ข่าวกรมการขนส่งทางราง (เริ่ม 21 พ.ค. 62)

Mongwin · Posted: 05/12/2020 7:40 am Post subject:

คมนาคมไฟเขียวขนสินค้า OTOP ขายบนสถานีรถไฟ-รถไฟฟ้า
ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 4 ธันวาคม 2563 - 18:34 น.

เริ่มเดินรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน เตาปูน ถึง ท่าพระ

“กรมราง” ถก ร.ฟ.ท. รฟม. BEM หน่วยงานรัฐ ขนสินค้า OTOP ขายบนสถานีรถไฟ รถไฟฟ้า สร้างรายได้ผู้ประกอบการ

วันที่ 4 ธ.ค. 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง เป็นประธานการประชุมหารือเพื่อพิจารณาแนวทางการจัดจำหน่ายสินค้า OTOP บริเวณสถานีรถไฟและรถไฟฟ้า ตามนโยบาย นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม

โดยมีผู้อำนวยการสำนักส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่นและวิสาหกิจชุมชน กรมการพัฒนาชุมชน, รองผู้อำนวยการฝ่ายด้านแผนพัฒนาฝ่ายปฏิบัติการเดินรถ การรถไฟแห่งประเทศไทย, ผู้อำนวยการกองวางแผนธุรกิจ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย

พิเชฐ คุณาธรรมรักษ์
ผู้จัดการแผนกลยุทธ์การตลาดและพัฒนาธุรกิจ บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด, ผู้จัดการส่วนพัฒนาเชิงพาณิชย์ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BEM, ประธานมูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ, กรรมการบริหารสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย, ผู้อำนวยกองกำกับกิจการขนส่งทางราง หัวหน้ากลุ่มกำกับการบริการและสภาพแวดล้อมและเจ้าหน้าที่กลุ่มกำกับการบริการและสภาพแวดล้อม ในฐานะฝ่ายเลขานุการ

โดยที่ประชุมได้พิจารณาร่วมกันในการขับเคลื่อนนโยบายในการส่งเสริมให้มีพื้นที่จำหน่ายสินค้า หนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OT0P) ผลิตภัณฑ์ส่งเสริมภูมิปัญญา หรือบริการของชุมชน วิสาหกิจ กลุ่มคนพิการและผู้สูงอายุที่มีศักยภาพ ในพื้นที่สถานีรถไฟและรถไฟฟ้า เพื่อเป็นการเพิ่มโอกาส สร้างรายได้แก่ผู้ประกอบการ

โดยมอบหมายให้หน่วยงาน ได้แก่ รฟท. รฟฟท. รฟม. และ BEM พิจารณาสนับสนุนข้อมูลที่จำเป็นเพื่อประกอบการหารือร่วมกับกรมพัฒนาชุมชน กรมกิจการผู้สูงอายุ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ มูลนิธิสากลเพื่อคนพิการ และสมาคมคนตาบอดแห่งประเทศไทย ในการพิจารณาสินค้า หรือบริการ ที่จะจัดจำหน่ายภายในพื้นที่สถานีต่อไป

โดยคาดว่าจะสามารถจะได้ข้อสรุปร่วมกัน เกี่ยวกับ 3 ประเด็น ดังนี้ 1.ทำเลศักยภาพหรือพื้นที่ที่จะเสนอให้มีการพัฒนาเชิงพาณิชย์เพื่อจำหน่ายสินค้าโอทอป ผลิตภัณฑ์ที่มีศักยภาพ เช่น อาหาร เครื่องดื่ม ของใช้ ของที่ระลึก ฯลฯ บริการจากภูมิปัญญา เช่น การนวดแผนโบราณจากคนตาบอด เป็นต้น

2.รายละเอียดเงื่อนไขการเช่า เช่น อัตราค่าเช่า ข้อปฏิบัติในการใช้พื้นที่เชิงพาณิชย์ การคิดอัตราค่าเช่าที่มีความเหมาะสมและยืดหยุ่น กรณีที่ผู้เช่าเป็นหน่วยงานรัฐ มูลนิธิ สมาคม/องค์กรสาธารณะประโยชน์ที่ไม่แสวงหาผลกำไร

3.มาตรการด้านความปลอดภัยหรือข้อห้ามในเข้าใช้พื้นที่การจัดหาสินค้าและบริการภายในพื้นที่ของสถานีรถไฟ/รถไฟฟ้า

