View previous topic :: View next topic
Author
Message
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44763
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 19/10/2017 1:38 pm Post subject:
ไฮสปีดกรุงเทพ-หัวหิน เสนอบอร์ดพีพีพีไม่ทันพย.ติดปมอีไอเอ
โพสต์ทูเดย์ 19 ตุลาคม 2560 เวลา 08:44 น.
ด้านรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-เชียงใหม่ 4 แสนล้านยังอืดหลังผลศึกษาไม่ครอบคลุมแผนพัฒนาพื้นที่-สถานีบางซื่อ จี้ญี่ปุ่นส่งผลศึกษาธ.ค.นี้
แหล่งข่าวจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)เปิดเผยว่าโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หัวหิน นั้นยังไม่สามารถเสนอให้คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พีพีพี) พิจารณาได้ในการประชุมครั้งนี้เนื่องจากยังไม่ผ่านการอนุมัติผลอีไอเอจากสผ.ส่งผลให้โครงการดังกล่าวยังต้องรอความคืบหน้าต่อไป
นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่าความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หัวหิน ระยะทาง 211กิโลเมตร วงเงิน 9.5 หมื่นล้านบาท กระทรวงคมนาคมได้จัดทำรายละเอียดเพิ่มเติมแล้วเสร็จเพื่อส่งให้ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) แล้ว ควบคู่ไปกับการจัดทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ)ที่ได้จัดทำแล้วเสร็จพร้อมส่งให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ( สผ.)ไปแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของสผ.
ส่วนด้านความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพ-เชียงใหม่ ระยะทาง 672 กิโลเมตร วงเงินราว 400,000 ล้านบาทนั้นล่าสุดรอญี่ปุ่นส่งผลศึกษาความเหมาะสมและรูปแบบการก่อสร้างฉบับสมบูรณ์คาดว่าจะส่งกลับมายังกระทรวงคมนาคมในเดือนธ.ค.นี้ สำหรับความล่าช้าในการศึกษาโครงการดังกล่าวนั้นเนื่องจากอยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูลการศึกษาความเหมาะสมและรายละเอียดของโครงการเพิ่มเติมโดยเฉพาะแนวทางการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีและศักยภาพต่อการพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวเส้นทางรถไฟ
ด้านนายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) กล่าวว่า การประชุมบอร์ดพีพีพีในวันที่ 3 พ.ย.นี้จะยังไม่มีวาระพิจารณาโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพ-หัวหิน หลังจากที่บอร์ดพีพีพีได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมไปจัดทำข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อส่งกลับมาให้พิจารณา แต่น่าจะยังติดปัญหาหรืออยู่ระหว่างการรวบรวมข้อมูลจึงยังไม่เสนอวาระให้พิจารณาเข้ามาในการประชุมครั้งนี้ แต่เบื้องต้นในการประชุมครั้งนี้กระทรวงคมนาคมจะเข้ามารายงานความคืบหน้าให้บอร์ดพีพีพีรับทราบเพียงเท่านั้น
รายงานข่าวกระทรวงคมนาคมระบุว่าสำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพ-เชียงใหม่นั้นอยู่ระหว่างจัดทำแผนเพิ่มเติมเรื่องการพัฒนาพื้นที่บริเวณสถานีกลางบางซื่อด้วย เนื่องจากทางฝ่ายญี่ปุ่นเคยแสดงความกังวลเรื่องการใช้สถานีกลางบางซื่อ เนื่องจากเห็นว่าเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดจำเป็นต้องแยกชานชาลาของรถไฟความเร็วสูงที่สถานีกลางออกจากระบบรถไฟอื่น ๆ อย่างไรก็ตามโครงการดังกล่าวญี่ปุ่นได้แสดงความสนใจเข้าร่วมลงทุนตามกรอบความร่วมมือระหว่างประเทศ(G2G)อีกด้วย
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
Posted: 20/10/2017 4:23 am Post subject:
รายงานข่าวจาก สนข. กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หัวหิน
ยังไม่สามารถเสนอให้คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พีพีพี)
พิจารณาได้ในการประชุมครั้งนี้เนื่องจากยังไม่ผ่านการอนุมัติผลอีไอเอจาก สผ.
ส่งผลให้โครงการดังกล่าวยังต้องรอความคืบหน้าต่อไป
19/10/2560 https://www.dailynews.co.th/economic/605087
ลุ้นอีไอเอรถไฟไทย-จีนผ่านฉลุย
พฤหัสบดีที่ 19 ตุลาคม 2560 เวลา 06.00 น.
