View previous topic :: View next topic
Author
Message
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
Posted: 25/09/2017 3:06 pm Post subject:
เริ่มอบรมวิศวกรจีน77 คน ชุดแรกลุยรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-โคราช
เผยแพร่: 25 กันยายน 2560 - 14:30:00
วิศวกรจีนชุดแรก 77 คน เข้ารับการทดสอบ รถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพ-โคราชแล้วเพื่อเร่งออกใบรับรอง ขณะที่การประชุมครั้งที่ 21 หารือถึงแผนหารือรายละเอียดสัญญา 2.3 (ระบบราง ไฟฟ้าเครื่องกล จัดหาขบวนรถ และอบรมบุคลากร) และวางแผน เส้นทางโคราช - หนองคาย
รายงานข่าวแจ้งว่า ขณะนี้ การทดสอบวิศวกรจีนในโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา รุ่นทีิ่ 1 จัดโดยสภาวิศวกร ในวันที่ 25 กันยายน 2560 ณ เมืองเทียนจิน สาธารณรัฐประชาชนจีน มีวิศวกรจีนเข้าร่วมการทดสอบ จำนวน 77 คน หัวข้อการทดสอบประกอบด้วย 1. ด้านกฎหมายและจรรยาบรรณของวิศวกรในประเทศไทย 2. ด้านเทคนิคเกี่ยวกับสภาพทั่วไปของประเทศไทย เช่น สภาพชั้นดินและธรณีวิทยา น้ำและการระบายน้ำ ตลอดจนความปลอดภัยในทางวิศวกรรมและสิ่งแวดล้อม เมื่อวิศวกรจีนผ่านการทดสอบทางสภาวิศวกรไทยจะออกใบรับรองเพื่อนำไปใช้ในโครงการรถไฟไทย-จีนต่อไป
นอกจากนี้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายหวัง เสี่ยวเทา รองผู้อำนวยการคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน ได้เยี่ยมชมการฝึกอบรมและทดสอบวิศวกรจีน ที่จะเข้ามามีส่วนร่วมในโครงการความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน อีกด้วย
ทั้งนี้ นายอาคมและนายหวัง เสี่ยวเทา ได้ร่วมลงนามบันทึกผลการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 21 เมื่อ วันที่ 22 กันยายน 2560ณ นครเทียนจิน สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งที่ประชุมได้หารือรายละเอียดสัญญา 2.3 (ระบบราง ไฟฟ้าเครื่องกล จัดหาขบวนรถ และอบรมบุคลากร) รวมถึงการวางแผนเพื่อเริ่มต้นโครงการรถไฟระยะต่อไป จากเส้นทางนครราชสีมา - หนองคาย
และก่อนหน้านี้ ฝ่ายไทยและจีนได้ลงนามสัญญา Engineering Procurement Construction (EPC)ทั้งงานออกแบบ และงานควบคุมงาน ในโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ- นครราชสีมา ระยะทาง 252.35 กิโลเมตร วงเงิน 179,412.21 ล้านบาท
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44791
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 26/09/2017 12:20 pm Post subject:
คมนาคมลั่นตอกเสาเข็ม รถไฟไทย-จีนดีเดย์พ.ย.นี้
เดลินิวส์ จันทร์ที่ 25 กันยายน 2560 เวลา 15.25 น.
คมนาคมได้ฤกษ์ตอกเสาเข็มก่อสร้างไฮสปีดเทรนระยะแรก กรุงเทพฯ-โคราช พ.ย.นี้ ด้าน รฟท.เล็งประมูลติดตั้งอาณัติสัญญานรถ ไฟทางคู่ 5เส้น 3 สัญญามูลค่ากว่า 17,000 ล้านบาท
นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการติดตามแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมระยะเร่งด่วน หรือแอ๊คชั่นแพลน ปี 59 รวม20 โครงการ วงเงิน 1.38 ล้านล้านบาทว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เส้นทางกรุงเทพฯ - หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ - นครราชสีมา) ทั้ง2ฝ่ายได้ลงนามร่วมกันในสัญญา 2.1 การออกแบบรายละเอียดไปแล้ว คาดว่า จะมีการออกสัญญาเพื่อนับ1โครงการได้ตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค. นี้ เป็นต้นไป
ทั้งนี้ในระหว่างวันที่ 22 ก.ย.-25 ก.ย. ที่ผ่านมา สภาวิศวกรไทยได้จัดอบรมและทดสอบวิศวกรจีนในโครงการรถไฟไทยจีน รุ่นที่ 1 ไปแล้วจำนวน 76 คน ที่เมืองเทียนจิน ประเทศจีน จากนั้นจะเริ่มลงนามในแบบก่อสร้าง 3.5 กม. และภายในกลางเดือนต.ค. จะจัดส่งแบบการก่อสร้างให้การรถไฟแห่งประเทศไทยหรือรฟท.นำแบบไปให้ กรมทางหลวง หรือทล.ดำเนินการก่อสร้างต่อไปคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในเดือนพ.ย.นี้ จากเดิมที่คาดว่าจะเป็นเดือนต.ค.
สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรีและสีเหลืองช่วง ลาดพร้าว-สำโรง ที่ได้ลงนามในสัญญาก่อสร้างไปแล้วนั้น ขณะนี้ได้เริ่มทยอยส่ง มอบพื้รที่ให้ผู้รับเหมาบางส่วนแล้ว บางส่วนยังอยู่ระหว่างการทำแผนจราจรร่วมกับตำรวจ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน จะแล้วเสร็จทั้งหมด
ส่วนโครงการรถไฟทางคู่โครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะที่ 1 จำนวน 5 เส้นทาง ระยะทาง 668 กิโลเมตร มูลค่ารวม 9.58 หมื่นล้านบาท ซึ่งแบ่งออกเป็น งานโยธา10สัญญา และงานติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ3สัญญา นั้น สำหรับงานโยธาได้เปิด ประมูลไปได้แล้ว 9 สัญญา เหลือค้างอีก 1สัญญาคือ สัญญาที่ 2 เส้นทาง มาบกะเบา-จิระ ที่ผ่าเมืองนครราชสีมานั้นอยู่ระหว่างปรับแบบ ส่วนงานติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ 3สัญญา วงเงิน 17,000 ล้านบาท คาดว่าจะเปิดประมูลได้ในช่วงปลายปีนี้
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44791
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 26/09/2017 12:22 pm Post subject:
'รฟท.'เล็งเปลี่ยนไฮสปีดเทรนเป็นรถไฟเชื่อม3สนามบิน
กรุงเทพธุรกิจ 25 กันยายน 2560
รฟท.เตรียมประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองปลายเดือนนี้ เล็งเปลี่ยนโครงการไฮสปีดเทรนเป็นรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน ก่อนเสนอเข้าบอร์ดอีอีซี
นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคมเปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูง กทม.-ระยอง ว่า การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เตรียมประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองในช่วงปลายเดือนก.ย. เพื่อพิจารณาแนวทางการปรับเปลี่ยนเป็นรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน คาดว่าจะเสนอให้คณะกรรมการอีอีซีพิจารณาอนุมัติได้ในเดือนต.ค. นี้ ส่วนระยะเวลาการเปิดประมูลขึ้นอยู่กับบอร์ด อีอีซีจะตัดสินใจ
ส่วนโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง เส้นทาง กรุงเทพฯ-หัวหิน กระทรวงคมนาคมได้จัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมส่งให้ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) แล้ว รวมทั้งจัดส่งรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ)ให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แล้ว ส่วนข้อมูลเกี่ยวกับแนวเส้นทางที่ปรับเปลี่ยนได้ส่งให้คณะกรรมการชำนาญการพิจารณาแล้ว
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44791
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 26/09/2017 4:20 pm Post subject:
คค.เสนอบอร์ด EEC เปลี่ยนไฮสปีดเทรนเป็นรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน
MGR Online VDO Published on Sep 26, 2017
26/09/2017 คค.เสนอบอร์ด EEC เปลี่ยนไฮสปีดเทรนเป็นรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน
https://www.youtube.com/watch?v=CXA-r5qTjWg
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44791
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 26/09/2017 6:23 pm Post subject:
รถไฟไทย-จีนเลื่อนลงเสา พ.ย.นี้ ทดสอบความรู้วิศวกรจีนแล้ว 76 คน
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 26 ก.ย. 2560 07:41
นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เส้นทางกรุงเทพฯ-หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา) ว่า ทั้ง 2 ฝ่ายได้ลงนามร่วมกันในสัญญา 2.1 การออกแบบรายละเอียดไปแล้ว คาดว่า จะมีการออกสัญญาเพื่อเริ่มต้นโครงการได้ตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค.60 เป็นต้นไป อย่างไรก็ตาม เมื่อวันที่ 22-25 ก.ย. ที่ผ่านมา สภาวิศวกรไทยได้จัดอบรมและทดสอบวิศวกรจีนในโครงการรถไฟไทยจีน รุ่นที่ 1 แล้ว 76 คน จากนั้นจะเริ่มลงนามในแบบก่อสร้าง 3.5 กิโลเมตร (กม.) และกลางเดือน ต.ค.นี้ จะจัดส่งแบบการก่อสร้างให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เพื่อนำไปให้กรมทางหลวง (ทล.) ก่อสร้างต่อไป คาดจะเริ่มก่อสร้างได้ในเดือน พ.ย.60 จากเดิมที่จะตอกเสาเข็มเดือน ต.ค.60
ขณะที่ความคืบหน้าในการติดตามแผนปฏิบัติการด้านคมนาคมระยะเร่งด่วน (แอคชั่น แพลน) ปี 59 รวม 20 โครงการ วงเงิน 1,383,938.89 ล้านบาทนั้น ในส่วนของโครงการรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี และสีเหลืองช่วง ลาดพร้าว-สำโรง ที่ลงนามในสัญญาก่อสร้างไปแล้ว ขณะนี้ ทยอยส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับเหมาบางส่วน แต่อีกบางส่วนอยู่ระหว่างการทำแผนจราจรร่วมกับตำรวจ คาด 2 เดือนจะแล้วเสร็จทั้งหมด ส่วนโครงการรถไฟทางคู่ระยะที่ 1 รวม 5 เส้นทาง ระยะทาง 668 กม. มูลค่า 95,800 ล้านบาท แบ่งเป็นงานโยธา 10 สัญญา และงานติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ 3 สัญญานั้น ได้เปิดประมูลงานโยธาแล้ว 9 สัญญา เหลืออีก 1 สัญญาคือ สัญญาที่ 2 เส้นทางมาบกะเบา-จิระ ที่ผ่านเมืองนครราชสีมา เพราะอยู่ระหว่างการปรับแบบก่อสร้าง ขณะที่งานติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณ 3 สัญญา วงเงิน 17,000 ล้านบาท คาดจะเปิดประมูลได้ช่วงปลายปีนี้
นายพีระพล กล่าวต่อถึงโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หัวหิน ระยะทาง 211 กม. วงเงิน 95,000 ล้านบาทว่า กระทรวงคมนาคมได้จัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมส่งให้สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) แล้วตามข้อสังเกตควบคู่ไปกับการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ที่จัดทำเสร็จ และส่งให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) แล้ว สำหรับรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-ระยอง ในช่วงปลายเดือน ก.ย.นี้ คณะกรรมการกลั่นกรองของ รฟท.จะพิจารณาแนวทางการปรับเปลี่ยนเป็นรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน และจะเสนอให้คณะกรรมการนโยบายพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) พิจารณาเดือน ต.ค.นี้.
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
Posted: 28/09/2017 10:10 am Post subject:
ไพศาล เย้ย รถไฟไทย-จีน 3.5 กม. เสียหาย-ไม่มีใครเขาทำกัน ระวังชะตากรรมเหมือนรบ.ปู
วันที่ 27 กันยายน 2560 - 18:03 น.
วันนี้ (27 ก.ย.) นายไพศาล พืชมงคล อดีตสมาชิกวุฒิสภา
และกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความทางเฟสบุ๊กแสดงความเห็นปมรถไฟไทย-จีน
ระบุว่า เรื่องตลกระดับโลก!!!
อุตส่าห์ชงเรื่องออกคำสั่งมาตรา44เพื่อยกเว้นกฎสัปรังเคในโครงการรถไฟไทย-จีน
แต่ตอนนี้วิศวกรไทยกำลังไปอบรมวิศวกรจีนในเรื่องการทำรถไฟความเร็วสูงที่เทียนสินเพื่อจะออกประกาศนียบัตรให้ทำงานออกแบบควบคุมก่อสร้างรถไฟได้ต
มีวิศวกรจีนมารับการอบรมกว่า70คน
และกำลังเป็นเรืี่องท้อคออฟเดอะทาว์นในเมืองจีนและแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็ว
เป็นเรื่องตลกขบขันทั่วประเทศจีน
1.ฝ่ายจีนพาอาจารย์สอนทำรถไฟไปดูรถไฟความเร็วสูงที่วิ่งเร็ว300กม/ชม.
