View previous topic :: View next topic
Author
Message
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42798
Location: NECTEC
Posted: 26/10/2018 10:36 am Post subject:
เซ็งกันยาวๆ
แม่ลูกจันทร์
26 ตุลาคม 2561 เวลา 05.01 น.
โครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะทาง 672 กม. ซึ่งกำหนดจะเริ่มก่อสร้างปีหน้า คงต้องเลื่อนการก่อสร้างไปอีกหลายปี
หรือดีไม่ดีอาจต้องล้มเลิกโครงการนี้ไปเลย
ใครที่รอจะนั่งรถไฟชินกันเซ็ง ฟังข่าวนี้แล้วคงเซ็งไปตามๆกัน
แม่ลูกจันทร์ สรุปย่อๆว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ วงเงินลงทุนกว่า 4 แสนล้านบาท เป็นโครงการร่วมทุนระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่นฝ่ายละ 50 เปอร์เซ็นต์
รัฐบาลโฆษณาว่าโครงการนี้จะใช้รถไฟหัวจรวดชินกันเซ็งของญี่ปุ่น วิ่งด้วยความเร็วสูง 250 กม.ต่อชั่วโมง
แบ่งการก่อสร้างเป็น 2 ช่วง พร้อมเปิดบริการได้ภายใน 5 ปี
ช่วงแรก กรุงเทพฯ-พิษณุโลก ระยะทาง 418 กม.
ช่วงที่สอง พิษณุโลก-เชียงใหม่ ระยะทาง 254 กม.
คิดค่าโดยสารจิ๊บๆแค่ 1,089 บาทต่อเที่ยวต่อคน
ย่นเวลาเดินทางจากกรุงเทพฯถึงเชียงใหม่เพียง 3 ชั่วโมง
ถ้าออกจากกรุงเทพฯ 8 โมงเช้าจะไปถึงเชียงใหม่ทันพระฉันเพล
แม่ลูกจันทร์ กราบเรียนว่า โครงการนี้รัฐบาลไทยเทียวไล้เทียวขื่อเจรจารัฐบาลญี่ปุ่นมาแล้ว 2 ปีเต็มๆ
เพื่อขอร้องเชิญชวนให้รัฐบาลญี่ปุ่นร่วมลงทุนกับรัฐบาลไทย
แต่รัฐบาลญี่ปุ่นยังลับลวงพรางไม่ยอมตอบโอเค
ล่าสุด นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ลงทุนนำคณะใหญ่บินไปจับเข่าคุยกับรัฐมนตรีกระทรวงขนส่งของญี่ปุ่นเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
ขอคำตอบชัดๆจากรัฐบาลญี่ปุ่นว่าตกลงจะร่วมทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงสายนี้หรือไม่? เมื่อไหร่? อย่างไร?
ปรากฏว่าครั้งนี้ รัฐมนตรีกระทรวงขนส่งญี่ปุ่นมีคำตอบชัดเจน
คือยืนยันว่ารัฐบาลญี่ปุ่นจะไม่ร่วมลงทุนกับฝ่ายไทย
ขอให้รัฐบาลไทยควักกระเป๋าลงทุนเองทั้งงานก่อสร้างโยธา งานระบบอาณัติสัญญาณ การจัดซื้อขบวนรถไฟ และการซ่อมบำรุงครบวงจร
แต่...ถ้ารัฐบาลไทยยังสนใจจะซื้อรถไฟชินกันเซ็งจากญี่ปุ่นอย่างเดิม รัฐบาลญี่ปุ่นพร้อมจะให้รัฐบาลไทยกู้เงินโครงการนี้ด้วยความยินดี
เมื่อรัฐบาลญี่ปุ่นตอบปฏิเสธอย่างนี้ก็เอวัง
รมว.คมนาคม ตัวแทนรัฐบาลไทยก็ผิดหวังอย่างแรง
โครงการร่วมทุนที่วางแผนล่วงหน้าไว้ทุกขั้นตอนต้องเสียเวลาฟรีๆไป 2 ปีเต็มๆ
รถไฟชินกันเซ็ง มันทำเซ็งอย่างนี้แหละโยม
แม่ลูกจันทร์ ชี้ว่าเหตุผลสำคัญที่รัฐบาลญี่ปุ่นปฏิเสธไม่ร่วมทุนกับรัฐบาลไทย เพราะผลการศึกษาของทีมผู้เชี่ยวชาญญี่ปุ่นสรุปว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่มีความเสี่ยงสูง
ไม่คุ้มค่าการลงทุน
ประเมินจำนวนผู้โดยสาร และรายได้จากค่าโดยสารยังต่ำกว่าผลตอบแทนทางการเงินบานตะเกียง
ขาดทุนบักโกรกทั้งระยะสั้น และขาดทุนระยะยาว
แม่ลูกจันทร์ หวังว่ารัฐบาล คสช.จะไม่ดันทุรังใช้เงินภาษีประชาชนกว่า 4 แสนล้านบาท ไปลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่เองทั้งหมด ตามที่รัฐบาลญี่ปุ่นแนะนำ
ทางออกที่ดีที่สุดคือ เก็บโครงการนี้แช่ตู้เย็นไว้ก่อน 10 ปี!!
เพราะโครงการรถไฟความเร็วสูงจีน สายกรุงเทพฯ-โคราช-หนองคาย ที่รัฐบาล คสช.หลวมตัวลงทุนเอง 100 เปอร์เซ็นต์ จะต้องขาดทุนอ่วมอรไทไปอีก 10 ปี 20 ปี
แค่สายเดียวก็สาหัสแล้ว ขืนขาดทุน 2 สายก็ไอซียู.
