Ads Service

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Ads Service

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311296
ทั่วไป:13272676
ทั้งหมด:13583972
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวเกี่ยวกับ "ที่ดิน" ของ "รฟท."
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าวเกี่ยวกับ "ที่ดิน" ของ "รฟท."
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 120, 121, 122 ... 198, 199, 200  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42746
Location: NECTEC

PostPosted: 10/11/2015 11:17 am    Post subject: Reply with quote

เร่งประมูลที่ดินรถไฟ 3 แปลงใหญ่ 9 เดือนจบ "ออมสิน" ลั่นปีหน้าดึงเอกชนลงทุนแสนล้าน-BTS จองย่าน กม.11
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
10 พฤศจิกายน 2558 เวลา 10:01:21 น.


อานิสงส์ "พีพีพี ฟาสต์แทร็ก" ปลุกผีที่ดินรถไฟ "รมช.ออมสิน ชีวะพฤกษ์" สั่งเร่งศึกษารูปแบบลงทุนชงคณะกรรม PPP อนุมัติ คาดปีหน้าเห็นผลเป็นรูปธรรม ประกาศหาเอกชนพัฒนาพื้นที่3 แปลงรวด "สถานีกลางบางซื่อ-ย่าน กม.11-สถานีแม่น้ำ" เผยบีทีเอสสนร่วมลงทุนคอนโดฯ ป้อนผู้มีรายได้ปานกลาง กรมธนารักษ์ไม่ยอมตกขบวน เร่งสำรวจที่ดินแปลงใหญ่ทั่วประเทศ

นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 2558 มีมติเห็นชอบมาตรการเร่งรัดโครงการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐหรือ PPP Fast Track เพื่อลดเวลาดำเนินการตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 2556 เหลือ 270 วัน หรือ 9 เดือน จากเดิมใช้เวลาถึง 22 เดือนหรือ 1-2 ปี ในอนาคตจะส่งผลดีต่อโครงการลงทุนของกระทรวงคมนาคมเดินหน้าได้เร็วขึ้น



ลงทุนรถไฟฟ้า 4 แสนล้าน

ปัจจุบันมีโครงการกำลังเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนกว่า 4 แสนล้านบาท ได้แก่ โครงการจัดหาระบบและรับสัมปทานเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินต่อขยาย (บางซื่อ-ท่าพระ, หัวลำโพง-บางแค) สีเขียว (แบริ่ง-สมทุรปราการ, หมอชิต-คูคต) สายสีส้ม (ตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรม) และก่อสร้างพร้อมรับสัมปทานเดินรถสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) สีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หัวหินและกรุงเทพฯ-ระยอง ให้สามารถเดินหน้าเร็วขึ้น

นายออมสินกล่าวว่า ขณะเดียวกัน ทำให้การพัฒนาที่ดินขนาดใหญ่ของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เดินหน้าเร็วขึ้นในการหาเอกชนมาร่วมพัฒนา หลังล่าช้ามานาน คาดว่าในปี 2559 จะเห็นผลเป็นรูปธรรมทั้งหมด ล่าสุดได้สั่งให้การรถไฟฯเตรียมรายละเอียดโครงการพัฒนาที่ดินแปลงใหญ่ 3 แปลงระยะเร่งด่วน มูลค่ารวม 96,783 ล้านบาท ส่งมาให้กระทรวงพิจารณาเพื่อเสนอไปยังคณะกรรมการ PPP ต่อไป

ปลุกผีที่ดินทำเลทองรถไฟ

แปลงแรกที่ดินรอบสถานีกลางบางซื่อ 218 ไร่ มูลค่าลงทุน 6.8 หมื่นล้านบาท ตั้งเป้าเป็นฮับธุรกิจและที่อยู่อาศัยแห่งใหม่รองรับรถไฟชานเมืองสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) ปัจจุบันบริษัทที่ปรึกษาอยู่ระหว่างศึกษารูปแบบการลงทุน ตามแผนประกาศเชิญเอกชนร่วมลงทุนในปี 2560 หลังมี PPP ฟาสต์แทร็ก คาดว่าเริ่มดำเนินการได้ปี 2559

ทั้งโครงการใช้เวลาพัฒนา 15 ปี แบ่ง 3 ช่วง ระยะสั้น 5 ปีแรก เริ่มโซน A 35 ไร่ ห่างสถานี 50-100 เมตร พัฒนาเป็นศูนย์กลางธุรกิจครบวงจร อาคารสำนักงานและธุรกิจบริการ เช่น โรงแรม 3-4 ดาว ศูนย์อาหาร ลงทุน 1 หมื่นล้านบาท, แผนระยะกลาง 10 ปี เป็นโซน B 78 ไร่ อยู่ด้านตะวันออกของสถานี ห่างตลาดนัดจตุจักร 700 เมตร พัฒนาเป็นย่านพาณิชยกรรม ศูนย์การค้า ศูนย์แสดงสินค้า ลงทุน 2.4 หมื่นล้านบาท

แผนระยะยาว 15 ปี เป็นโซน C 105 ไร่ อยู่บริเวณสถานีขนส่งหมอชิต 2 และสวนสาธารณะ 3 แห่ง เหมาะพัฒนาที่อยู่อาศัยหรือเมืองใหม่ มีทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สปอร์ตคอมเพล็กซ์ ลงทุน 3.4 หมื่นล้านบาท และโซน D 87.5 ไร่เป็นพื้นที่เปลี่ยนถ่ายการเดินทาง เช่น ที่จอดรถ และทางเดินเชื่อม

นายออมสินกล่าวอีกว่า สำหรับแปลงที่ 2 เป็นที่ดินสถานีแม่น้ำ 277 ไร่ มูลค่า 10,413 ล้านบาท เดิมการรถไฟฯจะพัฒนาอาคารพาณิชยกรรมและที่อยู่อาศัย กับแปลงที่ 3 ย่าน กม.11 เนื้อที่ 359 ไร่ มูลค่า 18,370 ล้านบาท พัฒนาอาคารพาณิชยกรรม สำนักงาน และที่อยู่อาศัย ขณะนี้ทางการรถไฟฯ อยู่ระหว่างจ้างที่ปรึกษาศึกษารูปแบบการลงทุนให้สอดคล้องกับ พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 2556

BTS เชียร์ที่ดิน กม.11

นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ. ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ หรือบีทีเอสซี กล่าวว่า แม้ว่าการรถไฟฯ จะนำที่ดินย่าน กม.11 เข้าสู่กระบวนการ พ.ร.บ.ร่วมทุนฯ 2556 บริษัทยังคงสนใจพัฒนาโครงการและเห็นด้วยจะนำ PPP ฟาสต์แทร็กมาใช้กับโครงการนี้

"บริษัทได้เสนอแนวคิดพัฒนาโครงการให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาบ้างแล้ว พัฒนาในรูปแบบคอนโดมิเนียม 10 อาคาร ประมาณ 1 หมื่นยูนิต สำหรับเป็นสวัสดิการพนักงานรถไฟ 5 พันยูนิต และให้คนทั่วไปที่มีรายได้ปานกลางเช่าระยะยาว 10-30 ปี รวมทั้งมีพื้นที่เชิงพาณิชย์ เช่น ศูนย์การค้า โรงพยาบาล"

ผุดคอนโดฯ เจาะคนชั้นกลาง

ขณะเดียวกัน บริษัทสนใจลงทุนก่อสร้างระบบรถไฟฟ้ารางเดี่ยว (โมโนเรล) เชื่อมการเดินทางรอบ กม.11 และพื้นที่ใกล้เคียง เพื่อรับส่งคนมายังย่านหมอชิต-จตุจักร จุดต่อเชื่อมกับรถไฟฟ้าบีทีเอส ซึ่งมีอยู่ในแผนพัฒนาของการรถไฟฯ โดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กระทรวงคมนาคม ออกแบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า บีทีเอสได้เสนอโมเดลพัฒนาเบื้องต้นให้กับกระทรวงคมนาคมมี 5 ส่วน คือ 1.ลงทุน 1 หมื่นล้านบาทสร้างคอนโดฯ 5,000 ยูนิต รองรับพนักงานการรถไฟฯ 5,000 ครัวเรือน ออกแบบเป็นห้องชุด 2 ไซซ์ 42 และ 56 ตารางเมตร โดยบริษัทสร้างให้ฟรี เพื่อแลกเปลี่ยนกับการพัฒนาพื้นที่ส่วนที่เหลือ 2.พื้นที่ค้าขายสำหรับผู้ประกอบการที่ค้าขายบริเวณ กม.11 เดิม 3.สวนสาธารณะ 4.คอนโดฯ ให้เช่าสำหรับผู้มีรายได้ปานกลาง 5.พื้นที่เชิงพาณิชย์

มักกะสันติดแก้ กม.เช่า 99 ปี

นายเอกวัฒน์ มานะแก้ว รองอธิบดีกรมธนารักษ์ กล่าวว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างสำรวจที่ดินของกรมธนารักษ์ที่จะนำมาเปิดประมูลให้เอกชนเข้าร่วมทุนตาม PPP ฟาสต์แทร็ก ขณะที่ย่านมักกะสัน 497 ไร่ ซึ่งกรมได้รับสิทธิ์เช่าระยะยาว 99 ปีจากการรถไฟฯ ยังไม่สามารถนำมาดำเนินการได้เร็ว ๆ นี้ เพราะติดปัญหาแก้ไขกฎหมายให้สามารถเช่า 99 ปี เรื่องนี้ทางกระทรวงมหาดไทยอยู่ระหว่างดำเนินการ

นอกจากนี้ ต้องจ้างที่ปรึกษามาศึกษาออกแบบรายละเอียดโครงการตามแผนแม่บทการพัฒนาใหม่ที่เน้นพื้นที่สวนสาธาณะเป็นหลัก เหลือพื้นที่สำหรับจัดหาประโยชน์จริง ๆ เฟสแรก 140 ไร่ เฟสที่ 2 ประมาณ 177 ไร่ ส่วนที่ดินหมอชิตเก่า 63 ไร่มีการเดินหน้าโครงการไปแล้ว โดยเจรจาบริษัท บางกอกเทอร์มินอล จำกัด (BKT) หรือซันเอสเตทเดิม ที่ชนะประมูลแต่แรก
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44634
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 13/11/2015 3:44 pm    Post subject: Reply with quote

"ธนารักษ์-รถไฟ"เล็งเซ็น พัฒนามักกะสันต้นปีหน้า
มติชนออนไลน์ วันที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 09:42:23 น.

