View previous topic :: View next topic
Author
Message
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44324
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 29/12/2017 5:51 pm Post subject:
ผู้ว่าฯขอนแก่นเปิดหอจดหมายเหตุ สถานีรถไฟเมืองพล
ข่าวเด่น_nbt khonkaen Published on Dec 29, 2017
นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานเปิด หอจดหมายเหตุ สถานีรถไฟเมืองพล ที่ชาวอำเภอพล ได้ขออนุรักษ์ไว้เพื่อจัดเป็นแหล่งเรียนรู้ทางประวัติศาสตร์
https://www.youtube.com/watch?v=011X6ZGCrSY
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44324
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 30/12/2017 7:47 am Post subject:
เปิดหอจดหมายเหตุสถานีรถไฟเมืองพล
เดลินิวส์ เสาร์ที่ 30 ธันวาคม 2560 เวลา 01.13 น.
ขอนแก่นเปิดหอจดหมายเหตุสถานีรถไฟเมืองพล อายุกว่า 60 ปี เพื่ออนุรักษ์ไว้เป็นศูนย์เรียนรู้ทางวัฒนธรรม
เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.ที่ผ่านมา บริเวณหน้าที่ว่าการอำเภอพล จ.ขอนแก่น นายสมศักดิ์ จังตระกุล ผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น เป็นประธานในพิธีเปิดหอจดหมายเหตุสถานีรถไฟเมืองพล โดยมี นายศิริวัฒน์ พินิจพานิชย์ นายอำเภอพล หัวหน้าส่วนราชการทุกส่วนทั้งภาครัฐเอกชน ประกอบไปด้วย ศาลจังหวัดพล อัยการจังหวัดพล สถานีตำรวจภูธรพล สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่นเขต 3 เรือนจำอำเภอพล คุมประพฤติจังหวัดขอนแก่น สาขาพล เทศบาลเมืองเมืองพล สำนักงานบังคับคดีจังหวัดขอนแก่น วิทยาลัยการอาชีพพล องค์การบริหารส่วนตำบลทุกตำบล กลุ่มแม่บ้านตำรวจ สภ.พล ชมรมทหารผ่านศึกเมืองพล สมาชิกกาชาดขอนแก่น สาขาพล และกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน รวมประมาณ 1,300 คน ให้การต้อนรับโดยจัดให้มีการฟ้อนรำหมู่จากพี่น้องชาวอำเภอพล ใช้นางรำสวมผ้าไหมมัดหมี่ และผ้าฝ้ายหลากสี จำนวน1,200 คน และการแสดงฟ้อนรำของนักเรียนจากโรงเรียนเมืองพลพิทยาคม นอกนี้ยังมีพิธีมอบรางวัลให้กับผู้ชนะการประกวดวาดภาพสถานีรถไฟเก่าโดยผู้ว่าราชการจังหวัดขอนแก่น บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก เนื่องจากมีประชาชนให้ความสนใจ เข้ามาชมและถ่ายภาพไว้เป็นที่ระลึกกันอย่างมาก
นายศิริวัฒน์ กล่าวว่า วัตถุประสงค์ในการจัดพิธีเปิดอาคารสถานีรถไฟเก่าเมืองพลหลังนี้อย่างอลังการ เนื่องจากเป็นอาคารสถานีรถไฟไม้ที่เก่าแก่ แห่งหนึ่งในประเทศไทยที่มีอายุมากกว่า 60 ปี ได้ถูกรื้อถอนหลังมีการก่อสร้างทางรถไฟรางคู่ ทางอำเภอพลจึงเล็งเห็นว่าอาคารสถานีรถไฟเก่าที่มีอายุมากขนาดนี้น่าจะเก็บไว้เป็นอนุสรณ์และเป็นประโยชน์แก่อนุชนรุ่นหลัง อีกทั้งเพื่ออนุรักษ์ไว้เป็นศูนย์การเรียนรู้ทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ที่จะหาชมได้ยากอีกต่อใปในอนาคต.