สนข.มั่นใจอีไอเอ รถไฟไทย-จีนรอบนี้ผ่านฉลุย หลังเอกชนไฟเขียวให้ใช้พื้นที่ เร่งชง
สผ.ภายในเดือน ต.ค.นี้ เปรยตอกเสาเข็มโครงการอาจไม่ทันปีนี้
รายงานข่าวจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.)
เปิดเผยความคืบหน้าโครงการ รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน
เส้นทางกรุงเทพ-นครราชสีมา-หนองคาย ระยะทาง 252.5 กม. วงเงิน 179,412 ล้านบาท
ภายหลังจากที่ติดปัญหาไม่ผ่านการพิจารณาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ)
บริเวณเหมืองแร่ และโรงปูน ที่จ.สระบุรีว่า สนข.
ได้เชิญเอกชนในพื้นที่ดังกล่าวเข้าร่วมประชุมหารือแนวการดำเนินโครงการ
ตลอดจนแจ้งเพื่อทราบและขอใช้พื้นที่ก่อสร้างแล้ว
พบว่าทางเอกชนไม่มีปัญหาอะไรพร้อมให้เดินหน้าดำเนินการ
เนื่องจากเอกชนเคยรับทราบเรื่องการขอใช้พื้นที่มา 5 ปีแล้ว
ดังนั้นจึงมั่นใจว่าการเสนอรายงานอีไอเอให้กับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมe
(สผ.) ครั้งนี้จะได้รับการพิจารณาอนุมัติโครงการอย่างแน่นอน
โดย สนข. จะเสนอรายงานอีไอเอให้ สผ.พิจารณาภายใน 2 สัปดาห์นี้ แต่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะได้รับอนุมัติจาก สผ.เมื่อใด ดังนั้นจึงยังไม่มีความแน่นอนว่าจะได้เห็นการตอกเสาเข็มทันปี 60 หรือไม่
รายงานข่าวจาก สนข. กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หัวหิน
ยังไม่สามารถเสนอให้คณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พีพีพี)
พิจารณาได้ในการประชุมครั้งนี้เนื่องจากยังไม่ผ่านการอนุมัติผลอีไอเอจาก สผ.
ส่งผลให้โครงการดังกล่าวยังต้องรอความคืบหน้าต่อไป
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44763
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 20/10/2017 4:50 pm Post subject:
กรศ.ชงแผนพัฒนาคนรับอุตฯเป้าหมาย22พ.ย.
INN News ข่าวเศรษฐกิจ วันศุกร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ.2560 16:26 น.
กรศ.เห็นชอบแผนพัฒนาบุคลากรรองรับอุตฯเป้าหมายก่อนเสนอที่ประชุมใหญ่ 22 พ.ย. พร้อม เร่งลงนามเอกชนร่วมลงทุนโครงการใหญ่ในกย.61
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก( EEC ) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารการพัฒนา EEC หรือ กรศ. ที่มีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมเป็นประธาน ได้เห็นชอบหลักการแผนการพัฒนาบุคลากร การศึกษา การวิจัย และเทคโนโลยี เนื่องจากปัจจุบันพบว่าความต้องการแรงงานที่มีทักษะ รวมถึงบุคลากรผู้เชี่ยวชาญ ใน 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายยังขาดแคลนกว่า 12,000 ราย ดังนั้นจึงต้องเตรียมครูผู้ฝึกในสาขาที่มีอยู่และอาจจะต้องนำเข้าจากต่างประเทศ โดยได้เห็นชอบจัดทำแผนระยะสั้นและระยะยาว เช่น โครงการศึกษาและจัดทำหลักสูตรและฝึกอบรม ระดับปริญญาตรี อาชีวศึกษา เพื่อพัฒนาครูผู้ฝึก พร้อมมีโครงการค่ายวิทยาศาสตร์และห้องสมุดวิทยาศาสตร์เคลื่อนที่ และโครงการศึกษานอกโรงเรียน โดยมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดทำแผนโครงการก่อนนำเสนอที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธานในวันที่ 22 พฤศจิกายนนี้
