ว่าขณะนี้จำนวนรถยนต์มีมากขึ้นในกรุงเทพฯถึง 8.6 ล้านคัน โดยมีประชากรตามทะเบียนราษฎร์ในกรุงเทพฯประมาณ 5.6 ล้านคน เมื่อรวมกับประชากรแฝงจากปริมณฑลรวมกันเป็น 10 ล้านคน ซึ่งประชากรแฝงที่เดินทางเข้ามาในกรุงเทพฯก็เป็นปัจจัยที่ทำให้การใช้รถยนต์มีมากกว่าเดิม โดยการเดินทางเพิ่มขึ้นเป็น 17 ล้านเที่ยว แบ่งเป็นการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล 37 เปอร์เซ็นต์ ระบบขนส่งมวลชนหรือรถไฟฟ้า 5.8 เปอร์เซ็นต์ รถประจำทางหรือขนส่งทางเรือ 20 เปอร์เซ็นต์ ก็จะเห็นว่าการเดินทางด้วยรถยนต์ยังมีมากกว่าการเดินทางประเภทอื่น
นายสุธน กล่าวต่อว่า ทั้งนี้การแก้ปัญหารถติดยอมรับว่าแก้ได้ยาก เพราะการเดินทางของประชาชนขณะนี้สามารถคำนวณลดลงมาที่ 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จากเดิมปี 2552 ความเร็วการใช้รถยนต์อยู่ที่ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ทำให้ปัจจุบันหากออกจากบ้านไปที่ทำงานก็จะคำนวณได้ว่าระยะทาง 15 กิโลเมตรจะใช้เวลา 1 ชั่วโมง โดยเฉพาะในปี 2556 ในโครงการรถคันแรกพบว่ามีจำนวนรถยนต์เพิ่มวันละ 2 พันคัน ทำให้มีอัตราเฉลี่ยความเร็วการใช้รถยนต์ลดลงมา ส่วนกรณีถ้ารถไฟฟ้าที่กำลังก่อสร้างแล้วเสร็จในกรุงเทพฯทั้งหมด 8 สายหลัก กับ 5 สายรองในปี 2572 คาดว่าจะยังไม่สามารถแก้ปัญหารถติดได้ทั้งหมด ถึงแม้อัตราการใช้ระบบขนส่งมวลชนจะเพิ่มเป็น 20.7 เปอร์เซ็นต์ แต่เป็นการเพิ่มจากผู้ที่คนที่เคยใช้รถเมล์ หรือเรือโดยสาร ไม่ได้เพิ่มขึ้นจากผู้ใช้รถยนต์เท่าที่ควร ทำให้อัตราการเพิ่มรถยนต์จะเพิ่มขึ้นเช่นเดิม
ส่วนแนวคิดจากหลายฝ่ายในการแก้ปัญหารถติดในการเก็บภาษี การเก็บค่าที่จอดรถ หรือค่าผ่านทางเพื่อจะลดการใช้รถยนต์ของประชาชนนั้นก็เป็นแนวทางหนึ่งที่จะลดการใช้รถยนต์ แต่ในเบื้องต้นอาจจะต้องมีการสร้างระบบที่จะป้อนผู้โดยสารไปยังระบบขนส่งรถไฟฟ้าได้ทั้งหมด ซึ่งคาดว่าใน 5 ปีน่าจะมีโอกาสเป็นไปได้ ขณะที่แนวคิดจากนักวิชาการในการควบรวมหน่วยงานการแก้ปัญหาจราจรนั้นก็เป็นเรื่องที่ดี เพราะปัจจุบันมีหน่วยงานที่แก้ปัญหาจราจรกว่า 30 หน่วยงาน แต่ต้องเป็นนโยบายของรัฐบาล เพราะรัฐบาลมีหน่วยงานแก้ปัญหาจราจรมากกว่ากทม.
//------------------------
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44810
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 10/06/2015 9:57 pm Post subject:
คจร.เคาะสร้างรถไฟฟ้าสีส้มตามแนวเดิม ขีดเส้นคค.เจรจากทม.เดินรถสีเขียวในก.ค.
โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 10 มิถุนายน 2558 19:01 น.
