View previous topic :: View next topic
Author
Message
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44786
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 05/09/2017 8:02 pm Post subject:
รถไฟไทย-จีนเซ็นสัญญาร่วมกันแล้ว
บ้านเมือง วันอังคาร ที่ 05 กันยายน พ.ศ. 2560, 19.15 น.
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยหลังร่วมเป็นสักขีพยานการลงนามความตกลงระหว่างรัฐบาลไทยและรัฐบาลจีน จำนวน 4 ฉบับ ประกอบด้วย สัญญาการออกแบบโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและสารธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค กรุงเทพฯ-หนองคาย ช่วงกรุงเทพฯ นครราชสีมา (โคราช) ระยะทาง 252.35 กิโลเมตร (กม.)
ระยะที่ 1 สัญญาที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้างโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาคช่วงกรุงเทพมหานคร นครราชสีมา ระยะที่ 1 ร่างแผนปฏิบัติการความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์ไทย-จีน (พ.ศ. 2560-2564) และ ร่างบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือในกรอบเส้นทางเศรษฐกิจสายไหมและเส้นทางสายไหมทางทะเลแห่งศตวรรษที่ 21 ว่า หลังลงนามความร่วมมือแล้ว ทางจีนจะส่งแบบงานการก่อสร้างมาให้กับไทย โดยแบบแรกจะเป็นช่วงระยะทาง 3.5กิโลเมตร ซึ่งในส่วนของไทยอยู่ระหว่างการทำผลกระทบสิ่งแวดล้อม(EIA) ที่คาดว่าจะเสร็จประมาณเดือนกันยายน2560 -ตุลาคม2560นี้ รวมทั้งจะมีการส่งสถาปนิกของไทย เข้าอบรมกับจีนเป็นชุดแรกในวันที่ 22 กันยายนนี้ จากนั้นคาดว่าจะดำเนินการก่อสร้าง ระยะที่1 กรุงเทพฯ- นครราชสีมา (โคราช) อย่างเร็วสุดเดือนตุลาคม 2560
ส่วนการก่อสร้างระยะแรก จะมีการวางแผนออกแบบระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา -หนองคาย ควบคู่กันไปด้วย คาดเสร็จสมบูรณ์พร้อมใช้งานปี 2564- 2565 ซึ่งการก่อสร้างรถไฟเส้นทางจีน -เวียงจันทร์ ของสปป.ลาว จะแล้วเสร็จ ในช่วงเวลาใกล้เคียงกัน จะนำไปสู่ความร่วมมือ วันเบล์ทวันโรด ที่เชื่อมโยงภูมิภาคเข้าด้วยกันนายอาคม กล่าว
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44786
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 05/09/2017 9:44 pm Post subject:
รถไฟไทย-จีนไปลาวปี 64
เดลินิวส์ อังคารที่ 5 กันยายน 2560 เวลา 21.30 น.
อาคม นำทีมรัฐบาลไทยลงนามสัญญารถไฟไทย-จีน 2 ฉบับ ร่วมกับรัฐบาลจีน เดินหน้าก่อสร้าง พร้อมเร่งรัดออกแบบระยะที่ 2 นครราชสีมา-หนองคายทันที ตั้งเป้าให้แล้วเสร็จปี 64-65 พร้อมกับรถไฟความเร็วสูงจากลาวทะลุจีน
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 4 ก.ย. ที่ผ่านมา นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม และนายหวัง เสี่ยวเทา รองผู้อำนวยการคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ร่วมลงนามสัญญาภายใต้โครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทย และรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค เส้นทางกรุงเทพฯ - หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ - นครราชสีมา) ระยะทาง 253 กม.จำนวน 2 สัญญา ได้แก่ สัญญา 2.1 การออกแบบรายละเอียด และสัญญา 2.2 ที่ปรึกษาควบคุมงานการก่อสร้าง
นายอาคม กล่าวว่า หลังจากลงนามสัญญารถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ระยะที่ 1 ทั้ง 2 ฉบับแล้ว ฝ่ายไทยจะเร่งรัดให้เริ่มสำรวจออกแบบระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย 394 กม. เพราะขั้นตอนสำรวจออกแบบต้องใช้เวลาพอสมควร ทั้งนี้การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย จะง่ายกว่าระยะที่ 1 เพราะส่วนใหญ่เป็นพื้นที่ราบ และมีการเตรียมพื้นที่ไว้บ้างแล้ว
นายอาคม กล่าวต่อว่า ต้องการให้รถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หนองคาย เสร็จพร้อมกับรถไฟความเร็วสูงจากลาว และเชื่อมต่อกันได้ในปี 64-65 โดยลาวจะใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี ส่วนไทยคาดว่าจะใช้เวลาก่อสร้าง 3-4 ปี ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันและจีนก็เห็นด้วย ถ้าทำแล้วเชื่อมทะลุ กรุงเทพฯ-หนองคาย-เวียงจันทน์-คุณหมิง ก็ถือว่าประสบความสำเร็จตามยุทธศาสตร์ 1 แถบ 1 เส้นทาง (One Belt,One Road)
