View previous topic :: View next topic
Author
Message
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44819
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 09/10/2017 9:22 pm Post subject:
เข้มสถาปนิกจีนออกแบบสถานี"ชูวิถีไทย"
เดลินิวส์ จันทร์ที่ 9 ตุลาคม 2560 เวลา 19.14 น.
ติวเข้มสถาปนิกจีน 17 คน ออกแบบสถานีรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา เน้นใส่วิถีถิ่นไทยตัวอาคาร ย้ำต้องใช้วัสดุก่อสร้างในประเทศ
นายเจตกำจร พรหมโยธี นายกสภาสถาปนิก เปิดเผยความคืบหน้าการอบรมและทดสอบสถาปนิกจีนตามคำสั่งคสช.ฉบับที่30/2560 ที่จะเข้ามาปฏิบัติงานในโครงการรถไฟความเร็วสูงหรือไฮสปีดกรุงเทพฯ-นครราชสีมา-หนองคา ยระยะที่ 1 กรุงเทพฯ-นครราชสีมาระยะทาง 253 กม. ว่า จีนแจ้งมาว่าจะมีสถาปนิกเข้ามาอบรมและทดสอบ 17คนรุ่นแรก 7 คน จะมาอบรมที่ประเทศไทย วันที่ 17-20 ต.ค.นี้ ที่เหลือรุ่นที่ 2 อบรมวันที่ 7-10 พ.ย.นี้ โดยจะอบรม ทำแบบทดสอบ และลงพื้นที่ดูสถานที่ก่อสร้างจริง รุ่นแรกจะพาไปดูพื้นที่ก่อสร้างสถานีใน จ.พระนครศรีอยุธยา ถือว่าเป็นพื้นที่มีประวัติศาสตร์และมีความละเอียดอ่อน ส่วนการอบรมครั้งที่ 2 วิศวกร 10 คนยังไม่สรุปได้ว่าจะอบรมที่ประเทศไทยหรือประเทศจีน
ด้านนายประภากร วทานยกุล กรรมการสภาสถาปนิก กล่าวว่า มีข้อสอบทั้งหมด 5 วิชา วิชาละ100 ข้อ มีเนื้อหาเรื่องจรรยาบรรณประกอบอาชีพในประเทศไทย สิ่งที่ต้องคำนึงถึงการออกแบบ กฏหมายต่างๆที่เกี่ยวกับการออกแบบอาคาร ทั้งนี้การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงฯกำหนดไว้ 6 สถานี แต่ละสถานีจะมีแบบต่างกันให้คำนึงด้านสถาปัตยกรรมไทย ดังนั้นแบบการก่อสร้างสถานีจะต้องสะท้อนความเป็นพื้นถิ่นมีความเป็นไทยที่อยู่ในระดับรับได้
นายประภากร กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังให้ความสำคัญเรื่องวัสดุก่อสร้างโดยได้รับนโยบาย จากนาย วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ต้องให้สถาปนิกจีนรู้ขีดความสามารถของวัสดุก่อสร้างในประเทศอย่างไรก็ตามเรื่องความรู้ทางสถาปนิก ต้องใช้ผู้มีความรู้เฉพาะทาง ดังนั้นการอบรมฯจะใช้สถาปนิกไทยที่ทำงานในประเทศจีนอายุงาน 10 ปีมาเป็นล่ามในการแปลภาษา นอกจากนี้ยังได้จัดนิทรรศการแสดงวัสดุก่อสร้างจากภาคเอกชนไทย ทั้งนี้เมื่อผ่านการทดสอบแล้วสถาปนิกจะได้ใบรับรองจากสภาฯ โดยอาจจะให้ใบรับรองมีอายุ 5 ปี เพื่อสามารถไปใช้ในการออกแบบก่อสร้างสถานี เฟส 2 ช่วงนครราชสีมา -หนองคาย
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวถึงปัญหาความล่าช้าในการก่อสร้างช่วงแรกจากสถานีกลางดง-สถานีปางอโศก อ. ปากช่อง จ. นครราชสีมา ระยะทาง 3.5 กม. ที่วางแผนล่าสุดขยับจากเดือน ต.ค.ไปเป็นเดือน พ.ย. แต่ต้องเลื่อนออกไปไม่มีกำหนดเพราะติดปัญหายังไม่ผ่านการพิจารณาผลกระทบสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ)ว่ายังติดปัญหาการผ่านพื้นที่บริเวณ จ.สระบุรีได้เร่งรัดให้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.ลงพื้นที่ พร้อมเจรจาผู้ประกอบการเหมืองแร่ในพื้นที่ 3ราย เพื่อหาข้อสรุป ก่อนส่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาต่อไป ยืนยันว่ายังเป็นไปตามแผนกรอบเวลาการตอกเสาเข็มเดือนพ.ย. เช่นเดิม
นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผอ.สนข. กล่าวว่า ได้ลงพื้นที่และหารือผู้ประกอบการเหมืองแร่ทั้ง 3รายแล้ว โดยเฉพาะเรื่องค่าชดเชยเวนคืนที่ดินคาดว่าจะได้ข้อสรุปเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องภายในต.ค.นี้ เพื่อก่อสร้างช่วงแรกให้ทันตามแผน พ.ย.นี้
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44819
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 09/10/2017 9:29 pm Post subject:
สนข.มั่นใจEIAรถไฟไทย-จีน สรุปได้ทันแผนก่อสร้าง
เดลินิวส์ วันจันทร์ ที่ 09 ตุลาคม พ.ศ. 2560, 19.49 น.
นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยถึงความคืบหน้าโครงการรถไฟ รถไฟความเร็วสูง (รถไฟไทย-จีน) เส้นทางกรุงเทพฯ-หนองคาย ตอนที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 252.35 กิโลเมตร ว่าขณะนี้ยังติดเรื่องการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EAI) ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการเจราจร โดยยังติดปัญหาช่วงจังหวัดสระบุรี เนื่องจากมีการประกอบกิจการสัมปทานเหมืองหินปูน
ขณะนี้เหลือประเด็นเดียว ซึ่งทางสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) ได้เร่งดำเนินการให้เรียบร้อยภายในเดือนต.ค.นี้ และเสนอคณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) พิจารณาครั้งที่ 7 จากนั้นจะเสนอต่อคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.)พิจารณาต่อไป
นายชัยวัฒน์ กล่าวว่า EIA ช่วงบางซื่อ-ชุมทางบ้านภาชี ได้รับอนุมัติแล้ว เหลือเพียงช่วง ชุมทางบ้านภาชี-นครราชสีมา ซึ่งมีประเด็นสุดท้ายช่วงผ่านเหมืองหินปูน ซึ่งมีสัมปทาน 3 ราย ซึ่ง ทางสผ.ต้องการความชัดเจนและหลักฐานการยินยอมของเอกชนเพื่อไม่ให้เกิดปัญหา ซึ่งที่ปรึกษาของสนข.ได้ลงพื้นที่และเจรจาได้ข้อยุติกับ 2 รายแล้วเหลืออีก 1 รายซึ่งคาดว่าจะเรียบร้อยในเดือนต.ค.นี้ โดยยังคงเป้าหมายตอกเข็ม ระยะทาง 3.5 กม.ยังคงเป็นเดือนพ.ย.นี้ เนื่องมีเส้นทางที่ตัดผ่านบริเวณดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ทางสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.)ให้มีการเจรจากับผู้ประกอบการเหมืองว่า ต้องให้เกิดความชัดเจนว่าจะไม่เกิดปัญหา รวมถึงการชดเชยด้วย ขณะนี้ได้เจราจากับผู้รับสัมปทานดังกล่าวเรียบร้อย 2 บริษัท เหลือ 1 บริษัท ที่เจราจรแล้วแต่ยังไมาเรียบร้อย ซึ่งจะมีการหารือร่วมกันอีกครั้ง
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ได้มีการลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูลรายละเอียดเป็นที่เรียบร้อย ร่วมถึงการประชุมกลุ่มย่อยเรียบร้อยแล้ว แต่ทางสผ.ระบุว่าของข้อสรุปให้ชัดเจนดังกล่าวอีกครั้ง ก่อนจะเสนอ สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.)อีกครั้ง ซึ่งขณะนี้ได้มอบหมายที่ปรึกษาดำเนินการแล้วโดยจะต้องสรุปได้ภายในเดือนตุลาคม 2560
"หากประเด็นนี้จบ ขั้นตอนต่อไปก็จะเข้าที่ประชุมกก.วล.ได้และสามารถเดินหน้าได้เลย โดยจะพยายามเร่งให้ทันกับกรอบระยะเวลาภายในเดือนพฤศจิกายน 2560 ส่วนค่าชดเชยนั้น จะต้องคงพูดคุยรายละเอียดอีกทีว่ามากน้อยแค่ไหน ทั้งนี้ ถือว่ายังไม่ช้าล่ากว่าแผนที่กำหนด เนื่องจากที่ผ่านมาก็ได้หารือกับทางจีนไว้ก่อนว่าทุกอย่างต้องผ่าน การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EAI) ก่อนจึงจะสามารถเริ่มก่อสร้างได้ ซึ่งทางจีนเข้าใจ"นายชัยวัฒน์ กล่าว
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44819
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 10/10/2017 4:54 pm Post subject:
รถไฟไทย-จีน ติดหล่ม EIA อาคม เร่งเคลียร์ปมจบ ต.ค. ยันตอกเข็ม พ.ย.นี้
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ วันที่ 10 ตุลาคม 2560 - 16:25 น.
