View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44819
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 10/06/2015 10:00 pm Post subject: |
|
|
คจร.สั่งศึกษารถไฟฟ้าสีน้ำตาล หลังทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือยังเคลียร์ไม่จบ
มติชนออนไลน์ วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2558 เวลา 19:22:34 น.
ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก(คจร.) ว่า ที่ประชุมมีมติให้ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล ช่วงแคราย-ลำสาลี(บึงกุ่ม) โดยพิจารณาความเหมาะสมและผลกระทบของการดำเนินโครงการรถไฟฟ้า เพื่อทดแทนการดำเนินโครงการทางพิเศษ ขั้นที่ 3 สายเหนือ ตอน N1 N2 และ N3โดยขอรับการจัดสรรงบประมาณปี 2560
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ ตอน N1 N2 N3 มีระยะทาง 42.9 กม. เพื่อรองรับปริมาณจราจร East-West Corridoor ของกรุงเทพฯ โดยช่วง N1 ระหว่างถนนวงแหวนรอบนอกด้านตะวันตก บริเวณแยกบางใหญ่-แยกเกษตรศาสตร์ระยะทาง 19.2 กม.แต่ยังถูกมหาวิทยาลัยเกษตรฯ คัดค้าน
ช่วง N 2 จากแยกเกษตรศาสตร์-ถนนประเสริฐมนูกิจ-ถนนนวมินทร์ ระยะทาง 9.2 กม. และช่วง N3 นวมินทร์-ถนนเสรีไทย-ถนนรามคำแหง สิ้นสุดที่ถนนกรุงเทพ-ชลบุรีสายใหม่ บริเวณถนนศรีนครินทร์ ระยะทาง 11.5 กม.
โดยโครงการระบบทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ จะเร่งอนุมัติโครงการก่อสร้างในส่วนของ N2 N3 ให้สามารถอนุมัติโครงการได้ในปี 2558 และคาดว่าจะดำเนินก่อสร้างได้ในปี 2559 โดยปัจจุบันนั้นอยู่ระหว่างการปรับแนวเส้นทางให้เรียบร้อย
ส่วน N1 อยู่ระหว่างการหารือของ สนข. กับมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เพื่อหาทางลดผลกระทบและการบดบังทัศนียภาพมหาวิทยาลัย โดยคาดว่าจะสามารถสรุปได้ในปีนี้ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 12/06/2015 7:25 pm Post subject: |
|
|
ดินแดงค้านต่อ-พึ่งศาล ปค. สายสีส้มใช้ประชาสงเคราะห์-คน รฟม.วุ่นเคลียร์ที่เดปโป้
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์
วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน 2558 เวลา 05:01
เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. นายประทีป นิลวรรณ ประธานชุมชนแม่เนี้ยว แยก 3 ผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันตก) ตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม เปิดเผยว่า จากมติที่ประชุม คจร. เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2558 ให้ รฟม.ใช้แนวเส้นทางก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ตามแผนแม่บทเดิม ซึ่งจะตัดผ่านชุมชนประชาสงเคราะห์ โดยให้เหตุผลว่า ต้องการให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยได้ประโยชน์และได้รับความสะดวกในการเดินทางนั้น ประชาชนที่อาศัยอยู่ในซอยแม่เนี้ยว 3 ยืนยันไม่เห็นด้วย และจะขอต่อต้านจนถึงที่สุด โดยเตรียมล่ารายชื่อประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนประมาณ 1,000 กว่าราย และถ้า ครม.อนุมัติให้ก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มเมื่อไหร่ ตนจะนำรายชื่อประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนยื่นศาลปกครอง
นายประทีปกล่าวว่า สำหรับข้อเสนอทางรัฐบาลและ รฟม.จะหาที่อยู่ใหม่ให้แก่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากโครงการดังกล่าว โดยการสร้างคอนโดฯทดแทนที่ดิน บ้าน ที่ถูกเวนคืนให้นั้นตนเห็นว่าวิธีการดังกล่าวขัดต่อความรู้สึกและวิถีชีวิตดั้งเดิมของประชาชน เนื่องจากประชาชนบางรายมีอาชีพค้าขาย หากถูกเวนคืนที่ดินและต้องขึ้นไปอยู่ในคอนโดฯนั้น ก็ไม่สามารถประกอบอาชีพได้ อย่างไรก็ตาม หากรัฐบาลต้องการให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยได้ใช้บริการระบบขนส่งมวลชนจริง ก็สามารถทำได้โดยปรับแนวเส้นทางที่ตนและชุมชนเคยเสนอไป โดยเปลี่ยนมาใช้แนวถนนมิตรไมตรี แทนการตัดผ่านชุมชนประชาสงเคราะห์
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ขณะนี้ รฟม.ได้มีประกาศแจ้งเตือนพนักงาน และลูกจ้าง รฟม.ที่อาศัยบ้านพักชั่วคราว ภายในพื้นที่ที่เวนคืนสำหรับก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า บริเวณห้วยขวาง ส่วนที่เหลือจากโครงการรถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล ย้ายออกภายในสิ้นปี 2558 เนื่องจาก รฟม.มีความจำเป็นต้องใช้พื้นที่บริเวณดังกล่าวสำหรับก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุง หรือเดปโป้ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงตลิ่งชัน-มีนบุรี หลังจากพนักงานและลูกจ้างรับทราบ ต่างวิตกกังวลการหาที่อยู่ใหม่ เนื่องจากพักอาศัยที่นี่มานานกว่า 10 ปี ตามโครงการช่วยเหลือพนักงานและลูกจ้างที่มีรายได้น้อย สมัยนายประภัสร์ จงสงวน เป็นผู้ว่าการ รฟม.
คนดินแดงค้านสายสีส้มหัวชนฝา |
เดลินิวส์
วันศุกร์ที่ 12 มิถุนายน 2558 เวลา 9:16 น.