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44786
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 05/09/2017 10:18 pm Post subject:
นายกฯ พอใจผลการประชุมBRICS
กรุงเทพธุรกิจ 05 กันยายน 2560
"พล.อ.ประยุทธ์" พอใจผลการประชุม BRICS ดีใจที่จีนและกลุ่มประเทศ BRICS เห็นศักยภาพ ของไทย เร่งสร้างความเป็นหุ้นส่วนในการพัฒนากับทุกประเทศ
เมื่อวันที่ 5 ก.ย.พล.อ.ประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังเข้าร่วมประชุมผู้นำกลุ่มประเทศ BRICS กับประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา ที่เมืองเซี่ยเหมินมณฑลฟูเจี้ยนระหว่างวันที่4-5 กันยายน ว่า การประชุมในครั้งนี้จีนให้ความสำคัญกับ5 ประเทศ รวมถึงประเทศไทย ซึ่งการที่จีนเชิญไทยเข้าร่วม แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดระหว่างไทยและจีน และการให้ความสำคัญกับไทยในฐานะตลาดเกิดใหม่ และศักยภาพในการเชื่อมโยง โดยในที่ประชุม ไทยได้เสนอประเด็นสำคัญที่ สร้างความเป็นหุ้นส่วนเพื่อการพัฒนา โดยใช้จุดแข็งที่แต่ละประเทศมี มาส่งเสริมกันใน4ประเด็น คือการเติบโตไปพร้อมกันกับประเทศเพื่อนบ้านในแนวทาง ประเทศไทยบวกหนึ่ง สร้างความเข้มแข็งจากภายใน ซึ่งไทยได้น้อมนำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่9 มาปฏิบัติ ควบคู่กับนโยบายไทยแลนด์4.0 หัวใจสำคัญคือการเชื่อมโยงทางดิจิตัล และความร่วมมือด้านการพัฒนาต่างๆ ซึ่งไทยพร้อมจะร่วมมือกับทุกประเทศ ตอกย้ำการเติบโตอย่างยั่งยืนโดยคำถึงถึงการพัฒนาประเทศควบคู่ไปกับการปกป้องสิ่งแวดล้อม และ ความร่วมมือเพื่อกรพัฒนาที่ต้องคำนึงถึงผู้รับเป็นหลัก มีช่องทางหลากหลาย ทั้งเหนือ-ใต้ ใต้-ใต้ และไตรภาคี
ส่วนการหารือทวิภาคีกับ นายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน นั้น นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไทยได้ย้ำถึงความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ รอบด้านขับเคลื่อนที่ดำเนินการอยู่ให้เป็นรูปธรรม ตลอดจนความคืบหน้าของโครงการความร่วมมือรถไฟไทย-จีน ที่ต้องการดำเนินโครงการให้สำเร็จลุล่วง เพราะเป็นยุทธศาสตร์สำคัญในการเชื่อมโยงพัฒนา สอดคล้องยุทธศาสตร์ Belt and Road (BRI) ของจีนที่ไทยสนับสนุนเพื่อให้ประเทศและประชาชนได้รับประโยชน์จากเส้นทางสายไหมตลอดจน ให้ยุทธศาสตร์ BRI สอดคล้องกับ EEC ของไทยด้วยการยินดีให้การสนับสนุนนักลงทุนจากจีน
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สำหรับการหารือกับนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีแห่งสหพันธรัฐรัสเซีย เป็นการพูดคุยและติดตามความก้าวหน้าจากการประชุมที่เมืองโซชิ ปีที่แล้วซึ่งเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างไทยรัสเซีย 120 ปี โดยในเร็วๆ นี้จะมีการเฉลิมฉลองที่ไทยจะจัดโขนชุดใหญ่ไปแสดงทีรัสเซียเพื่อกระชับความสัมพันธ์ นอกจากนี้มีการหารือเรื่องความสัมพันธ์ด้านความมั่นคง ความร่วมมือการก่อการร้ายข้ามชาติ งานข่าวกรอง ก็จะมีการหารือกันในโอกาสต่อไป ซึ่งจะเปิดช่องทางใกล้ชิดกันให้มากขึ้น เพราะเป็นประเด็นที่อ่อนไหว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนตัวไม่อยากให้มองว่าการที่ไทยหารือกับจีนและรัสเซียจะหารือเฉพาะเรื่องการค้าขายและการซื้ออาวุธเท่านั้น ยืนยันว่าเป็นเพียงเศษเสี้ยวของการพูดคุย หากมองให้ดีอาวุธคือสินค้าประเภทหนึ่งที่ไทยไม่สามารถผลิตเองได้ ไทยมีแต่สินค้าการเกษตรการพูดคุยกัน มีการหารือทั้งสินค้าต่างตอบแทน อย่ามองว่าพูดกับใครหรือคบกับใครจะเป็นแค่การซื้ออาวุธ อย่างไรก็ตามรัสเซียยังให้ความสนใจเรื่องการท่องเที่ยว ซึ่งชาวรัสเซียมาเที่ยวในประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ซึ่งไทยเตรียมจะหาแนวทางให้มีการท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี เชื่อมโยงจากภูมิภาคไปยังภูมิภาค เช่นเดียวกับที่ต่อยอดการท่องเที่ยวไปได้ถึง 7 มณฑลของจีน หากสามารถขยายผลไปยังรัสเซียได้ จะเพิ่มโอกาสการลงทุนด้านการคมนาคมขนส่งของไทยได้มากขึ้น