Click on the image for full size

นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล อธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผยความคืบหน้าของการเข้าพัฒนาที่ดินบริเวณมักกะสัน หลังจากคณะรัฐมนตรีมีมติเกี่ยวกับการนำที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ให้กรมธนารักษ์ กระทรวงการคลังนำไปพัฒนาเพื่อแลกกับภาระหนี้สินของ ร.ฟ.ท.จำนวนกว่า 6 หมื่นล้านบาทว่า ตามกำหนดการคาดว่าจะมีการร่วมลงนามในสัญญาเช่าที่ดินได้ในเดือนมกราคมหรืออย่างช้าไม่เกินเดือนกุมภาพันธ์ 2559 จากนั้นในเดือนมีนาคมก็จะนำโครงการดังกล่าวเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่ออนุมัติให้เอกชนเข้าร่วมประมูลตาม พ.ร.บ.ให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน และ คาดว่าการเริ่มดำเนินโครงการจะเกิดขึ้นหลังจากกลางปี 2559 เป็นต้นไป

นายจักรกฤศฏิ์กล่าวว่า ระหว่างนี้กระทรวงมหาดไทยจะต้องปรับแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวกับการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อพาณิชยกรรมและอุตสาหกรรม พ.ศ.2542 ที่ดินให้มีระยะเวลาที่นานขึ้นจาก 50 ปี เป็น 99 ปี เพื่อเปิดโอกาสให้การเช่าที่ดินระหว่างรัฐต่อรัฐ หรือรัฐต่อเอกชน มีระยะเวลาที่นานขึ้น
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42746
Location: NECTEC

PostPosted: 23/11/2015 9:40 am    Post subject: Reply with quote

เมืองคอน'เปิดกรุเซฟยักษ์' 'แบงก์'สงครามโลกครั้งที่2
เดลินิวส์
วันอาทิตย์ที่ 22 พฤศจิกายน 2558 เวลา 12:07 น.

เทศบาลเมืองทุ่งสง ร่วมการรถไฟทุ่งสง เปิดเซฟยักษ์อายุกว่า 100 ปี สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 แบงก์สยามกัมมาจล พรุ่งนี้ (23 พ.ย.) พิสูจน์ภายใน หลังปิดตายมานาน

เมื่อวันที่ 22 พ.ย. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เทศบาลเมืองทุ่งสง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช โดยนายทรงชัย วงษ์วัชรดำรง นายกเทศมนตรี เทศบาลเมืองทุ่งสง ได้ทำสัญญาเช่าอาคารที่ทำการ รสพ.เก่า เพื่อที่จะเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น ชุมทางประวัติศาสตร์ทุ่งสง แต่หลังจากที่ได้ตรวจสภาพในตัวอาคารแล้วพบว่า มีห้องเซฟยักษ์ก่อด้วยปูนซีเมนต์หนา และปิดตายมีกุญแจดอกใหญ่สมัยโบราณคล้องอยู่ และปิดตายมาเป็นเวลานานร่วม 100 ปี ก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยวันพรุ่งนี้ (23 พ.ย.) ทางสถานีรถไฟทุ่งสง จะร่วมกับเทศบาลเมืองทุ่งสงและกรรมการ 3 ชุด เป็นสักขีพยานเปิดพิสูจน์ว่าภายในมีทรัพย์สินอะไรหรือไม่ นายประหยัด กาญจนโสภณ อดีตนายสถานีรถไฟทุ่งสง เปิดเผยว่า สำหรับที่ทำการรับส่งสินค้า (รสพ.) นั้น เป็นอาคารคอนกรีตสร้างขึ้นสมัยก่อนสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยตามประวัติที่เล่าขานกันมาและบันทึกว่า ในสมัยนั้นได้เปิดเป็นบริษัท แบงก์สยามกัมมาจล ทุนจำกัด สาขาทุ่งสง สาขาในเขตภูมิภาคแห่งแรกของธนาคาร พ.ศ.2463-2475 ซึ่งในสมัยนั้นตามภูมิภาคจะไม่มีธนาคารเลย นอกจากที่ อ.ทุ่งสง และ อ.หาดใหญ่ ซึ่งบรรดาคนร่ำรวย มหาเศรษฐี จะนำเอาเงินทองของมีค่ามาฝากเป็นส่วนมาก ซึ่งปัจจุบันนี้เปลี่ยนมาเป็น ธนาคารไทยพานิชย์ จำกัด (มหาชน) กระทั่งต่อมาเมื่อ พ.ศ.2485 ได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้น กองทัพญี่ปุ่นยกพลขึ้นบกทั่วภาคใต้ เพื่อขอเป็นทางผ่านไปประเทศอื่น แต่ไทยไม่ยอมจึงเกิดการสู้รบกันขึ้น และทางฝ่ายทหารญี่ปุ่นเข้าใจว่า ที่อาคารของธนาคารนั้นเป็นคลังอาวุธ จึงพยายามทิ้งระเบิดใส่ตัวอาคารแต่พลาดเป้า ต่อมาทางฝ่ายญี่ปุ่นยอมแพ้และสงครามสงบลง ทางธนาคารได้ยุติบทบาทลง และห้องเซฟยักษ์ได้ถูกปิดตายมาโดยตลอด แม้จะมีบริษัทเอกชนมาเช่าอาคารดังกล่าวมาทำธุรกิจและเก็บสินค้า แต่ก็ไม่เคยมีใครที่จะเปิดห้องเซฟยักษ์ออกมาดูได้เลย..“

//--------------

สั่งเลิกทุบ!'ห้องนิรภัยยักษ์' เตรียมหาช่างกุญแจเปิดเซฟ
เดลินิวส์
วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน 2558 เวลา 12:43 น.

เทศบาลทุ่งสง เมืองคอน สั่งระงับการเปิดห้องนิรภัยเก่าแก่ ตึกแบงสยามกัมมาจลทุน จำกัด สาขาทุ่งสง สมัยสงครามโลกครั้ง 2 เตรียมหาช่างกุญแจเซฟช่วยดำเนินการแทน การทุบทำลายผนังห้อง

กรณีมีการพบห้องนิรภัยขนาดใหญ่ ภายในตึกอาคารที่ทำการรับส่งสินค้า (รสพ.) สถานีรถไฟทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งในอดีตก่อนเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นที่ทำการของบริษัทแบงก์สยามกัมมาจลทุน จำกัด สาขาทุ่งสง ซึ่งเป็นสาขาในเขตภูมิภาคแห่งแรกของธนาคารระหว่างปี 2468-2475 และปัจจุบัน คือธนาคารไทยพานิชย์ จำกัด (มหาชน) และเมื่อเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ฝ่ายทหารญี่ปุ่นเข้าใจว่าเป็นคลังอาวุธ จึงทิ้งระเบิดใส่แต่พลาดเป้า หลังสงครามยุติ ทางธนาคารจึงหยุดให้บริการ กระทั่งปัจจุบันนายทรงชัย วงษ์วัชรดำรง นายกเทศมนตรี เทศบาลเมืองทุ่งสงเช่าอาคารดังกล่าวเพื่อเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นชุมทางประวัศาสตร์ทุ่งสง และพบว่าภายในอาคารมีห้องตู้เซฟขนาดยักษ์ถูกปิดตายอยู่ โดยไม่เคยมีการเปิดดูว่าภายในมีอะไรจึงได้ร่วมกับทางการรถไฟตั้งคณะกรรมการมาเพื่อร่วมกันเปิดห้องนิรภัยดังกล่าว เพื่อตรวจสอบว่ามีสิ่งของมีค่าและทรัพย์สินถูกเก็บไว้บ้างหรือไม่ ความคืบหน้าเมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 23 พ.ย. ที่ตึกอาคารที่ทำการรับส่งสินค้า( รสพ ) เขตเทศบาลเมืองทุ่งสง นายทรงชัย วงษ์วัชรดำรง นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองทุ่งสง นายศักดิ์ มาศวิว้ฒน์ สารวัตรเจ้าหน้าที่บำรุทางรถไฟ นายวีรพันธ์ ดำรงวรวิทย์ รักษาการแทนนายสถานีรถไฟทุ่งสง นายประหยัด กาญจนโสภณ อดีตนายสถานีรถไฟทุ่งสง และประชาชนที่สนใจต่างพากันมาร่วมตรวจสอบและเป็นสักขีพยานจำนวนมาก โดยหลังเจ้าหน้าที่การรถไฟ เปิดประตูอาคารเข้าไปพบว่าที่มุมห้องเป็นห้องตู้เซฟสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่กว้างยาวขนาด 4 คูณ 4 เมตร สูประมาณ 2 เมตรก่อด้วยปูนซิเมนต์หนาประมาณ 20 นิ้ว มีประตูเหล็กขนาดใหญ่ ซึ่งจากการตรวจสอบโดยละเอียดพบ กุญแจเซฟเป็นแบบชนิฝังในผนังตึกและต้องกุญแจเฉพาะใช้รหัสไขจึงสามารถจะเปิดได้แต่กุญแจดังกล่าวคาดว่าจะสูญไปนานแล้ว คณะเจ้าหน้าที่ได้ร่วมกันหารือว่า จะใช้วิธีการใด และเห็นว่าหากจะเปิดจริงจะต้องใช้วิธีเจาะทำลายประตูและผนังตึก ซึ่งจะทำให้ห้องนิรภัยดังกล่าว สร้างความเสียหายให้ห้องนิรภัยมาก ดังนั้นเพื่ออนุรักษ์ของเก่าจึงให้ยุติการเปิดห้องไว้ก่อน พร้อมหาช่างไขกุญแจเซฟมาเปิดต่อไป สร้างความผิดหวังให้ประชาชนที่มาเฝ้ารอลุ้นอย่างใจจดใจจ่อ นายศักดิ์ กล่าวว่า เหตุที่ต้องยุติการเปิดห้องนิรภัยเนื่องจาก เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อต่างเห็นว่าอยากจะคงไว้ซึ่งของเก่า ไม่อยากที่จะให้เกิดความเสียหาย จากการเจาะทำลายประตู ด้านนายทรงชัย กล่าวว่า การที่ทางเทศบาลมาเช่าตึกที่ทำการ รสพ. ครั้งนี้ เนื่องจากเป็นอาคารเก่าแก่อายุร่วมร้อยปีที่หายากมากในปัจจุบัน และตั้งอยู่ใจกลางเมืองด้วยโดยทางเทศบาลจะได้หาสิ่งของเก่าแก่มาไว้ที่ทำการ รสพ.ซึ่งจะทำเป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นชุมทางประวัติศาสตร์ทุ่งสงต่อไป.“

//-------------

บูรณะใหม่! อาคารเก่า 100 ปีนครศรีฯ รอดจากระเบิดสงครามโลก สู่พิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น


โดย MGR Online

23 พฤศจิกายน 2558 15:29 น. (แก้ไขล่าสุด 23 พฤศจิกายน 2558 15:45 น.)