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ความคืบหน้ารถไฟไทย-จีน ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 253 กิโลเมตร วงเงิน 179,412 ล้านบาท ปัจจุบันลงนามสัญญา 2.1 ค่าที่ปรึกษาโครงการ (ออกแบบการก่อสร้าง) และ 2.2 ค่าจ้างผู้ควบคุมงานทั้งการก่อสร้างและระบบรถเรียบร้อยแล้ว เหลือสัญญาที่ 2.3 ระบบเหนือโครงสร้างพื้นฐาน อยู่ในระหว่างการเจรจา โดยให้จีนส่งแบบรายละเอียดการก่อสร้างช่วงที่ 1 ระยะทาง 3.5 กิโลเมตรภายในเดือน ต.ค.นี้ ส่วนที่เหลือให้ส่งมาภายใน 6 เดือน
ทั้งนี้การก่อสร้างจะเริ่มต้นได้ต่อเมื่อรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมหรืออีไอเอได้รับอนุมัติ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) กระทรวงทรัพยากรและธรรมชาติ
เนื่องจาก คชก.ให้กลับไปทำข้อมูลเพิ่มเติมจากเหมืองปูนซีเมนส์ที่อยู่ในเส้นทางรถไฟไทย-จีนพาดผ่าน หลังจากนั้นจะเตรียมเสนอคณะกรรมการสิ่งแวดล้อม จะพยายามให้แล้วเสร็จภายในเดือน ต.ค.60 และได้เรียนทางจีนไปแล้วว่ารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมจะต้องผ่านถึงจะสามารถเริ่มต้นก่อสร้างได้
ในการทำงานไม่มีอุปสรรค ยังอยู่ในขั้นตอน ขณะนี้อยู่ระหว่างการออกใบอนุญาตวิศวกรและสถาปนิกจีนที่ผ่านการทดสอบแล้ว ถึงจะลงนามสัญญาการออกแบบ โดยช่วงที่ 1 สถานีกลางดง-ปางอโศก ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร จะเริ่มส่งแบบตั้งแต่วันที่ 9 ต.ค.60 ตอนที่ 2 ปากช่อง-คลองขนานจิตร ระยะทาง 11 กิโลเมตร ตอนที่ 3 แก่งคอย-นครราชสีมา ระยะทาง 119.5 กิโลเมตร ตอนที่ 4 กรุงเทพฯ-แก่งคอย ระยะทาง 119.5 กิโลเมตร จีนจะใช้เวลาในการส่งออกแบบ 6-8 เดือน นายอาคมกล่าว
----
บิ๊กตู่ เผยความคืบหน้ารถไฟความเร็วสูงไทย-จีน คาดเริ่มสร้าง พ.ย.นี้
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ วันที่ 10 ตุลาคม 2560 - 16:43 น.
เมื่อวันที่ 10 ต.ค.2560 เวลา 13.40 น. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงการดำเนินการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ว่า ขณะนี้ได้มีการหารือและร่วมมือกันมาโดยตลอด ซึ่งในส่วนของการอบรมวิศวกรไทย-จีนได้เดินหน้าไปแล้ว
ในส่วนการเตรียมพื้นที่จุดแรกที่จะมีการก่อสร้างเพื่อเป็นจุดเริ่มต้นนั้น ยังมีการต้องพูดคุยกับสถานประกอบการ ซึ่งเป็นสถานประกอบการปูนซีเมนต์ 3 แห่ง ซึ่งคาดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในช่วงไม่เกินเดือน พ.ย. นี้
ทั้งนี้ ยืนยันว่าทุกอย่างดำเนินการตามกฎหมายในการจัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม หรือ EIA ซึ่งเป็นสิ่งที่ต้องใช้เวลา
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44819
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 11/10/2017 6:00 pm Post subject:
ยืนยันรถไฟไทย-จีน เริ่มก่อสร้าง พ.ย.นี้
Thai PBS News Published on Oct 10, 2017
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมยืนยัน โครงการรถไฟไทย-จีน จะเริ่มก่อสร้างได้ในเดือนพฤศจิกายนนี้ ตามกำหนดการที่วางไว้ แม้ขณะนี้ยังติดปัญหาการพิจารณาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
https://www.youtube.com/watch?v=BFMzIgYs-ZM
---
อาคม ยืนยันรถไฟไทย-จีน เริ่มก่อสร้าง พ.ย.นี้
ThaiPBS 13:10 | 11 ตุลาคม 2560
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ยืนยันว่า โครงการรถไฟไทย-จีน จะเริ่มก่อสร้างได้ในเดือนพฤศจิกายนนี้ตามกำหนดการที่วางไว้ แม้ขณะนี้ยังติดปัญหาการพิจารณาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
วันนี้ (11 ต.ค.2560) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ความคืบหน้าโครงการความร่วมมือรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา-หนองคาย ระยะที่ 1 เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทางประมาณ 253 กิโลเมตร ที่ขณะนี้ยังไม่ผ่านการพิจารณาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ)
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวยืนยันว่าโครงการรถไฟไทย-จีนจะเริ่มก่อสร้างในเดือนพฤศจิกายนนี้ ตามกำหนดการที่วางไว้ เพราะขณะนี้ขั้นตอนการพิจารณาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการไปแล้ว 6 ครั้ง แต่ยังติดปัญหาการผ่านพื้นที่บริเวณเหมืองแร่โรงปูน จังหวัดสระบุรี จึงได้เร่งรัดให้ทางสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ลงพื้นที่และดำเนินการเจรจากับผู้ประกอบการเหมืองปูนในพื้นที่ 3 ราย โดยขั้นตอน
ขณะนี้เหลือเพียงการขอรับรองจากกลุ่มบริษัทเหมือง 3 บริษัท ว่าจะมีเส้นทางของโครงการผ่านไปยังแนวเหมืองปูน ซึ่งเมื่อได้รับการยืนยันก็จะแจ้งกลับไปยังคณะกรรมการผู้ชำนาญการเพื่อเสนอให้คณะกรรมการพิจารณาอีไอเอดำเนินการต่อไป
นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการ สนข. เปิดเผยว่า ได้ลงพื้นที่เพื่อเก็บข้อมูล และหารือร่วมกับผู้ประกอบการเหมืองแร่ทั้ง 3 รายแล้ว โดยเฉพาะเรื่องของค่าชดเชยในการเวนคืนที่ดินที่จะใช้ในการก่อสร้างโครงการฯ ซึ่งคาดว่าจะได้ข้อสรุปและเสนอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาได้ภายในเดือนนี้ เพื่อดำเนินการก่อสร้างช่วงแรกสถานีกลางดง-ปางอโศก ระยะทาง 3.5 กิโลเมตรตามแผนการดำเนินการในเดือนพฤศจิกายน
ขณะที่ความคืบหน้าการเปิดประมูลช่วงที่ 2-4 ได้สั่งการให้การรถไฟแห่งประเทศไทยทำแผนการดำเนินงานก่อนส่งเรื่องมาให้ สนข. เพื่อเดินหน้าต่อไปกรณีการพิจารณาอีไอเอ
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44819
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 11/10/2017 7:05 pm Post subject:
คมนาคม กลัวไฮสปีดเทรนไม่ปลอดภัย สั่งรถไฟ ศึกษาติดอุปกรณ์สกัดคลื่นรบกวนระบบเดินรถ
ข่าวสดออนไลน์ วันที่ 11 ตุลาคม 2560 - 18:56 น.
นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยหลังเป็นประธานการประชุมคลื่นความถี่สำหรับระบบคมนาคมขนส่งทางราง ว่า คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้ตกลงจัดสรรคลื่นความถี่ย่าน 885-890 เมกะเฮิรตซ์ (ขาขึ้น) และ 930-935 เมกะเฮิรตซ์ (ขาลง) ที่มีความกว้าง 5 เมกะเฮิรตซ์ ให้กระทรวงคมนาคมนำมาใช้ในกิจการขนส่งทางรางของประเทศ โดยเฉพาะรถไฟฟ้าความเร็วสูง หรือไฮสปีดเทรน แต่กระทรวงมองว่าคลื่นความถี่ดังกล่าวมีความกว้างน้อยกว่าที่กระทรวงคมนาคมยื่นขอไปขนาด 10 เมกะเฮิรตซ์ จึงกังวลว่าจะส่งผลกระทบต่อความปลอดภัยของระบบขนส่งทางราง
ที่ประชุมฯ จึงเห็นควรให้กระทรวงต้องดำเนินการติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันการรบกวน (Filter) เพื่อกรองคลื่นความถี่ของระบบรางให้แยกออกจากคลื่นความถี่ของกิจการโทรคมนาคมที่อยู่ในช่วงคลื่นความถี่ติดกัน เพื่อป้องกันปัญหาคลื่นรบกวนซึ่งอาจจะส่งจะกระทบต่อความปลอดภัยในการเดินรถ เบื้องต้นจะต้องมีการติดตั้งอุปกรณ์บริเวณสถานีรถไฟ ขบวนรถ และตลอดแนวเส้นทางที่รถวิ่ง ส่วนบริษัทโทรคมนาคมก็ต้องลงทุนติดตั้งอุปกรณ์ของตัวเองเช่นกัน
มอบให้การรถไฟฯ ไปสรุปรายละเอียดและวงเงินการติดตั้งฟิลเตอร์ ซึ่งคาดว่าจะรู้ใน 1 เดือน จากนั้นต้องไปหารือและวางแผนกับผู้ให้บริการเครือข่ายมือถือว่า พอเราพิจารณาร่วมกันแล้วก็แจ้งยืนยันให้ กสทช. ออกประกาศจัดสรรคลื่นความถี่ต่อไป นายพีระพลกล่าว
นายพีระพลกล่าวต่อว่า สำหรับคลื่นความถี่ย่าน 800 เมกะเฮิรตซ์ ของระบบรางจะนำไปใช้ในการเดินรถไฟและรถไฟความเร็วสูง เช่น รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน ช่วงกรุงเทพฯ-หนองคาย, รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-ระยอง และรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หัวหิน โดยคลื่นความถี่ย่าน 800 เป็นคลื่นที่มีมูลค่าสูง เพราะปัจจุบันนำมาจัดสสรรใช้ในกิจการโทรคมนาคม
นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคม ยังขอให้กสทช. จัดสรรคลื่นความถี่ย่าน 400 เมกะเฮิรตซ์เพิ่มเติม เพื่อใช้ในโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-ญี่ปุ่น ช่วงกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ด้วย เพื่อรองรับระบบชิงกันเซ็ง โดยตอนนี้ฝ่ายญี่ปุ่นและ กสทช. อยู่ระหว่างหารือร่วมกัน
นอกจากนี้ สั่งการให้ สนข. กลับไปศึกษาและจัดทำรายละเอียดแผนความต้องการใช้คลื่นความถี่ทางรางในระยะ 20 ปีข้างหน้าด้วย เพื่อนำเสนอข้อมูลให้ กสทช. นำไปใช้ประกอบการพิจารณาจัดสรรคลื่นความถี่ในอนาคต
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44819
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 15/10/2017 6:10 pm Post subject:
ฤกษ์ รถไฟไทย-จีน ตอกเข็มเมื่อพร้อม
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ วันที่ 14 ตุลาคม 2560 - 23:30 น.
คอลัมน์ ชั้น 5 ประชาชาติ โดย ประเสริฐ จารึก
กว่า 2 ปีที่รัฐบาล คสช.ใช้ความพยายามคออย่างยิ่งยวดจะให้รถไฟไทย-จีน กรุงเทพฯ-นครราชสีมา เป็นรถไฟความเร็วสูงสายแรกของประเทศไทย
จึงทุ่มเม็ดเงินลงทุน 179,412 ล้านบาทเดินหน้าผลักดัน
แต่ดูเหมือนความปรารถนาจะถูกทอดเวลาออกไป หลังเจอโรคเลื่อนตอกเข็มซ้ำซาก
ทั้งที่ตัดแบ่งสร้างเป็น 4 เฟส และเลือกคิกออฟช่วงสั้น ๆ 3.5 กม. ที่ไม่มีปัญหาเวนคืนที่ดิน จาก สถานีกลางดง-ปางอโศก หวังให้เป็นจุดเริ่มต้นโครงการ
ล่าสุดกำหนดการลงเข็มต้นแรกเลื่อน 1 เดือน จาก ต.ค.เป็น พ.ย. นี้
ต้องรอการอบรมทดสอบวิศวกรจีน 77 คน ให้เสร็จปลายปีนี้
ต้องรอจีนส่งแบบเฟสแรก 3.5 กม.