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในระหว่างการประชุมมีโอกาสทักทายประเทศสมาชิกที่เข้าร่วม อาทิ อินเดีย พูดคุยเรื่องการสร้างถนนไปสู่โครงการทวาย เมียนมา ซึ่งจะสามารถเชื่อมต่อโครงการ อีอีซีของไทยได้ และเชื่อมต่อวันเบลท์วันโรดได้อีกทางหนึ่งด้วย พร้อมกันนี้ได้คุยกับประเทศกินี และทาจิกิสถาน รวมถึงได้มีการพูดคุยกับเม็กซิโก เชิญให้มาเที่ยวประเทศไทย ซึ่งทางเม็กซิโกตอบรับคำเชิญ
"ผมพอใจภาพรวมในการประชุมครั้งนี้ โดยเฉพาะการที่ไทยได้รับเกียรติที่เข้าร่วมประชุมโดยสมาชิกทั้ง 5 ประเทศ เห็นพ้องกัน เราไม่ได้ถือว่าเป็นตัวแทนของอาเซียน แต่เราเป็นตัวแทนของประเทศที่มีศักยภาพและมีความสัมพันธ์ที่ดีกับจีน เป็นประเทศที่มีการพัฒนาการตลาดทางเศรษฐกิจที่ดีขึ้น นอกนั้นก็เป็นโอกาสที่ได้พูดคุยเจรจากับทุกประเทศ มีโอกาสคุยกับใครก็คุยทันที ทั้งส่วนตัวและทวิภาคี ส่วนในโอกาสหน้าไทยจะได้เข้าร่วมประชุม BRICS อีกหรือไม่ ต้องขึ้นอยู่กับประเทศสมาชิกว่าจะเห็นชอบอย่างไร แต่ขณะนี้ต้องถือว่า เราเข้ามามีส่วนร่วมเป็นส่วนหนึ่งของBRICS แล้ว คือการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง เรามีความเชื่อมโยงทางกายภาพ และอีกหลายเรื่องที่มีศักยภาพ ทั้งเศรษฐกิจดิจิทัลที่เราทำอยู่ ถึงแม้ว่าไทยจะไม่ได้เข้าประชุมครั้งหน้า แต่ก็ถือว่าไทยอยู่ในกระบวนการของ ได้รับประโยชน์อย่างแน่นอน ขอให้คนไทยสบายใจว่าตนพยายามอย่างเต็มที่ที่จะทำให้ประเทศต่าง ๆ ยอมรับประเทศไทยไม่ว่าจะอยู่ในฐานะใดก็ตาม ครั้งนี้ถือว่าได้รับโอกาสจากทุกประเทศอย่างเท่าเทียมกัน นายกรัฐมนตรีกล่าว
ทั้งนี้ เวลา 17.45 น.ที่ท่าอากาศยานทหาร (2) บน 6 พล.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงกรุงเทพมหานคร โดยปฏิเสธที่จะให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนในประเด็นอื่นนอกเหนือจากการเดินทางเข้าร่วมประชุม
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
Posted: 06/09/2017 10:19 am Post subject:
ไทยเซ็นสัญญาจ้างจีน 5.2 พันล้าน ออกแบบ-คุมงานไฮสปีดกรุงเทพฯ-โคราช
โดย: MGR Online
เผยแพร่: วันอังคาร ที่ 05 กันยายน พ.ศ. 2560 19:33:00 ปรับปรุงวันอังคาร ที่ 05 กันยายน พ.ศ. 2560 19:51:00
ไทย-จีนลงนามสัญญา 2 ฉบับ คิกออฟรถไฟไทย-จีน เส้นทาง กรุงเทพฯ-โคราช อาคม สั่งวางแผนเตรียมสำรวจออกแบบช่วงโคราช-หนองคายต่อเนื่อง หวังก่อสร้างตลอดสายใน 4 ปี เชื่อมหนองคาย-เวียงจันทน์ สปป.ลาว ในปี 64-65 วิ่งทะลุถึงคุนหมิงของจีนตามยุทธศาสตร์การเชื่อมต่อ one belt one road
เมื่อวันที่ 4-5 กันยายน 2560 พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี นายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยคณะผู้แทนไทย ได้เข้าร่วมการประชุมระหว่างผู้นำกลุ่มประเทศ BRICS (บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้) กับประเทศตลาดเกิดใหม่และประเทศกำลังพัฒนา (Emerging Markets and Developing Countries Dialogue - EMDCD) ในช่วงการประชุม BRICS Xiamen Summit ครั้งที่ 9 ณ เมืองเซี่ยเหมิน สาธารณรัฐประชาชนจีน
ขณะที่ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายหวัง เสี่ยวเทา รองผู้อำนวยการคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติ สาธารณรัฐประชาชนจีน ได้ร่วมลงนามสัญญาภายใต้โครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูงเพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพฯ-หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา) จำนวน 2 สัญญา ได้แก่ สัญญา 2.1 การออกแบบรายละเอียด (Detailed Design Services Agreement) วงเงิน 1,706.771 ล้านบาท และสัญญา 2.2 ที่ปรึกษาควบคุมงานการก่อสร้าง (Construction Supervision Consultant Services Agreement) วงเงิน 3,500 ล้านบาท