ศิริชัย วนาทรัพย์ดำรง
ผู้สื่อข่าวเว็บไซต์เดลินิวส์ออนไลน์ จ.ขอนแก่น
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44324
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 05/01/2018 8:36 pm Post subject:
พลิกปมข่าว : ประชาชนตื่นตัว หาทางอนุรักษ์สถานีรถไฟเก่า
ThaiPBS Published on Jan 5, 2018
การสร้างทางรถไฟทางคู่ 5 เส้นทางตามแผนยุทธศาสตร์ แต่สิ่งที่หลายฝ่ายติดใจ คือ แนวทางในการอนุรักษ์สถานีรถไฟเก่า จะเป็นอย่างไร ซึ่งอาคารเหล่านี้อายุเกิน 50-100 ปี อาจจะถูกมองว่าเป็นทรัพย์สินของการรถไฟฯ แต่สถานที่แห่งนี้มีคุณค่ากับคุณท้องถิ่นไปแล้ว
https://www.youtube.com/watch?v=aAU7kRRN-CY
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44324
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42624
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42624
Location: NECTEC
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44324
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 05/09/2019 7:29 am Post subject:
ฉึกฉัก หรือ ยึกยัก การอนุรักษ์สถานีรถไฟไทย
กรุงเทพธุรกิจ Thursday, September 05, 2019 02:31
ปริญญา ชาวสมุน
กรุงเทพธุรกิจ
เรื่องการอนุรักษ์สถานีรถไฟหลังเก่าไม่ใช่บทสนทนาใหม่แต่อย่างใด เพราะการต่อสู้ของทั้งฝ่ายที่ต้องการอนุรักษ์นั้นทำมานานหลายปี จนบางสถานีได้ อยู่รอดปลอดภัย แม้จะไม่ใช่ในบริบทเกี่ยวกับรถไฟไทย
แต่ยิ่งโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ใกล้เข้ามา และจะกระจายเส้นทางไปทั่วประเทศ หมายความว่าจะมีสถานีรถไฟเก่าอีกนับไม่ถ้วน ถูก 'ทำให้สูญหาย' ไม่ว่าด้วยวิธีใดวิธีหนึ่ง หากยังไม่มีประกาศิตจากเบื้องบนของการรถไฟแห่งประเทศไทยลงมาว่าจะอนุรักษ์ หรือทำลาย
เกิดมา ตั้งอยู่ (ต้องไม่) ดับไป
ตลอดหลายปีมานี้ ชาวบ้าน, นักวิชาการ รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ของการรถไฟฯ ซึ่งอยู่ในพื้นที่เอง พยายามช่วยกันหาทางรักษาสถานีรถไฟหลังเก่าเอาไว้ หลังจากเส้นทางรถไฟทางคู่ที่กำลังขยับขยายไปทั่วประเทศจะพาดผ่านบริเวณที่สถานีรถไฟเก่าเคยตั้งอยู่ และการพัฒนาดังกล่าวจะขับไล่ของเก่าให้ออกไปจากพื้นที่อย่างไม่ไยดี
ความพยายามดังกล่าวเป็นผลบ้างไม่เป็นผลบ้าง บางแห่งได้รับการเก็บรักษาไว้แต่ในฐานะอื่น ขณะที่บางแห่งกลายเป็นความทรงจำไปแล้ว
หนึ่งในคนที่ต่อสู้เรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นอย่าง ผศ.ปริญญา ชูแก้ว จากคณะสถาปัตยกรรม สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง แสดงความคิดเห็นแกมห่วงใยว่าการมาของรถไฟทางคู่จะทำให้สถานีรถไฟเก่าถูกรื้อเยอะมาก ประเมินอย่างง่ายๆ ว่าถ้าสายละ 50 สถานี แล้วต้องรื้อสายละ 10 สถานี รวมทุกสายแล้วถือว่าเยอะมาก ซึ่งมีบางคนบางกลุ่มมองเป็นเปอร์เซ็นต์ว่าถูกรื้อแค่ไม่กี่สิบเปอร์เซ็นต์เท่านั้น