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42798
Location: NECTEC
Posted: 26/10/2018 1:15 pm Post subject:
สนข.ยันญี่ปุ่นยังไม่ล้มร่วมทุนไฮสปีด เปิดกว้างสัดส่วน-ปรับรูปแบบ ยกโมเดลเท็กซัสเจรจา
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: 26 ตุลาคม 2561 เวลา 12:22
ปรับปรุง: 26 ตุลาคม 2561 เวลา 12:26
ปรับปรุง 2: 26 ตุลาคม 2561 เวลา 14:27
ผอ.สนข.แถลงยืนยันญี่ปุ่นยังไม่ยกเลิกการร่วมลงทุนรถไฟฟ้าความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ไทยเปิดกว้างปรับเงื่อนไขดึงพัฒนาพื้นที่หนุนเดินรถ เพิ่มความคุ้มค่า และเพิ่มสัดส่วนลงขัน 50% เป็น70 หรือ 80% ยกโมเดล ไฮสปีดเท็กซัส ที่ญี่ปุ่นตั้ง JOIN หนุนเอกชนไปร่วมทุนกับอเมริกา ใช้กับไทยหากรรูปแบบ จีทูจี ติดหล่ม
จากกรณีที่มีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อหนังสือพิมพ์บางฉบับและทีวีบางช่อง โดยนำเสนอข่าว ว่า ประเทศญี่ปุ่นจะไม่เข้าร่วมลงทุนก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ในส่วนของงานก่อสร้างและงานวางระบบ รวมถึงงานจัดซื้อตัวรถและซ่อมบำรุง เนื่องจากกังวลว่าจะไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน ส่วนด้านงานบริหารและการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์รอบสถานี (TOD) ยังคงมีความเป็นไปได้ที่ญี่ปุ่นจะเข้ามาร่วมลงทุนควบคู่ไปกับการส่งเสริม ด้านความรู้เทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูง เพื่อผลิตบุคลากรรองรับในอนาคต
นายสราวุธ ทรงศิวิไล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า เป็นข้อมูลที่ คลาดเคลื่อน โดยยืนยันว่า ขณะนี้ กระทรวงคมนาคม และกระทรวงที่ดินโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น (MLIT) อยู่ระหว่างการหารือเรื่องรูปแบบการลงทุน สัดส่วนการลงทุน โครงการร่วมกัน ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุป เนื่องจากมีรายละเอียดหลายประเด็นที่ต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ ทั้งในส่วนของงานก่อสร้างและงานวางระบบ รวมถึงงานจัดซื้อตัวรถและการซ่อมบำรุง
ซึ่งครั้งล่าสุด เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2561 ในการประชุมร่วมกันระดับรัฐมนตรีด้านคมนาคม ของ2 ประเทศ โดยฝ่ายไทยยังยืนยันว่าฝ่ายญี่ปุ่นควรร่วมพิจารณาลงทุนกับฝ่ายไทย (Joint Investment) เนื่องจากผลการศึกษาขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) สรุปว่า การลงทุนโครงสร้างโยธา ระบบรางและเดินรถอย่างเดียวไม่คุ้มค่าในการลงทุน ต้องมีการพัฒนาพื้นที่ตามแนวเส้นทางและพื้นที่รอบสถานี (TOD) ร่วมด้วย ขณะที่การดำเนินงานดังกล่าวต้องอาศัยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของญี่ปุ่น ดังนั้น การตัดสินใจลงทุนในโครงการนี้รัฐบาลไทยจึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
โดยฝ่ายไทยได้เสนอให้ฝ่ายญี่ปุ่นพิจารณาใช้รูปแบบการดำเนินงานในลักษณะเดียวกับการลงทุนในโครงการรถไฟความเร็วสูงเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา (Texas High-Speed Railway Project) ที่ตั้งหน่วยงานใหม่เมื่อปี 2558 ที่ญี่ปุ่นลงทุนผ่าน Japan Oversea Infrastructure Investment Corporation for Transport and Urban Development (JOIN) ดังนั้น จึงมอบหมายให้คณะทำงานทั้ง 2 ฝ่าย (ไทย-ญี่ปุ่น)
ร่วมกันศึกษาและหารือในรายละเอียดดังกล่าว เพื่อให้ได้ข้อสรุปเรื่องการร่วมลงทุนในโครงการนี้โดยเร็วต่อไป
การเจรจายังไม่สรุป ซึ่งแผนก่อนหน้านี้ ไทยจะร่วมทุนกับญี่ปุ่น แบบจีทูจี สัดส่วน50:50 ซึ่งยังไม่รวมเรื่องการพัฒนาพื้นที่ แต่ขณะนี้ได้เจรจาโดยจะรวมการลงทุนทั้งงานโยธา ระบบตัวรถ ซ่อมบำรุง การเดินรถ.และพัฒนาพื้นที่ เพื่อให้คุ้มค่ามากขึ้น โดยจะพิจารณาสัดส่วน ที่เหมาะสมและทั้ง2ฝ่ายรับได้ เช่น ไทย70: ญี่ปุ่น 30 หรือ 80:20 หรืออาจจะเป็นการร่วมทุนในส่วนงานโยธาน้อย แต่ไปลงในการพัฒนาพื้นที่มากขึ้น ซึ่งต้องเจรจากันต่อไป โดยคาดว่าจะได้ความชัดเจนอีกไม่นาน
อย่างไรก็ตาม คณะทำงานไทยได้นัดทูตญี่ปุ่นและไจก้า หารือในสัปดาห์หน้า เพื่อดูรายละเอียดแนวทางการร่วมลงทุนกับไทยผ่าน JOIN เหมือนกรณีรถไฟความเร็วสูงเท็กซัส ว่าเป็นไปได้แค่ไหน ซึ่งการร่วมลงทุน มีหลายรูปแบบ ซึ่งในระยะแรก ญี่ปุ่นอาจจะยังไม่ร่วมลงทุนก็ได้ แต่อาจจะตกลงร่วมกันไว้ก่อนว่าจะร่วมลงทุนในปีที่ 15 ปี ที่โครงการเริ่มมีรายได้ และคุ้มค่ามากขึ้น อย่างไรก็ตาม ไทยต้องการให้ญี่ปุ่นร่วมทุนเพราะเป็นเรื่องใหม่ที่มีเทคนิคและรายละเอียดที่ซับซ้อน ซึ่งญี่ปุ่นมีประสบการณ์
แต่หากสุดท้ายญี่ปุ่นไม่ร่วมทุนจริงๆ ไทยอาจจะต้องจัดลำดับความสำคัญ และการลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงให้สอดคล้องกับความจำเป็นเร่งด่วนและงบลงทุนของประเทศซึ่งในแผนมี 4 โครงการ คือ กรุงเทพ-โคราช-หนองคาย(ความร่วมมือไทย-จีน) ,กรุงเทพ-ระยอง ,กรุงเทพ-พิษณุโลก-หัวหิน,กรุงเทพ-เชียงใหม่ (ความร่วมมือไทย-ญี่ปุ่น) โดยสามารถที่จะทยอยลงทุนก่อสร้างเป็นช่วงสั้นๆ เช่นกรุงเทพ-อยุธยา เป็นต้น