4.ข้อสรุปเกี่ยวกับประเภทสินค้าหรือบริการที่จะให้มีการเข้าจำหน่ายในสถานีรถไฟฟ้าและสถานีรถไฟทั่วประเทศ

ทั้งนี้จะสรุปความคืบหน้ารายงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเพื่อทราบ และจะได้มีการประสานงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผู้ประกอบการ ในการขับเคลื่อนการพัฒนาเชิงพาณิชย์ภายในสถานีขนส่งทางรางเพื่อส่งเสริมการสร้างโอกาสและสร้างรายได้แก่วิสาหกิจชุมชน ผู้ประกอบการสินค้าโอทอป รวมทั้งการสร้างงานให้แก่คนพิการและผู้สูงอายุที่มีศักยภาพ

Wisarut · Posted: 09/12/2020 11:29 am Post subject:

กรมการขนส่งทางราง ลงพื้นที่ตรวจสอบความพร้อมสภาพกายภาพสถานีกลางบางซื่อ เพื่อประเมินความพร้อมรองรับการเปิดใช้งานในปีหน้า และพิจารณาแนวทางจัดพื้นที่พัฒนาเชิงพาณิชย์สำหรับจำหน่ายสินค้า OTOP หรือผลิตภัณฑ์จากภูมิปัญญาท้องถิ่น เพื่อส่งเสริมการสร้างรายได้แก่ประชาชน ตามนโยบายรัฐบาล
กรมการขนส่งทางราง กระทรวงคมนาคม
วันที่ 8 ธันวาคม 2563 - 20:26 น.

วันนี้ (8 ธ.ค. 63) เจ้าหน้าที่กรมการขนส่งทางราง (ขร.) ลงสำรวจภาคสนามพื้นที่สถานีกลางบางซื่อ เพื่อประเมินความพร้อม สภาพกายภาพ สิ่งอำนวยความสะดวก และทางเดินเชื่อมต่อระบบขนส่งรูปแบบต่างๆในบริเวณย่านสถานีกลางบางซื่อ โดยได้ตรวจประเมินสิ่งอำนวยความสะดวก ได้แก่ ห้องน้ำ เคาน์เตอร์และตู้จำหน่ายตั๋ว ป้ายบอกทาง พื้นที่จอดรถและจุดจอดรับส่งผู้โดยสาร รวมทั้งคนพิการ ผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ และตรวจสอบความคืบหน้าการก่อสร้างอุโมงค์ทางเดินเชื่อมต่อสถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน (สถานีบางซื่อ) ก่อนการเปิดใช้งานปี พ.ศ. 2564 รวมถึง การสำรวจพื้นที่สำหรับการจัดจำหน่ายสินค้าหนึ่งตำบล หนึ่งผลิตภัณฑ์ (OTOP) เพื่อส่งเสริมภูมิปัญญา หรือบริการของชุมชน วิสาหกิจ กลุ่มคนพิการและผู้สูงอายุที่มีศักยภาพ ตามนโยบายรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม
ทั้งนี้ การก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อ และลักษณะกายภาพต่างๆ อยู่ระหว่างการปรับปรุง เพื่อให้พร้อมรองรับการใช้งานของประชาชน เพื่อให้เป็นศูนย์กลางด้านการขนส่งรางของไทย และภูมิภาคต่อไป

Wisarut · Posted: 11/12/2020 6:55 pm Post subject:

กรมรางตรวจบริการรถไฟ-รถไฟฟ้า เข้ม “สะดวก-สะอาด-ปลอดภัย”
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันที่ 10 ธันวาคม 2563 เวลา 11:59 น.