"อยู่ดีๆ อาคารสถานีเก่าอายุ 80-90 ปี จะหายไป เราไม่รู้สึกอะไรกันบ้างเหรอ ผมคิดว่าที่ตอนนี้ยังไม่เป็นกระแสอีกครั้งเพราะมันไม่เหมือนครั้งที่เกิดกับ จิระ-ขอนแก่น ที่คนเห็นชัดว่าตูมเดียวจะหายไปหมดเลย แต่กับครั้งนี้ที่มีบอกว่าจะเก็บไว้บ้าง แต่ก็ไม่เคยบอกว่าปริมาณทั้งหมดคือเท่าไร แล้วต่อไปที่รถไฟทางคู่จะสร้างทั่วประเทศ สถานีเก่าพวกนี้จะหายไปบานเลย
ผมมองว่าถึงตอนนี้แล้ว ไม่ควรจะพูดว่าหลังนี้รื้อ หลังนี้ไม่รื้อ แต่ควรจะเก็บไว้โดยพ่วงกับงบประมาณ ซึ่งการรถไฟก็ไม่เคยทำทั้งที่ใช้เงินแค่นิดเดียว ส่วนการบริหารจัดการเขาก็บอกว่าการรถไฟไม่มีคน มันก็กลายเป็นเรื่องเดิมๆ แบบเดิมๆ"
เมื่อการรถไฟแห่งประเทศไทยยังไม่ยืนยันให้ชัดว่าจะเอาอย่างไรแน่ แต่กับฝั่งอนุรักษ์ยืนยันว่าต้องเก็บทุกหลัง พร้อมเหตุผลว่าสถานีรถไฟที่กระจายตัวอยู่ทั่วประเทศไม่ได้มีหน้าที่แค่คนใช้ขึ้นลงรถไฟเท่านั้น แต่ทุกหลังคือตัวแทนของชุมชน คือตัวตนของท้องถิ่นนั้นๆ
"ถ้าสถานีบางแห่งถูกรื้อ สมมติทางภาคใต้ถูกรื้อ แต่ที่สถานีเด่นชัยได้เก็บไว้ คนที่ภาคใต้อยากจะเห็นอาคารที่บ้านเขาเคยมีจะต้องเดินทางขึ้นมาที่เด่นชัยเพื่อดูหรือเปล่า ถ้าเก็บทุกหลังไม่ได้แปลว่าเขาต้องถ่อไปดูว่าก็เขาก็เคยมีอย่างนั้นหรือ แล้วทำไมเราไม่เก็บของเราไว้ล่ะ แล้วพัฒนาต่อยอดไปได้อีกมากมาย"
การต่อยอดที่ ผศ.ปริญญา พูดถึงนั้นปัจจุบันมีบางแห่งทำสำเร็จแล้ว บางหลังกลายเป็นศูนย์เรียนรู้ บางหลังกลายเป็นสถานพยาบาล แม้จะไม่ได้ทำหน้าที่สถานีรถไฟเหมือนเดิม แต่สำหรับคนในพื้นที่นี่คือความภาคภูมิใจ
"พอพูดถึงความภาคภูมิใจก็จะโดนต่อต้านอีกว่ากินได้หรือเปล่า ผมจะบอกว่าสถานีรถไฟก็เหมือนวัดประจำหมู่บ้าน อาคารเก่าๆ เหมือนโบสถ์วิหาร ทำไมเราไม่รักษาของพวกนี้ไว้แล้วออกดอกออกผลต่อมา เป็นการท่องเที่ยวก็ได้ คนเขาอยากมาดูของเก่าที่เขาคุ้นเคย ส่วนของใหม่ก็สร้างไปไม่มีใครว่า"
สถานีนี้มีรักษ์
สถานีหนองแมว จังหวัดนครราชสีมา เป็นตัวอย่างชั้นดีของสถานีรถไฟที่ทุกฝ่ายช่วยกันจนได้รับการอนุรักษ์สำเร็จ แม้จะอนุรักษ์ตัวอาคารโดยการถอดแยกชิ้นส่วนแล้วย้ายนำไปประกอบใหม่ในบริบทอื่น แต่สำหรับคนที่ร่วมฟันฝ่าถือว่าคือความสำเร็จ
อำพล รัตนิยะ อดีตนายสถานีรถไฟหนองแมว เล่าว่าเขาดูแลสถานีนี้มากับมือ ถ้าเปรียบเป็นคนนี้คือลูกรักของเขาก็ว่าได้ จนถึงวันที่มีข่าวว่าจะรื้อสถานีเพื่อทำรถไฟทางคู่ ความรักและหวงแหนทำเอาใจหาย แต่ด้วยแนวทางของเขาชัดเจนว่าการพัฒนากับการอนุรักษ์จะต้องควบคู่กันไป เขาจึงไม่ต่อต้าน ทว่าพยายามหาทางรักษาเอาไว้ โดยมีชาวบ้านเป็นแรงขับเคลื่อนสำคัญ จนขยายเป็นวงกว้าง
"การอนุรักษ์ของพวกเรากลายเป็นกระแสจนไปถึงหูผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พอผู้ใหญ่คุยกับผู้ใหญ่มันก็ง่าย การรถไฟก็มอบให้หน่วยงานในท้องถิ่นที่อยากได้ตัวอาคารเอาไปดูแลต่อ ซึ่งสถานีอนามัยหนองแมวก็ได้ไป