ชาวบ้านประชาสงเคราะห์ ค้านสายสีส้มตะวันตกหัวชนฝาไม่ยอมรับมติคจร.เตรียมล่ารายชื่อยื่นศาลปกครอง ชี้รัฐสร้างคอนโดให้อยู่ขัดต่อวิถีชีวิตชาวบ้าน
นายปราทีป นิลวรรณประธานชุมชนแม่เนี้ยวแยก3ผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม(ตะวันตก)ตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรมเปิดเผยว่าจากที่คณะกรรมการจัดการจราจรทางบก(คจร.)มีมติให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลแห่งประเทศไทย(รฟม.)ใช้แนวเส้นทางตัดผ่านชุมชนประชาสงเคราะห์ก่อสร้างรถไฟฟ้าเมื่อวันที่ 10มิ.ย.ที่ผ่านมานั้นโดยคจร.ให้เหตุผลว่าต้องการให้ประชาชนที่มีรายน้อยได้ประโยชน์และได้รับความสะดวกในการเดินทางโดยทางประชาชนที่อาศัยอยู่ในซอยแม่เนี้ยว3ยังยืนยันว่าจะขอต่อต้านจนถึงที่สุดซึ่งหลังจากนี้ตนจะล่ารายชื่อประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนประมาณ1,000 กว่ารายและจะรอจนกว่าคณะรัฐมนตรี(ครม.)จะเห็นชอบอนุมัติให้ก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตกโดยหลังจากที่ครม.มีมติเห็นชอบตนจะนำรายชื่อประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนยื่นศาลปกครองสูงสุดเพื่อให้ออกกฎหมายคุ้มครองซึ่งหากศาลปกครองไม่รับคุ้มครองจะต้องมีการยื่นถวายฏีกาเป็นอันดับต่อไปทั้งนี้สำหรับข้อเสนอที่รัฐบาลและรฟม.จะจะหาที่อยู่ใหม่ให้แก่ชาวบ้านโดยการสร้างคอนโดทดแทนที่ดิน บ้านที่ถูกเวนคืนให้นั้นตนเห็นว่าวิธีการดังกล่าวขัดต่อความรู้สึกและวิถีชีวิตดั้งเดิมของประชาชนเนื่องจากประชาชนบางรายมีอาชีพค้าขายหากถูกเวนคืนที่ดินและต้องขึ้นไปอยู่ในคอนโดนั้นก็จะไม่สามารถประกอบอาชีพได้ นายปราทีป กล่าวต่อว่าอย่างไรก็ตามหากรัฐบาลต้องการให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยได้ใช้บริการรถขนส่งสาธารณะรัฐบาลจริงก็สามารถดำเนินการตามแนวเส้นทางที่ตนและชุมชนเคยเสนอไปโดยชาวบ้านยื่นข้อเสนอขอให้รฟม.ก่อสร้างโดยใช้หัวเจาะและเปิดหน้าดินที่สถานีบริเวณโรงเรียนอรุณซึ่งมีพื้นที่กว้างและให้ปรับแนวเส้นทางเดิมตามแผนแม่บทจากสามเหลี่ยมดินแดงเลี้ยวซ้ายเข้าถนนวิภาวดีรังสิตลอดข้ามไปฝั่งตรงข้ามผ่านด้านข้างโรงเรียนสุรศักดิ์มนตรีผ่านชุมชนประชาสงเคราะห์มาใช้แนวถนนมิตรไมตรีโดยไม่ผ่านชุมชนมุ่งหน้าสถานีศูนย์วัฒนธรรมได้เช่นกันซึ่งแนวทางดังกล่าวชาวบ้านได้เสนอไปแล้วกว่า2 ปีตั้งแต่เริ่มต้นกำหนดเขตและแนวเส้นทาง.
//----------------------
งานนี้ไม่ใครก็ใครต้องหัวโหม่งพสุธาเป็นแม่นมั่น เพราะ จะเอากันให้ตายไปข้างขนาดนี้ ได้เชิญไปที่กรม. 1 แน่
Last edited by Wisarut on 13/06/2015 2:52 am; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 12/06/2015 11:13 pm Post subject: |
|
|
พลิกโฉมกรุงเทพฯแบบ ไม่เปลืองงบ' ปรับแนวรถไฟฟ้า เพิ่ม 9 สะพาน
โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย
เดลินิวส์
วันจันทร์ที่ 8 มิถุนายน 2558 เวลา 2:01 น.
การให้สัมปทานรถไฟฟ้าใจกลางเมือง ทั้งนี้รัฐบาลไม่ต้องออกเงินก่อสร้างเองจะทำให้เกิดรายได้สูงเพราะเป็นเส้นทางที่มีความเป็นไปได้ทางการเงินมีผลตอบแทนที่คุ้มค่ากว่าการก่อสร้างออกไปนอกเมือง
เมื่อไม่กี่วันมานี้ (4 มิถุนายน) ผมได้นำหนังสือไปยื่นให้กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ฯพณฯ นายกรัฐมนตรีไม่ได้เกี่ยวกับการเมืองนะครับแต่เสนอวิธีการหาเงินมาฟื้นฟูเศรษฐกิจและพัฒนาประเทศชาติ ซึ่งจะสามารถประหยัดงบประมาณแผ่นดินนับล้านล้านบาท ผมเสนอไว้ดังนี้ครับ สัมปทานรถไฟฟ้าใจกลางเมือง การให้สัมปทานรถไฟฟ้าใจกลางเมือง ทั้งนี้รัฐบาลไม่ต้องออกเงินก่อสร้างเองจะทำให้เกิดรายได้สูงเพราะเป็นเส้นทางที่มีความเป็นไปได้ทางการเงินมีผลตอบแทนที่คุ้มค่ากว่าการก่อสร้างออกไปนอกเมือง เช่น เส้นนราธิวาสราชนครินทร์-พระรามที่ 3-ท่าพระ (แทนรถ BRT ซึ่งไม่เวิร์ก) สายอนุสาวรีย์ชัยฯ-คลองสามเสน-รามคำแหง ซอย 2 (เชื่อมสายสีส้ม) และสายสะพานพระรามที่ 9-รัชดาภิเษก-พระรามที่ 4-เอกมัย-ลาดพร้าว (แนวคล้ายกับรถไฟฟ้าสายสีเทาแต่ไม่ผ่านทองหล่อและไปถึงแค่ลาดพร้าวก็พอ) นอกจากนี้ รัฐบาลยังควรให้สัมปทานรถไฟฟ้ามวลเบา (Light Rail หรือ Monorail) ที่ควรดำเนินการเชื่อมกับรถไฟฟ้ามาตรฐาน เพื่อรองรับการจราจรในเมือง ได้แก่ 1. ถนนทหาร-ประดิพัทธ์-สุทธิสาร-ลาดพร้าว 64 หรืออาจสร้างคร่อมบนคลองบางซื่อซึ่งตั้งอยู่ทางด้านเหนือของถนนข้างต้นแทนเพื่อประหยัดค่าเวนคืนและปัญหาการจราจรในระหว่างการก่อสร้างก็อาจสามารถทำได้เช่นกัน 2. อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ-ถนนสามเสนโดยคร่อมบนคลองสามเสนเพื่อเชื่อมต่อรถไฟฟ้าบีทีเอสกับรถไฟฟ้าสายบางซื่อ-ราชบูรณะ 3. เทเวศน์-หัวลำโพงโดยสร้างเลียบถนนกรุงเกษมโดยรักษาคลองผดุงกรุงเกษมเอาไว้ซึ่งเป็นการเชื่อมต่อรถไฟฟ้าสายบางซื่อ-ราชบูรณะกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่หัวลำโพง 4. ช่องนนทรี-สวนพลู-ถนนจันทน์-เจริญกรุง-สี่พระยา-พญาไทโดยเชื่อมระหว่างรถไฟฟ้า BTS ที่สถานีช่องนนทรีกับพื้นที่ปิดล้อมถนนสวนพลู ถนนจันทน์ ถนนเจริญกรุงบางรัก สี่พระยาและตรงออกสู่ถนนพญาไทถึงสถานีรถไฟฟ้า BTS ที่สยาม 5. สุขุมวิท 39-แสนแสบ-สุขุมวิท 55 เชื่อมกับระบบรถไฟฟ้า BTS 2 