นอกจากนี้ที่ประชุมเห็นชอบหลักการ สำหรับแนวทางการดำเนินโครงการศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยานอู่ตะเภา (TG MEO Campus) ภายใต้งบลงทุน 11,000 ล้านบาท ในการก่อสร้างอาคารซ่อมบำรุง โรงพ่นสี พื้นที่ซ่อมและสิ่งปลูกสร้างอื่นๆ พร้อมรับทราบหลักเกณฑ์ วิธีการ เงื่อนไข และกระบวนการในการร่วมลงทุนกับเอกชนหรือให้เอกชนเป็นผู้ลงทุน พ.ศ. 2560 หรือ ประกาศ EEC Track และประกาศลำดับรอง 5 ฉบับ ซึ่งคาดว่าจะสามารถประกาศเชิญชวนนักลงทุนสำหรับ จัดทำร่างทีโออาร์โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินแบบไร้รอยต่อและโครงการศูนย์ซ่อมอากาศยานอู่ตะเภา ภายในต้นปี 2561 และคาดว่าจะสามารถลงนามในสัญญาได้ภายในเดือนกันยายน 2561 พร้อมกับโครงการท่าเรือแหลมฉบังระยะ 3 กับโครงการท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุดระยะ 3 ที่อยู่ระหว่างเสนอรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (อีเอชไอเอ) และโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภาและเมืองการบินภาคตะวันออก
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44763
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 20/10/2017 10:14 pm Post subject:
รถไฟเชื่อม 3 สนามบิน แบบไร้รอยต่อ I ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา I 16-10-60 I การรถไฟแห่งประเทศไทย
Daoreuk Studio Published on Oct 19, 2017
วีดิทัศน์สรุปโครงการประกอบการสัมมนาโครงการรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน แบบไร้รอยต่อ (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา)
โดย การรถไฟแห่งประเทศไทย
https://www.youtube.com/watch?v=hFkNttPhCbo
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
Posted: 25/10/2017 4:40 pm Post subject:
ผ่านฉลุยล็อต2 สภาวิศวกรเผยวิศวะจีนพร้อมลุยสร้างรถไฟความเร็วสูง'กทม.-โคราช'
วันพุธ ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2560, 15.54 น.
สืบเนื่องจากคำสั่งคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่ 30/2560 ระบุให้กระทรวงคมนาคมประสานกับสภาวิศวกรและสภาสถาปนิกของไทย เพื่อจัดหลักสูตรฝึกอบรมให้กับวิศวกรและสถาปนิกจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ที่จะเข้ามาก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ - นครราชสีมา ซึ่งทางสภาวิศวกรได้จัดหลักสูตรฝึกอบรมสำหรับวิศวกรจีนรวม 400 คน แบ่งเป็น 4 รุ่น รุ่นละประมาณ 100 คน โดยรุ่นแรกฝึกอบรมจำนวน 77 คน เมื่อวันที่ 22 - 24 ก.ย. 2560 และมีการทดสอบในวันที่ 25 ก.ย. 2560 ณ เมืองเทียนจิน ประเทศจีน แล้วนั้น
ล่าสุด 25 ต.ค. 2560 ศ.ดร.อมร พิมานมาศ เลขาธิการสภาวิศวกร เปิดเผยว่า การฝึกอบรมวิศวกรจีนในโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา รุ่นที่ 2 จำนวน 69 คน ระหว่างวันที่ 12 - 14 ต.ค. 2560 และมีการทดสอบในวันที่ 15 ต.ค. 2560 ณ เมืองเทียนจิน ประเทศจีน โดยทดสอบใน 2 วิชา คือ 1.กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างในประเทศไทย คะแนนเต็ม 50 คะแนน เกณฑ์ผ่านขั้นต่ำ 30 คะแนน พบว่า วิศวกรจีนที่เข้ารับการอบรมในรุ่นที่ 2 มีคะแนนสอบเฉลี่ยของรุ่น อยู่ที่ 42.9 คะแนน จาก 50 คะแนน