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า หลังจากลงนามสัญญาออกแบบและสัญญาควบคุมงานก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมาแล้ว หลังจากนี้จะวางแผนการออกแบบระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคายต่อเนื่องเลย เนื่องจากจะต้องใช้เวลาในการสำรวจและออกแบบ แม้ว่าในช่วงนครราชสีมา-หนองคาย เส้นทางส่วนใหญ่จะเป็นที่ราบ และโครงการรถไฟทางคู่ สายตะวันออกเฉียงเหนือได้เตรียมพื้นที่เผื่อไว้ให้สำหรับรถไฟความเร็วสูงแล้ว
นอกจากนี้ การเร่งรัดเส้นทางระยะที่ 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย เพื่อให้รถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ-โคราช-หนองคาย สามารถก่อสร้างได้แล้วเสร็จพร้อมๆ กับเส้นทางรถไฟความเร็วสูง ช่วงจากประเทศจีน-เวียงจันทน์ สปป.ลาว ซึ่งจะทำให้การเชื่อมต่อกับ สปป.ลาวได้ในปี 2564-2565 โดยทางลาวจะใช้เวลาก่อสร้างเส้นทางช่วงในประเทศลาวประมาณ 4 ปี ขณะที่ฝั่งไทยจะใช้เวลาก่อสร้างประมาณ 3-4 ปีเช่นกัน ซึ่งจะพอดีกันและจะทำให้เส้นทางรถไฟความเร็วสูงวิ่งเชื่อมต่อจากกรุงเทพฯ-หนองคาย-เวียงจันทน์-คุนหมิงได้ตลอดสายทาง ถือเป็นผลสำเสร็จในด้านยุทธศาสตร์การเชื่อมต่อ one belt one road
การทำงานตลอด 2 ปีที่ผ่านมาแม้จะมีการเปลี่ยนแปลงบ้าง ซึ่งได้ตกลงกันและได้เดินตามแนวทางที่ไทยได้เสนอไป โดยนายกรัฐมนตรีได้ปรับให้ไทยเป็นผู้ลงทุนเองเพื่อแก้ปัญหาเรื่องการร่วมลงทุน และออกคำสั่งมาตรา 44 ในเรื่องวิศวกรผู้ออกแบบและควบคุมงานก่อสร้าง แก้ปัญหาได้หมดแล้ว รวมถึงจีนเข้าใจและยอมรับในประเด็นข้อกฎหมายและระเบียบของไทยมากขึ้น นายอาคมกล่าว
Railway gazette ก็รายงานข่าวนี้เหมือนกัน
http://www.railwaygazette.com/news/high-speed/single-view/view/contracts-signed-as-thai-high-speed-project-progresses.html
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44786
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 06/09/2017 6:59 pm Post subject:
เทงบ 3.42แสนล.ผุด101โครงการเชื่อมโลจิสติกส์ พื้นที่ EEC แบบไร้รอยต่อ
MGR Online 6 ก.ย. 2560 15:42:00
สนข.กางแผนลงทุนโครงสร้างพื้นฐานหนุน Super Clusterใน พื้นที่ EEC ในช่วง 5 ปี (60-64) รวม 101 โครงการ มูลค่ากว่า 3.42 แสนล. จัดลำดับแผน บูรณาการ โครงข่าย"ถนน-มอเตอร์เวย์-รถไฟ"ไร้รอยต่อ ตั้งเป้าลดต้นทุนโลจิสติกส์ เหลือ 12% ในปี64 ดัน GDP แตะ4% เร่งสรุปชงบอร์ด บริหาร EECใน ก.ย.นี้
นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานเปิดการสัมมนานำเสนอผลงานและรับฟังความคิดเห็นต่อร่างรายงานฉบับสมบูรณ์ โครงการศึกษาพัฒนาระบบเครือข่ายโลจิสติกส์รองรับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษรูปแบบอุตสาหกรรมอนาคต Super Cluster และประตูการค้าสำคัญของประเทศ ว่า จากนโยบายเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษในรูปแบบ Super Cluster และโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (Eastern Economic Corridor Development : EEC) ในการพัฒนา3 จังหวัด คือ ระยอง,ชลบุรีและฉะเชิงเทรา ซึ่งต่อยอดจากแผนพัฒนาอีสเทิร์นซีบอร์ด ที่เน้นการลงทุนอุตสาหกรรมที่เป็นแนวโน้มของโลกนั้น สนข.ได้มีการศึกษาแผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ในช่วง 5 ปี (2560-2564) จำนวน 101 โครงการ วงเงินลงทุน 342,000 ล้านบาท ซึ่งไม่รวมโครงการที่รัฐร่วมลงทุนกับเอกชน( PPP) เช่น รถไฟความเร็วสูง เส้นทาง กรุงเทพ-พัทยา-ระยอง วงเงิน 2.19 แสนล้านบาท ,โครงการท่าเรือแหลมฉบัง ระยะที่3, ศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO)
โดยแผนพัฒนาโครงข่ายโลจิสติกส์ จะคัดกรองจัดลำดับการลงทุนและงบประมาณโครงการด้านคมนาคมขนส่ง แต่ละปี ซึ่งจะทำให้แผนงานมีความสอดคล้องเชื่อมโยงกัน ทั้ง ถนน รางและ ท่าเรือ โดยมีโครงการในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง (ทล.) 68โครงการ เช่น มอเตอร์เวย์สาย7( พัทยา-มาบตาพุด) 14,200 ล้านบาท ,ทางเลี่ยงเมือง ฉะเชิงเทรา 3,500 ล้านบาท,ทางหลวงหมายเลข3 พัทยา-สัตหีบ 1,900 ล้านบาท กรมทางหลวงชนบท (ทช.) 12 โครงการ เช่น เชื่อมทางหลวงหมายเลข7 กับท่าเรือแหลมฉบัง 1,500 ล้านบาท, สาย ฉช.3001-ลาดกระบัง 3,800 ล้านบาท การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) 5โครงการ นอกจากนี้ยังมีการลงทุนโครงการเพิ่มประสิทธิภาพอื่นๆ