คจร.ยันเดินหน้าก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มตามแนวเดิม ผ่านประชาสงเคราะห์ หม่อมอุ๋ยระบุแนวเดิมผ่านชุมชน มหาวิทยาลัย ย่านคนมีรายได้น้อยได้ประโยชน์กว่าแนวพระราม 9 ที่มีคอนโด คนมีฐานะอยู่เยอะ เร่งรฟม.ทำความเข้าใจประชาชน โดยอนุมัติให้ประมูลด้านตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนฯ-มีนบุรีก่อน พร้อมเร่งคมนาคมเจรจากทม.รับโอนเดินรถสายสีเขียวใต้ ในก.ค.นี้ เปิดทางเจรจาเดินรถสีเขียวเหนือร่วมด้วย ส่วนรถไฟทางคู่ ประจวบฯ-ชุมพร 1.7 หมื่นล. ผ่าน EIA ฉลุย
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานการประชุมคณะกรรมการจัดการระบบการจราจรทางบก (คจร.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม คจร.วันนี้ (10 มิ.ย.) ได้พิจารณาแนวเส้นทางโครงการ รถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันตก) ช่วงตลิ่งชัน ศูนย์วัฒนธรรม ระยะทาง 17.5 กม.กรณีที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้เสนอปรับเปลี่ยนช่วงที่ผ่าน ชุมชนประชาสงเคราะห์-สถานีศูนย์วัฒนธรรมจากเดิม เป็นแนวใหม่ โดยให้ผ่านดินแดง-ถนนพระราม 9 แทนนั้น คจร.มีมติให้รฟม.ดำเนินการก่อสร้างตามแนวเส้นทางเดิมที่ประกาศไว้ในแผนแม่บทรถไฟฟ้า เนื่องจากเป็นแนวเส้นทางที่เหมาะสม ผ่านชุมชนและมหาวิทยาลัย ซึ่งส่วนใหญ่ ประชาชนมีรายได้น้อย จะได้ใช้ประโยชน์จากรถไฟฟ้ามากกว่า ในขณะที่แนวเส้นทางใหม่เป็นย่านคอนโด ตึกสูงซึ่งเป็นที่อยู่ของคนมีฐานะ ซึ่งไม่ว่าจะเป็นแนวเดิมหรือเปลี่ยนแนวใหม่มีผลกระทบหมด แต่ควรเลือกแนวที่มีการประกาศไว้แล้ว ซึ่งที่ผ่านมารฟม.ดำเนินงานล่าช้า จึงต้องรีบไปทำความเข้าใจกับประชาชน พร้อมกันนี้ ที่ประชุม คจร.ยังมีมติอนุมัติ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ด้านตะวันออก) ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี (สุวินทวงศ์) ระยะทาง 21.5 กม. โดยให้รฟม.ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
ยืนยันให้ใช้แนวสายสีส้มตามแผนแม่บทไม่เปลี่ยน ส่วนแนวเก่าผ่านชุมชนประชาสงเคราะห์ จะช่วยแก้ปัญหาจราจรติดขัดได้มาก มีทั้งมหาวิทยาลัยหอการค้า ศูนย์วัฒนธรรม ปริมาณรถยนต์หนาแน่น และแนวทางตามแผนแม่บทได้ผ่านการทำประชาพิจารณ์ ผ่านการพิจารณาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) แล้ว ต้องเดินหน้า ทุกแนวมีผลกระทบแต่เลือกแนวที่กระทบแล้วเกิดประโยชน์มากกว่าด้วยม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าว
ส่วนการบริหารการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ ช่วง แบริ่ง-สมุทรปราการนั้น ม.ร.ว.ปรีดิยาธร กล่าวว่า ได้มอบหมายให้พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมรับไปเจรจากับทางกรุงเทพมหานคร (กทม.) ให้สำเร็จภายใน 2 เดือน โดยให้เจรจาในส่วนของการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวเหนือ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคตไปพร้อมกันด้วย