แล้วว่าพวกเราสร้างมันและสร้างไปแล้วในจีนและอีกหลายประเทศกว่าแสนกิโลเมตรแล้ว
2 อาจารย์จากไทยที่ไปสอนตะลึงตาค้างเพราะเราไม่เคยทำรถไฟความเร็วสูงเลย
3 เพราะไม่เคยทำจึงปล่อยโง่ จ้างจีนออกแบบเฟสแรก3.5กม
ที่กลางดงกลางป่าซึ่งไม่มีที่ไหนเขาทำ เพราะเกิดความเสียหายมหาศาล
ต้องใช้รถยนต์ขนของเป็นหมื่นๆเที่ยว
เสียเวลาและค่าใช้จ่ายมหาศาลและถนนจะพังพินาศไม่รู้เท่าไหร่
4 เพราะไม่เคยทำจึงหลงผิดว่ากรมทางหลวงซึ่งทำถนน สามารถทำทางรถไฟได้
ใครมีอำนาจหน้าที่แล้วไม่สั่งระงับ
ยกเลิกหรือแก้ไขก็ให้ไปอ่านคำพิพากษาคดีคุณยิ่งลักษณ์ดูให้ดีๆ
ว่านั่นแหละคือชะตากรรมของการไม่นำพาต่อประเทศชาติ
ผมเตือนมาตรฐานเดียวกันกับที่เคยเตือนรัฐบาลยิ่งลักษณ์นั่นแหละ
วันหน้าไม่มีแผ่นดินอยู่จะได้ไม่มาว่ากันว่ากระบี่เดียวดายนี้สองมาตรฐาน
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44791
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 28/09/2017 6:51 pm Post subject:
จี้รมว.คมนาคมใช้เหล็กไทย ผลิตรถไฟความเร็วสูง
เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 28 กันยายน 2560 เวลา 16.32 น.
สมาคมเหล็กไทยนัดถกอาคม รมว.คมนาคม หนุนรัฐใช้เหล็กไทยก่อสร้างเมกะโปรเจ็ก รถไฟความเร็วสูง ห่วงนำเข้าเหล็กราคาถูกไร้คุณภาพจากจีน
นายนาวา จันทนสุรคน นายกสมาคมเหล็กแผ่นรีดร้อนไทย กล่าวว่า ในวันที่ 2 ต.ค.นี้ จะเข้าพบนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เพื่อเสนอให้รัฐบาลส่งเสริมการใช้เหล็กของไทยในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนาดใหญ่ของรัฐ เพื่อสนับสนุนให้เกิดเงินหมุนเวียนในธุรกิจของคนไทยและการจ้างงานอีกหลายแสนอัตรา รวมถึงจะหารือถึงข้อกังวลในการใช้วัสดุนำเข้าจากต่างประเทศที่ไม่มีคุณภาพมาก่อสร้างด้วย
ปัญหาการแข่งขันทางการค้าที่ไม่เป็นธรรมเป็นปัญหาหลักที่เกิดขึ้นกับธุรกิจเหล็กทั่วโลก ซึ่งในประเทศไทย ทราบว่ากรมการค้าต่างประเทศอยู่ระหว่างเร่งออกกฎหมายมาตรการตอบโต้การอุดหนุน และมาตรการตอบโต้การหลีกเลี่ยงอากรทุ่มตลาด ซึ่งจะช่วยให้การบังคับใช้มาตรการทางการค้าของประเทศไทยมีประสิทธิผลยิ่งขึ้น จากที่ผ่านมาได้ขับเคลื่อนมาตรการทางการค้า ทั้งมาตรการตอบโต้การทุ่มตลาด และมาตรการตอบโต้การนำเข้าที่เพิ่มขึ้น (เซฟการ์ด)
นายเภา บุญเยี่ยม เลขาธิการสมาคมผู้ผลิตเหล็กโครงสร้างรูปพรรณรีดร้อน กล่าวว่า ต้องการเสนอให้รัฐบาลส่งเสริมการใช้เหล็กไทยก่อสร้างโครงการโครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ เช่น โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงไทย-จีน มูลค่า 1.79 แสนล้านบาท และโครงการก่อสร้างสนามบินสุวรรณภูมิระยะสอง มูลค่า 4.4 หมื่นล้านบาท เป็นต้น หลังจากพบว่าในช่วงเดือนม.ค.ส.ค.60 ที่ผ่านมา ไทยการนำเข้าโครงสร้างกึ่งสำเร็จรูปจากจีนกว่า 64,000 ตัน ซึ่งผู้ส่งออกจีนอาศัยช่องโหว่ของพิกัดศุลกากร นำเข้ามาภายใต้พิกัด 7308 และยังไม่มีการกำหนดมาตรฐานอุตสาหกรรมเข้ามาบังคับใช้
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44791
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 28/09/2017 9:36 pm Post subject:
ตอบ 6 คำถาม ดัน อีอีซี ข้อสงสัยกรณีสิทธิเช่าที่ดิน99ปี-เอื้อเอกชน-ใช้งบฯสูง?