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม และกระทรวงที่ดินโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น (MLIT) ได้ร่วมลงนามในบันทึกความร่วมมือการพัฒนาระบบรางระหว่างไทย-ญี่ปุ่น (MOC) เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2558 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อพัฒนารถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ โดยได้เริ่มทำการศึกษาความเหมาะสมตั้งแต่เดือนธันวาคม 2558 แล้วเสร็จเดือนพฤศจิกายน 2560 โดยอยู่ในขั้นตอนการเจรจา รูปแบบและสัดส่วนการร่วมทุน อย่างไร จากนั้น จะเป็นการออกแบบรายละเอียด จากนั้นเป็นการเสนอขออนุมัติครม.เพื่อมอบหมายว่าจะให้หน่วยงานใดรับผิดชอบโครงการต่อไป
โดยโครงการระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-พิษณุโลก ระยะทาง 380 กิโลเมตร ประมาณการค่าก่อสร้างเบื้องต้นที่ 270,000 ล้านบาท มีผลตอบแทนด้าน (EIRR) ประมาณ 14.7% ภายใต้เงื่อนไขต้องมีการพัฒนาเมืองรอบสถานีด้วย ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 4 ปี Last edited by Wisarut on 26/10/2018 4:52 pm; edited 1 time in total
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44978
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 26/10/2018 3:20 pm Post subject:
ก.หูกวางยันญี่ปุ่นเดินหน้าลงทุนต่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงกทม.-เชียงใหม่
สยามรัฐออนไลน์ 26 ตุลาคม 2561 14:31 เศรษฐกิจ
ก.คมนาคม ญี่ปุ่นไม่ได้ยกเลิกร่วมทุนก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ พร้อมเดินหน้าตั้งคณะทำงาน 2 ฝ่าย (ไทย-ญี่ปุ่น) เร่งศึกษาให้ได้ข้อสรุปอย่างรอบคอบ และเกิดความคุ้มค่าในการลงทุน เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศไทย
นายสราวุธ ทรงศิวิไล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยว่า ขอชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนต่อการดำเนินโครงการพัฒนารถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ที่มีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อแขนงต่างๆ โดยนำเสนอข่าว ว่า ประเทศญี่ปุ่นจะไม่เข้าร่วมลงทุนก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ในส่วนของงานก่อสร้างและงานวางระบบ รวมถึงงานจัดซื้อตัวรถและซ่อมบำรุง เนื่องจากกังวลว่าจะไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน ส่วนด้านงานบริหารและการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์รอบสถานี (TOD) ยังคงมีความเป็นไปได้ที่ญี่ปุ่นจะเข้ามาร่วมลงทุนควบคู่ไปกับการส่งเสริมด้านความรู้เทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูง เพื่อผลิตบุคลากรรองรับในอนาคต นั้น ข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว 1. กระทรวงคมนาคม (คค.) และกระทรวงที่ดินโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น (MLIT) ได้ร่วมลงนามในบันทึกความร่วมมือการพัฒนาระบบรางระหว่างไทย-ญี่ปุ่น (MOC) เมื่อวันที่ ๒๗ พฤษภาคม ๒๕๕๘ ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อพัฒนารถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ โดยได้เริ่มทำการศึกษาความเหมาะสมของโครงการระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-พิษณุโลก ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2558 แล้วเสร็จในเดือนพฤศจิกายน 2560
2. ปัจจุบันกระทรวงคมนาคม (คค.) และกระทรวงที่ดินโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น (MLIT) อยู่ระหว่างการหารือเรื่องรูปแบบการลงทุนโครงการร่วมกัน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป เนื่องจากมีรายละเอียดหลายประเด็นที่ต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ ทั้งในส่วนของงานก่อสร้างและงานวางระบบ รวมถึงงานจัดซื้อตัวรถและการซ่อมบำรุง โดย คค. และ MLIT ได้มีการหารือร่วมกันครั้งล่าสุดในคราวประชุมระดับรัฐมนตรีด้านคมนาคม เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2561 โดยฝ่ายไทยยังยืนยันว่าฝ่ายญี่ปุ่นควรร่วมพิจารณาลงทุนกับฝ่ายไทย (Joint Investment) เนื่องจากผลการศึกษาขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) สรุปว่า ต้องมีการพัฒนาพื้นที่ตามแนวเส้นทางและพื้นที่รอบสถานี (TOD) ร่วมด้วย จึงจะเกิดความคุ้มค่าในการลงทุน ซึ่งการดำเนินงานดังกล่าวต้องอาศัยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของญี่ปุ่น ดังนั้น การตัดสินใจลงทุนในโครงการนี้รัฐบาลไทยจึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
และ3. อย่างไรก็ตาม ในการหารือล่าสุดฝ่ายไทยได้เสนอให้ฝ่ายญี่ปุ่นพิจารณาใช้รูปแบบการดำเนินงานในลักษณะเดียวกับการลงทุนในโครงการรถไฟความเร็วสูงเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา (Texas High-Speed Railway Project) เมื่อปี พ.ศ. 2558 ที่ลงทุนผ่าน Japan Oversea Infrastructure Investment Corporation for Transport and Urban Development (JOIN) โดยมอบหมายให้คณะทำงานทั้ง 2 ฝ่าย (ไทย-ญี่ปุ่น)ร่วมกันศึกษาและหารือในรายละเอียดดังกล่าว เพื่อให้ได้ข้อสรุปเรื่องการร่วมลงทุนในโครงการนี้โดยเร็วต่อไป