กรมการขนส่งทางราง ลงพื้นตรวจความพร้อม รถไฟฟ้า/รถไฟ ทั้งบริการสะดวก และสะอาด ปลอดภัย เพื่อรองรับการใช้บริการช่วงวันหยุดยาว 10-13 ธ.ค. 63

เมื่วันที่ 9 ธ.ค. 63 นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) นำคณะเจ้าหน้าที่ ขร.ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมในการให้บริการของหน่วยงานด้านการขนส่งระบบราง เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงวันหยุดต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 10-13 ธันวาคม 2563 ณ รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรลลิงก์ สถานีพญาไท และสถานีมักกะสัน, รถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล (MRT สายสีน้ำเงิน) สถานีเพชรบุรี สถานีสุขุมวิท และสถานีหัวลำโพง, รถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) สถานีพญาไท และสถานีอโศก, สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) และสถานีรถไฟบางซื่อ

โดยการลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นการตรวจความพร้อมตามแผนอำนวยความสะดวกและปลอดภัยของกระทรวงคมนาคมโดยมีรายละเอียดดังนี้

1. ด้านการอำนวยความสะดวก ประกอบด้วย การจำหน่ายตั๋วโดยสาร การจัดเจ้าหน้าที่ให้พอกับประมาณการใช้บริการของประชาชน จัดทำป้ายประชาสัมพันธ์เพื่อความเข้าใจและรวดเร็วในการใช้บริการ การจัดการเดินรถ รวมถึงการทำความสะอาดตัวสถานีและห้องน้ำให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ

2. ด้านความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัย ประกอบด้วย ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมรถและเจ้าหน้าที่ดูแลการเดินรถให้พร้อมและพอต่อการเดินรถ รวมถึงความพร้อมของขบวนรถให้บริการ จัดเจ้าหน้าที่พร้อมทั้งเพิ่มความเข้มข้นและความถี่ในการตรวจสัมภาระผู้โดยสารและเขตพื้นที่โดยรอบสถานี ตรวจสอบระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ระบบสื่อสารและอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยให้พร้อมใช้งาน การประชาสัมพันธ์แนะแนวทางการปฏิบัติด้านความปลอดภัยภายในสถานีและในขบวนรถให้ประชาชนทราบ

ทั้งนี้ จากสถานการณ์ของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ที่มีการกลับมาระบาดอีกครั้ง ขร.ได้กำชับผู้ให้บริการด้านการขนส่งระบบรางให้เข้มงวดตรวจสอบและติดตามการดำเนินมาตรการต่างๆ ในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในระบบขนส่งทางรางอย่างต่อเนื่อง เช่น การให้ผู้โดยสารสวมหน้ากากผ้า หรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ใช้บริการ ทั้งภายในสถานีและขบวนรถ งดการสนทนาภายในขบวนรถ หมั่นใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือทั้งก่อนและหลังการใช้บริการในระบบ รวมถึงหมั่นทำความสะอาดขบวนรถและสถานี เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชน โดย ขร.ขอความร่วมมือผู้ใช้บริการระบบการขนส่งทางรางปฏิบัติตามแนวทางและข้อกำหนดในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวอย่างเคร่งครัดต่อไป เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและสุขอนามัยที่ดีแก่ทุกคน

กรมรางตรวจความพร้อมรถไฟฟ้า-รถไฟ ส่งคนเดินทางวันหยุดยาว 10-13 ธ.ค.63
อสังหาริมทรัพย์
เผยแพร่: วันที่ 10 ธันวาคม 2563 เวลา 17:30 น.

กรมการขนส่งทางราง ลงพื้นตรวจความพร้อม รถไฟฟ้า รถไฟ รองรับการใช้บริการช่วงวันหยุดยาว 10-13 ธ.ค. ย้ำเข้มมาตรการโควิดต่อเนื่อง

เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2563 นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) นำคณะเจ้าหน้าที่ ขร. ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมในการให้บริการของหน่วยงานด้านการขนส่งระบบราง เพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนในช่วงวันหยุดต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 10-13 ธันวาคม 2563 ณ รถไฟฟ้าแอร์พอร์ต เรล ลิงก์ สถานีพญาไท และสถานีมักกะสัน, รถไฟฟ้าสายเฉลิมรัชมงคล (MRT สายสีน้ำเงิน) สถานีเพชรบุรี สถานีสุขุมวิท และสถานีหัวลำโพง, รถไฟฟ้าสายสีเขียว (BTS) สถานีพญาไท และสถานีอโศก, สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) และสถานีรถไฟบางซื่อ

โดยการลงพื้นที่ในครั้งนี้เป็นการตรวจความพร้อมตามแผนอำนวยความสะดวกและปลอดภัยของกระทรวงคมนาคมโดยมีรายละเอียดดังนี้