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ วันที่ 28 กันยายน 2560 - 15:16 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำนักงานคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ได้รวบรวมคำถาม คำตอบที่เป็นประเด็นข้อสงสัยของสังคมในการที่ ร่าง พ.ร.บ.อีอีซี กำลัง จะเข้าสู่ การพิจารณาของ สภานิติบัญญัติแห่งชาติ โดยได้ตอบคำถามที่ เคยถูกหยิบยกขึ้นมาจาก สื่อมวลชน และภาคประชาสังคม ดังนี้
ประเด็นคำถามเกี่ยวกับ สิทธิประโยชน์ต่อนักลงทุนในพื้นที่ EEC การดำเนินโครงการในมิติต่างๆ
ถาม : สิทธิในการใช้ที่ดินของนักลงทุนต่างชาติ ที่ยาวถึง 99 ปี ที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่า ระยะเวลายาวเกินไป
ตอบ : คำถามนี้อยู่บนความเข้าใจที่ผิด เพราะพรบ. EEC กำหนดระยะเวลาที่ให้สิทธิการเช่าใช้ที่ดินนั้น คือ สูงสุด 50 ปี และต่อได้อีกไม่เกิน 49 ปี
ซึ่งปัจจุบันนี้มีกฎหมายที่กำหนดการใช้ที่ดินระยะยาวอยู่แล้ว เช่น
พรบ.การเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชยกรรม พ.ศ. 2542 กำหนดระยะเวลาการเช่าไว้ 30-50 ปี และให้ต่ออายุการเช่าอีกได้อีกไม่เกิน 50 ปี
คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 17/2558 กำหนดให้การเข่าที่ดินในเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษชายแดน มีระยะเวลาการเช่าไม่น้อยกว่า 50 ปี และ อาจต่ออายุการเช่าได้อีกตามระยะเวลาที่คณะกรรมการกำหนด
นอกจากนี้ ในประเทศอื่นๆ เช่น มาเลเซียกำหนดให้เช่าได้ไม่เกิน 99 ปี กัมพูชา ลาวกำหนดระยะเวลาการเช่าที่ดินในเขตส่งเสริมได้สูงสุด 99 ปี เวียดนาม 70 ปีและต่อได้หลายครั้ง
นอกจากนี้ ในด้านการถือครองที่ดิน ปัจจุบัน พรบ.การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522 กำหนดให้ผู้ประกอบการต่างชาติ สามารถถือกรรมสิทธิในที่ดินในนิคมอุตสาหกรรมได้ ตามเงื่อนไขที่กำหนด รวมทั้ง พรบ.ส่งเสริมการลงทุนฯ กำหนดให้ผู้ประกอบการมีสิทธิถือกรรมสิทธิที่ดินได้ ตามเงื่อนไขที่กำหนด ตามอายุบัตรส่งเสริม
ถาม : ปริมาณการใช้งบประมาณแผ่นดินในการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานของโครงการ EEC นั้น ถือว่า มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย มากกว่ากรอบงบประมาณของรัฐบาลใดๆ ก่อนหน้านี้
ตอบ : รัฐบาลที่ผ่านๆมา เห็นความจำเป็นของการลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน โดยกำหนดไว้ 1.5 ล้านล้านบาท บ้าง 2.0 ล้านล้านบาทบ้าง แต่ไม่ได้ดำเนินการ
การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานที่จะขยายให้ EEC เป็นประตูเชื่อมโยงเศรษฐกิจไทยสู่เศรษฐกิจโลก ก็อยู่บนความจำเป็นเดียวกับรัฐบาลที่ผ่านมา
โครงการหลักๆ เกือบทั้งหมดใน EEC ที่จริงเป็นการ ริเริ่ม และ อนุมัติ จากรัฐบาลชุดก่อนหน้านี้อยู่แล้ว เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูง โครงการท่าเรือแหลมฉบัง ท่าเรือมาบตาพุด และมอร์เตอร์เวย์ และโครงการเหล่านี้ผ่านการพิจารณาแลบางโครงการก็ได้การดำเนินการทำ EIA แล้วเสร็จไป แล้วหลายโครงการก็อยู่ในกระบวนการทำ EIA กันมาโดยต่อเนื่อง
EEC ทำหน้าที่ประสานโครงการเหล่านี้ให้เชื่อมโยงกันเพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศ โดยเฉพาะ