//---------------------------
อบรมวิศวกรจีนรุ่น2 ผ่านฉลุย มอบใบรับรองปลายต.ค.เริ่มงานรถไฟความเร็วสูง
เผยแพร่: 25 ตุลาคม พ.ศ.2560 15:47:00
สภาวิศวกร เผยอบรมวิศวกรจีน เสร็จแล้ว 2 รุ่นรวม 146 คน หรือประมาณ 60% ของผู้ออกแบบ พร้อมออกใบรับรองเข้าทำงาน รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-โคราช
ขณะที่เหลือ อีก100 คน จะอบรมในรุ่นที่3 ปลายเดือต.ค.นี้ ขณะที่รุ่นที่4 จะเป็นวิศวกรควบคุมการก่อสร้าง
นายอมร พิมานมาศ เลขาธิการสภาวิศวกร เปิดเผยถึงผลการอบรมและทดสอบวิศวกรจีนรุ่นที่ 2 ในโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วง กรุงเทพ-นครราชสีมา ว่า ได้ดำเนินการทดสอบและอบรมรุ่นที่ 2 ระหว่างวันที่ 12-15 ตุลาคม 2560 ที่นครเทียนจิน ประเทศจีนซึ่งมีวิศวกรจีนเข้าร่วม จำนวน 69 คน ซึ่งผ่านเกณฑ์ทั้งหมด โดยก่อนหน้านี้ ได้ทดสอบและอบรม รุ่นที่1 ไปแล้ว จำนวน 77 คน ระหว่างวันที่ 22-25 กันยายน 2560 โดย วิศวกรทั้งสองรุ่น 146 คนผ่านการทดสอบ สภาวิศวกรจะออกใบรับรองเข้ารับการอบรมและผ่านการทดสอบ โดยจะมีพิธีมอบใบรับรองในงานอบรมและทดสอบวิศวกรจีนรุ่นที่ 3 ที่นครเทียนจินในวันที่ 27-30 ตุลาคม 2560 นี้
ซึ่งวิศวกรทั้ง 146 คน. คิดเป็นประมาณ 60% ของวิศวกรออกแบบทั้งหมดประมาณ 250 คน โดยวิศวกรออกแบบส่วนที่เหลือจะเร่งอบรมและทดสอบให้แล้วเสร็จในรุ่นที่ 3 ส่วนในรุ่นที่ 4 จะเป็นการอบรมและทดสอบวิศวกรจีนที่จะเข้ามาควบคุมการก่อสร้างเป็นหลัก
ทั้งนี้ การจัดอบรมและทดสอบวิศวกรจีนเป็นไปตามคำสั่ง คสช. ที่ 30/2560 เพื่อประโยชน์ในการควบคุมคุณภาพและประสิทธิภาพของโครงการรถไฟความเร็วสูงระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพ-นครราชสีมา ซึ่งหัวข้อการอบรมและทดสอบเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับกฎหมายไทยและสภาพท้องที่ ภูมิประเทศ ลุ่มน้ำ และภัยธรรมชาติ ในประเทศไทย ที่วิศวกรจีนจำเป็นต้องรู้ก่อนที่จะเข้ามาในปฏิบัติงานในประเทศไทย
ซึ่ง วิศวกรจีนที่เข้าร่วมโครงการทั้ง 2 รุ่น ส่วนใหญ่เป็นวิศวกรออกแบบระดับหัวหน้า (chief engineer) ในแต่ละสาขา โดยมีผู้จัดการโครงการ (project manager) และผู้จัดการฝ่ายออกแบบ (design manager) เข้าร่วมอบรมและทดสอบในรุ่นที่ 2 และในรุ่นที่ 1 ยังมีวิศวกรจีนที่จะร่วมออกแบบและก่อสร้างช่วงสถานีกลางดง-ปางอโศก ระยะทาง 3.5 กม.
สำหรับผลการทดสอบวิศวกรจีนทั้ง 2 รุ่นนั้น ต้องแยกกันเนื่องจากใช้ข้อสอบคนละชุด โดยมีผลการทดสอบ รุ่นที่ 1 วิชากฎหมาย คะแนนเต็ม 50 เกณฑ์ผ่านที่ 30 คะแนน วิศวกรจีนได้เฉลี่ย 44 คะแนน ส่วนวิชาสภาพท้องที่คะแนนเต็ม 100 เกณฑ์ผ่านที่ 60 คะแนนวิศวกรจีนได้เฉลี่ย 82.4 คะแนน ส่วนรุ่นที่ 2 นั้นวิชากฎหมาย วิศวกรจีนได้คะแนนเฉลี่ย 42.9 และวิชาสภาพท้องที่ได้คะแนนเฉลี่ย 73.8
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44763
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 27/10/2017 8:16 pm Post subject:
คาด พ.ย. รถไฟกรุงเทพฯ-หนองคาย เริ่มลงมือก่อสร้างได้
ข่าวสดออนไลน์ วันที่ 27 ตุลาคม 2560 - 15:42 น.