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42798
Location: NECTEC
Posted: 26/10/2018 4:37 pm Post subject:
^^^
ก็ดูกันไปว่าญี่ปุ่นจะยังเอาอีกหรือเปล่า หรือว่าจีนจะเสียบแทน
คมนาคมยันญี่ปุ่นไม่ยกเลิกไฮสปีดเทรนเร่งตั้งคณะทำงาน2ฝ่ายเร่งรัดโครงการ
26 ตุลาคม 2561
สนข. กระทรวงคมนาคม ยืนยัน ญี่ปุ่นไม่ได้ยกเลิกการร่วมลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ พร้อมเดินหน้าตั้งคณะทำงาน 2 ฝ่าย (ไทย-ญี่ปุ่น) เร่งศึกษาให้ได้ข้อสรุปอย่างรอบคอบ และเกิดความคุ้มค่าในการลงทุน เพื่อประโยชน์สูงสุดของประเทศไทย
นายสราวุธ ทรงศิวิไล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เปิดเผยภายหลังการแถลงข่าวชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นความเข้าใจคลาดเคลื่อนต่อการดำเนินโครงการพัฒนารถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ที่มีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อแขนงต่างๆ โดยนำเสนอข่าว ว่า ประเทศญี่ปุ่นจะไม่เข้าร่วมลงทุนก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ในส่วนของงานก่อสร้างและงานวางระบบ รวมถึงงานจัดซื้อตัวรถและซ่อมบำรุง เนื่องจากกังวลว่าจะไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน ส่วนด้านงานบริหารและการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์รอบสถานี (TOD) ยังคงมีความเป็นไปได้ที่ญี่ปุ่นจะเข้ามาร่วมลงทุนควบคู่ไปกับการส่งเสริมด้านความรู้เทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูง เพื่อผลิตบุคลากรรองรับในอนาคต
โดย นายสราวุธ ได้ชี้แจงรายละเอียดข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าว ดังนี้
1. กระทรวงคมนาคม (คค.) และกระทรวงที่ดินโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น (MLIT) ได้ร่วมลงนามในบันทึกความร่วมมือการพัฒนาระบบรางระหว่างไทย-ญี่ปุ่น (MOC) เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2558 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น เพื่อพัฒนารถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ โดยได้เริ่มทำการศึกษาความเหมาะสมของโครงการระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพฯ-พิษณุโลก ตั้งแต่เดือนธันวาคม 2558 แล้วเสร็จในเดือนพฤศจิกายน 2560
2. ปัจจุบันกระทรวงคมนาคม (คค.) และกระทรวงที่ดินโครงสร้างพื้นฐานการขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น (MLIT) อยู่ระหว่างการหารือเรื่องรูปแบบการลงทุนโครงการร่วมกัน ซึ่งขณะนี้ยังไม่ได้ข้อสรุป เนื่องจากมีรายละเอียดหลายประเด็นที่ต้องมีการพิจารณาอย่างรอบคอบ ทั้งในส่วนของงานก่อสร้างและงานวางระบบ รวมถึงงานจัดซื้อตัวรถและการซ่อมบำรุง โดย กระทรวงคมนาคม และ MLIT ได้มีการหารือร่วมกันครั้งล่าสุดในคราวประชุมระดับรัฐมนตรีด้านคมนาคม เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2561 โดยฝ่ายไทยยังยืนยันว่าฝ่ายญี่ปุ่นควรร่วมพิจารณาลงทุนกับฝ่ายไทย (Joint Investment) เนื่องจากผลการศึกษาขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (JICA) สรุปว่า ต้องมีการพัฒนาพื้นที่ตามแนวเส้นทางและพื้นที่รอบสถานี (TOD) ร่วมด้วย จึงจะเกิดความคุ้มค่าในการลงทุน ซึ่งการดำเนินงานดังกล่าวต้องอาศัยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของญี่ปุ่น ดังนั้น การตัดสินใจลงทุนในโครงการนี้รัฐบาลไทยจึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
3. อย่างไรก็ตาม ในการหารือล่าสุดฝ่ายไทย ได้เสนอให้ฝ่ายญี่ปุ่นพิจารณาใช้รูปแบบการดำเนินงานในลักษณะเดียวกับการลงทุนในโครงการรถไฟความเร็วสูงเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา (Texas High-Speed Railway Project) เมื่อปี พ.ศ. 2558 ที่ลงทุนผ่าน Japan Oversea Infrastructure Investment Corporation for Transport and Urban Development (JOIN) โดยมอบหมายให้คณะทำงานทั้ง 2 ฝ่าย (ไทย-ญี่ปุ่น)
ร่วมกันศึกษาและหารือในรายละเอียดดังกล่าว เพื่อให้ได้ข้อสรุปเรื่องการร่วมลงทุนในโครงการนี้โดยเร็วต่อไป
https://mgronline.com/news-clips/1Vk8NJr8wVk
https://www.youtube.com/watch?v=1Vk8NJr8wVk Last edited by Wisarut on 29/10/2018 12:08 pm; edited 4 times in total
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42798
Location: NECTEC
Posted: 26/10/2018 4:43 pm Post subject:
ภาพ ความคืบหน้า การสร้างไฮสปีดเทรนสายแรกของไทย
26 ตุลาคม 2561 เวลา 13:46
อัพเดตความคืบหน้าโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง หรือ ไฮสปีดเทรน ไทย-จีน ช่วงที่ 1 (กลางดง-ปางอโศก) ซึ่งเป็นสายแรกและสายเดียวที่กำลังก่อสร้าง...