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคมกล่าวว่า ที่ประชุมคจร.ยืนยันให้รฟม.ก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มช่วงผ่านชุมชนประชาสงเคราะห์ตามแนวเส้นทางเดิมโดยมอบหมายให้รฟม.เร่งทำความเข้าใจกับผู้ได้รับผลกระทบ 184 รายพร้อมหาทางเยียวยาให้มากที่สุด ซึ่งรถไฟฟ้าสายสีส้มแนวเส้นทางเดิมในแผนแม่บทมีการพิจารณาตั้งแต่ปี 2548 และคณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบเมื่อปี 2553 โดยรฟม.ได้ดำเนินตามขั้นตอนทั้งด้านเทคนิค การทำความเข้าใจประชาชน และผ่าน EIA แล้ว โดยช่วงประชาสงเคราะห์มีประชาชนได้รับผลกระทบประมาณ 184 ราย รฟม.จะต้องดำเนินการจัดหาที่อยู่ให้ แต่เนื่องจากระยะเวลาในการดำเนินโครงการช้าประมาณ 2 ปี จึงมีการเคลื่อนไหว เพราะเข้าใจว่าจะมีผลกระทบมากถึง 1,000 ราย และเห็นว่าเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่า จึงได้เสนอแนวเส้นทางใหม่ผ่านถนนพระราม 9 ให้รฟม.พิจารณา ซึ่งมีระยะทางสั้นกว่าเดิม และมีผลกระทบ 35 รายแต่จะมีผลกระทบต่อการจราจรระหว่างก่อสร้างมากกว่า
สำหรับการเจรจากับกทม.เพื่อโอนโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ (แบริ่ง-สมุทรปราการ) นั้น คจร.มอบให้ตนเร่งเจรจากับกทม.ให้ได้ข้อยุติภายในเดือนก.ค.นี้ และหากจะนำการเดินรถสายสีเขียวเหนือมาเจรจาด้วยให้อยู่ในการพิจารณาของรมว.คมนาคม ซึ่งถือเป็นเรื่องเร่งด่วน เพราะขณะนี้ในส่วนของการเดินรถมีความล่าช้ากว่าแผน 2-3 เดือนแล้ว โดยหลักการเดิม เจรจากับกทม.หากได้ข้อยุติ กทม.จะทำสัญญาจ้างให้ทางบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTS เป็นผู้เดินรถ โดยก่อนหน้านี้ ทางกทม.เสนอเงื่อนไขผ่อนชำระค่าก่อสร้างงานโยธาสายสีเขียวใต้ ให้รฟม. 10 ปี ซึ่งกระทรวงไม่ยอมรับ ทำให้การเจรจาไม่ได้ข้อสรุป โดยเห็นว่ากทม.จะต้องชำระหนี้สินทันทีที่มีการโอนโครงการไปให้กทม. จึงจะต้องมีการเจรจากันอีกครั้ง ส่วนการโอนเดินรถสายสีเขียวเหนือ ที่ผ่านมายังไม่เคยเจรจาเงื่อนไขใดๆ จึงต้องรอดูว่ากทม.จะเสนอมาอย่างไร
อย่างไรก็ตาม ในแผนการดำเนินโครงการรถไฟฟ้า จะเสนอครม.และพร้อมประกวดราคาภายในปี 2558 รวม 6 โครงการ ระยะทางประมาณ 144 กม.ประกอบด้วย
1. สายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี ระยะทาง 36 กม.
2. สายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-บางกะปิ-มีนบุรี ระยะทาง 21.5 กม.
3. สายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง ระยะทาง 30.4 กม.
4.สายสีแดงอ่อน ช่วง บางซื่อ-พญาไท-มักกะสัน ระยะทาง 19 กม.
ช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง (Missing Link) ระยะทาง 6.5 กม.
5. สายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-ม.ธรรมศาสตร์ รังสิต ระยะทาง 10 กม.
6. แอร์พอร์ตลิงก์ ส่วนต่อขยาย บางซื่อ-พญาไท ระยะทาง 7.9 กม. และ
ดอนเมือง-บางซื่อ ระยะทาง 13.9 กม.
สผ.เห็นชอบ EIA รถไฟทางคู่ ประจวบฯ-ชุมพร 1.7 หมื่นล.