สถานีคือสถานีพร้อมพงษ์และสถานีทองหล่อ 6. อุดมสุข-อ่อนนุชโดยเป็นการเชื่อมสถานีรถไฟฟ้า BTS 2 สถานีคือสถานีอุดมสุขไปตามถนนอุดมสุขถึงสวนหลวง ร.9 และออกสู่ถนนอ่อนนุชเชื่อมกับสถานีอ่อนนุชทั้งนี้ต้องมีข้อกำหนดให้สามารถสร้างอาคารพักอาศัยรอบๆสวนหลวง ร.9 ได้และในแต่ละวันมีผู้ใช้สวนหลวง ร.9 นี้เพียง 800 คนและส่วนมากเชื่อว่าจะเป็นผู้ที่ไปใช้บริการเดิม ๆ ที่ไปออกกำลังกายเป็นประจำเป็นส่วนใหญ่ การให้สัมปทานเช่นนี้เชื่อว่าในกรณีรถไฟฟ้ามาตรฐานทั่วไปแบบเดียวกับ BTS 3 สายข้างต้น คงเป็นเงินประมาณเส้นละ 40,000 ล้านบาทโดยเฉลี่ย ส่วนกรณีรถไฟฟ้ามวลเบา 6 เส้นทาง น่าจะเป็นเงินเส้นทางละ 20,000 ล้านบาท รวมทั้งสิ้นเป็นเงินประมาณ 240,000 ล้านบาท การทำรถไฟฟ้าในราคาที่ไม่สูงจนเกินไป จะทำให้มีเอกชนสามารถเข้าร่วมประมูลได้มากขึ้น ทำให้เกิดการแข่งขันเสรี โดยไม่ต้องถูกผูกขาดโดยรายใหญ่ และรัฐบาลแทบไม่ต้องเสียงบประมาณแผ่นดินใด ๆ เพียงแต่ควบคุมและตรวจสอบการจัดทำสัญญาที่ไม่เสียเปรียบภาคเอกชน อย่างไรก็ตามใช่ว่าผมจะเสนอแต่ให้มีรถไฟฟ้าผมเห็นว่าบางสายที่รัฐบาลวางแผนไว้ควรเร่งให้มาก่อนบางสายควรหดหรือยกเลิก รถไฟฟ้าสายบางซื่อ-ราชบูรณะ ผ่านถนนสามเสน เทเวศน์ คลองบางลำพู สะพานพระปกเกล้า ถนนพระเจ้าตากสิน ถนนสุขสวัสดิ์ ควรทำก่อนเส้นอื่นเพราะจะมีผู้ใช้บริการมาก รถไฟฟ้าสายสีส้มก็ควรสิ้นสุดที่แยกลำสาลี โดยไม่จำเป็นต้องไปถึงมีนบุรี เพราะยังมีจำนวนประชากรไม่หนาแน่นนัก ส่วนรถไฟฟ้าสายสีเขียว หมอชิต-สะพานใหม่ ซึ่งขนานกันเพียง 2 กิโลเมตรกับสายสีแดงควรเลิก แล้วเชื่อมเข้าลำลูกกาผ่านสายสีแดงแทน เป็นต้น สร้างอย่างหนาแน่นแต่ไม่แออัด โดยที่ในเขตกรุงเทพมหานครมีข้อจำกัดในการก่อสร้างมากมายทำให้การก่อสร้างอาคารต่าง ๆ จำกัด เมื่อมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าใจกลางเมืองมากขึ้นผมจึงเสนอลุงตู่ให้กำหนดผังเมืองใหม่โดยให้การก่อสร้างในเขตใจกลางเมืองสามารถสร้างสูงได้ถึงประมาณ 15-20 เท่าของขนาดแปลงที่ดิน(Floor Area Ratio : FAR) โดยให้เว้นพื้นที่โดยรอบให้เป็นพื้นที่สีเขียว ส่งเสริมการก่อสร้างอาคารอัจฉริยะอาคารเขียวเพื่อไม่ก่อมลภาวะ พื้นที่ใจกลางเมืองก็ควรให้มีการก่อสร้างสูงได้ยกเว้นพื้นที่ประวัติศาสตร์ (เขตพระนคร)พื้นที่เขตชั้นในของกรุงเทพมหานครยกเว้นบริเวณโดยรอบสวนหลวง ร.9 ก็ควรให้สร้างสูงขึ้นเพื่อให้ประชาชนได้มาใช้สวนสาธารณะแห่งนี้ได้เพิ่มขึ้นเป็นต้น การอนุญาตให้สร้างได้มากกว่าผังเมืองปัจจุบัน จะทำให้เกิดการก่อสร้างในใจกลางเมืองอีกมหาศาล (http://goo.gl/aBukys) โดยสมมุติให้พื้นที่พาณิชยกรรมเพิ่มขึ้น 2 ล้านตารางเมตร แบ่งเป็นพื้นที่ที่ขายได้ประมาณ 70% หรือ 1.4 ล้านตารางเมตร และสมมุติให้ตารางเมตรละ 60,000 บาท ก็เป็นเงิน 84,000 ล้านบาทที่เพิ่มขึ้นหากส่วนที่เพิ่มจากกฎหมายเดิม เก็บภาษี 10% ก็จะได้ภาษีนำมาพัฒนาท้องถิ่นเพิ่มเติมอีก 8,400 ล้านบาท การอยู่อาศัยในใจกลางเมืองยังช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายในการขยายไฟฟ้า ประปา โทรศัพท์ ระบบคมนาคมและขนส่งมวลชนออกไปชานเมืองอย่างไม่สิ้นสุดได้อีก เท่ากับประหยัดงบประมาณแผ่นดินไว้พัฒนาทางด้านอื่นที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมต่อไป ยิ่งกว่านั้นเมืองก็ไม่ขยายตัวอย่างไร้ขอบเขต คุณภาพชีวิตของประชาชนก็จะดีขึ้นแทนที่จะเสียเงินเสียเวลาเดินทางไกลบนท้องถนน และเป็นการลดมลภาวะอีกด้วย ถนนเลียบและสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา ในปัจจุบันจำนวนสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยามีจำกัดทำให้การเดินทางสัญจรประสบปัญหาเป็นอย่างมาก รวมทั้งยังขาดพื้นที่ถนนเพื่อการรองรับความเจริญเติบโตของกรุงเทพมหานครในการทำหน้าที่ประสานการพัฒนากับจังหวัดภูมิภาค กรุงโซล ซึ่งเป็นเมือง อกแตก ตั้งอยู่ 2 ฝั่งแม่น้ำเช่นเดียวกับกรุงเทพมหานคร ก็มีสะพานข้ามแม่น้ำถึง 30 สะพานห่างกันทุก 2 กิโลเมตรโดยเฉลี่ยยิ่งถ้าเป็นในย่านใจกลางเมืองยิ่งมีความถี่ในการสร้างสะพานประมาณทุก 1 กิโลเมตร ในขณะที่กรุงเทพมหานครมีสะพานตั้งแต่ช่วงวงแหวนรอบนอกด้านเหนือถึงวงแหวนรอบนอกด้านใต้เพียง 20 สะพานถือว่าระยะห่างเฉลี่ยระหว่างสะพานคือ 4.32 กิโลเมตร ในเขตใจกลางเมืองตั้งแต่สะพานพระราม 6 ถึงสะพานภูมิพล 1 มีเพียง 12 สะพานโดยมีระยะห่างของแต่ละสะพานถึง 1.9 กิโลเมตร หรือเกือบ 2 กิโลเมตร ดังนั้นผมจึงเสนอลุงตู่ให้ สร้างสะพานเพิ่มเติมในกรุงเทพมหานครได้แก่ 1. บริเวณถนนสุโขทัย-ถนนจรัญสนิทวงศ์ 68 2. ถนนกรุงเกษม-ถนนจรัญสนิทวงศ์ 44 3. ถนนเจริญกรุง-ถนนทวีธาภิเษก (อุโมงค์), 4. ถนนท่าดินแดง-ถนนราชวงศ์ 5. ถนนสี่พระยา-ถนนเจริญรัถ 6. ถนนจันทน์ -ถนนเจริญนคร 27 7. ถนนเจริญกรุง-ถนนพระรามที่ 2 8. ถนนบางนา-ตราด-ถนนนราธิวาสราชนครินทร์ (ข้ามบางกระเจ้า) และ 9. ถนนสุขุมวิท -ถนนสุขสวัสดิ์ (ปากน้ำ-บางปลากด) ยิ่งกว่านั้นยังควรสร้างถนนเลียบแม่น้ำเช่นในกรุงโซล โดยก่อสร้างเป็นถนนขนาด 6 ช่องจราจร (ไปกลับ) ทั้งสองฝั่ง เพื่อให้เป็นเขื่อนป้องกันน้ำท่วมได้ด้วยและเป็น การเพิ่มพื้นที่การจราจร การมีสะพานน้อยทำให้ความเจริญกระจาย ออกไปในแนวราบโดยเฉพาะฝั่งตะวันออกสังเกตได้ว่าราคาทาวน์เฮาส์ระดับไม่เกิน 1.5 