1) สนามบินอู่นตะเภาต้องเป็นเมืองการบินภาคตะวันออก คือเป็น ฮับของธุรกิจการบินของไทย
2) รถไฟความเร็วสูงต้องเชื่อม 3 สนามบินแบบไร้รอยต่อ เพื่อให้ประชาชนได้ใช้ประโยชน์เต็มที่ และสนับสนุนการท่องเที่ยว ลดความแออัดของสนามบินดอนเมืองและสุวรรณภูมิ
3) 3 ท่าเรือน้ำลึกต้องมีรถไฟรางคู่เข้าเชื่อมเพื่อเพิ่มการขนส่งทางราง ลดการขนส่งทางถนนโดยเร็วที่สุด ให้ได้มากที่สุด เพื่อความสะดวกในการเดินทาง และ ลดอุบัติเหตุ
โครงการใหม่ที่เกิดขึ้นใน EEC คือ การพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาให้เป็นเมืองการบินภาคตะวันออก อย่างไรก็ตาม เป็นความตั้งใจที่ยาวนานหลายทศวรรษ ตั้งแต่มีโครงการพัฒนาชายฝั่งทะเลภาคตะวันออกครั้งนี้คือการทำให้วิสัยทัศน์และความตั้งใจที่จะให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมอย่างชัดเจน ก็เห็นความจำเป็นในการนำสนามบินอู่ตะเภามาใช้ประโยชน์ทางเชิงพาณิชย์ตลอดมา จึงเป็นความภูมิใจของ EEC ที่รัฐบาลชุดนี้สามารถผลักดันให้เกิดผลเป็นรูปธรรมชัดเจน
ถาม : การให้เอกชนเข้ามาบริหารพื้นที่ ที่เกี่ยวเนื่องกับโครงสร้างพื้นฐานใหม่ๆ เป็นการให้ประโยชน์แก่เอกชนบางราย
ตอบ : ต้องเข้าใจว่าทุกทางเลือกมีข้อจำกัด มีข้อดีข้อเสีย ดังนั้นเพื่อป็นการลดภาระงบประมาณแผ่นดิน ในการลงทุนกับโครงสร้างพื้นฐาน และเพื่อเป็นการไม่ทำให้รัฐบาลต้องกู้เงินเพื่อลงทุนกับโครงการต่างๆ รัฐบาลได้เลือกที่จะใช้วิธีการร่วมทุนกับเอกชน หรือ PPP (Public Private Partnership) ที่รัฐบาลเองจะมีเอกชนเป็นคู่สัญญา
การหาเงินลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทำได้ 3 ทาง ซึ่งมีความเหมาะสมต่างกัน
1) ใช้งบประมาณ
ไม่เหมาะสมเพราะงบประมาณมาจากภาษีอากร ซึ่งควรนำไปช่วยเหลือ ประชาชน ทางด้าน การศึกษา การชาวยเหลือผู้มีรายได้น้อย การป้องกันประเทศ และการสาธารณสุข
หากใช้วิธีนี้ไม่มีงบประมาณไปช่วยด้านสังคม และช่วยคนจน
2) เงินกู้
เหมาะสมกับบางโครงการ เช่นรถไฟรางคู่ อ่างเก็บน้ำ เพราะเป็นโครงการที่ความจำเป็นสูง แต่มีผลตอบแทนทางการลงทุนน้อย และรัฐต้องลงทุนเองเพื่อแก้ไขปัญหาการผูกขาด และเอกชนไม่สามารถร่วมลงทุนได้
หากใช้วิธีนี้มากๆ เกินกำลังจะเป็นหนี้สาธารณะ ไปถึงคนรุ่นต่อไป
3) การร่วมลงทุนรัฐ-เอกชน เหมาะสำหรับโครงการที่มีผลตอบแทนทางการเงิน และเอกชนสนใจลงทุนโดยหากรัฐจะให้เงินชดเชยบ้างก็ได้ กรณีเหมาะสมสำหรับ รถไฟความเร็วสูง สนามบินอู่ตะเภา และ ท่าเรือน้ำลึก ซึ่งจะเป็นการประหยัดเงินงบประมาณให้ประเทศสามารถไปทำงานที่สำคัญให้กับประเทศ และ ประชาชนผู้มีรายได้น้อย
หากใช้วิธีนี้ ได้การลงทุนจากเอกชนมีเงินเงินเหลือจำนวนมาก และได้ใช้ประโยชน์จากโครงการทันที โดยต้องดูแลกำกับโครงการตามสัญญา
ด้วยวิธีนี้เอกชนผู้ร่วมลงทุนเองจะเข้ามาบริหารพัฒนาพื้นที่ต่างๆ รวมถึงสิทธิประโยชน์ที่ได้จากสัญญา ภายใต้การกำกับดูแลของรัฐบาล ย้ำว่าวิธีนี้เป็นการลดภาระทางงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาลได้
ถาม : การใช้จ่ายเงินงบประมาณจำนวนมากมายมหาศาล ควรกระจายไปในทุกๆ พื้นที่ มากกว่าการลงกับจังหวัดเพียงแค่สามจังหวัดในภาคตะวันออกเท่านั้น
ตอบ : พื้นที่นี้ได้ถูกวางตำแหน่งและได้รับการพัฒนามาตั้งแต่ยุค Eastern Seaboard เมื่อสามทศวรรษที่แล้ว ให้เป็น ประตูของประเทศ ท่าเรือขนาดใหญ่ก็ตั้งอยู่ที่นี่ เป็นปากประตูของเศรษฐกิจทั้งประเทศ มิใช่เป็นพื้นที่ที่มีผลประโยชน์เป็นของตนเอง การลงทุนพัฒนากับประตูของประเทศ เป็นการลงทุนเพื่อคนทั้งประเทศ ที่ผู้ได้รับประโยชน์คือประเทศไทยทั้งหมด มิใช่พื้นที่เดียว