1.ด้านการอำนวยความสะดวก ประกอบด้วย การจำหน่ายตั๋วโดยสาร การจัดเจ้าหน้าที่ให้พอกับประมาณการใช้บริการของประชาชน จัดทำป้ายประชาสัมพันธ์เพื่อความเข้าใจและรวดเร็วในการใช้บริการ การจัดการเดินรถ รวมถึงการทำความสะอาดตัวสถานีและห้องน้ำให้พร้อมใช้งานอยู่เสมอ

2.ด้านความปลอดภัยและการรักษาความปลอดภัย ประกอบด้วย ตรวจสอบเจ้าหน้าที่ผู้ควบคุมรถและเจ้าหน้าที่ดูแลการเดินรถให้พร้อมและพอต่อการเดินรถ รวมถึงความพร้อมของขบวนรถให้บริการ จัดเจ้าหน้าที่พร้อมทั้งเพิ่มความเข้มข้นและความถี่ในการตรวจสัมภาระผู้โดยสารและเขตพื้นที่โดยรอบสถานี ตรวจสอบระบบกล้องโทรทัศน์วงจรปิด ระบบสื่อสารและอุปกรณ์รักษาความปลอดภัยให้พร้อมใช้งาน การประชาสัมพันธ์แนะแนวทางการปฏิบัติด้านความปลอดภัยภายในสถานีและในขบวนรถให้ประชาชนทราบ

ทั้งนี้ จากสถานการณ์ของการแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ที่มีการกลับมาระบาดอีกครั้ง ขร. ได้กำชับผู้ให้บริการด้านการขนส่งระบบรางให้เข้มงวดตรวจสอบและติดตามการดำเนินมาตรการต่าง ๆ ในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในระบบขนส่งทางรางอย่างต่อเนื่อง

เช่น การให้ผู้โดยสารสวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่ใช้บริการ ทั้งภายในสถานีและขบวนรถ งดการสนทนาภายในขบวนรถ หมั่นใช้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือทั้งก่อนและหลังการใช้บริการในระบบ

รวมถึงหมั่นทำความสะอาดขบวนรถและสถานี เพื่อดูแลความปลอดภัยของประชาชน โดยกรมขอความร่วมมือผู้ใช้บริการระบบการขนส่งทางราง ปฏิบัติตามแนวทางและข้อกำหนดในการป้องกันและควบคุมการแพร่ระบาดของโรคดังกล่าวอย่างเคร่งครัดต่อไป เพื่อให้เกิดความปลอดภัยและสุขอนามัยที่ดีแก่ทุกท่าน

Wisarut · Posted: 11/12/2020 7:42 pm Post subject:

^^^
ดูกันไปว่าจะไปรอดตลอดวันหยุดยาวหรือเปล่า

Wisarut · Posted: 14/12/2020 7:28 pm Post subject:

กรมการขนส่งทางราง กระทรวงคมนาคม
เผยแพร่: วันที่ 14 ธันวาคม 2563 เวลา 17:35 น.

ตรวจความพร้อมสถานีกลางบางซื่อ และโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) รับนายกรัฐมนตรี
วันนี้ (14 ธ.ค. 63) นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ รองปลัดกระทรวงคมนาคม รักษาราชการแทนอธิบดีกรมการขนส่งทางราง พร้อมด้วยนายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง ร่วมตรวจสถานีกลางบางซื่อ และโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) เพื่อเตรียมความพร้อมรับนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี เยี่ยมชมสถานีกลางบางซื่อ และโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ในวันที่ 15 ธันวาคม 2563 โดยมี นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เป็นหัวหน้าคณะ และนายชยธรรม์ พรหมศร ปลัดกระทรวงคมนาคม นายจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก ประธานกรรมการรถไฟแห่งประเทศไทยนายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ร่วมตรวจเยี่ยมในครั้งนี้

Wisarut · Posted: 15/12/2020 10:56 am Post subject:

กรมรางฯ เคาะมาตรฐานการต่อโครงข่ายระบบไฟฟ้าเพื่อความปลอดภัยสูงสุดในการเดินรถไฟ
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันที่ 15 ธันวาคม 2563 เวลา 08:55 น.
กรมรางถกผู้ให้บริการรถไฟฟ้า-กสทช.-กฟผ.เห็นชอบร่างมาตรฐานระบบไฟฟ้าของการเดินรถขนส่งทางราง “การต่อลงดินและการต่อฝากบนโครงข่ายรถไฟสายประธาน” ตั้งแต่ออกแบบ ติดตั้ง ทดสอบและบำรุงรักษา เพื่อความปลอดภัยสูงสุดและรองรับการพัฒนาระบบรางของประเทศ

เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 63 นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการจัดทำมาตรฐานด้านไฟฟ้าและอาณัติสัญญาณของระบบราง ครั้งที่ 2/2563 เพื่อพิจารณาเห็นชอบ (ร่าง) มาตรฐานระบบไฟฟ้าของการเดินรถขนส่งทางราง เรื่อง “การต่อลงดินและการต่อฝากบนโครงข่ายรถไฟสายประธาน” ประกอบด้วย

1. การต่อลงดินและการต่อฝาก
2. ข้อกำหนดการออกแบบ
3. คุณสมบัติของส่วนประกอบการต่อลงดินและการต่อฝาก
4. ข้อกำหนดการทำงาน
5. การติดตั้ง
6. ความปลอดภัย
7. การทดสอบและตรวจสอบก่อนการใช้งาน
8. การปฏิบัติงานและการบำรุงรักษา

มาตรฐานดังกล่าวมีความจำเป็นเนื่องจากระบบรถไฟสายประธานที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้ามีความเป็นสาธารณะ โดยเปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าใช้งาน ทำให้การป้องกันอันตรายจากการสัมผัสทั้งโดยตรงและโดยอ้อมเพื่อรับประกันความปลอดภัยต่อผู้โดยสารที่ใช้บริการมีความสำคัญเป็นลำดับแรก และต้องทำการออกแบบ ติดตั้ง ทดสอบ และตรวจสอบอย่างรัดกุมก่อนเปิดให้บริการ

ทั้งนี้ ในการประชุมมีผู้แทนจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) บริษัท รถไฟฟ้า ร.ฟ.ท. จำกัด (รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์) บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BTSC การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เข้าร่วม

Wisarut · Posted: 16/12/2020 11:41 am Post subject:

กรมการขนส่งทางรางได้ให้ข้อเท็จจริงเกี่ยวกับสถานีกลางบางซื่อ ศูนย์กลางแห่ง "ระบบราง" ยุคใหม่ของไทยและอาเซียน ดังที่เห็นนี้
https://www.facebook.com/DRT.OfficialFanpage/posts/837290723714540

Wisarut · Posted: 16/12/2020 12:45 pm Post subject:

ครม.แต่งตั้งบิ๊กคมนาคม “ศักดิ์สยาม” ดัน 2 ลูกหม้อทางหลวงนั่งอธิบดีกรมราง-ทย.
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันที่ 15 ธันวาคม 2563 เวลา 14:29 น.

ครม.แต่งตั้ง “บิ๊กคมนาคม” ดัน 2 รองฯ กรมทางหลวง “อภิรัฐ-กิตติพันธ์” ผงาดนั่ง “อธิบดีกรมท่าอากาศยาน-กรมการขนส่งทางราง” ส่วน “ปัญญา ชูพานิช” ขึ้น ผอ.สนข.ตามคาด

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวคมนาคม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 15 ธ.ค. ได้มีมติอนุมัติเลื่อนตำแหน่งและแต่งตั้งผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงคมนาคม ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ จำนวน 5 ราย ได้แก่

1. นายกริชเพชร ชัยช่วย รองอธิบดี (นักบริหารระดับต้น) กรมเจ้าท่า (จท.) ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงฯ สำนักปลัดกระทรวงคมนาคม
2. นางจันทิรา บุรุษพัฒน์ รองอธิบดี กรมการขนส่งทางบก (ขบ.) ไปดำรงตำแหน่งผู้ตรวจราชการกระทรวงฯ
3. นายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย รองอธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) ไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมท่าอากาศยาน (ทย.)
4. นายปัญญา ชูพานิช รองผู้อำนวยการ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) ไปดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการ สนข.
5. นายกิตติพันธ์ ปานจันทร์ รองอธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) ไปดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.)

ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้งเป็นต้นไป

ตั้ง 2 ลูกหม้อ ทล.ผงาดคุมกรมราง และกรมท่าอากาศยาน

รายงานข่าวแจ้งว่า นายกิตติพันธ์ ปานจันทร์ ว่าที่อธิบดีกรมการขนส่งทางราง คนที่ 2 ปัจจุบันอายุ 59 ปี โดยเพิ่งได้รับแต่งตั้งเป็นรองอธิบดีกรมทางหลวง ฝ่ายบริหาร เมื่อวันที่ 14 เมษายน 2563

ส่วนนายนายอภิรัฐ ไชยวงศ์น้อย ว่าที่อธิบดีกรมท่าอากาศยาน ปัจจุบันอายุ 56 ปี ได้รับแต่งตั้งเป็นรองอธิบดีกรมทางหลวง ฝ่ายดำเนินงาน เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2563

สำหรับผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม เป็นนักบริหารระดับสูง (ระดับ 10) มีทั้งหมด 6 คน ปัจจุบันมีการแต่งตั้งทดแทนผู้เกษียณอายุครบทั้ง 6 คนแล้ว

Wisarut · Posted: 22/12/2020 3:13 pm Post subject:

‘กรมรางฯ’ ลุยแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 หนุนใช้รถไฟ EV พร้อมเข้มมาตรการป้องกัน ‘โควิด-19’
เผยแพร่: วันที่ 22 ธันวาคม 2563

“กรมรางฯ” ลุยแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5-เข้มมาตรการป้องกัน “โควิด-19” หนุนใช้รถไฟ EV พร้อมเสนอการรถไฟฯ เร่งหาเครื่องตรวจวัดควันดำ ก่อนนำออกให้บริการ
รายงานข่าวจากกรมการขนส่งทางราง (ขร.) ระบุว่า วานนี้ (21 ธ.ค. 2563) นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ รองอธิบดี ขร. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ขร. ลงพื้นที่ ณ โรงรถจักรดีเซลบางซื่อ และโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ช่วงสถานีรัชดา-สถานีลำสาลี) และสายสีส้ม (ช่วงสถานีลำสาลี–สถานีรามคำแหง 12) เพื่อติดตามการดำเนินมาตรการตามแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) และการดำเนินงานมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19)

ในส่วนของการลงพื้นที่โรงรถจักรดีเซลบางซื่อ ขร. ได้ดำเนินการติดตามการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ของเจ้าหน้าที่ที่ทำงานในโรงรถจักรบางซื่อ ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ดำเนินปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด รวมถึงการแก้ไขปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 โดย ขร. ได้ดำเนินการตรวจวัดควันดำรถจักรรุ่นต่างๆ ซึ่งผลการตรวจวัดอยู่ในค่ามาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด

ทั้งนี้ ขร. ได้เสนอให้ รฟท. เร่งจัดหาเครื่องตรวจวัดควันดำ เพื่อใช้ตรวจวัดก่อนนำรถจักร/รถพ่วงปรับอากาศ/รถดีเซลรางมาให้บริการ พร้อมทั้งเพิ่มความเข้มข้นในการซ่อมบำรุงรถจักรและล้อเลื่อนให้เป็นไปตามวาระการซ่อมบำรุง และต้องมีการตรวจสอบรถจักรก่อนนำมาให้บริการทุกครั้ง และให้ประสานบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และผู้ผลิตเครื่องยนต์รถจักรในการสนับสนุนการรองรับน้ำมันเชื้อเพลิง B10 ซึ่งจะมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ที่ต่ำกว่าน้ำมันเชื้อเพลิง B7 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน พร้อมเสนอให้ รฟท. พิจารณานำรถไฟ EV มาให้บริการประชาชนเพื่อลดมลภาวะทางอากาศ

สำหรับการลงพื้นที่ตรวจโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ช่วงสถานีรัชดา-สถานีลำสาลี) และสายสีส้ม (ช่วงสถานีลำสาลี–สถานีรามคำแหง 12) ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ผลการตรวจเป็นที่น่าพอใจ ซึ่ง รฟม. ได้ดำเนินการปฏิบัติตามมาตรฐานการป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 โดยให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกคนจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยอยู่ และหมั่นล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์ นอกจากนี้ รฟม. ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาและลดฝุ่นละออง PM 2.5 โดยติดตั้งเครื่องฉีดพ่นละอองน้ำแรงดันสูงตามแนวเส้นทางพื้นที่ก่อสร้างบริเวณที่มีการจราจรหนาแน่น รวมถึงดำเนินการจัดให้มีรถดูดฝุ่นเพื่อทำความสะอาดถนนสาธารณะตามแนวเส้นทางโครงการทุกวันเพื่อลดผลกระทบด้านฝุ่นละอองต่อไป
https://www.facebook.com/ake.bluechifamily/posts/3662700943776824

กรมรางหนุนใช้รถไฟ EV ลดปัญหาฝุ่น PM2.5

22 ธันวาคม พ.ศ. 2563 เวลา 16:01 น.