ทั้งนี้คาดว่าเมื่อมีการพัฒนาตามแผนงาน ร่วมกับการพัฒนาเมือง ภาคอุตสาหกรรม และภาคการท่องเที่ยวจะส่งผลให้ GDP ประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 4 %ในปี 2564 และ 4.9 %ในปี 2569 และคาดว่า ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง จะมีการเติบโตทางเศรษฐกิจ 18 %ในปี 2564 และ 40 %ในปี 2569 สามารถลดต้นทุนโลจิสติกส์ทางถนนลงได้ 2.67 % หรือจาก 14.1% เหลือ 12% ในปี 2564 เกิดการจ้างงานเพิ่มขึ้น 1.5% รายได้เพิ่มขึ้น 4.46% มีนักท่องเที่ยวเพิ่ม 20-30%
ซึ่งสนข. ได้ว่าจ้างที่ปรึกษา ศึกษาระยะเวลา 9 เดือน (ม.ค.-ก.ย.60) วงเงิน 10 ล้านบาท จะสรุปรายงานฉบับสมบูรณ์ (Draft Final Report) นำเสนอ คณะกรรมการบริหารการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (กรศ.) ที่มี นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานในการ ประชุมเดือนก.ย.นี้ จากนั้นจะเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ก่อนรายงานคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อรับทราบต่อไป
นอกจากแผนงานหลักแล้ว ยังมีการเสนอโครงการเพิ่มเติมรองรับ การเดินทางภายในพื้นที่ EEC ประมาณ 51% เป็นระบบฟีดเดอร์เชื่อมชุมชนกับสถานีรถไฟความเร็วสูง เช่น ระบบรางเบา (Light Rail Transit or Street Car) รถไฟระยะสั้น สถานีชลบุรี-วัดญาณสังวราราม มี 8 สถานี ระยะทาง 63 กม. วงเงิน 25,200 ล้านบาท,สายสถานีรถไฟชลบุรี-หาดบางแสน,สถานีรถไฟชลบุรี-นิคมอมตะนคร,สายCity Hall- พัทยาเหนือ-พัทยาใต้-ท่าเทียบเรือใหม่-จอมเทียน-สนามกีฬาชัยพฤกษ์ ,สายCity Hall- สถานีรถไฟพัทยา-กระทิงลาย โดยสนข.จะมีการศึกษาเพิ่มเติมเป็นแผนแม่บทระบบขนส่งสาธารณะในเมือง ต่อไป
อย่างไรก็ตาม ทิศทางการพัฒนาด้านเศรษฐกิจในรูปแบบ Cluster คือการให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจแยกตามภาคการผลิตให้สอดคล้องกับพื้นที่เมือง สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติ ระยะ 20 ปี พ.ศ.2560-2579
และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 เพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนอีกทั้งทำให้การพัฒนาสร้างมูลค่าสูงสุดแก่พื้นที่ ซึ่งจะทำให้เกิดความต้องการในการเดินทางและการขนส่งที่เพิ่มขึ้นในอนาคต จึงจำเป็นต้องมีแผนการพัฒนาระบบขนส่งและโลจิสติกส์รองรับเพื่อบรรเทาปัญหาการจราจรติดขัด สนับสนุนการค้าชายแดนที่มีปริมาณสูงขึ้นทุกปี สนับสนุนการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนและเพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางการพัฒนาประเทศ ซึ่งเป็นที่มาของ การศึกษาพัฒนาระบบเครือข่ายโลจิสติกส์รองรับการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษ รูปแบบอุตสาหกรรมอนาคต Super Cluster และประตูการค้าสำคัญของประเทศ เพื่อรองรับการพัฒนาของประเทศในอนาคต
https://www.youtube.com/watch?v=guUMcUn18lk
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44786
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 07/09/2017 8:08 am Post subject:
ข่าวประชาคมอาเซียน
สร้างโอกาสให้ธุรกิจ กับรถไฟเร็วสูงคุนหมิง-สิงคโปร์
โพสต์ทูเดย์ 07 กันยายน 2560 เวลา 07:29 น.
โครงการรถไฟความเร็วสูงคุนหมิง-สิงคโปร์ ถือเป็นหนึ่งในแผนการสร้างระเบียงเศรษฐกิจจีนกับอินโดจีน (China Indochina Peninsula Economic Corridor) ตามแผนยุทธศาสตร์หลัก Belt and Road Initiative โดยมีเส้นทางครอบคลุม 5 ประเทศ เริ่มต้นจากคุนหมิงของจีน ผ่านเวียงจันทน์ของลาว มายังหนองคายของไทย และเชื่อมต่อไปภาคใต้ของไทยผ่านกัวลาลัมเปอร์ของมาเลเซียเข้าสู่สิงคโปร์ รวมระยะทางทั้งหมดราว 3,900 กม.