คนในพื้นที่ 3 จังหวัด เขาคิดตรงกันข้ามว่าทำไมต้องมาแบกรับภาระ การเป็นประตู และเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจให้กับคนทั้งประเทศ
นอกจากนี้ การวางแผนโครงสร้างพื้นฐานมิได้ พิจารณาอย่างเป็นอิสระจากโครงข่ายอื่นๆ ในภูมิภาคอื่นๆ หากแต่ได้มีการวางแผนให้เชื่อมต่อกันอย่างสมบูรณ์แบบ เช่น การขนส่งระบบรางพื้นที่นี้ ที่จะต้องเชื่อมต่อกับรถไฟทางคู่ จาก หนองคาย เชียงใหม่ เป็นต้น
สำหรับสนามบินอู่ตะเภาที่ได้รับการพัฒนาเป็นสนามบินพาณิชย์ จะเป็นการลดภาระจากสนามบิน ดอนเมือง และสุวรรณภูมิที่แออัดอยู่แล้ว และเป็นการกระจายตัวออกมา
ถาม : สิทธิพิเศษ การลดภาษีนิติบุคคล ให้แก่นักลงทุนที่ให้มากกว่าที่เคยเป็น
ตอบ : เป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะว่าสิทธิพิเศษที่มีการอ้างถึงว่า เป็นการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีที่มีอยู่ตามกรอบกฎหมาย BOI ที่มีอยู่เดิม เมื่อมีระเบียบของ BOI ระบุเอาไว้ และเป็นไปตามกองทุนเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน ทั้งนี้สิทธิประโยชน์ทั้งหมดมิได้มีอะไรที่มากเกินไปกว่าเพดานที่ BOI ได้มีการระบุเอาไว้
กรณีกระทรวงการคลังซึ่งได้เพิ่มสิทธิลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสูงสุดถึง 17% เป็นการสร้างฐานภาษีใหม่ เพราะเมื่อเราเก็บภาษีแพง ผู้บริหาร นักลงทุน ผู้เชี่ยวชาญ เหล่านี้ไม่เปิดบัญชีหรือยื่นภาษีในประเทศไทย แต่เปิดบัญชีเงินเดือนอยู่ต่างประเทศ เข้ามาทำงานโดยไม่เสียภาษี ดังนั้นการกำหนดภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 17% ทำให้ประเทศไทยได้บัญชีเงินเดือนเหล่านี้มาอยู่ในประเทศไทย และ เรากลับได้รับภาษีส่วนนี้ 17% เพิ่มเติมแทน
ถาม : อุตสาหกรรมใหม่ๆ ที่ดึงเข้ามาไม่ได้ช่วยสร้างงานเพิ่มเติมให้กับคนไทย และยังเป็นอุตสาหกรรมเบาที่ อาจจะนำไปสู่การเคลื่อนย้ายการลงทุนได้ง่าย
ตอบ : ไม่มีอุตสาหกรรมที่ใช้แรงงานราคาถูกในการส่งเสริมอุตสาหกรรมเป้าหมายใน EEC
ภูมิทัศน์ อุตสาหกรรมเปลี่ยนแปลงไปมาก อุตสาหกรรมมีการพัฒนาไปมาก EEC จึงวางพื้นฐานสำหรับ อุตสาหกรรมใหม่ ที่ กำลังเติบโต และหากว่าเราไม่พัฒนาตาม ที่สุดก็จะโดนแซงไป ยกตัวอย่างเช่น
อุตสาหกรรมการบิน หากไม่มีการนำอุตสาหกรรมการบินเข้ามาในประเทศไทย ท่ามกลางการเติบโตของอุตสาหกรรมการบินโลก และอุตสาหกรรมในภูมิภาคเราก็จะโดนทิ้งเอาไว้เบื้องหลัง
อุตสาหกรรมรถไฟฟ้า คืออุตสาหกรรมที่จะมีบทบาทมากกว่าอุตสาหกรรมรถเครื่องยนต์สันดาป หากไม่วางพื้นฐานประเทศไทยก็จะโดนทิ้งไว้เบื้องหลัง
อุตสาหกรรมหุ่นยนต์ และ Automation ก็คือทิศทางอุตสาหกรรมโลก เป็นการยกระดับอุตสาหกรรมที่จะมีประสิทธิภาพสูงขึ้นและทั้งหมดนี้ คนไทยจะอยู่เบื้องหลังในการขับเคลื่อนไปด้วย
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44791
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 30/09/2017 10:02 am Post subject:
ขอแจงข้อสงสัยให้ไทยอบรมวิศวกรจีนสร้างรถไฟ
บ้านเมือง วันศุกร์ ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2560, 13.54 น.
นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวภายหลังมีกระแสการวิพากย์ วิจารณ์บทบาทของกระทรวงคมนาคมที่ให้วิศวกรของไทยเป็นผู้อบรม และตรวจสอบวิศวกรจากจีนที่จะเข้ามาวางระบบรถไฟความเร็วสูงในไทย ว่าเป็นการดำเนินการที่ไม่เหมาะสม เนื่องจากวิศวกรของไทยไม่มีประสบการณ์ด้านการสร้างรถไฟความเร็วสูง นอกจากนี้ ยังมีการให้ดำเนินการสร้างเฟสแรกระยะทาง 3.5 กม. ตัดผ่านพื้นที่ป่าเขา ทำให้ต้องใช้รถบรรทุกอุปกรณ์การก่อสร้างหลายรอบ จึงเป็นการวางแผนที่เสียเวลาและมีค่าใช้จ่ายมหาศาล
กระทรวงคมนาคม โดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร ขอชี้แจงกระแสการวิพากย์ วิจารณ์ในเรื่องดังกล่าว ดังนี้
1.การจัดฝึกอบรมให้แก่วิศวกรจีนไม่ได้เป็นการอบรมความรู้ด้านระบบรถไฟความเร็วสูง แต่เป็นการอบรมความรู้ทั่วไป ที่จำเป็นเกี่ยวกับการปฏิบัติงานในประเทศไทย เพื่อให้วิศวกรจีนเข้าใจสภาพพื้นที่ ข้อกำหนดทางกฎหมายด้านสิ่งแวดล้อมและข้อกำหนดในการปฏิบัติงานที่เกี่ยวข้อง (Local Conditions) ประกอบด้วย
1.1ความรู้ด้านกฎหมายและจรรยาบรรณที่เกี่ยวกับพระราชบัญญัติวิศวกร จรรยาบรรณ ในการประกอบวิชาชีพวิศวกรรม และพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร
1.2ความรู้เกี่ยวกับสภาพทางธรรมชาติของประเทศไทยที่เกี่ยวกับการออกแบบและก่อสร้าง เช่น สภาพความแข็งแรงของชั้นดิน ธรณีวิทยา รอยเลื่อนที่มีโอกาสเกิดแผ่นดินไหว แรงลม อุณหภูมิของอากาศ ภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้น เช่น อุทกภัย วาตภัย รวมทั้งสภาพสิ่งแวดล้อมที่อาจได้รับผลกระทบจากการออกแบบ และก่อสร้างรถไฟ เป็นต้น
1.3ความรู้ด้านเทคนิคที่เกี่ยวกับความปลอดภัยในการทำงานและการจัดการความปลอดภัย วิศวกรรมความปลอดภัยด้านอัคคีภัย วิศวกรรมสิ่งแวดล้อมและมลภาวะ และการฝึกอบรมในครั้งนี้ยังเป็น การถ่ายทอดแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ร่วมกันระหว่างวิศวกรจีนกับวิศวกรไทยภายใต้โครงการความร่วมมือพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟระหว่างประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีน
2. การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ช่วงที่ 1 ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร เป็น 1 ใน 4 ช่วงของแผนการออกแบบและก่อสร้าง ซึ่งช่วงที่ 1 ระยะทาง 3.5 กิโลเมตรนั้น สามารถออกแบบและก่อสร้างได้ทันที โดยไม่มีผลกระทบต่อประชาชน จากนั้นจะออกแบบและก่อสร้าง 3 ช่วงต่อไปตามลำดับ ประกอบด้วย
2.1ช่วงที่ 2 กิโลเมตรที่ 214+000 ถึง 225+000 ระยะทาง 11 กิโลเมตร ช่วงสีคิ้ว-กุดจิก
2.2ช่วงที่ 3 กิโลเมตรที่ 119+000 ถึง 150+500, 154+000 ถึง 214+000, 225+000 ถึง 253+000 ระยะทาง 119.5 กิโลเมตร ช่วงแก่งคอย- นครราชสีมา
2.3ช่วงที่ 4 กิโลเมตรที่ 0+000 ถึง 119+000 ระยะทาง119 กิโลเมตร ช่วงบางซื่อ-แก่งคอย จนครบระยะทางตลอดโครงการตั้งแต่สถานีกลางบางซื่อถึงจังหวัดนครราชสีมารวม 253 กิโลเมตร
Back to top