ล้านบาทยังมีอยู่บริเวณถนนประชาอุทิศที่ตั้งอยู่เพียงข้ามฝั่งตะวันตกของแม่น้ำเจ้าพระยาแต่หากเป็นในฝั่งตะวันออกอาจต้องไปหาซื้อไกลถึงมีนบุรี ดังนั้นการมีสะพานข้ามแม่น้ำมากขึ้นทำให้โอกาสที่ความเจริญจะกระจายไปในเขตใจกลางเมืองด้านตะวันตกก็จะมีมากขึ้น การพัฒนาก็จะหนาแน่นในเขตเมืองชั้นในไม่แผ่ไปในแนวราบมากนักเปิดโอกาสให้ ชาวกรุงธนฯ ได้เดินทางสะดวกและถือเป็นการเปิดช่องทางและทำเลในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น การก่อสร้างสะพานยังเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอีกทางหนึ่งและง่ายกว่าการสร้างทางด่วนหรือรถไฟฟ้า การให้เอกชนดำเนินการเช่นจัดเก็บขยะ ตามที่กรุงเทพมหานครระบุว่า มีค่าใช้จ่ายในการจัดเก็บขยะปีละ 6,000 ล้านบาทและจะขึ้นค่าจัดเก็บขยะ 10 เท่า ยิ่งกว่านั้นยังเกิดปัญหาขยะล้นเมืองไม่สามารถแก้ไขได้ ในประเทศไทยมีขยะ 26 ล้านตันต่อปี แต่กำจัดได้อย่างถูกต้องแค่ 7.2 ล้านตัน แนวทางที่เป็นไปได้ก็คือการให้ภาคเอกชนรับสัมปทานการจัดเก็บทำลายขยะและนำขยะกลับมาใช้ใหม่ ทั้งนี้แบ่งออกเป็นหลาย ๆ บริษัทเพื่อป้องกันการผูกขาด และให้มีการควบคุมโดยใกล้ชิด ที่ผ่านมาภาคเอกชนสามารถกำจัดขยะและนำมาหารายได้ปรากฏให้เห็นอยู่ทั่วไปในประเทศไทย ในประเทศสิงคโปร์มีขยะปีละ 7.5 ล้านตัน สามารถรีไซเคิลได้ถึง 60% นำไปเผาและผลิตพลังงานได้ 38% ที่เหลือเพียง 2% เท่านั้นที่นำไปฝังกลบ นอกจากจะลดค่าจัดเก็บขยะปีละ 6,000 ล้านบาทของกรุงเทพมหานครแล้วยังสามารถเกลี่ยเจ้าหน้าที่ไปทำงานอื่นและยิ่งกว่านั้นยังอาจสามารถสร้างรายได้ให้กับกรุงเทพมหานครหรือองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นต่าง ๆ เสียอีก เช่นในกรุงเทพมหานครอาจประหยัดงบประมาณแผ่นดินรวมค่าเครื่องจักร ทรัพยากรมนุษย์และอื่น ๆ ปีละราว 10,000 ล้านบาท โครงการที่ไม่ควรดำเนินการ ในขณะที่เศรษฐกิจฝืดเคืองทางราชการต้องใช้เงินอย่างมีประสิทธิภาพและให้ประโยชน์สูงสุดแก่ประชาชนและประเทศชาติยังมีบางโครงการที่ไม่ควรดำเนินการเพราะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์เท่าที่ควร ตัวอย่างเช่นควรยกเลิกแนวคิดที่จะนำมักกะสันไปทำสวนสาธารณะ ที่ดินแปลงนี้พึงใช้เพื่อกิจการรถไฟโดยเฉพาะในการเชื่อมต่อรถไฟของสนามบิน 2 แห่งและรถไฟฟ้าต่าง ๆ ควรเป็นศูนย์รวมการคมนาคมของการรถไฟ ลุงตู่ควร ยกเลิกโครงการพัฒนาริมแม่น้ำเจ้าพระยา 14,000 ล้านบาท เพราะไม่เกิดประโยชน์เท่าที่ควร ควรสร้างให้เป็นถนน 6 ช่องทางจราจร ทั้งสองฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาแทน ยิ่งกว่านั้นยังควรยกเลิกการสร้าง สกายวอร์ก ของกรุงเทพมหานคร ซึ่งประกอบด้วย สกายวอล์กเชื่อมต่อระหว่างสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสบางนาและสถานีบีทีเอสอุดมสุข สกายวอล์กเชื่อมระหว่างสถานีสุรศักดิ์กับสถานีสะพานตากสิน เพราะค่าก่อสร้างต่อตารางเมตรแพงกว่าสร้างตึกสูงเสียอีก และไม่เกิดประโยชน์เพราะบริเวณดังกล่าวไม่ค่อยมีผู้เดินสัญจรมากนัก ควรสร้างช่วงสุรศักดิ์-ช่องนนทรีน่าจะมีผู้ใช้ประโยชน์มากกว่า พวกเรามาหนุนช่วยลุงตู่พัฒนาเมืองทั้งเมืองกรุงและเทศบาลต่าง ๆ กันนะครับ แต่ภายใต้กรอบที่ลุงประกาศเองว่า ขอเวลาอีกไม่นาน คงไม่อ้างคนรอบข้างว่าเป็นเสียงส่วนใหญ่ให้อยู่ต่อนะครับ. |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 13/06/2015 8:11 pm Post subject: |
|
|
ใช้การรอนสิทธิแทนเวนคืน แก้สายสีส้มช่วงประชาสงเคราะห์-ออกตอนสร้าง, เสร็จกลับคืน
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์
13 มิถุนายน 2558 เวลา 05:01
วันที่ 12 มิ.ย. นายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เปิดเผยว่า หลังจากคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) เห็นชอบแนวเส้นทางโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม (ตะวันออก) ศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี โดยให้ใช้แนวเส้นทางเดิมตามแผนแม่บท ขั้นตอนต่อไป รฟม.จะต้องรายงานบอร์ด รฟม.รับทราบ ก่อนส่งเรื่องให้กระทรวงคมนาคม นำเสนอที่ประชุม ครม.เห็นชอบ ทั้งนี้ โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม เป็นโครงการเร่งด่วนของรัฐบาล การอนุมัติคงจะไม่ล่าช้า รฟม.ตั้งเป้าจะสามารถเริ่มการประกวด ราคาได้ประมาณเดือน ต.ค.2558 ทั้งนี้ เหตุผลของ คจร. ที่ให้ใช้แนวเส้นทางเดิมตามแผนแม่บท คือ
1.ถ้าปรับไปใช้แนวเส้นทางใหม่จะมั่นใจได้อย่างไรว่าจะไม่มีผู้คัดค้านรายใหม่เกิดขึ้นอีก
2.ต้องการเปิดพื้นที่ย่าน กทม.2 ที่ยังขาดระบบขนส่งมวลชน
3.เส้นทางเดิมอนุมัติหลักการตั้งแต่ปี 2539 แต่มามีปัญหาช่วงปี 2556-2557
4.รัฐลงทุนก่อสร้างสถานีร่วมที่ศูนย์วัฒนธรรมรองรับไว้แล้ว หากไม่ใช้อาจจะทำให้เสียงบประมาณและประโยชน์ใช้สอย
5.แนวเดิมผ่านการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมแล้ว หากเปลี่ยนจะต้องศึกษากันใหม่ทำให้เสียเวลา