เมื่อวันที่ 26 ต.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากกรณีสังคมให้ความสนใจเกี่ยวกับกรณี โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูง หรือ ไฮสปีดเทรน ในประเทศไทยอีกครั้ง ล่าสุด มีรายงาน ญี่ปุ่นไม่สนใจลงทุนโครงการไฮสปีดเทรนเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ตามแผนงานของรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ ประเทศไทยกำลังมีการก่อสร้างโครงการไฮสปีดเทรนอยู่ 1 เส้นทาง คือ ไฮสปีดเทรนไทย-จีน ช่วงที่ 1 (กลางดง-ปางอโศก) ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร การรถไฟแห่งประเทศไทย ได้ให้กรมทางหลวงดำเนินการก่อสร้างด้านงานโยธาให้
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นจากเว็บไซต์ของกรมทางหลวง เปิดเผยข้อมูลความคืบหน้าการก่อสร้าง ณ วันที่ 17 ส.ค.2561 ซึ่งประกอบด้วยงานหลักๆ 7 งาน ได้แก่
1. งานโครงการชั้นทางรถไฟความเร็วสูง
2. งาน Service Road และ Access Road
3. งานย้ายรางรถไฟเดิมรวม 900 เมตร
4. งานระบายน้ำ
5. งาน Culvert
6. งาน Bridge และ
7. งาน Miscellaneous มีความคืบหน้า 28% โดยคาดว่าจะแล้วเสร็จในเดือน ต.ค.2561.
ภาพและรายละเอียดความคืบหน้าโครงการ
ขอบคุณข้อมูลและภาพจากเว็บไซต์กรมทางหลวง
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42798
Location: NECTEC
Posted: 26/10/2018 10:30 pm Post subject:
ไทย-ญี่ปุ่นถกไม่ลงตัวไฮสปีดกทม.-พิษณุโลกเล็งนำโมเดลเท็กซัสเป็นต้นแบบลงทุนผ่านกองทุนJOIN
พร็อพเพอร์ตี้
วันที่ 26 ตุลาคม 2561 เวลา 20:16 น.
นายสราวุธ ทรงศิวิไล ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่า รถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ระยะทาง 672 กม. เงินลงทุนประมาณ 420,000 ล้านบาท เป็นความร่วมมือระหว่างไทยกับประเทศญี่ปุ่น ขณะนี้ยังไม่มีข้อสรุปชัดเจนในประเด็นเรื่องการร่วมลงทุน ยังอยู่ในระหว่างการหารือร่วมกันอยู่
เนื่องจากโครงการนี้มีรายละเอียดที่ซับซ้อน จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ทั้งเรื่องขบวนรถ, งานโครงสร้างโยธา, งานบำรุงรักษาโครงการ, การพัฒนาพื้นที่ (TOD) และงานเดินรถ และประเทศไทยไม่เคยมีโครงการรถไฟความเร็วสูงมาก่อน
ทั้งนี้ไทยและญี่ปุ่นเริ่มทำการศึกษาความเหมาะสมของโครงการในระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพ-พิษณุโลก ระยะทาง 380 กม. เงินลงทุน 276,225 ล้านบาท ตั้งแต่ ธ.ค. 2558 และศึกษาแล้วเสร็จในเดือนพ.ย. 2560 ที่ผ่านมา ขณะนี้ผลการศึกษาอยู่กับสนข.แล้ว
สำหรับแผนก่อนหน้านี้ วางแผนที่จะพัฒนาโครงการในรูปแบบรัฐบาลกับรัฐบาล (จีทูจี)ในสัดส่วน 50:50 แต่ต่อไปจะหารือร่วมกัน เพื่อหาสัดส่วนที่เหมาะสมและทั้งสองฝ่ายรับได้ เช่น ไทย 70:ญี่ปุ่น 30 หรือ 80:20 หรืออาจจะเป็นการร่วมทุนในส่วนงานโยธาน้อย และเพิ่มงานด้านอื่น เช่น การพัฒนาพื้นที่, งานระบบ เป็นต้น
โดยการประชุมระดับรัฐมนตรีด้านคมนาคมครั้งล่าสุดเมื่อวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา ทางไทยยังยืนยันว่า ประเทศญี่ปุ่นจะต้องร่วมลงทุนกับฝ่ายเรา (Joint Investment) แต่ญี่ปุ่นยังสงวนท่าทีอยู่ อย่างไรก็ตาม ได้เสนอให้ญี่ปุ่นพิจารณารูปแบบการดำเนินโครงการในลักษณะเดียวกับโครงการรถไฟความเร็วสูงรัฐเท็กซัส ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ลงทุนผ่านกองทุน JOIN (Japan Oversea Infrastructure Investment Corporation for Transport and Urban Development)
จึงมอบหมายให้คณะทำงานทั้งสองฝ่าย (ไทย-ญี่ปุ่น) ร่วมกันศึกษาและหารือในรายละเอียดดังกล่าว เพื่อให้ได้ข้อสรุปเรื่องการร่วมลงทุนในโครงการนี้โดยเร็วต่อไป ซึ่งจะมีการหารือกับทูตญี่ปุ่นและไจก้าในต้นเดือนพ.ย.นี้
หากญี่ปุ่นไม่สนใจที่จะมาร่วมลงทุนกับเราจริงๆ การศึกษาโดยรัฐบาลเอง 100% คงจะต้องนำเรื่องนี้กลับไปพิจารณาลำดับความสำคัญใหม่ เพราะเรามีแผนสร้างรถไฟความเร็วสูงอีก 3 เส้นทางคือ
1. รถไฟความเร็วสูงไทย-จีน (กรุงเทพ-หนองคาย)
2. รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) และ
3. รถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-หัวหิน
อาจจะทำเส้นทางสั้นๆก่อน แต่เราก็อยากให้ญี่ปุ่นมาร่วม เพราะเป็นการยกระดับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ แถมยังถ่ายทอดเทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงให้เราด้วย เพราะทางเขาก็พัฒนาไม่หยุดนิ่งและเราก็อยากได้เทคโนโลยีของเขามาใช้ด้วย
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42798
Location: NECTEC
Posted: 29/10/2018 10:51 am Post subject:
ไฟเขียวเวนคืนที่ดิน แนวรถไฟแขวงทุ่งพญาไท-สามเสนใน ทำไฮสปีดเทรน