นครศรีธรรมราช - เจ้าหน้าที่การรถไฟฯ และเทศบาลเมืองทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เตรียมบูรณะตึกเก่าอายุ 100 ปี ที่รอดจากการทิ้งระเบิดญี่ปุ่นในสงครามโลกครั้งที่ 2 ปรับเป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น แสดงความเป็นมาย่านเศรษฐกิจ และพบตู้นิรภัยโบราณในอาคาร เตรียมหาทางเปิดเพื่อดูสิ่งของภายใน

วันนี้ (23 พ.ย.) เจ้าหน้าที่สถานีชุมทางทุ่งสง เจ้าหน้าที่เทศบาลเมืองทุ่งสง และตำรวจรถไฟสถานีทุ่งสง เข้าร่วมตรวจสอบ และพยายามเปิดตู้นิรภัยในอาคารเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี ซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของธนาคารสยามกัมมาจล ซึ่งเป็นสาขาแรกของประเทศไทย ภายหลังได้ย้ายไป และเปลี่ยนชื่อเป็นธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งอาคารหลังนี้มีการก่อสร้างแบบชิโนโปรตุกิสอย่างสวยงาม และยังมีสภาพสมบูรณ์ โดยผู้อาวุโสระบุว่า สามารถรอดพ้นจากการทิ้งระเบิดของทหารญี่ปุ่นได้ จึงยังหลงเหลืออยู่จนถึงปัจจุบัน และถือเป็นทรัพย์สินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ขณะที่เทศบาลเมืองทุ่งสง ได้ขอเช่าใช้อาคารหลังนี้เพื่อปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น แสดงถึงความเป็นมาของย่านเศรษฐกิจ และสิ่งของต่างๆ ที่ทรงคุณค่ามาจากอดีต



ขณะที่เจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบได้แค่เพียงภายนอก แต่ยังไม่สามารถเปิดตู้นิรภัยใบนี้ได้ เนื่องจากมีการก่อสร้างอย่างแข็งแรง เจ้าหน้าที่วัดจากช่องระบายอากาศพบว่า มีความหนาถึง 19 ซม. ส่วนประตูนั้นเป็นเหล็กหนาแข็งแรง ตัวตู้กว้างราว 3 เมตร ยาวราว 4 เมตร มีช่องเสียบกุญแจพร้อมกัน 4 ช่อง โดยผู้เชี่ยวชาญระบุว่า เป็นประตูนิรภัยที่ต้องสั่งมาจากต่างประเทศในสมัยกว่า 100 ปีที่ผ่านมา จะต้องใช้กุญแจพร้อมกัน 4 ดอก จึงสามารถเปิดได้ แต่ปัจจุบันนั้นไม่มีใครรู้ว่ากุญแจตู้นิรภัยนี้ตกอยู่ในความครอบครองของใคร และเป็นตู้นิรภัยที่อยู่ในอาคารเก่าแก่รอดพ้นมาจากการทิ้งระเบิดของญี่ปุ่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

ขณะที่ ร.ต.อ.ไกรศร บุญล้ำ รองสารวัตรตำรวจรถไฟ สถานีตำรวจรถไฟทุ่งสง ระบุว่า เป็นอาคารเก่าแก่ที่ควรค่าในการอนุรักษ์อย่างมาก ภายในอาคาร และนอกจากอาคารบางจุดมีร่องรอยของกระสุนปืนเมื่อครั้งสงคราม ญี่ปุ่นได้ทิ้งระเบิดใส่ที่นี่แต่พลาดเป้าตกห่างไปราว 200 เมตร เป็นหลุมลึกกลายเป็นสระน้ำของสถานี อาคารเช่นนี้เหลือไม่กี่หลังในภาคใต้ ถือเป็นอาคารที่ทรงคุณค่าอย่างมาก



นายศักดิ์ มาศวิวัฒน์ สารวัตรแขวงบำรุงทางทุ่งสง การรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า เทศบาลเมืองทุ่งสง เห็นความสำคัญของอาคารนี้ ขอเช่าจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ของท้องถิ่นร่วมกันตรวจสอบสภาพอาคาร พบห้องนิรภัยอาจจะเป็นที่เก็บทรัพย์สิน หรือสิ่งของต่างๆ เอาไว้ แต่ไม่สามารถเปิดดูในวันนี้ เพราะมีกุญแจล็อกเอาไว้อย่างแน่นหนา จะประสานกับนายกเทศมนตรีเมืองทุ่งสง หาช่างกุญแจที่มีความชำนาญมาเปิดเซฟในเร็วๆ นี้ เพื่อให้รู้ว่าข้างในเซฟมีอะไรอยู่ข้างในให้เกิดความกระจ่าง เพราะเป็นที่สนใจอย่างมาก

นายทรงชัย วงศ์วัชระดำรง นายกเทศมนตรีเมืองทุ่งสง กล่าวว่า ทุ่งสงเป็นเมืองชุมทางรถไฟ มีความรุ่งเรืองมากในอดีตที่ผ่านมา มีธนาคารสยามกัมมาจล มาตั้งเป็นแห่งแรกของภาคใต้ ที่อำเภอทุ่งสง เป็นประวัติศาสตร์ที่ต้องอนุรักษ์เอาไว้ เทศบาลเมืองทุ่งสง ขอเช่าอาคารหลังนี้จากการรถไฟแห่งประเทศไทย สาเหตุที่มีความล่าช้าในการปรับปรุงอาคาร เนื่องจากการสำรวจทางด้านวิศวกรรม พบว่า โครงสร้างที่เป็นเหล็กค่อนข้างผุกร่อน จำเป็นต้องออกแบบ ปรับปรุงเพื่อให้อาคารมีความมั่นคง แข็งแรง อยู่ได้ 100-200 ปี อาคารหลังนี้เป็นอาคาร 2 ชั้น หลังจากเป็นพิพิธภัณฑ์แล้ว หากมีคนเข้าชมมากแล้วอาคารรองรับไม่ไหว จะเกิดอันตราย และอาคารมี 2 หลัง มีหลังเก่าอีกหลังหนึ่ง ได้สำรวจโครงสร้างแล้ว และกำลังสำรวจออกแบบอาคารอีกหลังที่อยู่ใกล้กันที่เคยเป็นที่ตั้งของสยามกัมมาจลมาก่อน

//---------------

ตะลึง!! พบห้องนิรภัยอายุร่วมร้อยปี ในตึกรฟ.ทุ่งสง เผยเป็นตึกแบงก์เก่า เตรียมเจาะพิสูจน์หาสมบัติ
ข่าวสด
วันที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558 เวลา 13:30 น.


เมื่อวันที่ 23 พ.ย. นายศักดิ์ มาศวิวัฒน์ สารวัตรแขวงบำรุงทางทุ่งสง การรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมนายทรงชัย วงศ์วัชระดำรง นายกเทศมนตรีเมืองทุ่งสง และ ร.ต.อ.ไกรศร บุญล้ำ รองสารวัตรสถานีตำรวจรถไฟทุ่งสง และเข้าตรวจสอบอาคารเก่าแก่อายุประมาณ 108 ปี ในอดีตเป็นที่ตั้งของแบงค์สยามกัมมาจล อยู่บริเวณสามแยกถนนรถไฟ 2 ติดกับสถานีชุมทางรถไฟชุมทางทุ่งสง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช เป็นที่ทำการรับส่งสินค้าของการรถไฟฯ


โดยมีประชาชนจำนวนมากให้ความสนใจและตามมาดูการเปิดตู้เซฟนิรภัยขนาดใหญ่ที่อยู่บริเวณชั้นล่างของอาคารจำนวนมาก หลังจากมีข่าวแพร่สะพัดออกไปว่าจะมีการเปิดตู้นิรภัยที่ปิดตายมานานนับ 100 ปี เพื่อดูว่าภายในมีอะไรอยู่บ้าง แต่ปรากฏว่าไม่สามารถเปิดตู้ดังกล่าวได้เนื่องจากมีการปิดล็อคด้วยกุญแจโบราณอย่างแน่นหนารวม 4 จุดด้วยกัน หรือเป็นรหัสล็อคตู้นิรภัยในอดีต จึงต้องหาช่างทำกุญแจที่มีฝีมือมาช่วยทำการปลดล็อคในภายหลัง

นายศักดิ์ มาศวิวัฒน์ สารวัตรแขวงบำรุงทางทุ่งสง การรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า อาคารหลังนี้สร้างมาร่วม 100 ปี ของแบงค์สยามกัมมาจล ต่อมาเลิกกิจการไป และการรถไฟใช้เป็นอาคารรับส่งสินค้า ปัจจุบันเป็นอาคารเก่าทรุดโทรม ทางเทศบาลเมืองทุ่งสงเห็นความสำคัญของอาคารนี้ ขอเช่าจัดทำเป็นพิพิธภัณฑ์ของท้องถิ่น วันนี้ร่วมกันตรวจสอบสภาพอาคารพบห้องนิรภัย ซึ่งอาจจะเป็นที่เก็บทรัพย์สินหรือสิ่งของต่างๆ เอาไว้ แต่ไม่สามารถเปิดได้

เพราะพบว่าตู้นิรภัยดังกล่าวนั้นทำเป็นกำแพงหนามาก มีกุญแจล็อคเอาไว้อย่างแน่นหนา ซึ่งหากงัดแงะจะทำให้เกิดความเสียหายได้ จึงประสานกับนายกเทศมนตรีเมืองทุ่งสง เพื่อหาช่างกุญแจที่มีความชำนาญมาเปิดเซฟหรือตู้นิรภัยดังกล่าวในภายหลัง เพื่อให้รู้ว่าภายในเซฟมีอะไรอยู่ในข้างในบ้าง เพื่อให้เกิดความกระจ่าง เพราะอาคารเก่าแก่ซึ่งอยู่ติดกัน 2 หลังมีอายุประมาณกว่า 100 ปี ได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนเป็นอย่างมาก นายศักดิ์ กล่าว


ขณะที่นายทรงชัย วงศ์วัชระดำรง นายกเทศมนตรีเมืองทุ่งสง กล่าวว่า ทุ่งสงเป็นเมืองชุมทางรถไฟ มีความรุ่งเรืองมากในอดีต มีธนาคารสยามกัมมาจลมาตั้งเป็นแห่งแรกของภาคใต้ เป็นประวัติศาสตร์ที่ต้องอนุรักษ์เอาไว้ จึงขอเช่าอาคารหลังนี้จากการรถไฟแห่งประเทศไทย แต่ล่าช้าในการปรับปรุงอาคาร เนื่องจากพบว่าโครงสร้างที่เป็นเหล็กผุกร่อน จำเป็นต้องออกแบบ ปรับปรุงเพื่อให้อาคารมีความมั่นคง แข็งแรง อยู่ได้ 100-200 ปี

อาคารเก่าแก่หลังนี้เป็นอาคาร 2 ชั้น หลังจากปรับปรุงเป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นแล้ว มั่นใจว่าจะมีประชนชนและนักท่องเที่ยวเข้าชมจำนวนมาก ถ้าเกิดอาคารไม่สามารถรองรับได้มันจะเกิดอันตรายได้ และอาคารมี 2 หลัง ได้สำรวจโครงสร้างไปแล้วหลังหนึ่ง และในปีนี้กำลังสำรวจออกแบบอาคารอีกหลังที่เป็นที่ตั้งของแบงค์สยามกัมมาจลในอดีต ซึ่งคู่ควรกับการอนุรักษ์ไว้ และเป็นจุดเด่นที่สามรารถส่งเสริมการท่องเที่ยวของเมืองทุ่งสงได้อีกแห่งหนึ่ง นายทรงชัย กล่าว


Last edited by Wisarut on 24/11/2015 10:54 pm; edited 1 time in total
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44634
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 24/11/2015 9:12 pm    Post subject: Reply with quote

เปิดห้องนิรภัยการรถไฟทุ่งสงเหลว ช่างเปิดกุญแจไม่ได้-เตรียมส่องกล้องผ่านรูดูภายใน
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ 24 พ.ย. 2558 เวลา 14:58:00 น.