22 ธ.ค.63 O นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง (ขร.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ ขร. ลงพื้นที่เพื่อติดตามการดำเนินมาตรการตามแผนปฏิบัติการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) และการดำเนินงานมาตรการป้องกันการแพร่ระบาด covid-19 เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม 2563 ณ โรงรถจักรดีเซลบางซื่อ และโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ช่วงสถานีรัชดา – สถานีลำสาลี) และสายสีส้ม (ช่วงสถานีลำสาลี– สถานีรามคำแหง 12)

ค้นพบรถ SUV ที่ขายไม่ออกของปี 2020 – ดูตัวเลือกที่มีให้ในตอนนี้
SUV | ค้นหาโฆษณา
อย่างไรก็ตามการลงพื้นที่โรงรถจักรดีเซลบางซื่อ ขร. ได้ดำเนินการติดตามการป้องกันการแพร่ระบาด covid-19 ของเจ้าหน้าที่ที่ทำงานในโรงรถจักรบางซื่อ ซึ่งการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้ดำเนินปฏิบัติตามมาตรการอย่างเคร่งครัด รวมถึงการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) โดย ขร. ได้ดำเนินการตรวจวัดควันดำรถจักรรุ่นต่างๆ ซึ่งผลการตรวจวัดอยู่ในค่ามาตรฐานตามที่กฎหมายกำหนด

ทั้งนี้ ขร. ได้เสนอให้ รฟท. เร่งจัดหาเครื่องตรวจวัดควันดำ เพื่อใช้ตรวจวัดก่อนนำรถจักร/รถพ่วงปรับอากาศ/รถดีเซลรางมาให้บริการ พร้อมทั้งเพิ่มความเข้มข้นในการซ่อมบำรุงรถจักรและล้อเลื่อนให้เป็นไปตามวาระการซ่อมบำรุง และต้องมีการตรวจสอบรถจักรก่อนนำมาให้บริการทุกครั้ง และให้ประสานบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และผู้ผลิตเครื่องยนต์รถจักรในการสนับสนุนการรองรับน้ำมันเชื้อเพลิง B10 ซึ่งจะมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ที่ต่ำกว่าน้ำมันเชื้อเพลิง B7 ที่ใช้อยู่ในปัจจุบัน พร้อมเสนอให้ รฟท. พิจารณานำรถไฟ EV มาให้บริการประชาชนเพื่อลดมลภาวะทางอากาศ

สำหรับการลงพื้นที่ตรวจโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ช่วงสถานีรัชดา – สถานีลำสาลี) และสายสีส้ม (ช่วงสถานีลำสาลี– สถานีรามคำแหง 12) ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ผลการตรวจเป็นที่น่าพอใจ ซึ่ง รฟม. ได้ดำเนินการปฏิบัติตามมาตรฐานการป้องกันการแพร่ระบาด covid-19 โดยให้เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานทุกคนจะต้องสวมใส่หน้ากากอนามัยอยู่ และหมั่นล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอล์

นอกจากนี้ รฟม. ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาและลดฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM 2.5) โดยติดตั้งเครื่องฉีดพ่นละอองน้ำแรงดันสูงตามแนวเส้นทางพื้นที่ก่อสร้างบริเวณที่มีการจราจรหนาแน่น รวมถึงดำเนินการจัดให้มีรถดูดฝุ่นเพื่อทำความสะอาดถนนสาธารณะตามแนวเส้นทางโครงการทุกวันเพื่อลดผลกระทบด้านฝุ่นละอองต่อไป

https://www.facebook.com/DRT.OfficialFanpage/posts/841053633338249

Wisarut · Posted: 26/12/2020 11:53 pm Post subject:

กรมการขนส่งทางรางออกประกาศเรื่อง มาตรการพึงปฏิบัติการจัดการระบบขนส่งทางรางภายใต้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ฉบับที่ 7
กรมการขนส่งทางราง กระทรวงคมนาคม
เผยแพร่: วันที่ 25 ธันวาคม 2563 เวลา 16:54 น.