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการหารืออย่างเป็นทางการกับนายจาง เกาลี่ รองนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีนและคณะ ว่า ได้เห็นชอบร่วมกันในการความสำคัญของโครงการเส้นทางสายไหม (one belt one road) และความร่วมมือโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เส้นทางกรุงเทพฯ-หนองคาย (รถไฟไทย-จีน) ซึ่งทั้งสองฝ่ายมีความพอใจในความคืบหน้า คาดว่าเดือนพ.ย. 2560 จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้
ขณะเดียวกัน ได้นำเสนอแนวคิดในการประชุม คณะกรรมการร่วมว่าด้วยความร่วมมือการค้า การลงทุน และความร่วมมือทางเศรษฐกิจระหว่างไทย-จีน ซึ่งจะมีขึ้นในต้นปี 2561 ใน 2 ประเด็น คือ 1. การยกระดับความสัมพันธ์ด้านเกษตรจากการที่จีนเป็นเพียงตลาดรับซื้อ มาเป็นการร่วมพัฒนาโดยใช้วิทยาการสมัยใหม่เพื่อเพิ่มมูลค่า 2. ความร่วมมือยกระดับการพัฒนาทั้งภาคการผลิต ภาคบริการและภาคโลจิสติกส์โดยเน้นการสร้างคลัสเตอร์เฉพาะอย่าง ที่เน้นการใช้เทคโนโลยี และคลัสเตอร์ โดยเฉพาะ เช่น เศรษฐกิจชีวภาพหรือไบโอ อีโคโนมี การเกษตรแปรรูป ท่องเที่ยว และโลจิสติกส์
นอกจากนี้ ได้หารือถึงการเชื่อมต่อไทยเข้ากับเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมลุ่มแม่น้ำจูเจียง (Pan Pearl River Delta:PPRD) ซึ่งมี 11 มณฑล ที่เป็นมณฑลที่จะมีประโยชน์สูงสุดต่อเส้นทางสายไหมและโครงการระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ของไทย ซึ่งในส่วนี้จะเป็นยุทธศาสตร์สำคัญทำให้เราเป็นศูนย์กลางนะหว่างเขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมลึ่มแม่น้ำจูเจียง ที่มี 11 มณฑลและภูมิภาคอาเซียนตลอดจนกลุ่มซีแอลเอ็มวี 7 ประกอบด้วย กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ได้อย่างแท้จริง
นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ กล่าวว่า นายสมคิด ได้เสนอจีนให้มีกลไก ที่เป็นตัวกลางในการเชื่อมโยง เขตเศรษฐกิจสามเหลี่ยมลึ่มแม่น้ำจูเจียง กับอาเซียน โดยเป็นความร่วมมือด้านยุทธศาสตร์ระหว่างภูมิภาคต่อภูมิภาค (regional to regional) ซึ่งที่ผ่านมาเป็นความร่วมมือในระดับประเทศต่อประเทศเท่านั้น โดย เห็นว่าโครงการนี้มีความสำคัญอย่างมาก เคยหารือกันตั้งแต่ 10 ปีก่อนแต่ในช่วงหลัง ไม่ได้ความสำคัญ ซึ่งการที่ฮ่องกง ได้ตัดสินใจมาตั้งสำนักงานเศรษฐกิจและการค้าฮ่องกง (HKETO) ในประเทศไทยนั้น จะมีบทบาทสำคัญในการเป็นหัวหอกในการมาลงทุนของนักลงทุนจีนทางตอนใต้สู่ไทย และอาเซียนได้เป็นอย่างดีซึ่งในขณะนี้กระทรวงต่างประเทศกำลังอยู่ในระหว่างการดำเนินในเรื่องนี้
ในส่วนของความร่วมมือด้านยุทธศาสตร์กับประเทศไทยนั้น ไทยได้เสนอให้มีความร่วมมือในการพัฒนาเพื่อยกระดับชุมชนไทย โดยเฉพาะการพัฒนาด้านการเกษตร ความร่วมมือด้านภาคการผลิต และ โลจิสติกส์ ซึ่งจะมีการหารือในรายละเอียดในการประชุม
นายจาง กล่าวว่า ไทยเป็นเพื่อนบ้านของจีน ที่มีความสัมพันธ์มาอย่างยาวนาน และประเทศจีนกำลังอยู่ในช่วงของการพัฒนาการเกษตรสมัยใหม่ซึ่งมีการใช้นวัตกรรมเพิ่มผลผลิต ซึ่งมีความยินดีที่จะร่วมมือกับประเทศไทย นอกจากนี้ นายจางระบุด้วยว่า จีนให้ความสำคัญกับโครงการรถไฟไทย-จีนอย่างมาก เพราะถือเป็นเส้นทางสายสำคัญ ขณะที่นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม รายงานในที่ประชุมว่าขณะนี้โครงการรถไฟไทย-จีน ระยะที่ 1 เส้นทางกรุงเทพฯ-หนองคาย ได้ลงนามไปแล้ว 2 สัญญา เมื่อวันที่ 4 ก.ย.ที่ผ่านมา คือเรื่องการออกแบบ และงานก่อสร้าง ส่วนสัญญาที่ 3 จะมีการจะลงนามในต้นปี 2561 ในเรื่องของระบบอาณัติสัญญาณซึ่งใช้ เทคโนโลยีของจีน ส่วนโครงการในระยะที่ 2 เส้นทางนครราชสีมา-หนองคาย น่าจะเจรจาได้ ภายในปี 2561