หน้า 11 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
ปีที่ 38 ฉบับ 3,412 วันที่ 25-27 ตุลาคม 2561
กฤษฎีกา ไฟเขียวร.ฟ.ท. เดินหน้าจ่ายค่าเวนคืนที่ดินวงเงิน 490 ล้านบาท กับผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ บริเวณแขวงทุ่งพญาไท และแขวงสามเสนใน หลังตีความแล้วเป็นโครงการเดียวกับรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
จากที่การรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) ได้ทำหนังสือถึงคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อขอให้ตีความกรณีพระราชกฤฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี และแขวงสามเสนใน เขตพญาไท เพื่อสร้างทางรถไฟและเครื่องประกอบทางรถไฟ ตามโครงการระบบรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ส่วนต่อขยาย ช่วงดอนเมือง-บางซื่อ-พญาไท ซึ่งเป็นโครงการเดิมตั้งแต่ปี 2558 แต่ต่อมาคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2561 ได้มีมติให้ดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มีขอบเขตงานประกอบด้วย
1.โครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีขนส่งผู้โดยสารท่าอากาศยานดอนเมือง
2.โครงการระบบรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ส่วนต่อขยาย ช่วงดอนเมือง-บางซื่อ-พญาไท และ
3.โครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ -ท่าอากาศยานอู่ตะเภา
ดังนั้น เพื่อให้การส่งมอบพื้นที่โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เป็นไปตามแผนงาน ร.ฟ.ท.และสามารถเบิกจ่ายงบประมาณที่จัดสรรไว้วงเงิน 490 ล้านบาท ให้กับผู้ถูกเวนคืนที่ดินได้ จึงขอให้คณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณากรณีการนำที่ดินจากการเวนคืนดังกล่าวมาใช้กับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ว่าจะเป็นการขัดต่อวัตถุประสงค์ของพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่จะเวนคืนดังกล่าวหรือไม่ เนื่องจากโครงการระบบรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ส่วนต่อขยายช่วงดอนเมือง-บางซื่อ-พญาไท ใช้พื้นที่ในช่วงดอนเมือง-พญาไท เป็นโครงการร่วมกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เปิดเผยกับ ฐานเศรษฐกิจ ว่า กรณีดังกล่าวทางคณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณาแล้วเห็นว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ประกอบด้วย โครงการแอร์พอร์ต เรล ลิงก์เดิม ช่วงพญาไทถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โครงการระบบรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ส่วนต่อขยาย ช่วงดอนเมือง-บางซื่อ-พญาไท และโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯถึงท่าอากาศยานอู่ตะเภา เชื่อมต่อกันเป็นเส้นทางเดียวอย่างไร้รอยต่อ
โดยมี 2 โครงการที่จะต้องดำเนินการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ-ถึงท่าอากาศยานอู่ตะเภา ที่อยู่ระหว่างดำเนินการออกพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดิน และโครงการระบบรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิส่วนต่อขยายช่วงดอนเมือง-บางซื่อ-พญาไท ซึ่งได้ออกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่จะเวนคืนไว้ตั้งแต่ปี 2558 และได้ทำการสำรวจรายละเอียดที่ดิน อาคารต้นไม้ยืนต้น และพืชผล และได้เริ่มทำสัญญากับผู้ถูกเวนคืน เพื่อจะได้มอบพื้นที่ก่อสร้างให้ได้ตามแผนดำเนินงาน
จากผลการพิจารณาเห็นว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้รับรองสิทธิในทรัพย์สินของบุคคลไว้ว่า การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์จะกระทำมิได้ เว้นแต่อาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายและกฎหมายเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ต้องระบุวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืนไว้ให้ชัดแจ้ง ซึ่งพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี และแขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2558 ที่ประกาศออกมานั้นถือว่าได้กำหนดวัตถุประสงค์ของการเวนคืน เพื่อใช้ในการสร้างทางรถไฟและเครื่องประกอบทางรถไฟ ตามโครงการระบบรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ส่วนต่อขยาย ช่วงดอนเมือง-บางซื่อ-พญาไท ไว้อย่างชัดแจ้ง และคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติโครงการดังกล่าวรวมเป็นโครงการเดียวกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะทำให้เชื่อมต่อเป็นเส้นทางเดียวอย่างไรร้อยต่อ