รายงานข่างแจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ วันนี้ (10 มิ.ย.) มีมติเห็นชอบรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการรถไฟทางคู่ ระยะเร่งด่วน ช่วงประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร ระยะทาง 167 กม. วงเงิน 17,293 ล้านบาทแล้ว โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จะทำรายละเอียดเพื่อเสนอครม.ขออนุมัติเพื่อดำเนินการประกวดราคาต่อไป
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
Posted: 10/06/2015 10:00 pm Post subject:
คจร. มีมติลุยรถไฟฟ้าสายสีส้มลดชี้เส้นทางเดิมลดจราจรแออัด
แนวหน้า
วันพุธ ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2558, 20.05 น.
10 มิ.ย.58 ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยเกี่ยวกับการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้มเส้นทางตลิ่งชัน-มีนบุรี ว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการการจัดระบบการจราจรทางบก(คจร.) มีมติจะใช้เส้นทางเดิมในการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มผ่านชุมชนประชาสงเคราะห์ตามแผนแม่บทเดิม เนื่องจากคณะกรรมการฯมองว่าการใช้เส้นทางตามแนวเส้นทางตัดผ่านชุมชนประชาสงค์เคราะห์จะสามารถลดปัญหาการจราจรที่แออัดได้มากตามแนวเส้นทางถนนพระราม 9 รวมถึงได้มีการประกาศล่วงหน้ามานานกว่า 10 ปี และได้ผ่านการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(EIA) แล้ว
ซึ่งการดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มมีนบุรี-ศูนย์วัฒนธรรม ขณะนี้อยู่ระหว่างการก่อสร้างโดยยังไม่มีการดำเนินการก่อสร้างผ่านชุมชนฯ จึงควรใช้ระยะเวลาต่อจากนี้ในการบริหารจัดการพื้นที่และจัดหาที่อยู่ใหม่ให้แก่ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการเวนคืนที่ดินจำนวน 184 ครัวเรือนอย่างเหมาะสม และมองว่าไม่ว่าจะมีการสร้างเส้นทางผ่านแนวใดก็ส่งผลกระทบต่อประชาชนเหมือนกัน ซึ่งตามเส้นทางเดิมจะช่วยเหลือคนยากจนและสร้างประโยชน์ต่อชุมชนได้มากกว่า เนื่องจากผ่านห้างสรรพสินค้า มหาวิทยาลัยหอการค้า และโรงพยาบาล
ด้าน พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้มีข้อสรุปว่า ให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เร่งเจรจากับผู้ที่ได้รับผลกระทบในชุมชนประชาสงเคราะห์โดยเร็ว เนื่องจากขณะนี้การก่อสร้างล่าช้ามากว่า 2 ปี และแม้ว่าเส้นทางพระราม 9 จะมีผู้ที่ได้รับผลกระทบเพียง 35 ครัวเรือน แต่ต้องมีการเวนคืนที่ดินเพิ่มขึ้น รวมถึงการบริหารจัดการด้านจราจรยากกว่าแนวเส้นประชาสงเคราะห์โดยจะมีการหาแนวทางการเยียวยาให้ได้มากที่สุด สำหรับแนวเส้นทางสายสีส้มเดิมนั้นได้ผ่านการพิจารณาก่อนปี 2548 และ ครม.ได้มีมติเห็นชอบในปี 2553 ซึ่งเมื่มีมติจาก คจร. ที่เห็นชอบให้กลับไปใช้แนวเส้นทางเดิม ทาง รฟม.จึงต้องเร่งทำความเข้าใจกับประชาชน
ในส่วนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวเส้นทางแบริ่ง-สมุทรปราการ ได้มีการมอบหมายให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมไปเจรจากับกรุงเทพมหานครในเรื่องการแบ่งทรัพย์สินโดยเร็วเพื่อการก่อสร้างไม่ล่าช้า โดยจะต้องเร่งดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในเดือน ก.ค.58 และเส้นทางหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ที่จะต้องเร่งการเจรจาเพื่อให้มีความรวดเร็วในการดำเนินการ
//----------------------------------------
อุ๋ยฟันธงสายสีส้มใช้แนวเดิม สั่งรฟม.เร่งทำความเข้าใจประชาชน
ไทยโพสต์
วันพุธ ที่ 11 มิถุนายน พ.ศ. 2558, - 00:10