กรณีนายศักดิ์ มาศวิวัฒน์ สารวัตรแขวงบำรุงทางทุ่งสง การรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมนายทรงชัย วงศ์วัชระดำรง นายกเทศมนตรีเมืองทุ่งสง และ ร.ต.อ.ไกรศร บุญล้ำ รองสารวัตรสถานีตำรวจรถไฟทุ่งสง เข้าตรวจสอบอาคารเก่าแก่อายุประมาณ 108 ปี ในอดีตเป็นที่ตั้งแบงค์สยามกัมมาจล อยู่บริเวณสามแยกถนนรถไฟ 2 ติดกับสถานีชุมทางรถไฟชุมทางทุ่งสง อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งมีตู้นิรภัยที่ถูกปิดตายมาอย่างช้านานเป็นเวลานับ 100 ปี โดยจะทำการเปิดตู้นิรภัยโบราณว่ามีอะไรอยู่ภายใน แต่ไม่สามารถเปิดได้ เพราะมีการล็อคไว้ถึง 4 จุด จึงต้องหาช่างทำกุญแจฝีมือดีมาทำการไขกุญแจดังกล่าว ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น

ความคืบหน้าวันที่ 24 พ.ย. นายทรงชัย วงศ์วัชระดำรง นายกเทศมนตรีเมืองทุ่งสง กล่าวว่า ที่เช่าอาคารโบราณดังกล่าวซึ่งมีอยู่ 2 หลัง เพื่อจะทำเป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น โดยตนได้ประสานกับช่างทำกุญแจในท้องที่ อ.ทุ่งสง 2-3 ราย เพื่อให้มาไขกุญแจโบราณดังกล่าว โดยช่างพยายามดำเนินการอยู่เป็นเวลานาน แต่ไม่สามารถไขกุญแจนั้นได้ ก่อนจะแจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า กุญแจที่ล็อคตู้นิรภัยทั้ง 4 จุดนั้นเป็นกุญแจในสมัยก่อน ซึ่งมีการล็อคไว้เป็นอย่างดี คาดว่าน่าจะมีกลไกล็อคไว้ด้านในอย่างหนาแน่น หากไม่ใช่กุญแจของมันจริงๆ จะเปิดไม่ได้ และช่างทำกุญแจไม่ว่าจะมีฝีมือดีแค่ไหน ก็ไม่สามารถมาไขเปิดได้ ทางเจ้าหน้าที่จึงล้มเลิกการไขกุญแจตู้นิรภัยโบราณดังกล่าว

นายทรงชัย กล่าวว่า ต้องยกเลิกการไขกุญแจนั้น เพราะช่างก็ทำไม่ได้ แต่ในช่วง 2-3 วันนี้ จะใช้กล้องวีดีโอขนาดเล็กส่องเข้าไปทางรูที่มีอยู่ เพื่อดูภายในให้รู้ว่าภายในตู้นิรภัยดังกล่าวนั้นมีอะไรบ้าง ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรมากนัก เพียงแค่อยากรู้เพื่อให้ทุกคนหายข้องใจเท่านั้น แต่การส่องกล้องต้องใช้แสงสว่างด้วยเพราะมืดมาก หากไม่มีอะไรก็จะเก็บมันไว้อย่างนั้น ที่หลายคนบอกให้ตัดเหล็ก เจาะ หรือทุบทลายนั้น คิดว่าไม่สมควรเป็นอย่างยิ่ง เพราะตู้นิรภัยดังกล่าวนี้เป็นของเก่ามีประวัติที่ยาวนานนับ 100 ปี คู่ควรแก่การอนุรักษ์ไว้ เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ การเปิดตู้ควรหาวิธีอื่นน่าจะดีกว่านี้ และต้องให้ผู้ที่มีความชำนาญเรื่องกุญแจมาช่วยในภายหลัง
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44634
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 26/11/2015 6:37 pm    Post subject: Reply with quote

ส่อเค้าวืด! ร.ฟ.ท.สั่งเบรกเปิดเซฟโบราณอายุ 100 ปี เมืองพระ ช่างกุญแจมั่นใจเปิดได้แน่
โดย MGR Online 26 พฤศจิกายน 2558 12:25 น. (แก้ไขล่าสุด 26 พฤศจิกายน 2558 12:39 น.)

นครศรีธรรมราช - ผู้บริหาร ร.ฟ.ท.สั่งเบรกเปิดตู้เซฟโบราณ หลังเทศบาลเมืองทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ประสานช่างกุญแจฝีมือดีเปิดตู้นิรภัยในอาคารเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี ทีมช่างมั่นใจเปิดได้แน่แต่ต้องชะลอไปก่อน

วันนี้ (26 พ.ย.) จากข่าวที่อาคาร ร.ส.พ. ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ต.ปากแพรก อ.ทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ที่เทศบาลเมืองทุ่งสง ขอเช่าอาคารทำเป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่น ชุมทางประวัติศาสตร์เมืองทุ่งสง ภายในอาคาร 2 ชั้น มีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี ในอดีตเป็นที่ตั้งของแบงก์สยามกัมมาจล มีตู้นิรภัยขนาดใหญ่มาก รูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส กว้าง x ยาว x สูง ประมาณ 3x3x3 เมตร ตั้งอยู่ชั้นล่าง ที่หลายคนเมื่อทราบข่าวให้ความสนใจว่ามีอะไรอยู่ในตู้นิรภัยนี้หรือไม่ แต่ไม่มีกุญแจสำหรับเปิดตู้นิรภัย

ความคืบหน้าล่าสุด นายทรงชัย วงศ์วัชระดำรง นายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองทุ่งสง ได้ประสานทีมงานช่างกุญแจฝีมือดีของอำเภอทุ่งสง มาตรวจสอบอีกครั้ง ใช้เวลาตรวจสอบรูกุญแจที่มีทั้งหมด 4 รู พบว่า เป็นระบบกุญแจโบราณ ต้องใช้กุญแจ 4 ดอกใส่พร้อมกัน จึงจะเปิดตู้นิรภัยได้

นายสิทธิศักดิ์ รู้ประเสริฐ ช่างกุญแจระบุว่า ทีมช่างของตนเองสามารถเปิดตู้นิรภัยนี้ได้ แต่ต้องขอเวลา 3 วัน เพราะตัวกุญแจเคลื่อนไหวได้เพียงตัวเดียว ส่วนกุญแจอีก 2 ตัวแขนไม่เดินแล้ว ซึ่งกุญแจตัวตรงกลางยังถูกล็อกรหัสอยู่ การเปิดตู้นิรภัยมีค่าใช้จ่าย ถ้าเปิดแบบกุญแจยังใช้งานได้ ประมาณ 25,000 บาท แต่ถ้าเปิดโดยใช้วิธีทำลายกุญแจประมาณ 15,000 บาท ยืนยันว่าเปิดตู้นิรภัยได้ เพราะทำงานด้านนี้โดยเฉพาะ

นายทรงชัย วงศ์วัชระดำรง นายกเทศมนตรีเมืองทุ่งสง กล่าวว่า เพื่อให้เยาวชนรุ่นหลังได้ทราบว่าอาคาร ร.ส.พ.แห่งนี้เคยเป็นที่ตั้งของแบงก์สยามกัมมาจลในอดีตที่ผ่านมา มีสถาปัตยกรรมที่สวยงาม และมีบ้านพักรถไฟบนเนื้อที่ 21 ไร่ มีทั้งหมด 3 จุด ต้องรักษาให้อยู่คู่กับเมืองทุ่งสง จัดเป็นโครงการนำร่องของภาคใต้ในการฟื้นฟูวัฒนธรรม โดยมีอาจารย์จาก ม.ศิลปากร ลงมาช่วยวางแผนปรับปรุง และจะพัฒนาบ้านพักเก่าของบริษัทยิปอินซอย เพื่อเชื่อมโยงความเป็นเมืองประวัติศาสตร์ และในขณะนี้เทศบาลเมืองทุ่งสง กำลังจัดทำประวัติเมืองทุ่งสง

“คิดว่าสิ่งที่กำลังทำนี้เดินทางมาถูกทางแล้ว เพื่อให้คนรู้ว่าจากอดีตมาปัจจุบัน แล้วอนาคตจะวางแผนอย่างไรในการพัฒนาเมือง จะเป็นประโยชน์สำหรับทุกคน การวางแผนพัฒนาเมืองในทุกมิติจะเกิดประโยชน์ต่อทุกคน ระบบขนส่งทางรางตามนโยบายของรัฐบาลที่ให้ขยายรางคู่ สอดคล้องต่อที่ทุ่งสง กำลังจัดตั้งศูนย์กระจายสินค้าภาคใต้ เปิดบริการกลางปีหน้า เชื่อว่าเมืองทุ่งสง จะเปลี่ยนแปลงมากในปีหน้า จึงต้องมีการวางแผนพัฒนาเมืองรองรับ ทั้งด้าน สังคม ศึกษา สาธารณสุข เพื่อไม่ให้เป็นมาบตาพุดสอง” นายกเทศมนตรีเมืองทุ่งสง กล่าว

นายกเทศมนตรีเมืองทุ่งสง ยังระบุในช่วงท้ายอีกว่า พบว่า มีตู้นิรภัย ทางการรถไฟฯ มอบหมายให้เทศบาลจัดหาช่างมาเปิด แต่คงต้องชะลอไปก่อนตามที่ผู้บริหารการรถไฟฯ แจ้งมา เพราะเป็นทรัพย์สินของการรถไฟฯ
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42746
Location: NECTEC

PostPosted: 29/11/2015 1:10 am    Post subject: Reply with quote

ยักษ์ธุรกิจไทย-เทศแจมไอเดียรอบ 2 เฟ้นแผนลงทุนปั้นสถานีกลางบางซื่อ
โดย ฐานเศรษฐกิจ - 28 พฤศจิกายน 2558
ตีพิมพ์ใน หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,108 วันที่ 26 – 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ปั้นสถานีกลางบางซื่อ
รฟท.ดึงกลุ่ม ซี.พี.แลนด์ สยามพิวรรธน์ ไชน่าเรลเวย์ สร้างจุดขายรับฟังมาร์เก็ตซาวดิ้ง แผนพัฒนาการลงทุนสถานีกลางบางซื่อ รอบที่ 2 ในแปลง A และแปลง D รวมมูลค่าการลงทุนเกือบหมื่นล้านบาท 2ธค.นี้ รมช.ออมสิน- ควงผู้ว่า รฟท.ออกโรงเอง เรียกความเชื่อมั่นนักลงทุน


แหล่งข่าวระดับสูงของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.)เปิดเผย “ฐานเศรษฐกิจ” ถึงการสรุปผลและแสดงความพร้อมในการเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุน โครงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์บริเวณสถานีกลางบางซื่อ เพื่อเป็นศูนย์กลางการเดินรถไฟ ว่า เตรียมเปิดรับฟังความเห็นนักลงทุนเป็นรอบที่ 2 โดยกำหนดจัดขึ้นวันที่ 2 ธันวาคม 2558 นี้ที่โรงแรมสุโขทัย โดยมีกลุ่มนักลงทุนในประเทศตอบรับร่วมเสนอความเห็นแล้ว 2 ราย คือ บริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด และบริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด (มหาชน) และยังนักลงทุนจากต่างประเทศ อาทิ กลุ่มบริษัท เซี่ยงไฮ้เรลเวย์ จำกัด จากจีน ส่วนของญี่ปุ่นยังรอการตอบรับอย่างเป็นทางการ ก่อนเร่งสรุปรายละเอียดเสนอนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่า รฟท. นำเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการ(บอร์ด)รฟท. กระทรวงคมนาคม และคณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติให้ดำเนินการ เพื่อทันต่อการเปิดใช้บริการสถานีกลางบางซื่อ ที่รฟท. กำหนดเปิดให้บริการในอีก 2 ปีนี้