ต้องรอรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ผ่านการอนุมัติ
ต้องรอคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้กรมทางหลวงเป็นผู้ก่อสร้างเฟสแรก
จะว่าไปแล้วแผนการปักธงสร้างไฮสปีดเทรนสัญชาติมังกรสายนี้ มีการขยับไทม์ไลน์มาหลายครั้ง
นับจากทั้งสองรัฐบาลเซ็น MOC ร่วมกันตั้งแต่วันที่ 19 ธ.ค. 2557
แต่เป็นเพราะผลการเจรจาไม่สะเด็ดน้ำ จึงทำให้ฤกษ์ตอกเข็มเลื่อนอยู่หลายรอบ
ครั้งแรกจาก ธ.ค. 2558 เป็น ธ.ค.2559
แต่เพราะผลเจรจาไม่ลงตัว เลื่อนมาเป็น มี.ค. 2560 จากนั้นขยับเรื่อยมา
ข่าวเลื่อนสร้างรถไฟไทย-จีน ได้ยินกันจนชิน เพราะเลื่อนแล้วเลื่อนอีก จากเดือนเป็นปี และยาวข้ามปี
แม้ คสช. จะงัด ม. 44 มาคลี่ปมข้อกฎหมายที่ยังจูนไม่ตรงกัน เพื่อรันโครงการที่ติด ๆ ขัด ๆ ให้สะดวก
รวมถึงจ้างตรง กรมทางหลวง มาเนรมิตเฟสแรกจุดเริ่มต้นโครงการ เพื่อให้สองประเทศปักธงแสดงสัญลักษณ์ความสำเร็จของโครงการทันปีนี้
แต่ถึงขณะนี้การเดินทางของรถไฟสายนี้ ยังฝ่าอุปสรรคไม่ได้สักที
ดังนั้นฤกษ์สร้างในเวลานี้ จึงมีคำตอบเดียว
เมื่อพร้อม
จะเป็นเมื่อไหร่ ? ยังไม่มีใครตอบได้
เพราะยังต้องฝ่าด่านหินคณะกรรมการผู้ชำนาญการ(คชก.)ไฟเขียวรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ที่ไม่สามารถควบคุมเวลาได้
ที่ผ่านมาก็ปรับแก้รายงานกันมาถึง 6 ครั้ง กำลังจะยื่นครั้งที่ 7 ที่ยังติดปัญหาพื้นที่ช่วงมาบกะเบา จะต้องเจาะภูเขาสร้างเป็นอุโมงค์
ซึ่งแนวเส้นทางพาดผ่านพื้นที่ประทานบัตรทำเหมืองของ 4 ผู้ประกอบการผลิตปูนซีเมนต์ อาทิ ปูนซิเมนต์ไทย ปูนทีพีไอ ปูนนครหลวง คิดเป็นพื้นที่รวม 320 ไร่
ในผลศึกษาเดิม กระทรวงอุตสาหกรรม ต้องจัดหาพื้นที่ใหม่รัศมีแนวรถไฟทางคู่ให้เป็นการทดแทน
ซึ่ง คชก. ต้องการคำตอบที่แน่ชัดก่อนจะลงมติ เรื่องนี้สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ผู้รับผิดชอบการทำรายงานอีไอเอ
ได้สอบถาม 4 โรงปูนไปแล้วเมื่อหลายปีที่ผ่านมา ช่วงทำผลศึกษารถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ก่อนที่จะกลายร่างมาเป็นรถไฟไทย-จีน
แต่ด้วยเวลาที่ผ่านมาหลายปี คชก. จึงต้องการคำตอบที่ชัวร์ ไม่ได้มั่วนิ่ม
น่าจับตา สนข. จะเคลียร์ปมนี้จบภายในต.ค. เพื่อนำไปสู่การเริ่มต้นก่อสร้างภายในพ.ย.นี้ อย่างที่ อาคม เติมพิทยาไพสิฐ เจ้ากระทรวงคมนาคมเดดไลน์ได้หรือไม่
เพราะโครงการใหญ่ ใช้เงินลงทุนมหาศาล จึงต้องใช้เวลาจาระไนนานเป็นพิเศษ
ที่สำคัญรถไฟความเร็วสูงเป็นเรื่องใหม่ ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย
รอฟังคำตอบอีกครั้ง จากที่ประชุมคณะกรรมการร่วมไทย-จีนครั้งที่ 22 วันที่ 22-24 พ.ย.นี้
ฤกษ์ตอกเข็มจะยังเป็นปีนี้หรือปีหน้า
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44819
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 16/10/2017 9:34 pm Post subject:
เวนคืน 45 ราย รถไฟความเร็วสูง เชื่อมเข้าสุวรรณภูมิ, อู่ตะเภา
MGR Online เผยแพร่: 16 ต.ค. 2560 18:52:00 ปรับปรุง: 16 ต.ค. 2560 19:37:00
ร.ฟ.ท. เตรียมสรุปผลศึกษา รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน แบบไร้รอยต่อ ชง คณะ กก. EEC พ.ย. นี้ ค่าก่อสร้างกว่า 2 แสน ล. เปิดหาผู้ประกอบการ ภายในต้นปี 61 ก่อสร้าง 4 ปี เปิดบริการปี 66 ต้องออกแบบและศึกษา EIA ทางเชื่อมเข้าสุวรรณภูมิ, อู่ตะเภา เพิ่ม ประเมินเวนคืนไม่น้อยกว่า 42 ราย
นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผยว่า ภายในเดือน ต.ค. นี้ จะสรุปผลการศึกษา ทบทวน และวิเคราะห์ความเหมาะสม โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบินแบบไร้รอยต่อ (ดอนเมือง - สุวรรณภูมิ - อู่ตะเภา) เพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการบริหารการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ภายในเดือน พ.ย. นี้ โดยตั้งเป้าจะเร่งรัดการดำเนินงานกระบวนการทำงานแบบ fast track เพื่อให้ได้ตัวผู้รับสัมปทานบริหารโครงการในเดือน ม.ค.- ก.พ. 2561