ตอนนั้นก็รื้อออกหมดเลย แล้วนำไม้ไปที่อนามัยหนองแมว หลังจากนั้นก็ประชุมหารือกันว่าจะทอดผ้าป่าหาเงิน เพราะเราไม่มีงบประมาณ จนได้เงินมามอบให้อนามัยดูแลเกี่ยวกับอาคารหลังนี้ ซึ่งก็เกิดจากความหวงแหนของชาวบ้านทุกคน พวกเขาเกิดมาก็เห็นรถไฟแล้ว แต่การรถไฟก็ไม่อยากให้อยู่ในพื้นที่ของการรถไฟ"
จากอาคารสถานีสู่กองไม้ จากกองไม้ได้ก่อร่างสร้างตัวเป็นอาคารอีกครั้ง อำพลบอกว่าคนที่ประกอบอาคารกลับมาอีกครั้งคือคนเก่าคนแก่ที่เคยมานั่งดื่มกาแฟที่สถานีรถไฟหมองแมวมานับ 20 ปี ที่น่าทึ่งคือตอนประกอบแทบไม่ต้องดูแบบเลยเพราะทุกมุมทุกด้านของอาคารอยู่ในความทรงจำทั้งหมด แล้วอดีตนายสถานีคนนี้ค่อยตกแต่งให้สวยงาม
"เราทำเองไม่ได้หรอกครับ ต้องเกิดจากชาวบ้านร่วมมือ และอีกหลายฝ่ายหลายคน คนที่มีใจต้องการจะอนุรักษ์ ผมอยากให้ผู้บริหารมองแบบนี้ พัฒนาจริงแต่ต้องคู่กับอนุรักษ์ไปด้วย"
แต่ก่อนที่จะเป็นข่าวจนผู้ว่าราชการเข้ามาจัดการ ทั้งตัวเขา และชาวบ้านคุยกันตลอดว่าจะอนุรักษ์ พวกเขากำลังพยายามหาเงินมาซื้ออาคารนี้ด้วยซ้ำไป กระทั่งเรื่องไปถึงผู้ว่าฯก่อน จนอาคารสถานีเก่าได้มาเป็นอาคารนวดแผนไทยของสถานีอนามัยหนองแมวในที่สุด
สถานีปลายทาง...ความชัดเจน
หากไม่นับสถานีที่รอดตายไปแล้ว สถานีที่กำลัง 'ทับเส้น' นั้น สถานการณ์ค่อนข้างล่อแหลมมาก แต่ในความคลุมเครือที่ยังไม่รู้เหนือรู้ใต้กลับมีทางออกแสนง่าย คือเปิดโอกาสให้ใครก็ตามที่ต้องการเก็บรักษาอาคารสถานีรถไฟเก่าเหล่านี้ไว้ได้มาจัดการต่อ
เหมือนจะจบง่าย ทว่าในความเป็นจริงวิธีการนี้กลับไม่ได้รับการเปิดเผยอย่างตรงไปตรงมาจากการรถไฟแห่งประเทศไทย ผศ.ปริญญา ชูแก้ว เปิดเผยว่าจนถึงปัจจุบันการรถไฟได้แต่บอกว่าเปิดโอกาสให้คนเข้ามาอนุรักษ์แต่ไม่เคยชัดเจนว่ากระบวนนั้นเป็นอย่างไร ด้วยเหตุนี้ 'โอกาส' ที่การรถไฟบอกก็อาจเป็นแค่ 'อากาศ'
"คุณมีของแต่คุณไม่เอา ถ้าอยากได้ต้องมาหาฉัน แล้วช่องทางที่จะไปหาคืออะไร ตอนนี้กลายเป็นการรถไฟแค่รอ พอไม่มีใครเข้ามาก็รื้อสิ ในแง่การบริหารจัดการถ้าคุณมองว่าเป็นภาระของการรถไฟแห่งประเทศไทย ก็มีเคสตั้งเยอะแยะที่ท้องถิ่นเข้ามาช่วย แต่คำถามคือแล้วกระบวนการที่ให้ชาวบ้านมาช่วยนั้นมันยุ่งยากไหมล่ะ มันยากมา ถ้าคุณติดป้ายประกาศว่าเราจะรื้อ ชาวบ้านมาช่วยกัน อย่างนั้นเข้าใจได้ หรือคุณบอกว่าทำประชาพิจารณ์ไปแล้วว่าจะมีรถไฟทางคู่ แต่ในประชาพิจารณ์คุณพูดไหมว่าจะอนุรักษ์มัน หรือว่าคุณไม่มีตังค์แล้วจะเปิดโอกาสให้คนอื่นเข้ามาช่วย คุณเคยพูดเรื่องนี้ไหม"
หากย้อนไปดูกรณีสถานีบ้านปิน จังหวัดแพร่ ที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ กระบวนการสำคัญที่จุดประกายจนกลายเป็นความสำเร็จคือ 'ล้อมวงคุย' โดยต้องมีทั้งผู้หลักผู้ใหญ่ในการรถไฟแห่งประเทศไทย, หน่วยงานส่วนท้องถิ่น, นักวิชาการ และชาวบ้าน เปิดอกพูดถึงประเด็นต่างๆ สู่การหาทางออก