“การเปิดรับฟังความเห็นรอบที่ 2 นี้นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่า รฟท.จะแสดงวิสัยทัศน์โครงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์บริเวณสถานีกลางบางซื่อ เพื่อเป็นศูนย์กลางการเดินรถไฟ ประการสำคัญยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนอีกทางหนึ่งด้วย”แหล่งข่าวจาก รฟท.กล่าว

ด้านรศ.มานพ พงศทัต ที่ปรึกษาโครงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์บริเวณสถานีกลางบางซื่อ เพื่อเป็นศูนย์กลางการเดินรถไฟ กล่าวว่า ในครั้งนี้ผลการศึกษาได้ข้อมูลเชิงลึกมากขึ้น ทั้งมูลค่าที่ดินแปลง A ที่คิดเป็นมูลค่าก่อสร้างเกือบ 6 พันล้านบาท มูลค่าที่ดินประมาณ 8 ร้อย – 1พันล้านบาท ส่วนพื้นที่แปลง D ในส่วนของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) ดูแล ที่จะใช้เป็นพื้นที่จุดเชื่อมโยงของสกายวอล์ก และอาคารจอดรถนั้น คาดว่าจะใช้งบลงทุนหลักพันล้านบาท โดยเฉพาะสกายวอล์กเชื่อมโยงโครงการมูลค่าไม่น้อยกว่า 2 พันล้านบาท

“พื้นที่แปลง A รวมประมาณ 4 แสนตารางเมตร สำหรับสกายวอล์กนั้นคาดว่า บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด (เคที) จะสนใจเข้าไปรับดำเนินการ ส่วนอาคารจอดรถในแปลง D นั้นสามารถเปิดให้เอกชนร่วมลงทุนได้ ขณะนี้การปรับพื้นที่แปลง A-D พร้อมรองรับการพัฒนาได้ทันที โดยเฉพาะแปลง A ที่สามารถพัฒนาให้เป็นศูนย์การค้า อาคารสำนักงาน ช้อปปิ้งมอลล์”

ทั้งนี้ คาดหวังว่าผู้บริหารกระทรวงคมนาคม จะเร่งผลักดันทั้ง 2 แปลงเป็นการนำร่อง โดยจะต้องเร่งว่าจ้างการศึกษาและออกแบบรายละเอียดเชิงลึกให้แล้วโดยเร็ว เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.)เร่งอนุมัติให้ดำเนินการภายในปี 2559 ก่อนที่จะเร่งทำเอกสารประกวดราคาให้แล้วเสร็จควบคู่กันไป เพื่อให้ทันกับเป้าหมายการเปิดใช้งานสถานีกลางบางซื่อ ในอีกประมาณ 2 ข้างหน้า โดยภายหลังการเปิดรับฟังความเห็นเรียบร้อยแล้ว จะเร่งสรุปข้อมูลตามผลการศึกษาเพื่อนำเสนอนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่า รฟท. ในเดือนธันวาคมนี้ เพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของบอร์ด รฟท. กระทรวงคมนาคมและครม.ต่อไป

อนึ่ง รฟท.ได้จัดมาร์เก็ตซาวดิ้งรอบแรกไปแล้ว โดยครั้งแรกเปิดรับฟังความเห็นในกรุงเทพฯ จากนั้นเดินสายจัดครบทั้ง 4 ภาค คือ ภาคเหนือที่ จ.เชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ จ.ขอนแก่น ภาคตะวันออกที่เมืองพัทยา จ.ชลบุรี และภาคใต้ที่หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ปรากฏว่าได้รับการตอบรับที่ดี มีความเห็นที่เกิดประโยชน์ต่อการพัฒนาโครงการอย่างมาก
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42746
Location: NECTEC

PostPosted: 03/12/2015 3:45 pm    Post subject: Reply with quote


แผนพัฒนาย่านบางซื่อ:

รฟท. เล็งดึงเอกชนร่วมทุน พัฒนาพื้นที่พาณิชย์รอบสถานีบางซื่อ
โดย ไทยรัฐออนไลน์
2 ธันวาคม 2558 22:14


รฟท. สรุปผลการศึกษาพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์รอบสถานีกลางบางซื่อ เผย ใช้พื้นที่กว่า 218 ไร่ ลงทุนกว่า 6.8 หมื่นล้าน จ่อชง พ.ร.บ.ร่วมทุน พร้อมประกาศเชิญชวนเอกชน ร่วมทุนภายในปี 60 หวังผลักดันเป็นศูนย์กลางธุรกิจ-เดินทางเชื่อมโยงในอาเซียน...

วันที่ 2 ธ.ค.58 นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้มีความพร้อมอย่างมากที่จะเปิดประกาศเชิญชวนเอกชน เข้ามาร่วมลงทุนโครงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์บริเวณสถานีกลางบางซื่อ เพื่อเป็นศูนย์กลางการเดินรถไฟ เนื่องจากขณะนี้ รฟท.ได้มีการสรุปผลการศึกษาพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ รอบสถานีกลางแล้ว โดยหวังว่า การพัฒนาพื้นที่บริเวณสถานีกลางบางซื่อ จะมีศักยภาพในการพัฒนาเป็น ASEAN Linkage and Business Hub:ศูนย์กลางธุรกิจและการเดินทางเชื่อมโยงในระดับอาเซียน

ทั้งนี้ การพัฒนาพื้นที่จะแบ่งเป็นพื้นที่การศึกษาเป็น 3 แปลง รวม 218 ไร่ ประกอบด้วย แปลงที่ 1 (โซน A) ขนาด 35 ไร่ อยู่ใกล้กับสถานีกลางบางซื่อ ประมาณ 50-100 เมตร เหมาะสำหรับพัฒนาเป็นพื้นที่ทางธุรกิจ เช่น โรงแรมสำหรับนักธุรกิจและนักท่องเที่ยว อาคารสำนักงาน ศูนย์การค้า และที่จอดรถ เป็นต้น แปลงที่ 2 (โซน B) ขนาด 78 ไร่ ติดกับถนนกำแพงเพชร และอยู่ในระยะเดินเท้าได้จากสถานีกลางบางซื่อ ทั้งยังอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟฟ้ากำแพงเพชร เหมาะสำหรับพัฒนาแหล่งค้าปลีก-ค้าส่ง/ศูนย์กลางการ Trading ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุมในกลุ่มอาเซียน แปลงที่ 3 (โซน C) ขนาด 105 ไร่ ตั้งอยู่บนพื้นที่ของสถานีขนส่งหมอชิต 2 ซึ่งปัจจุบันหมดสัญญาเช่าพื้นที่จาก รฟท. และได้มีการกันพื้นที่สำหรับสถานีย่อย บขส. ไว้ประมาณ 16.43 ไร่ เหมาะสำหรับพัฒนาเป็นเมืองใหม่ มีแหล่งที่อยู่อาศัย แหล่งทำงาน แหล่งพักผ่อนหย่อนใจ

นายออมสิน กล่าวต่อว่า ซึ่งจากผลสรุปการศึกษาพบว่า โซน A มีศักยภาพสูงที่จะพัฒนาเชิงพาณิชย์ในระยะเร่งด่วนควบคู่ไปกับการก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อ (ที่มีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2562) เพราะสามารถผนวกการใช้พื้นที่โซน A เข้ากับตัวสถานีกลางบางซื่อ นอกจากนี้ยังมีพื้นที่โซน D อีกจำนวน 87.5 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีอิทธิพลต่อการพัฒนาโครงการ ปัจจุบันอยู่ระหว่างการศึกษาของสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ซึ่งตามแผนจะพัฒนาเป็นทางเดินเชื่อมต่อกับสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสหมอชิต กับสถานีกลางบางซื่อ ควรจะพัฒนาในระยะเร่งด่วนเพื่อให้เกิดการเชื่อมต่อการเดินทาง ระหว่างระบบรถไฟฟ้าสมัยใหม่ รถยนต์ และคนเดิน

ด้านนายปาณฑพ มาลากุล ณ อยุธยา รองผู้ว่าการกลุ่มธุรกิจการบริหารทรัพย์สิน การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวถึงแผนการดำเนินงานของโครงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์บริเวณสถานีกลางบางซื่อ เพื่อเป็นศูนย์กลางการเดินรถไฟว่า หลังจากนี้ รฟท.ก็จะเร่งพิจารณาในรายละเอียดของโครงการเพื่อเร่งออก TOR โดยคาดว่าในปี 2559 จะสามารถนำเสนอโครงการฯ เข้าสู่กระบวนการ ของ พ.ร.บ.ร่วมทุนระหว่างภาครัฐและภาคเอกชน (PPP : Public Private Partnership) เพื่อขออนุมัติและ ในปี 2560 จะสามารถประกาศเชิญชวนเอกชนร่วมลงทุนและสรรหานักลงทุน ซึ่งคาดว่าในปี 2561 นักลงทุนจะสามารถดำเนินโครงการได้

สำหรับมูลค่าการลงทุนของโซน A จะอยู่ที่วงเงินงบประมาณ 9,363 ล้านบาท สำหรับโซน B ประมาณ 24,744 ล้านบาท และโซน C ประมาณ 34,076 ล้านบาท ซึ่งการพัฒนาโครงการฯ นอกจากจะเป็นการเพิ่มมูลค่าทรัพย์สินของการรถไฟแล้ว ยังช่วยยกระดับการให้บริการระบบราง การเปลี่ยนรูปแบบการเดินทางด้วยรถยนต์สู่ระบบรางในอนาคต และเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตและขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยสู่การเป็นผู้นำของอาเซียนได้เป็นอย่างดี ผู้สนใจติดตามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.bangsue-aseanhub.com
https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=_TbBHGEQA7M
https://www.youtube.com/watch?feature=player_embedded&v=a9P9R5Ymo5s

//---------
ติดสปีดสถานีกลางบางซื่อ เร่งสรุป/งบสร้าง4.7หมื่นล./ญี่ปุ่นสนทั้งโปรเจ็กต์
โดย ฐานเศรษฐกิจ -
ออนไลน์เมื่อ3 ธันวาคม 2558 656
ตีพิมพ์ใน หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 35 ฉบับที่ 3,110 วันที่ 3 – 5 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ร.ฟ.ท.เร่งปิดจ็อบมาร์เก็ตซาวดิ้งสถานีกลางบางซื่อ เผยรมช.ออมสินไล่บี้พร้อมให้ดึงแปลงกม.11 มารวมลงทุนด้วย วงในแพลมทุนญี่ปุ่นสนใจลงทุนพัฒนาทั้งโครงการ ขณะที่ซีพี แลนด์ รับทำเลมีศักยภาพในอนาคต ขอรอดูความชัดเจน ด้านรายงานผลการศึกษายังคงระยะเช่าไว้ 30 ปีต่ออีก 30 ปีเมื่อครบสัญญา คาดใช้งบก่อสร้างราว 4.7 หมื่นล้าน