"ม.ร.ว.ปรีดิยาธร" เผย ที่ประชุม คจร.สรุปการก่อสร้างรถไฟฟ้าสีส้ม ยึดแนวเส้นทางเดิม ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี ระบุประชาชนส่วนใหญ่ได้ประโยชน์ พร้อมสั่ง รฟม.เร่งทำความเข้าใจ ส่วนรถไฟฟ้าสีเขียวให้เวลาเจรจาอีก 2 เดือน
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี และประธานคณะกรรมการจัดการระบบการจราจรทางบก (คจร.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม คจร.มีมติเห็นชอบไม่เปลี่ยนแปลงแนวเส้นทางโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ด้านตะวันออก ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี เนื่องจากเส้นทางนี้ได้ทำการศึกษามานานแล้ว และผ่านการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) รวมทั้งผ่านการทำประชาพิจารณ์หลายครั้งแล้ว
"การเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนแนวเส้นทางก็กระทบกับมวลชน แต่แนวเส้นทางเดิมผ่านชุมชนประชาสงเคราะห์-ศูนย์วัฒนธรรม นั้นเป็นแนวเส้นทางที่คาดว่าจะมีผู้โดยสารได้รับผลประโยชน์มาใช้บริการ เพราะผ่านย่านสำคัญ เช่น มหาวิทยาลัยหอการค้า และยังผ่านเส้นทางผู้โดยสารที่ยากจนกว่า แต่เส้นทางใหม่จะผ่านเส้นทางของเศรษฐี เปลี่ยนไม่เปลี่ยนก็มีผลกระทบคนทั้งนั้น และที่สำคัญการตัดสินใจวันนี้จะทำให้การรถไฟขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) สามารถเดินหน้าโครงการต่อได้" ม.ร.ว.ปรีดิยาธรกล่าว
สำหรับมวลชนที่ยังคัดค้านโครงการนั้น เป็นหน้าที่ รฟม.จะต้องไปทำความเข้าใจ ส่วนการเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว ทั้งด้านฝั่งใต้ ช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ และฝั่งเหนือ ช่วงหมอชิต-สะพานใหม่ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม จะไปเจรจากับกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งขอเวลาเจรจา 2 เดือน ซึ่งหากได้ข้อสรุปการเจรจาทาง รมว.คมนาคมจะรายงานเข้ามา และยืนยันว่าปัจจุบันการเดินหน้าระบบรางในเมืองยังเดินหน้าตามกรอบที่รัฐบาลวางไว้
ยอมรับว่าการรถไฟฟ้าระบบขนส่งมวลชน (รฟม.) อาจจะเจรจาล่าช้ากับผู้ที่ได้รับผลกระทบในแนวเส้นทางที่มีการก่อสร้าง ซึ่งผู้ว่าฯ รฟม.จะเร่งดำเนินการทำความเข้าใจ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับแนวเส้นทางเดิมจากศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี ผ่านขั้นตอนต่างๆ ทั้งหมดแล้ว หากที่ประชุมเลือกแนวเส้นทางนี้ก็สามารถนำเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) เดินหน้าได้ทันที โดยแนวเส้นทางนี้จะเชื่อมต่อกับช่วงที่ 2 จากศูนย์วัฒนธรรมจะผ่านพื้นที่ประชาสงเคราะห์-ดินแดง-ประตูน้ำ-ตลิ่งชัน แต่หากเลือกแนวเส้นทางพระราม 9-มีนบุรี ต้องเริ่มต้นกระบวนการใหม่ทั้งหมด คาดว่าจะต้องใช้ระยะเวลาประมาณ 6 เดือน-1 ปี จึงจะแล้วเสร็จ
อย่างไรก็ตาม ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมามีกลุ่มมวลชนที่อยู่อาศัยในแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้ม ตลิ่งชัน-มีนบุรี ได้เข้ายื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี รวมถึงขอเข้าพบ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รมว.คมนาคม ให้ทบทวนการกลับมติบอร์ด ที่เสนอให้ย้ายแนวเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-มีนบุรี จากตัดผ่านชุมชนประชาสงเคราะห์ เขตดินแดง มาใช้ถนนพระราม 9 แทน.
https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=SLOCejQegFA Last edited by Wisarut on 13/06/2015 2:11 am; edited 2 times in total
Back to top