ปัจจุบัน มีเส้นทางที่อยู่ระหว่างเตรียมหรือกำลังก่อสร้าง ได้แก่ เส้นทางรถไฟในลาว 427 กม. เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา 253 กม. และเส้นทางกัวลาลัมเปอร์-สิงคโปร์ 350 กม. ส่วนเส้นทางที่กำลังอยู่ในขั้นตอนเจรจา เช่น นครราชสีมา-หนองคาย ปาดังเบซาร์-กัวลาลัมเปอร์ เป็นต้น
โครงการนี้มีความสำคัญต่อจีนและประเทศในอาเซียนหลายๆ ด้าน ได้แก่
1) การเชื่อมต่อทั้งด้านการค้าและการท่องเที่ยวที่มากขึ้น โดยมูลค่าการค้าระหว่าง 5 ประเทศในปี 2016 อยู่ที่ราว 3.2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ และคาดว่าจะเติบโต 3% ต่อปี ส่วนการเดินทางระหว่าง 5 ประเทศมีจำนวนนักท่องเที่ยวถึง 40 ล้านคน และคาดว่าจะเติบโต 5%
2) เส้นทางรถไฟดังกล่าวยังเชื่อมต่อกับเส้นทางสายไหมใหม่ (Silk Road Economic Belt) ซึ่งเป็นประตูไปยังเอเชียใต้ ตะวันออกกลาง รัสเซีย และยุโรป และ
3) เนื่องจากการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานมีมูลค่าลงทุนสูง ทำให้การให้ความช่วยเหลือในด้านการเงินหรือการสนับสนุนทางด้านเทคนิคจากจีน เป็นโอกาสสำคัญที่ช่วยก่อให้เกิดการเชื่อมต่อโครงข่ายอย่างสมบูรณ์ได้
ปัจจุบัน การขนส่งสินค้าระหว่างอนุภูมิภาคนี้ยังอยู่ใน 4 รูปแบบหลัก ได้แก่ 1) ทางถนน ซึ่งใช้ในการขนส่งระหว่างจีน ลาวและไทย เช่น เส้นทาง R3A ซึ่งขนส่งจากเชียงรายไปยังคุนหมิง 2) ทางเรือ ซึ่งเป็นรูปแบบขนส่งหลักระหว่างจีนกับไทยหรือกับมาเลเซียหรือกับสิงคโปร์ เช่น การขนส่งจากท่าเรือแหลมฉบังไปยังท่าเรือกว่างโจว 3) ทางราง ซึ่งเป็นการขนส่งระหว่างไทยไปมาเลเซีย และระหว่างมาเลเซียไปสิงคโปร์ และ 4) ทางอากาศ ซึ่งนิยมใช้สำหรับขนส่งสินค้าที่มีมูลค่าสูง เช่น อัญมณี เครื่องประดับ ขณะที่การขนส่งผู้โดยสารยังอยู่ใน 2 รูปแบบ คือ รถยนต์และเครื่องบิน
ในอนาคต ด้วยความได้เปรียบทั้งด้านค่าขนส่งและเวลา การขนส่งด้วยรถไฟเส้นนี้มีโอกาสที่จะพลิกโฉมด้านการขนส่งสินค้า โดยเฉพาะช่วงเส้นทางคุนหมิง-กรุงเทพฯ เมื่อเปรียบเทียบต้นทุนการขนส่งตู้สินค้าขนาด 40TEU แบบเหมาตู้ ในทุกๆ รูปแบบการขนส่ง พบว่า การขนส่งทางรางมีค่าใช้จ่ายต่ำสุดอยู่ที่ประมาณ 1 แสนบาท และใช้เวลาน้อยสุดคือ 2-3 วัน</p><p>ทั้งนี้ สินค้าที่มีแนวโน้มขนส่งทางรางเพิ่มขึ้น ได้แก่ แร่เหล็กและทองแดงจากลาว ผัก ผลไม้ และดอกไม้จากไทยไปยังคุนหมิง และสินค้าอุปโภคบริโภคทั้งจากผู้ผลิตไทยและจีน ส่วนสินค้าที่คาดว่าจะยังคงใช้การขนส่งในรูปแบบเดิม ได้แก่ ยางพารา ไม้ยางพารา เครื่องใช้ไฟฟ้า และชิ้นส่วนพลาสติก เนื่องจากโรงงานของผู้ผลิตและผู้บริโภคสินค้าเหล่านี้ ส่วนใหญ่อยู่ฝั่งตะวันออกของจีนที่อยู่ไม่ไกลจากท่าเรือในแต่ละเมืองมากนัก
เมื่อหันกลับมามองไทย ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าระหว่างไทยไปจีนโดยเฉพาะฝั่งตะวันตก เช่น คุนหมิง เฉิงตู ควรเตรียมปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กำลังเกิดขึ้น เช่น ผู้ให้บริการขนส่งด้วยรถบรรทุกควรพัฒนาเป็นผู้ให้บริการแบบครบวงจร ตั้งแต่การแพ็กเกจสินค้า การขนส่ง การติดต่อกับศุลกากร การบริการคลังสินค้าและพึ่งพาระบบรางมากขึ้น ทั้งนี้ ผู้ให้บริการขนส่งสินค้าในภาคเหนือของไทยอาจต้องปรับเปลี่ยนเส้นทางให้บริการ จากการขนส่งทางถนนเป็นการขนส่งไปเชื่อมต่อเส้นทางรถไฟในลาวแทน
ในส่วนผู้ผลิตสินค้า การเชื่อมต่อใหม่ที่เกิดขึ้น แม้จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการแข่งขันของสินค้าจากจีน แต่จะเป็นโอกาสให้ผู้ผลิตขยายตลาดไปยังลาว จีนมากขึ้นเช่นเดียวกัน
โดยสรุปแล้ว โครงการรถไฟความเร็วสูง คุนหมิง-สิงคโปร์ ตามแผนยุทธศาสตร์ Belt and Road Initiative จะสร้างประโยชน์ต่ออาเซียนในหลายมิติ ทั้งด้านการขนส่งสินค้าที่มีต้นทุนด้านราคาและเวลาที่ลดลง เกิดการหมุนเวียนและกระจายสินค้าระหว่างประเทศเพิ่มขึ้น สร้างทางเลือกสำหรับการเดินทางภายในภูมิภาค และท้ายที่สุดจะช่วยกระจายความเป็นเมือง (Urbanization) ไปยังพื้นที่ใหม่ๆ อีกด้วย
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44786
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 07/09/2017 9:03 am Post subject:
กลัวบานปลาย
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 7 ก.ย. 2560 05:01
พิธีลงนามสัญญาโครงการรถไฟความเร็วสูงไทยจีน ที่เมืองเซียะเหมิน มณฑลฝูเจี้ยน โดยมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผู้นำไทย และนายสี จิ้นผิง ผู้นำจีน ร่วมเป็นสักขีพยาน
เป็นใบเสร็จยืนยันว่าโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-โคราช ระยะทาง 253 กม. ราคา 1.79 แสนล้านบาท จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน!!