การเข้าถึงพื้นที่และการกำหนดแนวทางการเชื่อต่อพื้นที่ต่างๆ
การเข้าถึงพื้นที่และการกำหนดแนวทางการเชื่อต่อพื้นที่ต่างๆ
แหล่งข่าวระดับสูงของการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.)เปิดเผยกับ“ฐานเศรษฐกิจ”ถึงความคืบหน้าโครงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ บริเวณสถานีกลางบางซื่อ เพื่อเป็นศูนย์กลางการเดินรถไฟว่า ขณะนี้บริษัท ทีม คอนซัลติ้ง เอนจิเนียริ่ง แอนด์ แมเนจเมนท์ จำกัด ซึ่งเป็นที่ปรึกษาโครงการได้ส่งร่างผลการศึกษาโครงการ พบว่า ผู้ประกอบการชั้นนำในส่วนกลางซึ่งมีธุรกิจศูนย์ค้าปลีก อาคารสำนักงาน ศูนย์การประชุม ที่อยู่อาศัย และผู้พัฒนาโครงการมิกซ์ยูสขนาดใหญ่ ส่วนใหญ่ให้ความสนใจจะพัฒนาธุรกิจในที่ดินแปลง A และ B ขณะที่ผู้ประกอบการศูนย์ประชุมให้ความสนใจแปลง B และ C และผู้ประกอบการที่อยู่อาศัย มองว่าที่ดินแปลง B และ D (ใกล้ตลาดเจเจ มอลล์) เหมาะกับการพัฒนาโครงการ ส่วนระยะเวลาการเช่าที่เอกชนเสนอแนะคือ 90 ปี นั้น ตามร่างผลการศึกษาโครงการพบว่ายังคงระยะ 30 ปีก่อนรับสิทธิ์ต่ออีก 30 ปี เมื่อครบสัญญา

ทั้งนี้ รวมราคาประเมินเฉพาะค่าก่อสร้างของอาคารในพื้นที่ทั้ง 3 แปลง คือ A-B-C มีมูลค่ารวมประมาณ 4.7 หมื่นล้านบาท โดยประมาณการรายรับ 5.3 แสนล้านบาท/30 ปี มีกำไรสุทธิ 1.67 แสนล้านบาท รวมพื้นที่ 3 แปลง 1.78 ล้านตร.ม.

“การสรุปผลการศึกษาและรับฟังความเห็นนักลงทุน โครงการพัฒนาสถานีกลางบางซื่อนอกเหนือจากแปลง A/ B/ C และ D แล้ว ล่าสุด นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมยังให้นำที่ดินแปลงกม.11 เข้ามารวมอยู่ในการเชิญชวนนักลงทุนเอาไว้ด้วย ซึ่งคาดว่าจะสามารถนำเสนอบอร์ดร.ฟ.ท.ได้ในเดือนมกราคม 2559 นี้ ”

แหล่งข่าวกล่าวต่อว่า วันที่ 2 ธันวาคมนี้ กระทรวงคมนาคม และร.ฟ.ท. ได้เปิดแถลงผลสรุปการเปิดรับฟังความเห็นนักลงทุน หลังจากที่ได้เปิดรับฟังความเห็นครบ 4 ภาค คือ ภาคเหนือที่ จังหวัดเชียงใหม่ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือที่ จังหวัดขอนแก่น ภาคตะวันออกที่เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี และภาคใต้ที่หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยนายสราวุธ เบญจกุล ประธานคณะกรรมการ ร.ฟ.ท. และนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร ผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.แสดงวิสัยทัศน์โครงการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์บริเวณสถานีกลางบางซื่อ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนพร้อมตอบความชัดเจนในการพัฒนาโครงการ

นอกจากนี้ยังได้กลุ่มนักลงทุนในประเทศจากบริษัท สยามพิวรรธน์ จำกัด และบริษัท ซี.พี. แลนด์ จำกัด(มหาชน) ร่วมเสนอความเห็นพร้อมกับนักลงทุนจากประเทศจีนและญี่ปุ่น หลังจากนี้จะเร่งสรุปเพื่อนำเข้าสู่การพิจารณาของบอร์ดร.ฟ.ท. กระทรวงคมนาคมและคณะรัฐมนตรี(ครม.)อนุมัติให้ดำเนินการภายในเดือนธันวาคมนี้เพื่อทันต่อการเปิดใช้บริการสถานีกลางบางซื่อที่ร.ฟ.ท.กำหนดเปิดให้บริการในอีก 2 ปีนี้

“ขณะนี้ทราบว่าแหล่งทุนจากญี่ปุ่นให้ความสนใจพัฒนาทั้งโครงการมากกว่าจะแยกออกเป็นรายแปลงตามที่ร.ฟ.ท.กำหนดไว้ 3-4 แปลงดังกล่าว”

ด้านนายสมเกียรติ เรือนทองดี รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ซี.พี.แลนด์ จำกัด(มหาชน) กล่าวว่ายังเห็นว่าทำเลการพัฒนาโครงการของร.ฟ.ท.มีความโดดเด่น มีศักยภาพในอนาคต แต่อย่างไรก็ตามต้องขอดูรายละเอียดและความชัดเจนในการพัฒนาโครงการก่อนตัดสินใจเข้าร่วมแข่งขันพัฒนาโครงการ

“ซี.พี.แลนด์มีความสนใจเข้าไปพัฒนาพื้นที่เช่นเดียวกับนักลงทุนรายอื่นๆ แต่ท้ายที่สุดแล้วจะต้องแข่งขันยื่นข้อเสนอให้ร.ฟ.ท.พิจารณา ในเบื้องต้นมุมมองของนักลงทุนยังอยากให้ร.ฟ.ท.ขยายระยะเวลาออกไปให้มากกว่า 30 ปีเพราะถ้าระยะเวลาน้อยไปดูเหมือนว่าจะเป็นการลดขนาดโครงการมากกว่า เม็ดเงินการลงทุนน่าจะน้อยลงตามไปด้วย ควรจะขยายเป็นประมาณ 90 ปีจึงจะคุ้มค่าการลงทุน ทั้งนี้เชื่อว่าหลายคนคงอยากเห็นการพัฒนาโครงการที่แสดงออกถึงศักยภาพที่ดี สามารถดึงดูดปัจจัยการลงทุนอื่นๆตามมา แต่โปรเจ็กต์ขนาดใหญ่นี้คงต้องใช้ระยะเวลาหลายปีกว่าจะเกิดความคุ้มค่า สิ่งสำคัญต้องทำให้มีธุรกิจที่จะเชื่อมโยงกันได้และมีระบบโครงสร้างทางธุรกิจที่ดีด้วย อาทิ ศูนย์การค้า โรงแรม ที่พักอาศัย ที่ร.ฟ.ท.สามารถใช้เป็นจุดโรดโชว์ได้โดนใจนักลงทุนจริงๆ”
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42746
Location: NECTEC

PostPosted: 04/12/2015 12:05 am    Post subject: Reply with quote

ปลุกผีหมอชิต เสี่ยน้ำลุยคอมเพล็กซ์ดึงเอกชนประมูลมักกะสัน-เจ้าสัวเจริญฮุบศูนย์ประชุมสิริกิติ์50ปี
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
3ธันวาคม 2558 เวลา 11:40:38 น.


กรมธนารักษ์ปลุกผีที่ราชพัสดุทั่วประเทศ เข็นที่ดินแปลงใหญ่เข้า PPP Fast Track ดึงเอกชนร่วมลงทุนพัฒนาโครงการ คาดปีหน้าเห็นรูปธรรมชัดเจน ลุยเจรจา "บางกอกเทอร์มินอล" ปัดฝุ่นที่ดินหมอชิต 63 ไร่ มูลค่า 1.5 หมื่นล้าน เร่งออกแบบพิมพ์เขียว "มักกะสัน" ปั้นปอดแห่งใหม่สนองนโยบาย คสช. ขยายสัมปทานศูนย์ประชุมสิริกิติ์เป็น 50 ปี เปิดทาง "เจ้าสัวเจริญ" ขึ้นโปรเจ็กต์เฟส 2 รับสวนเบญจกิติสร้างเพิ่ม 310 ไร่ เตรียมเปิดหน้าท่าพัฒนาท่าเรือสงขลาและภูเก็ตฮับมารีน่าอาเซียน

นายเอกวัต มานะแก้ว รองอธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ในปีหน้าจะเห็นความก้าวหน้าของการพัฒนาที่ดินขนาดใหญ่ของกรมธนารักษ์ที่เตรียมจะเปิดประมูลให้เอกชนที่สนใจเข้ามาร่วมพัฒนาโครงการตามมาตรการPPP Fast Track ภายใต้การดำเนินการงานตาม พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมทุนฯในกิจการของรัฐปี 2556 จะใช้ระยะเวลาดำเนินการ 9 เดือน

เดินหน้ามักกะสัน 497 ไร่

ประกอบด้วย "ที่ดินมักกะสัน" พื้นที่ 497 ไร่ ความคืบหน้าล่าสุดได้ประเมินมูลค่าที่ดินเสร็จแล้ว โดยกรมธนารักษ์จะเช่าระยะ 99 ปี พร้อมจ่ายค่าเช่าวงเงินกว่า 60,000 ล้านบาทเพื่อเป็นการแลกหนี้กับรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จากเดิมที่ ร.ฟ.ท.ประเมินมาอยู่ที่กว่า 80,000 ล้านบาท ในปีหน้าจะเริ่มออกแบบแผนแม่บทพัฒนาพื้นที่โครงการใหม่ให้เป็นไปตามข้อกำหนดของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

จะมี 3 องค์ประกอบ 1.พิพิธภัณฑ์รถไฟ พื้นที่ 30 ไร่ 2.พื้นที่สวน ประกอบด้วยบึงมักกะสัน เลนจักรยาน และพื้นที่สีเขียว พื้นที่ 150 ไร่ และ 3.พื้นที่เชิงพาณิชย์เฟสแรก 140 ไร่ รวมกับลานจอดรถ และถนนเข้าออก ส่วนอีก 177 ไร่จะพัฒนาในเฟส 2 ระยะเวลาถัดไป แต่จะพยายามเร่งรัดให้ ร.ฟ.ท.ส่งมอบพื้นที่เฟสที่ 2 ให้โดยเร็ว เพื่อจะได้เปิดประมูลพัฒนาโครงการต่อไป

"ที่ดินมักกะสันเนื่องจากเป็นที่แปลงใหญ่ ปีหน้าจะเร่งออกแบบให้เสร็จ จะทำคู่ขนานกับการแก้ไขกฎหมายการเช่าจากเดิม 50 ปีเป็น 99 ปี จากนั้นถึงจะร่างข้อกำหนดทีโออาร์ คาดว่าปลายปีจะประกาศเชิญชวนเอกชนมาพัฒนาโครงการได้ ซึ่งพื้นที่จัดหาประโยชน์มีแค่ 1 ใน 3 ของพื้นที่ทั้งหมด"