นายพีระยุทธกล่าวว่า สำหรับผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการเวนคืนที่ดิน คจร. มีมติให้ รฟม. ไปทำความเข้าใจ และหาแนวทางลดผลกระทบที่จะเกิดกับชาวบ้านให้น้อยที่สุด ซึ่งตามแนวเส้นทางเดิมจากดินแดง ผ่านชุมชนประชาสงเคราะห์ ไปสถานีศูนย์วัฒนธรรม มีผู้ได้รับผลกระทบจากการเวนคืนที่ดินจำนวน 184 แปลง ประกอบด้วยบ้านพักอาศัย อาคารต่างๆขนาด 2-4 ชั้น ขณะนี้ รฟม.อยู่ระหว่างการพิจารณาหาแนวทางช่วยเหลือ เบื้องต้นอาจจะใช้วิธีรอนสิทธิแทนการเวนคืนที่ดิน โดยเจ้าของที่ดินยังมีสิทธิ์ในที่ดินของตนเองและสามารถพักอาศัยได้ตามเดิม ทั้งนี้ ระหว่างก่อสร้างจำเป็นต้องรื้อและให้ย้ายออกไปก่อน โดย รฟม.จะก่อสร้างให้ใหม่ทดแทนภายหลังโครงการก่อสร้างแล้วเสร็จ โดยเร็วๆนี้จะเชิญผู้แทนชุมชนและชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบมาชี้แจงและทำความเข้าใจ ส่วนกรณีพนักงาน ลูกจ้าง รฟม. ได้แจ้งให้ย้ายออกจากบ้านพักแล้วเช่นกัน โดยขอให้ย้ายออกโดยเร็วที่สุด อย่างช้าไม่เกินสิ้นปี 2558 เนื่องจากต้องเคลียร์พื้นที่สำหรับก่อสร้างศูนย์ซ่อมบำรุง หรือเดปโป้สายสีส้ม โดยใช้พื้นที่ก่อสร้างประมาณ 300 ไร่. |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 15/06/2015 10:36 pm Post subject: |
|
|
ทบทวนแผนแม่บทรถไฟฟ้า ขยายสีเขียว-ส้มรับเมืองโต
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
12 มิถุนายน 2558 เวลา 08:59:19 น.
คมนาคมชง คจร.ทบทวนแผนแม่บทรถไฟฟ้า 12 สายใหม่ ขยาย "สายสีส้ม" ไปถึงสุวินทวงศ์ ปรับจุดเชื่อมต่อรถไฟฟ้าใต้ดินสถานี "ศูนย์วัฒนธรรม" หรือ "พระราม 9" กทม.ขอขีดเพิ่มเส้นทาง "บางหว้า-ตลิ่งชัน" อีก 7 กิโลเมตร จับตาบีทีเอสหยิบชิ้นปลามันเดินรถสายสีเขียว "หมอชิต-คูคต" และ "แบริ่ง-สมุทรปราการ"
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผย"ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ในการประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก (คจร.) ที่มี ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจเป็นประธาน วันที่ 10 มิถุนายน 2558 สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ขอเสนอทบทวนแผนแม่บทการพัฒนาโครงการระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล 12 สายทาง ระยะทางรวม 495 กิโลเมตรใหม่ หลังมีการปรับแนวเส้นทางและเสนอก่อสร้างเส้นทางใหม่เพิ่ม
ประกอบด้วย 1.สายสีส้มจากตลิ่งชัน-มีนบุรี ระยะทาง 37.5 กิโลเมตร ที่การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) จะขอปรับแนวเฟสแรกจากช่วงศูนย์วัฒนธรรม-มีนบุรี เป็นพระราม 9-มีนบุรี พร้อมกับขอขยายเส้นทางเพิ่ม 1 สถานี ช่วงจากมีนบุรีไปถึงสุวินทวงศ์ ระยะทางประมาณ 1-2 กิโลเมตร และ 2.สายสีเขียวอ่อน(ยศเส-บางหว้า) กรุงเทพมหานคร (กทม.) จะขยายเส้นทางเพิ่มจากบางหว้า-ตลิ่งชัน ระยะทางประมาณ 7 กิโลเมตร หลังจากที่ได้ศึกษาโครงการเสร็จแล้ว จะใช้เงินก่อสร้างประมาณ 13,000 ล้านบาท
"หาก คจร.อนุมัติ สนข.จะต้องขอการอนุมัติจากคณะรัฐมนตรีต่อไป เพื่อของบประมาณมาทบทวนแผนแม่บทดังกล่าวให้สอดรับกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น"
สำหรับรถไฟฟ้า 12 สายทาง ได้แก่
1.สีแดงเข้ม (ธรรมศาสตร์-มหาชัย) ระยะทาง 80.8 กิโลเมตร
2.สีแดงอ่อน (ศิริราช-ศาลายา-ตลิ่งชัน-หัวหมาก) ระยะทาง 54 กิโลเมตร
3.สายเชื่อมแอร์พอร์ตลิงก์ (ดอนเมือง-บางซื่อ-พญาไท-สุวรรณภูมิ) ระยะทาง 50.3 กิโลเมตร 4.สีเขียวเข้ม (ลำลูกกา-สมุทรปราการ-บางปู) ระยะทาง 66.5 กิโลเมตร
5.สีเขียวอ่อน (ยศเส-บางหว้า) ระยะทาง 15.5 กิโลเมตร
6.สายสีน้ำเงิน (บางซื่อ-หัวลำโพง-ท่าพระ-พุทธมณฑลสาย 4) ระยะทาง 55 กิโลเมตร
7.สีม่วง (บางใหญ่-ราษฎร์บูรณะ) ระยะทาง 42.8 กิโลเมตร
8.สีส้ม (ตลิ่งชัน-มีนบุรี) ระยะทาง 37.5 กิโลเมตร
9.สีชมพู (แคราย-มีนบุรี) ระยะทาง 36 กิโลเมตร
10.สีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ระยะทาง 30.4 กิโลเมตร
11.สีเทา (วัชรพล-ลาดพร้าว-พระราม 4-สะพานพระราม 9) ระยะทาง 26 กิโลเมตร และ
12.สีฟ้า (ดินแดง-สาทร) ระยะทาง 9.5 กิโลเมตร
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า นอกจากนี้ยังมีการขออนุมัติจาก คจร.ให้ชี้ขาดจะให้ กทม. หรือการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เป็นผู้รับผิดชอบเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวทั้งช่วงหมอชิต-สะพานใหม่-คูคต ระยะทาง 18.7 กิโลเมตร และช่วงแบริ่ง-สมุทรปราการ ระยะทาง 12.8 กิโลเมตร เนื่องจากมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2551 มีมติแค่ให้ รฟม.เป็นผู้ก่อสร้างงานโยธา แต่ไม่ได้ระบุว่าจะให้หน่วยงานไหนเป็นผู้รับผิดชอบการเดินรถ
อย่างไรก็ตาม นโยบายของกระทรวงคมนาคมต้องการจะให้มีการเดินรถแบบต่อเนื่อง โดยให้ รฟม.ไปเจรจากับ กทม.เพื่อหาข้อยุติ ก่อนจะไปเจรจากับบริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือบีทีเอสซีผู้รับสัมปทานรายเดิมเป็นผู้ดำเนินการ แต่ที่ผ่านมาในการหารือยังไม่ได้ข้อยุติ เนื่องจาก กทม.ไม่มีเงินก้อนที่จะมาจ่ายค่าก่อสร้างคืนให้ รฟม. ขณะที่บีทีเอสก็ยื่นข้อเสนอว่าพร้อมจะเดินรถให้ แต่ขอให้รัฐบาลรับผิดชอบภาระหนี้ให้เป็นระยะเวลา 10 ปี |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 17/06/2015 10:00 pm Post subject: |
|
|
เอกชนหนุนกคช. ปั๊มบ้านคนจน เกาะรถไฟฟ้า
โดย ASTVผู้จัดการรายวัน
16 มิถุนายน 2558 22:12 น. (แก้ไขล่าสุด 17 มิถุนายน 2558 00:10 น.)