ดังนั้น การนำที่ดินไปใช้เพื่อสร้างโครงการดังกล่าว ถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เป็นการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในพระราชกฤษฎีกาแล้ว
Back to top
nutsiwat
2nd Class Pass Joined: 03/03/2011 Posts: 684
Location: สถานีเรณูนคร
Posted: 29/10/2018 8:50 pm Post subject:
Wisarut wrote: ไฟเขียวเวนคืนที่ดิน แนวรถไฟแขวงทุ่งพญาไท-สามเสนใน ทำไฮสปีดเทรน
หน้า 11 หนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
ปีที่ 38 ฉบับ 3,412 วันที่ 25-27 ตุลาคม 2561
กฤษฎีกา ไฟเขียวร.ฟ.ท. เดินหน้าจ่ายค่าเวนคืนที่ดินวงเงิน 490 ล้านบาท กับผู้ครอบครองอสังหาริมทรัพย์ บริเวณแขวงทุ่งพญาไท และแขวงสามเสนใน หลังตีความแล้วเป็นโครงการเดียวกับรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
จากที่การรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) ได้ทำหนังสือถึงคณะกรรมการกฤษฎีกา เพื่อขอให้ตีความกรณีพระราชกฤฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี และแขวงสามเสนใน เขตพญาไท เพื่อสร้างทางรถไฟและเครื่องประกอบทางรถไฟ ตามโครงการระบบรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ส่วนต่อขยาย ช่วงดอนเมือง-บางซื่อ-พญาไท ซึ่งเป็นโครงการเดิมตั้งแต่ปี 2558 แต่ต่อมาคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2561 ได้มีมติให้ดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน มีขอบเขตงานประกอบด้วย
1.โครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิและสถานีขนส่งผู้โดยสารท่าอากาศยานดอนเมือง
2.โครงการระบบรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ส่วนต่อขยาย ช่วงดอนเมือง-บางซื่อ-พญาไท และ
3.โครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ -ท่าอากาศยานอู่ตะเภา
ดังนั้น เพื่อให้การส่งมอบพื้นที่โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เป็นไปตามแผนงาน ร.ฟ.ท.และสามารถเบิกจ่ายงบประมาณที่จัดสรรไว้วงเงิน 490 ล้านบาท ให้กับผู้ถูกเวนคืนที่ดินได้ จึงขอให้คณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณากรณีการนำที่ดินจากการเวนคืนดังกล่าวมาใช้กับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ว่าจะเป็นการขัดต่อวัตถุประสงค์ของพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่จะเวนคืนดังกล่าวหรือไม่ เนื่องจากโครงการระบบรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ส่วนต่อขยายช่วงดอนเมือง-บางซื่อ-พญาไท ใช้พื้นที่ในช่วงดอนเมือง-พญาไท เป็นโครงการร่วมกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
แหล่งข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา เปิดเผยกับ ฐานเศรษฐกิจ ว่า กรณีดังกล่าวทางคณะกรรมการกฤษฎีกา พิจารณาแล้วเห็นว่า โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ประกอบด้วย โครงการแอร์พอร์ต เรล ลิงก์เดิม ช่วงพญาไทถึงท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โครงการระบบรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ส่วนต่อขยาย ช่วงดอนเมือง-บางซื่อ-พญาไท และโครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯถึงท่าอากาศยานอู่ตะเภา เชื่อมต่อกันเป็นเส้นทางเดียวอย่างไร้รอยต่อ
โดยมี 2 โครงการที่จะต้องดำเนินการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดิน ได้แก่ โครงการรถไฟความเร็วสูงช่วงกรุงเทพฯ-ถึงท่าอากาศยานอู่ตะเภา ที่อยู่ระหว่างดำเนินการออกพระราชกฤษฎีกาเวนคืนที่ดิน และโครงการระบบรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิส่วนต่อขยายช่วงดอนเมือง-บางซื่อ-พญาไท ซึ่งได้ออกพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่จะเวนคืนไว้ตั้งแต่ปี 2558 และได้ทำการสำรวจรายละเอียดที่ดิน อาคารต้นไม้ยืนต้น และพืชผล และได้เริ่มทำสัญญากับผู้ถูกเวนคืน เพื่อจะได้มอบพื้นที่ก่อสร้างให้ได้ตามแผนดำเนินงาน
จากผลการพิจารณาเห็นว่า รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยได้รับรองสิทธิในทรัพย์สินของบุคคลไว้ว่า การเวนคืนอสังหาริมทรัพย์จะกระทำมิได้ เว้นแต่อาศัยอำนาจตามบทบัญญัติแห่งกฎหมายและกฎหมายเวนคืนอสังหาริมทรัพย์ต้องระบุวัตถุประสงค์แห่งการเวนคืนไว้ให้ชัดแจ้ง ซึ่งพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในบริเวณที่ที่จะเวนคืน ในท้องที่แขวงทุ่งพญาไท เขตราชเทวี และแขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2558 ที่ประกาศออกมานั้นถือว่าได้กำหนดวัตถุประสงค์ของการเวนคืน เพื่อใช้ในการสร้างทางรถไฟและเครื่องประกอบทางรถไฟ ตามโครงการระบบรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ส่วนต่อขยาย ช่วงดอนเมือง-บางซื่อ-พญาไท ไว้อย่างชัดแจ้ง และคณะรัฐมนตรีได้อนุมัติโครงการดังกล่าวรวมเป็นโครงการเดียวกับโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จจะทำให้เชื่อมต่อเป็นเส้นทางเดียวอย่างไรร้อยต่อ