ประวัติศาสตร์จะจารึกว่ารถไฟความเร็วสูงสายแรกของไทยเกิดขึ้นในยุครัฐบาล คสช.
น่าปลาบปลื้มใจหาไหนปาน
"แม่ลูกจันทร์" กราบเรียนว่า กว่าจะมีการเซ็นสัญญาอย่างเป็นทางการ ระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลจีน ได้มีการประชุมเจรจาต่อรองยืดเยื้อถึง 19 ครั้ง ในช่วงเวลา 2 ปี
จากเริ่มต้น รัฐบาลจีนเป็นผู้ลงทุน 100 เปอร์เซ็นต์
เปลี่ยนเป็นรัฐบาลจีนลงทุน 70 เปอร์เซ็นต์ รัฐบาลไทยลงทุน 30 เปอร์เซ็นต์
เปลี่ยนอีกครั้ง เป็นรัฐบาลจีนลงขัน 60 เปอร์เซ็นต์ รัฐบาลไทยลงขัน 40 เปอร์เซ็นต์
แต่สุดท้ายกลายเป็นรัฐบาลไทยลงทุนเอง 100 เปอร์เซ็นต์
รัฐบาลจีนรับจ้างออกแบบโครงการ ควบคุมการก่อสร้าง ควบคุมการเดินรถ ระบบไฟฟ้า ระบบอาณัติสัญญาณ และผูกขาดขายรถไฟความเร็วสูงและขบวนรถโดยสารครบวงจร
"แม่ลูกจันทร์" ชี้ว่า สัญญา 2 ฉบับแรกที่ลงนามอย่างเป็นทางการ ได้แก่
1. สัญญาจ้างฝ่ายจีนสำรวจออกแบบก่อสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ–นครราชสีมา มูลค่า 1,700 ล้านบาท
2. สัญญาว่าจ้างวิศวกรจีนที่ปรึกษาคุมการก่อสร้างโครงการระยะเวลา 52 เดือน
ฝ่ายจีนโขกค่าจ้างควบคุมงานก่อสร้างถึง 3,500 ล้านบาท สูงกว่ากรอบที่เจรจาเบื้องต้นถึง 1,851 ล้านบาททีเดียว
สุดท้ายรัฐบาลไทยยอมเพิ่มค่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานแพงหูฉี่ตามที่ฝ่ายจีนเสนอมา
"แม่ลูกจันทร์" มองว่าการที่ฝ่ายจีนฟันค่าจ้างวิศวกรควบคุมโครงการแพงขึ้นจากที่ประเมินไว้กว่าเท่าตัว
สะท้อนให้เห็นว่าฝ่ายจีนไม่พยายามช่วยประหยัดงบลงทุนให้ฝ่ายไทยเท่าที่ควร
ทั้งๆที่โครงการรถไฟความเร็วสูงสายนี้ ฝ่ายจีนได้ประโยชน์มหาศาล ทั้งระยะสั้นและระยะยาว
แต่ที่ "แม่ลูกจันทร์" กังวลใจยิ่งกว่า คือเมื่อโครงการก่อสร้างเริ่มเดินหน้าไปได้ครึ่งทาง
ยังต้องมีการเซ็นสัญญาว่าจ้างติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ และสัญญาจัดซื้อรถไฟความเร็วสูง และขบวนรถโดยสารตามมาอีกบานตะไท
ถ้าหากฝ่ายจีนเสนอราคาแพงกว่ากรอบที่เคยเจรจากันไว้
จะทำให้งบลงทุนโครงการนี้ซึ่งสูงอยู่แล้ว จะต้องสูงขึ้นไปอีกแน่นอน
"แม่ลูกจันทร์" จึงขอผ่านข้อห่วงใยให้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ไปหาทางป้องกัน
ป้องกันไม่ให้งบลงทุน 1.79 แสนล้านบาทบานปลาย
เพราะโครงการรถไฟความเร็วสูงสายนี้ ฝ่ายไทยต้องควักกระเป๋าลงทุนเอง 100 เปอร์เซ็นต์
เท่ากับต้องแบกรับภาระขาดทุนทุกบาททุกสตางค์
เพราะกว่ารถไฟความเร็วสูงสายนี้จะคุ้มทุนต้องใช้เวลาอีก 50 ปี
เอาเถอะ...ขาดทุน 50 ปียังพอทน
อย่าให้ขาดทุนนานกว่านั้นเลยนะโยม.
"แม่ลูกจันทร์"
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44786
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 07/09/2017 4:58 pm Post subject:
รฟท. ตั้งเป้าเคาะร่างสัญญาเงินกู้ ไฮสปีดไทย-จีน ต.ค.นี้ เตรียมถกครั้งที่ 21 ที่เทียนจิน
ข่าวสดออนไลน์ วันที่ 7 กันยายน 2560 - 14:21 น.