ASTVผู้จัดการรายวัน - ภาคธุรกิจอสังหาฯแนะหากรัฐจะทำโครงการอพาร์ตเมนต์ ราคาขาย 3 แสนบาทตามแนวรถไฟฟ้า ควรศึกษาข้อมูลโครงการบ้านเอื้ออาทร ยังเหลือขายอื้อ พร้อมชงให้กคช.รับผิดชอบ ด้านผู้บริหารเสนาฯ รัฐต้องชัดเจนและรัดกุมเรื่องการบริหารจัดการ หวั่นเป็นภาระผู้ซื้อในอนาคต เชื่อไม่กระทบตลาดอาคารชุด คนละกลุ่มลูกค้า
นายอธิป พีขานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร กล่าวว่า แนวคิดในการพัฒนาอพาร์ทเมนต์ ให้เช่า หรือ ซื้อ ตามแนวรถไฟฟ้าราคา 3 แสนบาท เพื่อผู้มีรายได้น้อยของนายกรัฐมนตรี เข้าใจว่าต้องการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าสู่ระบบ ทำให้เกิดการจ้างงาน มีเงินหมุนเวียนกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ต้องการให้รัฐบาลไปเร่งผลักดันโครงการสาธารูปโภคพื้นฐานและการเร่งให้มีโครงการรถไฟฟ้าทุกสายมากกว่า เพราะเป็นโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจในระยาวอีกทั้งยังโครงการที่มีความจำอย่างมากที่จะต้องใช้ในอนาคต
นอกจากนี้รัฐบาลควรศึกษาข้อมูลของโครงการบ้านเอื้ออาทร ที่ปัจจุบันมียูนิตหลือขายพอสมควร และหากจะมีการพัฒนาโครงการอพาร์ตเมนต์สำหรับผู้มีรายได้น้อย สิ่งที่รัฐบาลต้องคำนึงถึง คือ ควรมอบนโยบายให้การเคหะแห่งชาติ(กคช.)เป็นผู้รับผิดชอบ ไม่ควรตั้งทีมเฉพาะกิจขึ้นมาทำให้เกิดความซ้ำซ้อน ควบคุมปริมาณให้เหมาะสม เพื่อไม่ให้เหลือขายเช่นบ้านเอื้ออาทรที่มีปัญหาอยู่ในปัจจุบัน รวมถึงการทำให้เกิดความโปร่งใสไม่มีทุจริตคอร์รัปชั่น นอกจากนี้ควรพิจารณาว่าในทำเลที่เปิดโครงการมีความต้องการหรือไม่ เช่น อยู่ใกล้แหล่งงาน มหาวิทยาลัย เพราะไม่เช่นนั้นโครงการที่ทำไปแล้วจะไม่มีผู้มาซื้อหรือเช่าอยู่
รศ.ดร.เกษรา ธัญลักษณ์ภาคย์ กรรมการบริหาร บริษัท เสนา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า น่าจะเป็นโครงการที่ดี โดยน่าจะเป็นการนำที่ดินของภาครัฐมาพัฒนา ซึ่งแน่นอนว่าไม่สามารถขายขาดได้ ดังนั้นที่น่าจะทำได้คือโครงการเพื่อเช่าและเช่าซื้อระยะยาว แต่ปัญหาของโครงการประเภทนี้คือ การหาที่ดินซึ่งในขณะนี้ที่ดินในแนวรถไฟฟ้ามีอยู่จำกัด ทำให้ปริมาณในการพัฒนาโครงการดังกล่าวเกิดขึ้นได้น้อย และมีความเป็นไปได้น้อยกว่าโครงการบ้านเอื้ออาทร
ทั้งนี้ สิ่งที่ต้องมีการศึกษาและกำหนดรูปแบบให้ชัดเจน และมีความรอบครอบรัดกุมคือ ระบบการบริหารจัดการ การจัดเก็บค่าส่วนกลาง เพราะโครงการประเภทนี้หากมีค่าส่วนกลางสูงจะทำให้ผู้อยู่อาศัยลำบาก แต่หากจัดเก็บค่าส่วนกลางต่ำเกินไปจะส่งผลให้เกิดภาระต่อนิติบุคคลอาคารชุดในระยะยาว และจะก่อให้เกิดปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมตามมาในอนาคต
นอกจากนี้ การกำหนดระยะเวลาในการเช่าซื้อ ให้สัมพันธ์กับไฟแนนช์ ซึ่งก็มีความสำคัญ ในกรณีที่เมื่อหมดสัญญาเช่าซื้อในอนาคตอาจจะเกิดปัญหาตามมาได้ เช่นเดียวกับกรณีของแฟลตดินแดง ซึ่งในส่วนดังกล่าวจะต้องมีการกำหนดรูปแบบไฟแนนช์และสัญญาให้ชัดเจน เพื่อป้องกันปัญหาที่จะตามมา
โครงการดังกล่าวไม่น่าจะส่งผลกระทบกับตลาดอาคารชุด เพราะเชื่อว่าหากเกิดขึ้นจะมีจำนวนจำกัด เมื่อเทียบกับบ้านเอื้ออาทรที่เกิดขึ้นจำนวนมากและมีการกระจายตัวไปทุกที่ ผลกระทบบ้านเอื้ออาทรจะชัดเจนมากกว่า นอกจากนี้ อพาร์ตเมนต์ในโครงการดังกล่าวยังเป็นคนละตลาดกับคอนโดแนวรถไฟฟ้าในปัจจุบันด้วย |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 17/06/2015 10:15 pm Post subject: |
|
|
จี้5จว.ต้นแบบแก้จราจรภูมิภาค คจร.เร่งแผนแม่บท/สนข.จ้าง 3 มหาวิทยาลัยศึกษา
โดย กอง บก.ฐานเศรษฐกิจ อสังหา REAL ESTATE -
ออนไลน์เมื่อ วันอาทิตย์ที่ 14 มิถุนายน 2558 เวลา 16:45 น.