ทั้งนี้ ในการบริหารโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบิน แบบไร้รอยต่อ จะเป็นผู้ประกอบการรายเดียว ซึ่งจะรับบริหารโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และ สถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมือง หรือ แอร์พอร์ตเรลลิงก์ (พญาไท - มักกะสัน - สุวรรณภูมิ), โครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ส่วนต่อขยาย ช่วงพญาไท - ดอนเมือง (ARLEX) และ โครงการรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพ - ระยอง ทั้งหมด
โดยวันนี้ (16 ต.ค.) ร.ฟ.ท. ได้จัดการประชุมใหญ่การมีส่วนร่วมของประชาชน ครั้งที่ 2 (สรุปผลการศึกษาโครงการ) งานศึกษา ทบทวน และวิเคราะห์ความเหมาะสม โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบินแบบไร้รอยต่อ เพื่อรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน และรวบรวมข้อมูล ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่ได้ พิจารณาประกอบรายงานสรุปผลการศึกษาโครงการ
ซึ่งการก่อสร้างจะแบ่งเป็น 2 ช่วง คือ รถไฟขนาดทางมาตรฐาน 1.435 เมตร (Standard Gauge) ช่วง พญาไท - ดอนเมือง ซึ่งจะเชื่อมต่อกับแอร์พอร์ตลิงก์ พญาไท - สุวรรณภูมิ วิ่งด้วยความเร็ว 160 กม./ชม. และช่วง ลาดกระบัง - ระยอง ความเร็ว 250 กม./ชม. และจะต้องมีการออกแบบเพิ่มเติมบริเวณทางเชื่อมต่อเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ (ขาออก) 4 กม. และสนามบินอู่ตะเภา (ขาเข้า 7 กม.- ขาออก 5 กม.) โดยมีระยะทางรวมทั้งหมด 260 กม. งบประมาณในการก่อสร้างประมาณ 200,000 ล้านบาท
ซึ่งจะต้องมีการเวนคืนที่ดินส่วนของทางเชื่อมเข้าสุวรรณภูมิ 3 ราย และเข้าอู่ตะเภา 42 ราย และจะต้องศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) เพิ่มเติมอีกด้วย ขณะที่บริเวณสถานีฉะเชิงเทรา จะเป็นศูนย์ซ่อมบำรุงสำหรับรถไฟความเร็วสูงโดยจะใช้พื้นที่ประมาณ 400 ไร่
มี 10 สถานี เป็นสถานียกระดับ 8 สถานี ได้แก่ สถานีดอนเมือง สถานีกลางบางซื่อ สถานีมักกะสัน สถานีฉะเชิงเทรา สถานีชลบุรี สถานีศรีราชา สถานีพัทยา และ สถานีระยอง และ สถานีใต้ดิน 2 สถานี ได้แก่ สถานีสุวรรณภูมิ และ สถานีอู่ตะเภา
โดย ที่ปรึกษาประเมินผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (EIRR) มากกว่า 12% ขณะที่ผลตอบแทนทางการเงิน (FIRR) ไม่คุ้มค่า ภาครัฐต้องอุดหนุน และต้องพัฒนาพื้นที่มักกะสัน และ รอบสถานี ควบคู่ไปด้วย โดยคาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2561 ใช้เวลาก่อสร้าง 4 ปี และทดสอบระบบเปิดให้บริการได้ในปี 2566 คาดการณ์ผู้โดยสารในปีที่เปิดให้บริการ ช่วงดอนเมือง - สุวรรณภูมิ บริการรถไฟธรรมดา (City Line) จำนวน 103,920 คน - เที่ยว/วัน ช่วงสุวรรณภูมิ - ระยอง บริการรถไฟความเร็วสูง จำนวน 65,630 คน - เที่ยว/วัน
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44819
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 17/10/2017 12:45 pm Post subject:
คาดปี 66 ได้ใช้รถไฟความเร็วสูงแบบไร้รอยต่อ
MGR Online เผยแพร่: 17 ต.ค. 2560 12:15:00
ศูนย์ข่าวศรีราชา - รฟท. เปิดฟังความเห็นชาวชลบุรี ครั้งที่ 2 สรุปผลศึกษารถไฟความเร็วสูงแบบไร้รอยต่อ คาดให้บริการได้ปี 2566 กระตุ้น ศก.-ท่องเที่ยว พร้อมยกระดับเมืองรองรับ EEC
วันนี้ (17 ต.ค.) ที่โรงแรมเอเชียพัทยา จ.ชลบุรี นายนริศ นิรามัยวงศ์ นายอำเภอบางละมุง ให้เกียรติเป็นประธานเปิดการประชุมใหญ่การมีส่วนร่วมของประชาชน ครั้งที่ 2 (สรุปผลการศึกษาโครงการ) งานศึกษา ทบทวน และวิเคราะห์ความเหมาะสม โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบินแบบไร้รอยต่อ (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) เพื่อนำเสนอผลสรุปการศึกษา ด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจ และผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม พร้อมรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ธุรกิจเอกชน สถาบันการศึกษา สื่อมวลชนและประชาชนจากจังหวัดชลบุรี และจังหวัดระยอง เข้าร่วมการสัมมนากว่า 200 คน