นายพิเชฐ คุณาธรรมรักษ์ รองอธิบดีกรมการขนส่งทางราง เปิดเผยหลัง ลงนามในประกาศกรมการขนส่งทางราง เรื่องมาตรการพึงปฏิบัติการจัดการระบบขนส่งทางรางภายใต้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักรเพื่อควบคุมการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) ฉบับที่ 7 ว่าตามที่ตามที่ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) ได้มีการประชุมเมื่อวันที่ 24 ธันวาคม 2563 และมีมติแบ่งพื้นที่ตามสถานการณ์ที่มีความเสี่ยงสูงไปเสี่ยงต่ำเพื่อใช้มาตรการควบคุมโรค ทั้ง 30 จังหวัด ดังนี้
1. พื้นที่ควบคุมสูงสุด เป็นพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อจำนวนมากและมีมากกว่า 1 พื้นที่ จำนวน 1 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสาคร
2. พื้นที่ควบคุม เป็นพื้นที่ที่ติดกับพื้นที่สีแดงหรือพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อมากกว่า 10 ราย และมีแนวโน้มผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น จำนวน 4 จังหวัด ได้แก่ กรุงเทพมหานคร สมุทรสงคราม ราชบุรี และนครปฐม
3. พื้นที่เฝ้าระวังสูง เป็นพื้นที่ที่มีผู้ติดเชื้อไม่เกิน 10 ราย และมีแนวโน้มสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ จำนวน 25 จังหวัด ได้แก่ สระบุรี สมุทรปราการ สุพรรณบุรี นนทบุรี ปทุมธานี อุตรดิตถ์ ฉะเชิงเทรา กำแพงเพชร เพชรบูรณ์ อยุธยา ภูเก็ต เพชรบุรี นครราชสีมา ปราจีนบุรี กระบี่ ขอนแก่น ชัยนาท อุดรธานี พิจิตร นครศรีธรรมราช สุราษฎร์ธานี ประจวบคีรีขันธ์ ชัยภูมิ นครสวรรค์ และอ่างทอง
4. พื้นที่เฝ้าระวัง เป็นพื้นที่ยังไม่มีผู้ติดเชื้อ และไม่มีสิ่งบอกเหตุว่าจะมีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสฯโดยมีความเข้มงวดในการควบคุมกิจกรรมแตกต่างกันในแต่ละโซน
เพื่อให้สอดคล้องตามมาตรการของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) กรมการขนส่งทางรางจึงประกาศมาตรการพึงปฏิบัติการจัดการระบบขนส่งทางราง เพื่อขอความร่วมมือหน่วยงานผู้ให้บริการระบบขนส่งทางรางทุกระบบถือปฏิบัติเพิ่มเติมดังต่อไปนี้
ข้อ 1 ให้ติดตามสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID - 19) และถือปฏิบัติให้เป็นไปตามประกาศของศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด - 19) คำสั่งผู้ว่าราชการจังหวัดแต่ละจังหวัด และประกาศกระทรวงสาธารณสุขโดยเคร่งครัด
ข้อ 2 ห้ามมิให้แรงงานต่างด้าวโดยสารระบบขนส่งทางราง เพื่อป้องกันแรงงานต่างด้าวเคลื่อนย้ายข้ามเขตพื้นที่จังหวัดในกรณีพื้นที่ควบคุมสูงสุดและพื้นที่ควบคุมไปยังเขตพื้นที่จังหวัดอื่น โดยให้เพิ่มกำลังเจ้าหน้าที่ในการตรวจคัดกรองผู้โดยสารและควบคุม
กรมการขนส่งทางราขอความร่วมมือทั้งผู้ให้บริการระบบขนส่งทางรางปฏิบัติตามประกาศดังกล่าวตั้งแต่วันนี้ (25 ธันวาคม ๒๕๖๓) เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) จะคลี่คลายหรือมีประกาศเปลี่ยนแปลงเป็นอย่างอื่น เพื่อร่วมกันลดการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสฯ ต่อไป