คอลัมน์ : อสังหาฯ-คมนาคม
หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,061 วันที่ 14 - 17 มิถุนายน พ.ศ. 2558
คจร.ติวเข้มอจร.ภูมิภาค เร่งวางแผนแม่บทการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนเมือง มอบสนข.ใช้งบกว่า 33 ล้านว่าจ้าง 3 มหาวิทยาลัยศึกษานำร่องที่เชียงใหม่-ขอนแก่น-นครราชสีมา-ภูเก็ต-หาดใหญ่ ด้าน เชียงใหม่-ภูเก็ตเสนอใช้ระบบแทรมป์ ส่วนโคราชเสนอบีอาร์ที หาดใหญ่ขอใช้โมโนเรล
พล.อ.อ.ประจิน จั่นตองพล.อ.อ.ประจิน จั่นตองพล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า มติที่ประชุมคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก(คจร.) กำหนดแนวทางดำเนินการโครงการระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ในเมืองภูมิภาค โดยมอบหมายให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.)ศึกษาและจัดทำแผนแม่บทการก่อสร้างระบบขนส่งมวลชนเมืองในพื้นที่ 5 จังหวัด คือ เชียงใหม่ ขอนแก่น นครราชสีมา ภูเก็ต และสงขลา(หาดใหญ่)
"ขณะนี้สนข.อยู่ระหว่างดำเนินการสำรวจข้อมูลด้านการจราจรและขนส่งใน 5 เขตเมืองดังกล่าวเพื่อแก้ไขปัญหาจราจรในระยะเร่งด่วน โดยใช้งบประมาณประจำปี 2558-2559 ไปดำเนินการให้แล้วเสร็จให้จังหวัดต่างๆสามารถนำไปประยุกต์ใช้ให้สอดคล้องกัน"
ด้านแหล่งข่าวระดับสูง สนข. กล่าวว่าปัจจุบันคจร.ให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาจราจรในเมืองใหญ่มากขึ้น โดยเฉพาะ 5 เมืองหลักข้างต้น โดยกลุ่มมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี(มจธ.) มหาวิทยาลัยขอนแก่น และมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำแผนการพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะในเมืองภูมิภาคของประเทศโดยใช้งบประมาณวงเงิน 33 ล้านบาท
"ตามแผนเดิมกรมการขนส่งทางบก(ขบ.)ระดับจังหวัดจะเป็นผู้รับภารกิจนี้ไปดำเนินการ ซึ่งบางจังหวัดจัดทำแผนดำเนินการเอง แต่เมื่อ คจร.มอบหมายให้สนข.จัดทำเกณฑ์ดังกล่าว ไว้ในแผนหลักพัฒนาระบบขนส่งสาธารณะในเมืองภูมิภาค ซึ่งจัดทำแผน 3 ระดับ คือระดับเล็ก ระดับกลาง และระดับใหญ่ ให้เป็นเมืองต้นแบบ โดยในปี 2558-2559 จะเห็นการปรับปรุงแผนใน 5 เมืองหลักข้างต้น รวมทั้งการเชื่อมต่อกับระบบขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ของรัฐบาล อาทิ รถไฟทางคู่ รถไฟความเร็วปานกลาง หรือไฮสปีดเทรน"
1. แหล่งข่าวกล่าวอีกว่าโครงการในพื้นที่จังหวัดขอนแก่นจะต้องไปศึกษาทบทวนโครงการรถเมล์บีอาร์ที 5 สายทางระยะทาง 108 กิโลเมตร มูลค่าลงทุน 6,356 ล้านบาท โดยต้องผ่านการพิจารณาของอจร.ในพื้นที่ก่อน หากมีความเหมาะสมและสอดคล้องตามที่คจร.กำหนดจึงจะไปพิจารณาว่าควรใช้ระบบใดที่เหมาะสม อาทิ รถไฟฟ้าโมโนเรล แทรมป์ หรือบีอาร์ที
สำหรับโครงการระบบขนส่งสาธารณะตามเมืองหลักต่างๆที่อยู่ระหว่างการนำเสนอกระทรวงคมนาคมและรัฐบาลเร่งผลักดัน ประกอบด้วย
2. เมืองภูเก็ต อยู่ระหว่างการออกแบบรายละเอียดเส้นทาง สถานี ศูนย์ซ่อมบำรุง โครงการรถรางไฟฟ้า(Tram) ช่วงสัปดาห์หน้าจะมีการลงพื้นที่พบปะกับประชาชนและหน่วยงานต่างๆโดยผู้บริหารระดับจังหวัดจะรณรงค์ให้ข้อมูลแก่ประชาชนมากขึ้น ระยะทาง 60 กิโลเมตร มูลค่า 2 หมื่นล้านบาท(รวมจัดหารถ)
3. จังหวัดเชียงใหม่จะใช้รถรางไฟฟ้า(Tram) 4 สาย ระยะทาง 100 กิโลเมตร มูลค่า 1.4 หมื่นล้านบาท
4. นครราชสีมาจะใช้รถประจำทางด่วนพิเศษ(บีอาร์ที) 5 สายทาง 47 กิโลเมตร
5. เมืองหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา รถไฟรางเดี่ยว โมโนเรล ระยะทาง 28 กิโลเมตร
จาก |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 19/06/2015 12:05 am Post subject: |
|
|
ดีเดย์ประมูลรถไฟฟ้า3เส้นทาง สร้อยทิพย์ลั่นก่อนกันยายนนี้/ทั้งสีส้ม-ชมพู-เหลือง
BUSINESS, REAL ESATE
ฐานเศรษฐกิจ
วันพฤหัส ที่ 18 มิถุนายน, 2558
ปลัดคมนาคมเร่ง รฟม.ชงโครงการรถไฟฟ้า 3 สายสีชมพูสีส้มสีเหลือง ภายในมิถุนายนนี้ ลุ้น ครม.อนุมัติเปิดประมูล 5 ระบบราง ทั้งรถไฟฟ้าและรถไฟทางรางอีก 2 เส้นทางมีคลองสิบเก้าแก่งคอย, ชุมทางถนนจิระขอนแก่น สร้อยทิพย์ ลั่นอยากเห็นเปิดประมูลรถไฟฟ้าพร้อมกัน 3 เส้นทาง
นางสร้อยทิพย์ไตรสุทธิ์ ปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ได้หารือร่วมกับนายพีระยุทธ สิงห์พัฒนากุล ผู้ว่าการการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เรียบร้อยแล้ว กระบวนการหลังจากนี้เพียงรฟม.นำมติคณะกรรมการจัดระบบการจราจรทางบก(คจร.) ในครั้งนี้เข้ารายงานให้คณะกรรมการ (บอร์ด) รฟม.รับทราบเท่านั้น ดังนั้นในช่วงปลายปีนี้นอกเหนือจากจะสามารถนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.)อนุมัติให้ดำเนินการโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) 3 เส้นทาง โครงการสนามบินสุวรรณภูมิเฟส 2 แล้วยังมีโครงการรถไฟและรถไฟฟ้าได้อีก 4-5 เส้นทาง