การประชุมครั้งนี้ได้นำเสนอผลสรุปแนวเส้นทางโครงการ โดยจะใช้แนวเส้นทางระบบขนส่งมวลชนทางรางของโครงการเดิม ได้แก่ 1.โครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมืองหรือแอร์พอร์ตเรลลิงก์ (ARL) ซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว 2.โครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ส่วนต่อขยาย ช่วงพญาไท - ดอนเมือง (ARLEX) และ 3.โครงการรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพ-ระยอง (HSR) โดยโครงการนี้มีการออกแบบเพิ่มเติมบริเวณเชื่อมต่อเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ (ขาออก) และสนามบินอู่ตะเภา (ขาเข้า-ขาออก) พาดผ่านพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ระยะทางรวมทั้งหมด 260 กิโลเมตร
ประกอบด้วย 10 สถานี เป็นสถานียกระดับ 8 สถานี ได้แก่ สถานีดอนเมือง สถานีกลางบางซื่อ สถานีมักกะสัน สถานีฉะเชิงเทรา สถานีชลบุรี สถานีศรีราชา สถานีพัทยา และสถานีระยอง และสถานีใต้ดิน 2 สถานี ได้แก่ สถานีสุวรรณภูมิ และสถานีอู่ตะเภา โดยเป็นรถไฟขนาดทางมาตรฐาน 1.435 เมตร (Standard Gauge) สองทางวิ่ง โครงสร้างทางรถไฟส่วนใหญ่เป็นโครงสร้างทางยกระดับ (Elevated) มีโครงสร้างระดับดิน (At-Grade) และโครงสร้างใต้ดิน (Tunnel) บางช่วง โดยใช้งบประมาณในการก่อสร้างประมาณ 200,000 ล้านบาท
นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้นำเสนอมาตรการลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและประชาชน อาทิ กำหนดให้มีการฉีดพรมน้ำ เพื่อควบคุมฝุ่นละอองอย่างสม่ำเสมอ การติดตั้งกำแพงกันเสียงชั่วคราวและทำการขุด เจาะ ในช่วงเวลากลางวัน เพื่อลดผลกระทบด้านการสั่นสะเทือน เป็นต้น
ทั้งนี้ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบินแบบไร้รอยต่อ เป็นหนึ่งในแผนงานสำคัญด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานคมนาคมและโลจิสติกส์ ที่รัฐบาลให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่งในการขับเคลื่อนการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC โดยได้รับการบรรจุไว้ในแผนการดำเนินโครงการและงบประมาณ ในปีงบประมาณ 2560 2561
ดังนั้น เมื่อการพัฒนาโครงการแล้วเสร็จในปี 2566 คาดว่าจะมีผู้มาใช้บริการรถไฟธรรมดา (City Line) ช่วงดอนเมือง-สุวรรณภูมิ กว่า 103,920 คน/เที่ยว/วัน และมีผู้ใช้บริการรถไฟความเร็วสูง (HSR) ช่วงสุวรรณภูมิ-ระยอง ถึงกว่า 65,630 คน/เที่ยว/วัน สำหรับระยะเวลาการเดินทางจากดอนเมืองถึงระยอง (หยุดทุกสถานี) ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. และระยะเวลาการเดินทางจากดอนเมืองถึงระยอง (ไม่จอดระหว่างทาง) ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ซึ่งถือเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยกระตุ้นการเติบโตของเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมและการท่องเที่ยว ให้แก่ จ.ชลบุรี จ.ระยอง และจังหวัดใกล้เคียง ตลอดจนเป็นการยกระดับการพัฒนาเมืองในแนวเส้นทางและจังหวัดที่อยู๋ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออกหรือ EEC อีกด้วย
ภายหลังจากจัดสัมมนาครั้งนี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะรวบรวมข้อมูล ความคิดเห็นและข้อเสนอแนะที่ได้จากผู้เข้าร่วมการประชุม นำมาพิจารณาประกอบรายงานสรุปผลการศึกษาโครงการฯ จากนั้นจึงนำเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไป
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44819
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 17/10/2017 5:45 pm Post subject:
คาดคนขึ้นรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสนามบินวันละ 1.6 แสนคน
โพสต์ทูเดย์ 17 ตุลาคม 2560 เวลา 07:42 น.