ผศ.ปริญญา บอกว่าหากไม่ทำแบบนี้คนไทยจะมองว่าของพวกนี้เป็นของรัฐตลอดเวลา แล้วประชาชนจะไม่เข้าไปยุ่ง อย่างที่เป็นปัญหาในปัจจุบันว่าเรื่องสาธารณะจะไม่สนใจ แต่ถ้ากลายเป็นเรื่องใกล้ตัว ทำให้ทุกคนรู้ว่านี่คือทรัพย์สมบัติของพวกเขา จะทำให้คนคิดว่าพวกเขาทำได้และจำเป็นต้องทำ
ในขณะที่อดีตนายสถานีหนองแมวออกความคิดเห็นทำนองเดียวกันว่าในฐานะคนของการรถไฟแห่งประเทศไทยก็รู้สึกหวงแหนสมบัติเหล่านี้ ส่วนในฐานะคนไทยนี่คือสมบัติของชาติ
"สถานีรถไฟไม่ใช่สมบัติของผู้บริหาร ไม่ใช่สมบัติของผมด้วย แต่เป็นสมบัติของทุกคน เราจึงต้องหวงแหนไว้ เราไม่ใช่คนสร้าง เพราะคนสร้างตายไปหมดแล้ว เราจึงต้องหวงแหนให้บรรพบุรุษที่สร้างไว้ เหมือนพ่อยกบ้านให้เรา แล้วเราจะปล่อยให้ผุพังหรือเปล่า เราก็ต้องซ่อมแซม ต้องหาวิธีการให้มันอยู่ต่อได้ ไม่ใช่ว่าผลักภาระ หรืออ้างว่าตกลงกับผู้รับเหมาไปแล้ว มันไม่ถูกต้อง"
นอกจากชาวบ้านและท้องถิ่นจะดิ้นรนกันเองแล้ว ผศ.ปริญญา บอกว่าด้วยงบประมาณหากจะเก็บรักษารวมไปถึงซ่อมบำรุงเสร็จสรรพเพียงราวสองแสนกว่าบาทต่อหนึ่งหลัง การอนุรักษ์สถานีรถไฟจึงน่าสนใจไม่น้อยสำหรับบริษัทที่ต้องการทำกิจกรรมเพื่อสังคมหรือ CSR จะขึ้นป้ายชื่อบอกว่าสนับสนุนก็ไม่มีใครว่า ซึ่งเป็นวิธีที่ผู้สนับสนุนก็ได้ใจ แถมการรถไฟไม่ต้องควักกระเป๋าด้วยซ้ำ
เหมือนทางออกของปัญหาจะคอยท่าอยู่แล้ว แต่ขาดเพียงลายลักษณ์อักษรว่าการรถไฟแห่งประเทศไทยเปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจเข้ามาอนุรักษ์สถานีรถไฟได้ เรียกว่าอีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้น ต่อจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับการรถไฟแห่งประเทศไทยแล้วว่าจะจัดการให้จบอย่างเป็นที่รัก หรือจะทำอิหลักอิเหลื่อต่อไป
สถานีรถไฟหนองน้ำขุ่น อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42624
Location: NECTEC
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42624
Location: NECTEC
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44324
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 11/07/2020 6:04 am Post subject:
เพราะสถานีรถไฟไม่ใช่แค่ทางผ่าน : คลิปคุณค่าสื่อสาธารณะ
Jul 10, 2020
ThaiPBS
สถานีรถไฟในประเทศไทยหลายแห่งมีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่เก่าแก่ ควรค่าต่อการอนุรักษ์ ซึ่งสถานีรถไฟบ้านปิน อ.ลอง จ.แพร่ ที่มีอายุกว่า 105 ปี เป็นสถาปัตยกรรมแบบยุโรปสไตล์บาวาเรียนเฟรมเฮาส์ สร้างโดยช่างชาวเยอรมัน เป็นอีกสถานีรถไฟหนึ่งที่ชาวบ้านร่วมกันอนุรักษ์ไว้ให้ลูกหลานและนักท่องเที่ยวได้มาชื่นชม
https://www.youtube.com/watch?v=AqJwjFZW1rs
Back to top