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44763
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 28/10/2017 8:23 am Post subject:
EEC โลจิสติกส์ฮับ
ฐานเศรษฐกิจ 28 October 2017
ตลอดระยะเวลา 6-7 เดือนที่ผ่านมาคนไทยได้รู้จัก เข้าใจ และได้เห็นภาพของการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกหรืออีอีซี ในหลากหลายแง่มุม โดยเฉพาะภาพรวมของประโยชน์ที่คนไทยจะได้รับจากอีอีซี ทั้งการท่องเที่ยว การเป็นเมืองใหม่ รูปแบบชีวิตที่ดี ที่จะมีการเดินทางสะดวกสบาย มีสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการขนส่งที่จะทำให้ต้นทุนด้านโลจิสติกส์ลดลง ซึ่งการเชื่อมโยงการขนส่งทั้งระบบในพื้นที่อีอีซี นี้ไม่ใช่เป็นประโยชน์กับคนในพื้นที่ หรือคนในประเทศเท่านั้น แต่ยังขยายประโยชน์ให้กับเพื่อนบ้าน และพร้อมเชื่อมไทยสู่เวทีโลก
แนวทางเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อมต่อ 3 สนามบิน คือ ดอนเมือง สุวรรณภูมิ และอู่ตะเภา เป็นหนึ่งในแผนสำคัญของการเดินหน้าอีอีซี ที่มีเป้าหมายลดการเดินทางของนักธุรกิจ นักท่องเที่ยว และคนทำงานในพื้นที่อีอีซี ประโยชน์ทางตรงก็คือคนในพื้นที่สามารถเดินทางสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ไม่ต้องย้ายถิ่นฐาน ตามแผนจากกรุงเทพฯ ถึงระยอง จะใช้เวลาราวๆ 1 ชั่วโมง และอีกหนึ่งประโยชน์ที่เป็นเป้าหมายสำคัญก็คือการขนส่งสินค้า ซึ่งถือเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนาเส้นทางคมนาคมสายตะวันออก ที่จะมีสินค้ามากขึ้น ตามการพัฒนาพื้นที่ให้เป็นศูนย์รวมการส่งออกและกระจายสินค้า ที่ไม่ได้มีความสำคัญเพียงแค่ในระดับประเทศเท่านั้น แต่จะยังมีอานิสงส์ไปสู่ภูมิภาคอาเซียน และเอเชีย
ในอนาคตอันใกล้นี้ ภาคตะวันออกของไทยจะเป็น โลจิสติกส์ ฮับ ที่เชื่อมโยงประเทศในกลุ่มลุ่มนํ้าโขงอย่าง CLMV หลังการเปิดประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC มาตั้งแต่ปลายปี 2558 สินค้าที่รอการผ่านแดนจากไทยไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน หรือจากเพื่อนบ้านเพื่อไปยังประเทศที่ 3 เมื่อเคลื่อนผ่านการขนส่งทางบก มาเชื่อมต่อจุดสำคัญใน 2 ท่าเรือสำคัญ ทั้งแหลมฉบัง-มาบตาพุด และ 1 สนามบินอย่างอู่ตะเภา จะรองรับปริมาณสินค้าที่จะเคลื่อนย้ายมาอย่างต่อเนื่อง จากเหนือสู่ใต้ จากตะวันตกสู่ตะวันออก เส้นทางคมนาคมที่สะดวกสบาย ที่รัฐบาลกำลังเร่งวางรากฐาน เพื่อดึงดูดนักลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ ให้เข้ามาลงทุนในพื้นที่อีอีซี ล้วนแล้วแต่จะเป็นส่วนผลักดันให้ประเทศไทยเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน และเป็นศูนย์กลางการขนส่ง และช่วยผลักดันให้ประเทศเพื่อนบ้านทั้งลาว กัมพูชา เวียดนามเมียนมา ได้เติบโตไปพร้อมๆกัน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 37 ฉบับที่ 3,308 วันที่ 26 - 28 ตุลาคม พ.ศ. 2560
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
Posted: 29/10/2017 10:37 pm Post subject:
สภาวิศวกรเร่งอบรมวิศวกรจีน ย้ำใบรับรองใช้ได้เฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-โคราช