เร่งฟื้นโปรเจ็กต์ที่ดินหมอชิต

นายเอกวัตกล่าวอีกว่า นอกจากนี้มีที่ราชพัสดุบริเวณ "สถานีหมอชิตเก่า" พื้นที่ 63 ไร่ จะเห็นภาพชัดเจน ขณะนี้กรมอยู่ระหว่างเจรจากับคู่สัญญาเดิม คือ บริษัท บางกอกเทอร์มินอล จำกัด (BKT) หลังจากกรมได้จ้างที่ปรึกษาวิเคราะห์โครงการใหม่ให้สอดคล้องกับผังเมืองรวมกรุงเทพฯที่กำหนดให้พื้นที่มีอัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน(FAR)อยู่ที่ 8:1 ลดลงจากเดิมทำให้มีพื้นที่ใช้สอยเหลืออยู่ที่ 711,412 ตารางเมตร รูปแบบโครงการที่เหมาะสมประกอบด้วย อาคารสำนักงาน เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (ค้าปลีก โรงภาพยนตร์ โรงละคร ศูนย์ประชุม) ที่จอดรถ สถานีขนส่งและอาคารชดเชย ราคาค่าก่อสร้าง15,736 ล้านบาท

อีกแปลงที่คาดว่าในปีหน้าจะเริ่มดำเนินการได้เช่นกัน คือ โครงการพัฒนาที่ดินบริเวณศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ส่วนต่อขยายจากโครงการเดิม โดยบริษัท เอ็น.ซี.ซี.แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์จำกัด ผู้รับสัมปทานรายเดิมเป็นผู้บริหารโครงการต่อไป ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับแบบรายละเอียดให้เป็นไปตามสัญญาและข้อบัญญัติของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่คุมความสูงไม่ให้เกิน 23 เมตร (8 ชั้น)

"ปีหน้าที่ดินแปลงนี้จะเห็นความคืบหน้า เพราะจะดำเนินการพร้อมกับการก่อสร้างสวนเบญจกิติที่จะสร้างเพิ่มอีก 310 ไร่ บนที่ดินของโรงงานยาสูบ"

NOWChoose news
"อีซีบี"ลดดอกเบี้ยเงินฝาก ยืดเวลาทำคิวอีถึง มี.ค. ปี′60


Search
Search
ปลุกผีหมอชิต เสี่ยน้ำลุยคอมเพล็กซ์ดึงเอกชนประมูลมักกะสัน-เจ้าสัวเจริญฮุบศูนย์ประชุมสิริกิติ์50ปี

Prev1 of 1Next
คลิกภาพเพื่อขยาย
updated: 03 ธ.ค. 2558 เวลา 11:40:38 น.
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

กรมธนารักษ์ปลุกผีที่ราชพัสดุทั่วประเทศ เข็นที่ดินแปลงใหญ่เข้า PPP Fast Track ดึงเอกชนร่วมลงทุนพัฒนาโครงการ คาดปีหน้าเห็นรูปธรรมชัดเจน ลุยเจรจา "บางกอกเทอร์มินอล" ปัดฝุ่นที่ดินหมอชิต 63 ไร่ มูลค่า 1.5 หมื่นล้าน เร่งออกแบบพิมพ์เขียว "มักกะสัน" ปั้นปอดแห่งใหม่สนองนโยบาย คสช. ขยายสัมปทานศูนย์ประชุมสิริกิติ์เป็น 50 ปี เปิดทาง "เจ้าสัวเจริญ" ขึ้นโปรเจ็กต์เฟส 2 รับสวนเบญจกิติสร้างเพิ่ม 310 ไร่ เตรียมเปิดหน้าท่าพัฒนาท่าเรือสงขลาและภูเก็ตฮับมารีน่าอาเซียน

นายเอกวัต มานะแก้ว รองอธิบดีกรมธนารักษ์ เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่า ในปีหน้าจะเห็นความก้าวหน้าของการพัฒนาที่ดินขนาดใหญ่ของกรมธนารักษ์ที่เตรียมจะเปิดประมูลให้เอกชนที่สนใจเข้ามาร่วมพัฒนาโครงการตามมาตรการPPP Fast Track ภายใต้การดำเนินการงานตาม พ.ร.บ.การให้เอกชนร่วมทุนฯในกิจการของรัฐปี 2556 จะใช้ระยะเวลาดำเนินการ 9 เดือน

เดินหน้ามักกะสัน 497 ไร่

ประกอบด้วย "ที่ดินมักกะสัน" พื้นที่ 497 ไร่ ความคืบหน้าล่าสุดได้ประเมินมูลค่าที่ดินเสร็จแล้ว โดยกรมธนารักษ์จะเช่าระยะ 99 ปี พร้อมจ่ายค่าเช่าวงเงินกว่า 60,000 ล้านบาทเพื่อเป็นการแลกหนี้กับรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จากเดิมที่ ร.ฟ.ท.ประเมินมาอยู่ที่กว่า 80,000 ล้านบาท ในปีหน้าจะเริ่มออกแบบแผนแม่บทพัฒนาพื้นที่โครงการใหม่ให้เป็นไปตามข้อกำหนดของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

จะมี 3 องค์ประกอบ 1.พิพิธภัณฑ์รถไฟ พื้นที่ 30 ไร่ 2.พื้นที่สวน ประกอบด้วยบึงมักกะสัน เลนจักรยาน และพื้นที่สีเขียว พื้นที่ 150 ไร่ และ 3.พื้นที่เชิงพาณิชย์เฟสแรก 140 ไร่ รวมกับลานจอดรถ และถนนเข้าออก ส่วนอีก 177 ไร่จะพัฒนาในเฟส 2 ระยะเวลาถัดไป แต่จะพยายามเร่งรัดให้ ร.ฟ.ท.ส่งมอบพื้นที่เฟสที่ 2 ให้โดยเร็ว เพื่อจะได้เปิดประมูลพัฒนาโครงการต่อไป

"ที่ดินมักกะสันเนื่องจากเป็นที่แปลงใหญ่ ปีหน้าจะเร่งออกแบบให้เสร็จ จะทำคู่ขนานกับการแก้ไขกฎหมายการเช่าจากเดิม 50 ปีเป็น 99 ปี จากนั้นถึงจะร่างข้อกำหนดทีโออาร์ คาดว่าปลายปีจะประกาศเชิญชวนเอกชนมาพัฒนาโครงการได้ ซึ่งพื้นที่จัดหาประโยชน์มีแค่ 1 ใน 3 ของพื้นที่ทั้งหมด"

เร่งฟื้นโปรเจ็กต์ที่ดินหมอชิต

นายเอกวัตกล่าวอีกว่า นอกจากนี้มีที่ราชพัสดุบริเวณ "สถานีหมอชิตเก่า" พื้นที่ 63 ไร่ จะเห็นภาพชัดเจน ขณะนี้กรมอยู่ระหว่างเจรจากับคู่สัญญาเดิม คือ บริษัท บางกอกเทอร์มินอล จำกัด (BKT) หลังจากกรมได้จ้างที่ปรึกษาวิเคราะห์โครงการใหม่ให้สอดคล้องกับผังเมืองรวมกรุงเทพฯที่กำหนดให้พื้นที่มีอัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน(FAR)อยู่ที่ 8:1 ลดลงจากเดิมทำให้มีพื้นที่ใช้สอยเหลืออยู่ที่ 711,412 ตารางเมตร รูปแบบโครงการที่เหมาะสมประกอบด้วย อาคารสำนักงาน เซอร์วิสอพาร์ตเมนต์ เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ (ค้าปลีก โรงภาพยนตร์ โรงละคร ศูนย์ประชุม) ที่จอดรถ สถานีขนส่งและอาคารชดเชย ราคาค่าก่อสร้าง15,736 ล้านบาท

อีกแปลงที่คาดว่าในปีหน้าจะเริ่มดำเนินการได้เช่นกัน คือ โครงการพัฒนาที่ดินบริเวณศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ส่วนต่อขยายจากโครงการเดิม โดยบริษัท เอ็น.ซี.ซี.แมนเนจเม้นท์ แอนด์ ดิเวลลอปเม้นท์จำกัด ผู้รับสัมปทานรายเดิมเป็นผู้บริหารโครงการต่อไป ขณะนี้อยู่ระหว่างการปรับแบบรายละเอียดให้เป็นไปตามสัญญาและข้อบัญญัติของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่คุมความสูงไม่ให้เกิน 23 เมตร (8 ชั้น)

"ปีหน้าที่ดินแปลงนี้จะเห็นความคืบหน้า เพราะจะดำเนินการพร้อมกับการก่อสร้างสวนเบญจกิติที่จะสร้างเพิ่มอีก 310 ไร่ บนที่ดินของโรงงานยาสูบ"

ขยายสัมปทานศูนย์สิริกิติ์ 50 ปี

แหล่งข่าวจากกรมธนารักษ์กล่าวเพิ่มเติมว่า ในแผนพัฒนาโครงการศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ระยะที่ 2 ทางบริษัท เอ็น.ซี.ซี.ฯธุรกิจในเครือของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี ได้ลงนามในสัญญาบริหารโครงการเมื่อวันที่ 9 เม.ย.2539 มีเงื่อนไขบริษัทจะก่อสร้างอาคารโรงแรมระดับ 4-5 ดาว ไม่ต่ำกว่า 400 ห้อง พร้อมที่จอดรถไม่ต่ำกว่า 3,000 คัน และพื้นที่เพื่อการพาณิชย์ไม่ต่ำกว่า 28,000 ตารางเมตร รวมมูลค่าไม่น้อยกว่า 2,732 ล้านบาท เสนอผลตอบแทนให้รัฐประมาณ 3,000 ล้านบาท

แต่ติดเรื่องความสูงทำให้บริษัทต้องปรับแบบก่อสร้างใหม่ สำหรับรูปแบบใหม่บริษัทเสนอจะพัฒนาพื้นที่พาณิชย์มากขึ้นหรือไม่น้อยกว่า 1 แสนตารางเมตร เช่น พื้นที่แสดงสินค้าและจัดนิทรรศการ เพื่อให้รองรับการจัดงานใหญ่ ๆ เพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันได้ คาดว่าจะใช้เงินลงทุนมากขึ้นเป็นไม่น้อยกว่า 6,000 ล้านบาท ทั้งนี้ที่ผ่านมากรมธนารักษ์ขอให้ กทม.ยกเลิกข้อบัญญัติดังกล่าว จนถึงปัจจุบัน กทม.ยังไม่ได้ยกเลิกแต่อย่างใด

นอกจากนี้ ทางบริษัท เอ็น.ซี.ซี.ฯยังขอแก้ไขสัญญาการบริหารและดำเนินกิจการศูนย์การประชุมใหม่ จากสัญญาเช่าเดิมมีกำหนดเวลา 25 ปี เป็น 50 ปี และเสนอผลประโยชน์ตอบแทนให้แก่รัฐไม่น้อยกว่าสัญญาเช่าเดิม โดยปัจจุบันสัญญาดังกล่าวอยู่ภายใต้การดำเนินงานตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯปี 2556

"บริษัทขอขยายเวลาเพิ่ม เนื่องจากต้องลงทุนก่อสร้างเพิ่ม พร้อมกับให้ผลตอบแทนกรมเพิ่มเช่นกัน โดยตลอดสัญญา 50 ปีกรมคาดว่าจะมีรายได้ 5,100 ล้านบาท (มูลค่าปัจจุบัน) เงื่อนไขจะได้รับค่าธรรมเนียมจัดหาประโยชน์ที่ดินก้อนแรก 500 ล้านบาท แบ่งจ่ายเป็น 2 งวด งวดละ 250 ล้านบาท" แหล่งข่าวกล่าว