รายงานข่าวจากการรถไฟแห่ประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าในโครงการความร่วมมือรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 253 กิโลเมตร ว่า ฝ่ายไทยและจีน เห็นชอบร่วมกันที่จะเร่งรัดการเจรจาขอบเขตงาน (ทีโออาร์) และข้อกำหนดเฉพาะของสัญญา 2.3 สัญญางานวางราง งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมทั้งจัดหาขบวนรถและฝึกอบรมบุคลากร ให้ได้ข้อยุติภายในสิ้นเดือนก.ย. นี้
นอกจากนี้ ทั้ง 2 ฝ่ายยังได้พิจารณาแผนงานความ ร่วมมือด้านการเงินและเห็นชอบร่วมกันที่จะดำเนินการให้ได้ข้อสรุปในร่างสัญญาเงินกู้ภายในเดือนต.ค.ด้วย
ทั้งนี้ ในส่วนของแผนการฝึกอบรมและทดสอบวิศวกรและสถาปนิกจีน โดยการฝึกอบรมและทดสอบวิศวกรจีนนั้น จะจัดขึ้น ณ เมืองเทียนจิน สาธารณรัฐประชาชนจีน จำนวน 4 ครั้ง โดยเริ่มครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 22-25 ก.ย. ครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 12-15 ต.ค. ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 27-30 ต.ค. และครั้งที่ 4 ระหว่างวันที่ 10-13 พ.ย. 2560
ส่วนการฝึกอบรมและทดสอบสถาปนิกจีน จะจัดขึ้น ณ ประเทศไทย จำนวน 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 ระหว่างวันที่ 15-17 ต.ค. และครั้งที่ 2 ระหว่างวันที่ 7-9 พ.ย. โดยจีนจะรับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรม
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายไทยและจีนจะจัดการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟ ระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 21 ในระหว่าง วันที่ 20-22 ก.ย. 2560 ที่ เมืองเทียนจิน สาธารณรัฐประชาชนจีน
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44786
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 08/09/2017 1:04 pm Post subject:
'อาคม'ชี้รถไฟเร็วสูงกทม.-พิษณุโลกผลตอบแทนสูง
INN News ข่าวเศรษฐกิจ วันศุกร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ.2560 12:54 น.
รัฐมนตรีฯ คมนาคม เผย รถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพ-พิษณุโลก ให้ผลตอบแทนสูงเล็งชง ครม. สิ้นปีนี้ คาดก่อสร้างปี 2562 ให้บริการปี 2565
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยภายหลังผู้แทนจากกระทรวงที่ดินโครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยวญี่ป่น หรือ MLIT เข้า พบว่า ที่ประชุมได้รายงานความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพ-เชียงใหม่ ที่จะเริ่มก่อสร้างช่วง กรุงเทพ-พิษณุโลก ระยะทาง380 กิโลเมตร ก่อน โดยขณะนี้ญี่ปุ่นได้คำนวณตัวเลขผลตอบแทนทางเศรษฐกิจในภาพรวมของเส้นทางดังกล่าวอยู่ที่ 14.7% ซึ่งเป็นตัวเลขที่ค่อนข้างสูง แต่มีเขื่อนไขว่า จะต้องมีการพัฒนาเมืองและรอบสถานี ดังนั้นจึงได้ข้อให้ญี่ปุ่นขยายความเพิ่มเติมเกี่ยวกับโอกาสการพัฒนาเมืองตามแนวเส้นทางมีมากแค่ไหน และให้เปรียบเทียบกับเมืองตามเส้นทางของญี่ปุ่นว่าจะมีเพิ่มเติมจากที่คำนวณไว้
สำหรับผลการศึกษาช่วงกรุงเทพ-พิษณุโลก คาดว่าจะแล้วเสร็จภายใน 2-3 เดือน ขณะนี้อยู่ระหว่างรับฟังความคิดเห็น ส่วนรูปแบบการลงทุนยังไม่ได้สรุปซึ่งมีหลายรูปแบบที่ทางญี่ปุ่นได้เสนอมา ทั้งรัฐบาลลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน เอกชนลงทุนระบบราง หรือ รัฐบาลลงทุนเองทั้งหมด เป็นต้น โดยจากการหารือทั้งรับบาลญี่ปุ่น และนักลงทุนให้ความสนใจที่จะเข้ามาร่วมลงทุน ซึ่งจะต้องพิจารณาจากผลการศึกษาด้านผลตอบแทนและภาระของโครงการก่อน รวมถึงเงื่อนไขการรับความเสี่ยงในอนาคตเพราะโครงการขนาดใหญ่จะต้องมีความเสี่ยงในเรื่องของผู้โดยสาร
ทั้งนี้ หลังจากญี่ปุ่นสรุปรายงานผลการศึกษาและรูปแบบการลงทุนแล้วเสร็จจะสามารถเสนอโครงการ ช่วงกรุงเทพ-พิษณุโลก ให้คณะรัฐมนตรีพิจารณาได้ในสิ้นปีนี้ สำหรับงบประมาณการก่อสร้างโครงการเบื้องต้นจากผลการศึกษาจะอยู่ที่ 270,000 ล้านบาท เป็นตัวเลขที่ยังไม่สรุปชัดเจน อย่างไรก็ตาม คาดว่าหากสามารถดำเนินการได้ตามกรอบแผนงานที่วางไว้ว่า ในปีนี้ทำการศึกษาโครงการแล้วเสร็จ ปี 2561 ออกแบบโครงการ จากนั้นในปี 2562 เริ่มก่อสร้างใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 4 ปี แล้วเสร็จปี 2565 พร้อมเปิดให้บริการ
Back to top