28 ตุลาคม พ.ศ. 2560 10:23:00
ศ.ดร.อมร พิมานมาศ เปิดเผยว่า ระหว่างวันที่ 27-30 ตุลาคม 2560 สภาวิศวกรได้มาจัดการอบรมและทดสอบวิศวกรจีนรุ่นที่ 3 ในโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ที่นครเทียนจิน สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนจีน และในวันที่ 28 ตุลาคม ดร. กมล ตรรกบุตร นายกสภาวิศวกร ได้ทำหน้าที่ประธานในพิธีมอบใบรับรองผ่านการอบรมและทดสอบวิศวกรจีนในรุ่นที่ 1 และ 2 จำนวน 147 คน
สำหรับในรุ่นที่ 3 นี้ มีวิศวกรจีนเข้ารับการอบรมและทดสอบ 80 คน ซึ่งถ้ารวมทั้งสามรุ่นจะมีวิศวกรจีนเข้าร่วมทั้งหมด 226 คน หรือเท่ากับ 90% ของวิศวกรออกแบบทั้งหมดที่จะเข้ามาทำงานในโครงการดังกล่าว สำหรับการอบรมและทดสอบวิศวกรจีนยังเหลือรุ่นที่ 4 อีกหนึ่งรุ่นซึ่งเป็นรุ่นสุดท้ายโดยจะเน้นวิศวกรที่จะเข้ามาคุมงานก่อสร้างเป็นหลัก
//--------------------------------
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44763
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 31/10/2017 5:49 pm Post subject:
อาคม ยังมั่นใจรถไฟไทย-จีนตอกเข็มทัน พ.ย.นี้
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ วันที่ 31 ตุลาคม 2560 - 17:32 น.
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ในวันที่ 24 พ.ย.นี้จะมีการประชุมความร่วมมือรถไฟไทย-จีนครั้งที่ 23 ที่ประเทศไทย ทั้งนี้คาดว่าภายในเดือนพ.ย. จะส่งรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ให้กับคณะผู้ชำนาญการได้ จากนั้นจะขอกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจัดประชุมนัดพิเศษคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมชุดใหญ่
ทางจีนก็ให้ไทยกำหนดวันที่เริ่มดำเนินการแต่เราขอให้ผ่าน EIA ก่อนคิดว่า พ.ย. น่าจะเรียบร้อย การตอกเข็มยังอยู่ในกรอบเวลาเดิม นายอาคมกล่าว
ทั้งนี้ รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หนองคาย ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 253 กิโลเมตร วงเงิน 179,412.21 ล้านบาท แบ่งเป็นค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน วงเงิน 13,069 ล้านบาท ค่าก่อสร้างงานโยธา 122,593.92 ล้านบาท งานระบบไฟฟ้า 34,078.38 ล้านบาท จัดหาตู้รถไฟ 4,480 ล้านบาท และค่าที่ปรึกษา 5,190 ล้านบาท
มีสถานียกระดับ 6 สถานี ได้แก่ บางซื่อ ดอนเมือง อยุธยา สระบุรี ปากช่อง และนครราชสีมา โดยจะมีการพัฒนาพื้นที่รอบสถานีสถานีขนส่งมวลชน (Transit Oriented Development) 3 สถานี ได้แก่ สระบุรี 90 ไร่ ปากช่อง 541 ไร่ นครราชสีมา 272 ไร่
สำหรับการก่อสร้างแบ่งสัญญาออกแบบ 4 ตอน ได้แก่ ตอนที่ 1 สถานีกลางดง-ปางอโศก ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร วงเงิน 425 ล้านบาท โดยให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) มอบให้กรมทางหลวง (ทล.) เป็นผู้ดำเนินการ ตอนที่ 2 ปากช่อง-คลองขนานจิตร ระยะทาง 11 กิโลเมตร ตอนที่ 3 แก่งคอย-นคราชสีมาระยะทาง 119.5 กิโลเมตร และตอนที่ 4 กรุงเทพฯ-แก่งคอย ระยะทาง 119.5 กิโลเมตร
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
Posted: 01/11/2017 10:45 am Post subject:
ธ.ค. ชง 2 โปรเจ็กต์ยักษ์ ศูนย์ซ่อมเครื่องบินอู่ตะเภา-ไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน ให้บอร์ดอีอีซีไฟเขียว
วันที่ 31 ตุลาคม 2560 - 16:14 น.
นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าการการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ตามแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2559 จำนวน 20 โครงการวงเงิน 1.38 ล้านล้านบาท และปี 2560 จำนวน 36 โครงการ วงเงิน 1.23 แสนล้านบาท ว่า สำหรับโครงกาตามแอกชั่นแพลนปี 2559 สำหรับรถไฟฟ้าสายสีชมพู ช่วงแคราย-มีนบุรี โครงการรถไฟฟ้าสีเหลือง ช่วงลาดพร้าว-สำโรง คาดว่าสิ้นปีนี้จะเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ในส่วนของสาธารณูปโภค และจะเริ่มก่อสร้างเต็มรูปแบบในเดือนก.พ.ปี 2561
ส่วนโครงการที่อยู่ระหว่างการดำเนินการนั้น สำหรับรถไฟฟ้า สายสีม่วง ช่วงเตาปูน-ราษร์บูรณะ ในส่วนของงานโยธา คาดว่าจะเสนอคณะกรรมการนโยบายการให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (พีพีพี) พิจารณาอนุมัติได้เดือนธ.ค. นี้
นายพีระพล กล่าวต่อถึงรถไฟไทย-ญี่ปุ่น คาดว่า ญี่ปุ่นจะนำเสนอรายงานผลการศึกษาฉบับสมบูรณ์ให้ไทยพิจารณาในวันที่ 16 พ.ย. นี้ จากนั้น วันที่ 17 พ.ย.การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) จะทำการเปิดสัมมนารับฟังความเห็นจากประชาชนต่อไป ส่วนรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-หัวหิน สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้ปรับปรุงร่าง พีพีพี เสนอให้ คณะกรรมการอีอีซีแล้ว
สำหรับรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-ระยอง หรือ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน วงเงินกว่า 2 แสนล้านบาท นั้น รฟท. ศึกษาเสร็จแล้วคาดว่าจะเสนอให้คณะกรรมการเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) เขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ชุดเล็กพิจารณาในวันที่ 7 พ.ย. หากผ่านการพิจารณา รฟท. จะขอความเป็นจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเสนอให้บอร์ดอีอีซีชุดใหญ่ ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน พิจารณาอนุมัติโครงการได้ในช่วงต้นเดือนธ.ค. โดยจะมีการเสนอพร้อมกับโครงการศูนย์ซ่อมและสร้างอากาศยาน (MRO) ในพื้นที่สนามบินอู่ตะเภา ในเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ด้วย
ส่วนโครงการท่าเรือแหลมฉบังเฟส 3 วงเงินลงทุน 3.5 หมื่นล้านบาท นั้น คาดว่าจะเสนอเรื่องให้บอร์ดการท่าเรือแห่งประเทศไทย พิจารณาในเดือนพ.ย. นี้ และเสนอให้ คณะกรรมการอีอีซี พิจารณาต่อไป โดยตั้งเป้าที่จะจัดหาเอกชนผู้ดำเนินการให้ได้ในเดือนก.ค.ปี 2561
นายพีระพล กล่าวต่อถึงความคืบหน้าโครงการลงทุนตามแอกชั่นแพลนปี 2560 ว่า สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน บางแค-พุทธมณฑลสาย 4 วงเงิน 2.1 หมื่นล้าน และรถไฟฟ้าสีส้ม ตลิ่งชัน-ศูนย์วัฒนธรรมวงเงิน 9.8 พันล้านนั้น คาดว่าจะนำเสนอโครงการให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาได้ในเดือนธ.ค. นี้ ทั้งนี้ ในส่วนของสายสีส้มคาดว่าจะเปิดประมูลงานก่อสร้างได้ในช่วงไตรมาสแรกปี 2561
ส่วน โครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) ของกรมทางหลวง (ทล.) ว่า เส้นทางนครปฐม-ชะอำ วงเงิน 8.06 หมื่นล้านบาท คาดว่าจะเสนอคณะกรรมการพีพีพีให้พิจารณาอนุมัติช่วงต้นปี 2561 ส่วน และเส้นทางหาดใหญ่-ชายแดนมาเลเซียวงเงิน 3.05 หมื่นล้านบาท ทล.จะเปิดรับฟังความเห็นในเดือนธ.ค. นี้ และเสนอผลสรุปให้กระทรวงคมนาคมได้ในช่วงต้นปี 2561
สำหรับโครงการของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ในส่วนของเส้นทาง พระราม3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอก กทม. วงเงิน 3.12 หมื่นล้านบาท กทพ. จะต้องทำการทบทวนทีโออาร์ใหม่ เพื่อให้เป็นไปตาม ระเบียบการจัดซื้อจัดจ้างฉบับใหม่คาดว่าจะเลื่อนเปิดประมูลเป็นต้นปี 2561 ช้ากว่าเป้าหมายเดิมในเดือนต.ค. ปีนี้ ส่วนเส้นกระทู้-ป่าตอง วงเงิน 1.39 หมื่นล้านบาท ทำการปรับปรุงอีไอเอเรียบร้อยแล้ว อยู่ระหว่างนำเสนอให้กระทรวงคมนาคม
Back to top