ขณะนี้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)ได้จัดทำร่างเรื่องเพื่อนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) รองรับไว้แล้ว เพียงเติมมติคจร.เข้าไปให้สมบูรณ์เท่า นั้น ดังนั้นจึงเร่งรัดให้รฟม.เร่งส่งเรื่องรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงศูนย์วัฒนธรรมมีนบุรี สายสีชมพู ช่วงแครายมีนบุรี และสายสีเหลือง ช่วงลาดพร้าวสำโรงมายังกระทรวงคมนาคมให้ได้ภายในเดือนมิถุนายนนี้เพื่อเสนอครม.อนุมัติให้เปิดประมูลต่อไป ส่วนโครงการรถไฟทางคู่ที่เหลืออีก 2-3 เส้นทางก็จะเร่งผลักดัน โดยหากเส้นไหนผ่านการพิจารณาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) เรียบร้อยแล้วจะต้องนำเสนอบอร์ดร.ฟ.ท.เห็นชอบให้เปิดประกวดราคาต่อไป อยากทำให้สำเร็จภายในเดือนกันยายนนี้โดยจะเร่งนำเสนอประกวดราคารถไฟฟ้าให้ได้พร้อมกันทั้ง 3 เส้นทาง
ด้านนายวุฒิชาติกัลยาณมิตรผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวว่าอยู่ระหว่างการเร่งรัดโครงการประกวดราคารถไฟทางคู่เส้นทางประจวบคีรีขันธ์ชุมพรตามที่ได้ผ่านอีไอเอ แล้ว ขณะที่เส้นทางชุมทางคลองสิบเก้าแก่งคอย ที่ร.ฟ.ท.เสนอทีโออาร์ให้ตรวจสอบนั้น ยืนยันไม่มีปัญหาเพียงแต่รอให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ตอบหนังสือกรณีที่เดิมเคยรวมเอาการจัดซื้อเครื่องมือเข้าไว้ด้วยสตง.จึงท้วงติง เมื่อได้รับหนังสือตอบกลับจากสตง.แล้วก็จะนำเสนอคณะกรรมการ(บอร์ด) ร.ฟ.ท.เห็นชอบเพื่อเปิดประกวดราคาต่อไป
ส่วนเส้นทางชุมทางถนนจิระขอนแก่น ครม.อนุมัติให้จัดประกวดราคาได้แล้วนั้นขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำร่างเอกสารประกวดราคา (ทีโออาร์) เช่นเดียวกับช่วงประจวบคีรีขันธ์ชุมพรก็จะเร่งผู้เกี่ยวข้องจัดทำเอกสารประกวดราคานำเสนอโดยเร็วต่อไป |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 22/06/2015 1:49 am Post subject: |
|
|
ผ่านบ้านใครบ้าง เส้นทางรถไฟฟ้าโมโนเรล สุวรรณภูมิ แพรกษา สุขุมวิท
มาถึงระยะสุดท้ายแล้ว สำหรับโครงการรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (โมโนเรล) โดยบริษัทที่ปรึกษาได้ศึกษาและวิเคราะห์ปัญหาด้านการจราจรและระบบขนส่งมวลชนทั้งในปัจจุบันและอนาคตเพื่อจัดทำแผนแม่บทรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (โมโนเรล) ของ อบจ.สมุทรปราการ
ประเด็นที่ต้องศึกษาประกอบด้วย แนวสายทางสถานีโดยสาร สถานีสับเปลี่ยนเส้นทาง อาคารจอด และศูนย์ซ่อมบำรุง รวมถึงวิเคราะห์ความเหมาะสมของการดำเนินโครงการ ศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (IEE) ความเป็นไปได้เบื้องต้นทางด้านวิศวกรรม อีกทั้งรูปแบบการลงทุนที่เหมาะสม
หลังจากบริษัทที่ปรึกษาได้เสนอแนวเส้นทาง 4 เส้นทางได้แก่ สายสุวรรณภูมิ-บางปู, สายแพรกษา (ช่วงบางพลี-ตำหรุ-สุขุมวิท), สายสุวรรณภูมิ-แพรกษา-สุขุมวิท และสายบางปู-แพรกษา-สุขุมวิท เบื้องต้นให้กับ อบจ.พิจารณาคัดเลือกพื้นที่ที่มีความเหมาะสม เพื่อเป็นเส้นทางนำร่อง ขณะนี้อยู่ระหว่างการสรุปผลการศึกษาและการออกแบบโครงสร้าง
บริษัทที่ปรึกษาเสนอเส้นทาง สุวรรณภูมิ-แพรกษา-สุขุมวิท เนื่องจากสามารถเชื่อมต่อสนามบินสุวรรณภูมิกับรถไฟฟ้าสีเขียวได้สะดวก โดยจุดเริ่มต้นจะเชื่อมต่อรถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ สถานีลาดกระบัง แล้วจะมาตามถนนกิ่งแก้ว ถนนตำหรุ-บางพลี เมื่อถึงแยกแพรกษาจะมุ่งหน้าไปตามถนนแพรกษาสิ้นสุดที่ถนนสุขุมวิทเชื่อมต่อโครงการรถไฟฟ้าสีเขียว รวมระยะ 29.79 กิโลเมตร
สถานีจะมีทั้งหมด 15 สถานี คาดการณ์ผู้โดยสายในปี 2564 จะมีผู้โดยสารประมาณ 72,702 คน/วัน และคาดการณ์ปี 2590 จะมีผู้โดยสารประมาณ 365,975 คน/วัน
โครงการศึกษาความเป็นไปได้ระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (โมโนเรล) จะคัดเลือกเส้นทางที่บริษัทที่ปรึกษาเสนออีก 3 เส้นทางมาเจาะลึกว่าเส้นทางใดจะเป็นเส้นทางนำร่องโครงการโมโนเรล ติดตามจากข่าวหน้าครับ
ตำแหน่งสถานี
- ลาดกระบัง / จุดเชื่อม Airport Rail Link
- กิ่งแก้ว 60 / ซอยกิ่งแก้ว 60/2
- กิ่งแก้ว 50 / ซอยกิ่งแก้ว 50
- รพ.จุฬารัตน์ 9 / หน้าทางเข้าวัดกิ่งแก้ว
- ราชาเทวะ / ซอยกิ่งแก้ว 19
- บางนา-ตราด 1 / ซอยกิ่งแก้ว 1
- บางนา-ตราด 2 / หน้ามูลนิธิร่วมกตัญญู
- บางพลีใหญ่ / หน้า บจ.ไทยคาเนะ
- เทพารักษ์ / แยกเทพารักษ์
- จงสิริ / แยกจงศิริ
- เพชรงาม / หน้าเอื้ออาทรแพรกษา 2
- แพรกษา 14 / หน้าเอื้ออาทรแพรกษา 14
- วัดแพรกษา / หน้าวัดแพรกษา
- พุทธรักษา / ซอยเทศบาลบางปู 34
- แพรกษา / จุดสิ้นสุดเชื่อมสายสีเขียว
จ่อยเองค๊าบ เก็บ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 22/06/2015 5:36 pm Post subject: |
|
|
อ่านบทความนี้รู้สึกสังเวช คนเขียน ที่คิดอะไรได้ตื้นเขิน ปานนี้ ขนาดรถไฟฟ้าบีทีเอส ที่ราคาคนรวยยังอัดกันเต็มขบวนรถ ถ้ามาตั้งราคาคนจนอย่างที่ผู้เขียนต้องกัน มิยัดทะนานกันหรือ
http://tcijthai.com/tcijthainews/view.php?ids=3159 |
|
Back to top |
|
|
|