เปิดทางเอกชนลงทุนที่ดินท่าเรือ

นอกจากนี้นายเอกวัตยังกล่าวถึงที่ราชพัสดุแปลงอื่น ๆ ที่มูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาท จะนำเข้าสู่การพิจารณาของ PPP Fast Track อาทิ ที่ดินบริเวณท่าเรือสงขลา ท่าเรือภูเก็ต ซึ่งปัจจุบันมีการพัฒนาอยู่แล้ว แต่จะดำเนินการให้สมประโยชน์มากยิ่งขึ้น โดยมีความเป็นไปได้สูงว่าที่ดินบริเวณท่าเรือภูเก็ตจะให้มีการพัฒนาเพื่อให้รองรับเรือขนาดใหญ่ให้สามารถจอดได้เช่น เรือครุยส์ และอาจจะเสนอเป็นโครงการนำร่อง ร่วมกับนโยบายของรัฐบาลที่จะให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางฮับมารีน่า โดยเตรียมจะจัดงานแสดงเรือยอตช์ในต้นปีหน้า เพื่อเป็นการดึงดูดคนมาเที่ยวประเทศไทยและให้เกิดการลงทุนสร้างท่าเรือใหม่เพิ่มขึ้น
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42746
Location: NECTEC

PostPosted: 11/12/2015 2:31 am    Post subject: Reply with quote

บขส.มึนแผนย้ายหมอชิตเคว้ง เอกชนเมินขายที่เล็งเปิดรอบ3
11 ธันวาคม 2558 เวลา - 00:00

แผนย้ายหมอชิตยังเคว้ง เอกชนเมินเสนอขายที่ดิน เล็งเปิดรอบ 3 เพิ่มพื้นที่ดอนเมืองมั่นใจก่อสร้างแล้วเสร็จพร้อมใช้งานทันปี 61

นายนพรัตน์ การุณยะวนิช รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ฝ่ายบริหารการเดินรถ รักษาการแทนกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดหาพื้นที่สร้างสถานีขนส่งกรุงเทพ (หมอชิต) แห่งใหม่ย่านถนนพหลโยธิน ว่า ที่ผ่านมา บขส.ได้ประกาศซื้อที่ดินบริเวณพหลโยธินขาเข้า-ขาออกกรุงเทพมหานคร และบริเวณอุดรรัถยา ไป 2 ครั้ง แต่ยังไม่มีเอกชนรายใดเสนอขายที่ดินเข้าสเปกเลย จึงได้ประกาศรอบที่ 3 เพิ่มพื้นที่เขตดอนเมืองเข้าไปเป็นทางเลือกเพิ่มอีกแห่ง โดยประกาศให้เอกชนเสนอขายที่ดินจนถึงวันที่ 14 ธ.ค.นี้

อย่างไรก็ตาม หากยังไม่มีเอกชนรายใดเสนอขายเข้ามาอีก บขส.ได้เตรียมแผนสำรองไว้สำหรับการบริหารจัดการของ บขส.ในอนาคต ซึ่งบอกไม่ได้ว่าจะต้องทำอย่างไรบ้าง แต่ยืนยันว่าจะพยายามจัดหาที่ดินให้ได้และย้ายสถานีขนส่งกรุงเทพฯ แห่งใหม่ได้ในปี 6

ส่วนพื้นที่สถานีขนส่งหมอชิตปัจจุบัน ซึ่งเป็นที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) หากมีการย้ายสถานีขนส่งกรุงเทพฯ ไปแล้ว บขส. จะเสนอคณะกรรมการ ร.ฟ.ท.ขอค่าเช่าที่ดินประมาณ 16.4 ไร่ จากปัจจุบันที่ใช้ 74 ไร่ เพื่อจัดทำสถานีย่อย ซึ่งต้องพิจารณาดูว่าจะคิดค่าเช่าปีละเท่าไร แต่คาดว่าเมื่อเช่าพื้นที่เล็กลง ค่าเช่าจะถูกลง จากปกติที่เช่าปีละ 20 ล้านบาท สัญญาเช่าครั้งละ 5 ปีต่อสัญญาหนึ่งครั้ง

อย่างไรก็ตาม ก่อนหน้านี้ นายนพรัตน์กล่าวว่า มีผู้เสนอขายที่ดินทั้งในส่วนที่เป็นนิติบุคคล และบุคคลธรรมดาประมาณ 10 ราย แต่ยังไม่มีรายใดไม่ตรงตามเงื่อนไขที่กำหนด โดยที่ดินที่เสนอให้พิจารณานั้นบางแปลงอยู่ในแนวสายไฟฟ้าแรงสูงพาดผ่านพื้นที่ทั้งหมด หรือไม่ก็เสนอเฉพาะฝั่งถนนพหลโยธินขาออกเท่านั้น ไม่มีการเสนอที่ดินในฝั่งขาเข้าให้พิจารณา

ทั้งนี้ บขส.ได้กำหนดแผนการจัดหาพื้นที่ก่อสร้างสถานีขนส่งสายเหนือแห่งใหม่ เพื่อรองรับรถโดยสารสายยาวนั้นต้องมีพื้นที่ไม่ต่ำกว่า 80 ไร่ ตั้งอยู่บนถนนพหลโยธินฝั่งซ้ายหรือฝั่งขวาของถนนก็ได้ และต้องเป็นพื้นที่ที่มีรัศมีไปทางทิศเหนือ ไม่ไกลเกินกว่าพื้นที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ส่วนสถานีขนส่งหมอชิตปัจจุบันนั้น จะคงพื้นที่สถานีขนส่งไว้บางส่วน โดยปรับลดขนาดพื้นที่ให้เล็กลงเหลือ 16.43 ไร่ จากเดิม 70 ไร่

สำหรับใช้เป็นสถานีย่อยรองรับรถโดยสารสายสั้น 2 ประเภท คือ รถหมวด 30 หรือรถรับจ้างไม่ประจำทาง (รถนำเที่ยว) 40 คัน และรถตู้ของ บขส. 3,197 คัน ที่วิ่งในรัศมีห่างจากกรุงเทพฯ ไม่เกิน 300 กม. ส่วนพื้นที่ที่เหลือ 53 ไร่ บขส.จะคืนให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) นำไปจัดสร้างสถานีกลางบางซื่อต่อไป.
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44634
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 18/12/2015 7:26 am    Post subject: Reply with quote

บขส.ถอดใจหาพื้นที่สร้างสถานีขนส่งใหม่ย่านรังสิต เล็งย้ายที่ไปบางใหญ่-มีนบุรี เตรียมเลิกรถบัสสองชั้นปี2560
โพสต์ทูเดย์ 18 ธันวาคม 2558 เวลา 06:55 น

นายนพรัตน์ การุณยะวนิช รักษาการกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ขนส่ง (บขส.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าการจัดหาพื้นที่ก่อสร้างสถานีขนส่งผู้โดยสารสายตะวันออกเฉียงเหนือและสายเหนือแห่งใหม่ บริเวณตอนเหนือของกรุงเทพฯ แทนสถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพ (สถานีขนส่งหมอชิต) ว่า บขส.จะหารือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี ซึ่งเป็นที่ปรึกษาในการคัดเลือกพื้นที่ เพื่อกำหนดพื้นที่ก่อสร้างสถานีขนส่งแห่งใหม่เพิ่มเติม จากเดิมที่กำหนดไว้ที่บริเวณรังสิต

สำหรับพื้นที่ก่อสร้างแห่งใหม่ที่อาจเหมาะสมกว่าบริเวณตอนเหนือของกรุงเทพฯ คือ พื้นที่บริเวณบางใหญ่ ซึ่งมีรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ที่จะเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการเดือน ส.ค. ปีหน้า และพื้นที่บริเวณมีนบุรี ซึ่งจะมีการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีส้ม ช่วงมีนบุรี-ศูนย์วัฒนธรรม-ตลิ่งชัน

"ที่ผ่านมา บขส.ได้ประกาศเชิญชวนให้เอกชนเสนอพื้นที่เพื่อก่อสร้างสถานีแห่งใหม่แล้ว 3 ครั้ง ซึ่งส่วนใหญ่ตั้งอยู่บริเวณถนนพหลโยธิน แต่ไม่มีพื้นที่ใดที่เหมาะสมและเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ บขส.จึงจะหารือกับมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรีว่าจะแก้ไขปัญหาอย่างไร และต่อไป บขส.อาจหาพื้นที่ที่เหมาะสมมากกว่า และเชื่อมโยงกับโครงข่ายระบบขนส่งมวลชนต่างๆ อย่างครบถ้วน เช่น พื้นที่บริเวณบางใหญ่ หรือพื้นที่บริเวณมีนบุรี" นายนพรัตน์ กล่าว

นายนพรัตน์ ระบุว่า บขส.จะต้องจัดหาพื้นที่ก่อสร้างสถานีแห่งใหม่โดยเร็ว เพราะ บขส.มีกำหนดส่งมอบพื้นที่สถานีขนส่งผู้โดยสารกรุงเทพให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ภายในปี 2560

นายนพรัตน์ กล่าวว่า ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2559 ตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค. 2558-4 ม.ค. 2559 บขส.และรถร่วมบริการ จะเพิ่มเที่ยววิ่งจากปกติ 6,700 เที่ยว/วัน เป็น 8,000 เที่ยว/วัน ซึ่งจะรองรับการเดินทางของผู้โดยสารได้ 1.35 แสนคน/วัน

นายมาโนช สายชูโต รองกรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. กล่าวว่า บขส.จะยกเลิกการให้บริการรถโดยสารสองชั้นที่มีทั้งหมด 260 คัน ภายในปี 2560 ตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม ที่ต้องการเพิ่มความปลอดภัยในการเดินทางให้ ผู้โดยสาร โดยในเดือน มิ.ย.ปีหน้าจะยกเลิกรถโดยสารสองชั้นล็อตแรก 68 คัน ซึ่งเป็นรถที่เช่ามาและหมดสัญญาเช่าแล้ว จากนั้นจะนำรถโดยสารใหม่ความยาว 12 เมตร และ 15 เมตร มาให้บริการแทน

อย่างไรก็ตาม บขส.ไม่ได้บังคับให้เอกชนยกเลิกรถโดยสารสองชั้น เพียงแต่ต้องการทำเป็นตัวอย่าง

นายมาโนช กล่าวว่า บขส.ยังมีแผนยกเลิกรถเก่า 565 คัน และหารถใหม่มาให้บริการแทน 482 คัน

นายมาโนช ระบุว่า ปีงบ 2558 บขส.มีรายได้จากการให้บริการ 3,900 ล้านบาท และมีกำไร 230 ล้านบาท แต่ในปีงบ 2559 คาดว่ารายได้รวมจะลดลงจากปีนี้ 30% เนื่องจากการได้รับผลกระทบจากสายการบินต้นทุนต่ำ และรถตู้โดยสารเถื่อนที่วิ่งให้บริการในรัศมี 300 กิโลเมตรจากกรุงเทพฯ แต่คาดว่า บขส.จะยังมีกำไร 127 ล้านบาท
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 120, 121, 122 ... 198, 199, 200  Next
Page 121 of 200

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©