ดังนั้น การนำที่ดินไปใช้เพื่อสร้างโครงการดังกล่าว ถือเป็นส่วนหนึ่งของโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เป็นการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ที่ระบุไว้ในพระราชกฤษฎีกาแล้ว
ผมรบกวนสอบถามในความสงสัยหน่อยครับ
เส้นทางรถไฟความเร็วสูงที่เชื่อมสนามบิน 3 สนามบิน ในส่วนที่เป็นสถานีรถไฟดอนเมือง ทำไมเราถึงไม่สร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเข้าไปยังตัวอาคารสนามบินดอนเมือง โดยเอาจุดใดจุดหนึ่งของอาคารเป็นสถานีสนามบินดอนเมืองเลยครับ เหมือนกับเส้นแอร์พอร์ทลิงค์ที่สถานีอยู่ด้านในอาคารสนามบินสุวรรณภูมิ ผมคิดว่าถ้าหากมีการสร้างต่อเข้าไปยังตัวอาคารสนามบินดอนเมืองน่าจะช่วยเรื่องการเดินทางของ ผดส. ที่ไม่ต้องเดินไกล พอขบวนรถไฟเข้าไปจอดยังสนามบินดอนเมือง ผดส. ก็สามารถจะเดินเข้าไปยังอาคาร สามารถเช็คอิน ณ เคาเตอร์ หรือไปรับ - ส่งญาติที่เดินทางได้ทันทีครับ
ขอบคุณมากครับ _________________
--------------------------
สถานีต่อไป สถานีเรณูนคร
next station Renunakorn
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42798
Location: NECTEC
Posted: 30/10/2018 11:07 am Post subject:
nutsiwat wrote:
ผมรบกวนสอบถามในความสงสัยหน่อยครับ
เส้นทางรถไฟความเร็วสูงที่เชื่อมสนามบิน 3 สนามบิน ในส่วนที่เป็นสถานีรถไฟดอนเมือง ทำไมเราถึงไม่สร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเข้าไปยังตัวอาคารสนามบินดอนเมือง โดยเอาจุดใดจุดหนึ่งของอาคารเป็นสถานีสนามบินดอนเมืองเลยครับ เหมือนกับเส้นแอร์พอร์ทลิงค์ที่สถานีอยู่ด้านในอาคารสนามบินสุวรรณภูมิ ผมคิดว่าถ้าหากมีการสร้างต่อเข้าไปยังตัวอาคารสนามบินดอนเมืองน่าจะช่วยเรื่องการเดินทางของ ผดส. ที่ไม่ต้องเดินไกล พอขบวนรถไฟเข้าไปจอดยังสนามบินดอนเมือง ผดส. ก็สามารถจะเดินเข้าไปยังอาคาร สามารถเช็คอิน ณ เคาเตอร์ หรือไปรับ - ส่งญาติที่เดินทางได้ทันทีครับ
ขอบคุณมากครับ
ไม่คุ้มค่าที่จะทำและ การท่าอากาศยานซึ่งเป็นเจ้าของที่ดินสนามบินดอนเมือง ไม่ยอมให้ทำโดยเด็ดขาด ด้วย และ ที่แน่ๆ คือ จะทุบอาคารสายการบินในประเทศเดิม เพื่อสร้างอาคารระหว่างประเทศใหม่ (T3) และ ลดชั้น T1 ให้รองรับเฉพาะในประเทศอย่างเดียว และ จะใช้ People mover เชื่อมอาคารทั้งสามเข้าด้วยกันอีกด้วย
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42798
Location: NECTEC
Posted: 30/10/2018 11:10 am Post subject:
รฟท.นัดชี้แจงTOR ประมูลรถไฟเร็วสูง ต่อครม.600คำถาม
วันอังคาร ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2561, 06.00 น.
มีรายงานจาก กระทรวงคมนาคม แจ้งว่า ในการประชุม ครม.สัญจร วันที่ 30 ตุลาคม 2561 กระทรวงฯได้มีการเตรียมเสนอผลสรุปโครงการและรายละเอียดขอบเขตการประกวดราคา(TOR)โครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน(ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) วงเงิน 215,000 ล้านบาท ให้ ครม.สัญจร พิจารณา ก่อนเปิดเอกชนผู้สนใจยื่นซองในวันที่ 12 พฤศจิกายน โดยทางการรถไฟฯได้รวบรวมประเด็นคำถามกว่า 600 ข้อพร้อมสรุปแนวทางชี้แจงเอกชนในช่วงของการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นด้วย
นอกจากนี้ กระทรวงคมนาคมจะมีการเสนอโครงการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) ได้แก่ โครงการพัฒนาท่าเรือแหลมฉบังระยะที่ 3 และโครงการศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO) สนามบินอู่ตะเภา ให้กับที่ประชุมครม.ในครั้งนี้เพื่อขอความเห็นชอบก่อนเปิดประมูลต่อไป
นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) เปิดเผยถึงกรณีที่นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้กระทรวงคมนาคมไปสำรวจแผนพัฒนาถนนเชียงใหม่-เชียงรายเพื่อกระตุ้นท่องเที่ยวเมืองรอง ว่าสำหรับโครงการทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) เส้นทางเชียงใหม่-เชียงราย วงเงินลงทุน 91,153 ล้านบาท และค่าใช้จ่ายดำเนินโครงการ 10,021 ล้านบาท ระยะทางรวมประมาณ 184 กิโลเมตร ซึ่งเส้นทางดังกล่าวผ่าน 4 จังหวัดได้แก่ เชียงใหม่ ลำปาง พะเยา และเชียงราย ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสมและความคุ้มค่าตามแผนแม่บท คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างได้ในปี 2564-2565 ใช้เวลาดำเนินการประมาณ 3-4 ปีก่อนเปิดใช้บริการ
Back to top