รถไฟไฮสปีดอีอีซี 2 แสนล้านผ่านฉลุยไร้เสียงคัดค้าน คาดผู้โดยสารทะลุ 1.6 แสนคนต่อวัน
นายสายันต์ อิ่มสม-สมบูรณ์ ผู้จัดการโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบินเปิดเผยว่า ความคืบหน้าโครงการ รถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบินแบบไร้รอยต่อ (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) วงเงิน 2 แสนล้านบาท หลังจากเปิดรับฟังความคิดเห็นชาวบ้านบริเวณการก่อสร้างไม่มีการคัดค้าน มีเพียงเรียกร้องลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมและประชาชน อาทิ กำหนดให้มีการฉีดพรมน้ำ เพื่อควบคุมฝุ่นละอองอย่างสม่ำเสมอ การติดตั้งกำแพงกันเสียงชั่วคราว
นายสายันต์กล่าวต่อว่าคาดว่าจะมีผู้มาใช้บริการรถไฟธรรมดา (City Line) ช่วงดอนเมือง-สุวรรณภูมิ กว่า 103,920 คน/เที่ยว/วัน และมีผู้ใช้บริการรถไฟความเร็วสูง (HSR) ช่วงสุวรรณภูมิ-ระยอง ถึงกว่า 65,630 คน/เที่ยว/วัน สำหรับระยะเวลาการเดินทางจากดอนเมืองถึงระยอง (หยุดทุกสถานี) ใช้เวลาประมาณ 2 ชม. และระยะเวลาการเดินทางจากดอนเมืองถึงระยอง (ไม่จอดระหว่างทาง) ใช้เวลาประมาณ 1 ชม. ใช้แนวเส้นทางระบบขนส่งมวลชนทางรางของโครงการเดิม ได้แก่
1.โครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยานในเมืองหรือแอร์พอร์ตเรลลิงก์ (ARL) ซึ่งปัจจุบันเปิดให้บริการแล้ว
2.โครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ส่วนต่อขยาย ช่วงพญาไท - ดอนเมือง (ARLEX)
3.โครงการรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพ-ระยอง (HSR) โดยโครงการนี้มีการออกแบบเพิ่มเติมบริเวณเชื่อมต่อเข้าสนามบินสุวรรณภูมิ (ขาออก) และสนามบินอู่ตะเภา (ขาเข้า-ขาออก) พาดผ่านพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา ชลบุรี และระยอง ระยะทางรวมทั้งหมด 260 กิโลเมตร ประกอบด้วย 10 สถานี เป็นสถานียกระดับ 8 สถานี ได้แก่
สถานีดอนเมือง สถานีกลางบางซื่อ สถานีมักกะสัน สถานีฉะเชิงเทรา สถานีชลบุรี สถานีศรีราชา สถานีพัทยา และสถานีระยอง และสถานีใต้ดิน 2 สถานี ได้แก่ สถานีสุวรรณภูมิ และสถานีอู่ตะเภา โดยเป็นรถไฟขนาดทางมาตรฐาน 1.435 เมตร (Standard Gauge) สองทางวิ่ง โครงสร้างทางรถไฟส่วนใหญ่เป็นโครงสร้างทางยกระดับ (Elevated) มีโครงสร้างระดับดิน (At-Grade) และ โครงสร้างใต้ดิน (Tunnel)
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44819
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 19/10/2017 7:47 am Post subject:
ลุ้นอีไอเอรถไฟไทย-จีนผ่านฉลุย
เดลินิวส์ พฤหัสบดีที่ 19 ตุลาคม 2560 เวลา 06.00 น.
สนข.มั่นใจอีไอเอ รถไฟไทย-จีนรอบนี้ผ่านฉลุย หลังเอกชนไฟเขียวให้ใช้พื้นที่ เร่งชง สผ.ภายในเดือน ต.ค.นี้ เปรยตอกเสาเข็มโครงการอาจไม่ทันปีนี้
รายงานข่าวจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยความคืบหน้าโครงการ รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เส้นทางกรุงเทพ-นครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 252.5 กม. วงเงิน 179,412 ล้านบาท ภายหลังจากที่ติดปัญหาไม่ผ่านการพิจารณาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) บริเวณเหมืองแร่ และโรงปูน ที่จ.สระบุรีว่า สนข. ได้เชิญเอกชนในพื้นที่ดังกล่าวเข้าร่วมประชุมหารือแนวการดำเนินโครงการ ตลอดจนแจ้งเพื่อทราบและขอใช้พื้นที่ก่อสร้างแล้ว พบว่าทางเอกชนไม่มีปัญหาอะไรพร้อมให้เดินหน้าดำเนินการ เนื่องจากเอกชนเคยรับทราบเรื่องการขอใช้พื้นที่มา 5 ปีแล้ว ดังนั้นจึงมั่นใจว่าการเสนอรายงานอีไอเอให้กับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ครั้งนี้จะได้รับการพิจารณาอนุมัติโครงการอย่างแน่นอน โดย สนข. จะเสนอรายงานอีไอเอให้ สผ.พิจารณาภายใน 2 สัปดาห์นี้ แต่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะได้รับอนุมัติจาก สผ.เมื่อใด ดังนั้นจึงยังไม่มีความแน่นอนว่าจะได้เห็นการตอกเสาเข็มทันปี 60 หรือไม่
รายงานข่าวจาก สนข. กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หัวหิน ยังไม่สามารถเสนอให้คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พีพีพี) พิจารณาได้ในการประชุมครั้งนี้เนื่องจากยังไม่ผ่านการอนุมัติผลอีไอเอจาก สผ. ส่งผลให้โครงการดังกล่าวยังต้องรอความคืบหน้าต่อไป.
Back to top