View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Popular
3rd Class Pass
Joined: 03/07/2006 Posts: 64
Location: นครสวรรค์
|
Posted: 12/01/2008 10:25 am Post subject: รถดีเซลรางที่ทำขบวน2คันและรถดีเซลรางที่ขบวนหลายๆคัน |
|
|
คือผมอยากทราบว่ารถดีเซลรางทุกขบวน ขบวนที่ใช้ทำขบวน 2 คันและ ขบวนที่ทำขบวน 3 คันขึ้นไปหรือหลายๆ คัน ขบวนไหนจะทำขบวนง่ายกว่ากันครับ แล้วเวลาวิ่งอันไหนจะคล่องตัวกว่ากันครับ แล้วความไวรถจะเท่ากันรึเปล่าครับ ขอบคุณล่วงหน้าด้วยนะครับ _________________ ที่นี่สถานีนครสวรรค์ |
|
Back to top |
|
|
Compressor
1st Class Pass (Air)
Joined: 05/12/2007 Posts: 1775
Location: ตลอดปลายทางอุบลราชธานี
|
Posted: 12/01/2008 10:44 am Post subject: |
|
|
ตามความคิดของผมนะครับ
อันไหนทำขบวนง่ายกว่า
- 2 คัน เพราะว่า จัดขบวนได้เร็วที่สุด และทำการตรวจรถได้เร็วที่สุด ยิ่งพ่วงยาว ก็ต้องยิ่งตรวจรถนาน เพราะทุกคันเป็นรถกำลังทั้งหมด (ยกเว้นกรณี RH และ RHN น่อ)
อันไหนคล่องตัวกว่า
- ในทางกลับกัน ยิ่งพ่วงยาว ยิ่งคล่องตัวครับ เพราะสามารถออกตัวรถได้เร็วมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีรถกำลังหลายคัน
อันไหนเร็วกว่า
- ถึงจะแค่ 2 คัน หรือพ่วงเป็นสิบๆกัน หากเป็นดีเซลรางแดวูก็ไม่สามารถวิ่งเกิน 120 กม./ชม. อยู่ดี ไม่งั้น พขร. ท่านนั้นเงินเดือน อาจจะหดลงมาได้.... |
|
Back to top |
|
|
mahachai_drc
VIP Member
Joined: 06/11/2006 Posts: 758
Location: เมืองประมง ดงโรงงาน ลานเกษตร เขตประวัติศาสตร์
|
Posted: 12/01/2008 10:50 am Post subject: |
|
|
ในมุมมองของพนักงานก็ต้องบอกว่ายิ่งน้อยคันความคล่องตัวก็ต้องมีมากกว่าอยู่แล้ว การตรวจรถก็สบายกว่ากัน พขร.มองดูท้ายขบวนได้ทั่วถึงกว่า แต่ในเรื่องของประสิทธิภาพของรถนั้นมันก็ขึ้นกับความสมบูรณ์ของรถแต่ละคันด้วย ถ้านำรถที่ไม่สมบูรณ์เข้าไปพ่วงในขบวนมันก็จะไปดึงกันไปถ่วงกันอีก แต่ถ้ารถดีๆเหมือนกันหมดก็คงไม่เป็นปัญหาอะไร ในเรื่องของห้ามล้อนั้นถ้าเป็นรถ THN หรือ NKF นั้นตำราก็บอกว่าประสิทธิภาพการห้ามล้อไม่เหมาะที่จะพ่วงให้ยาวเกินกว่าสิบคัน เนื่องจากว่าการสร้างลมที่ใช้ในการควบคุมห้ามล้อนั้นมาจากคันหน้าคันเดียว ถ้าระบบไฟฟ้ายังใช้ได้ดีเหมือนเดิมการสร้างลมแต่ละคันสามารถช่วยสร้างได้ ห้ามล้อก็จะคลายเร็ว(หมายถึงลมที่ใช้ในการควบคุมห้ามล้อที่เรียกว่าลม BP )ก็ไม่เป็นปัญหาเท่าไหร่ น้อยคันปัญหาเรื่องห้ามล้อลักจับก็ไม่ค่อยมีครับ แต่การพ่วงหลายคันดีตรงที่ถ้าคันหนึงเสียคันอื่นก็ยังช่วยได้ แต่ถ้ามีสองคัน คันหนึ่งเสีย อีกคันอาจลากไม่ไหว หรือทำให้รถช้าได้ ถ้ารถที่เสียเป็นคันนำ(ไม่ได้ติดเครื่อง)Head Light ก็ไม่ค่อยจะสว่างด้วยครับ |
|
Back to top |
|
|
automotive
3rd Class Pass
Joined: 03/07/2006 Posts: 133
Location: แถวสถานีรถไฟ แม่กลอง
|
Posted: 12/01/2008 2:38 pm Post subject: |
|
|
สงสัยว่าช.คงจะเจอแบบรถ 2 คันใช้เครื่องยนต์เดียวบ่อยในฝังแม่กลองหรือปล่าวครับใช้ 2 เครื่องทำให้ผมตกรถไฟฝังมหาชัยอยู่รอบนึงกะว่าจะไปวงเวียนใหญ่รถเข้าบ้านแหลม 10.25น.พอไปถึงรถไฟกำลังออกพอดีเลย |
|
Back to top |
|
|
pattharachai
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 6536
Location: ราชอาณาจักรไทย
|
Posted: 12/01/2008 3:01 pm Post subject: |
|
|
ถ้าพ่วงกันยาวๆ ใช้รถจักรลากคงจะคุ้มกว่าครับ |
|
Back to top |
|
|
casanotoey
3rd Class Pass (Air)
Joined: 03/07/2006 Posts: 412
|
Posted: 12/01/2008 3:09 pm Post subject: |
|
|
จำได้ว่าเมื่อ10กว่าปีกว่า ตอนที่ THN NKF เพิ่งมาใหม่ๆ ได้ใช้ทำขบวน กท-ลบ กท-กค พ่วงรวมกันในทางช่วง กท-ภช ยาวมากๆ เท่าที่จำได้รถขบวน กท-ลบ จะใช้รถประมาณ 5 โบกี้ ส่วนขบวน กท-กคจะใช้ประมาณ 7 โบกี้ รวมเป็น 12โบกี้ และยิ่งในคืนวันศุกร์จะแถม ด้วย กท-ภช อีก2 โบกี้ ยิ่งยาวมากเลย |
|
Back to top |
|
|
mahachai_drc
VIP Member
Joined: 06/11/2006 Posts: 758
Location: เมืองประมง ดงโรงงาน ลานเกษตร เขตประวัติศาสตร์
|
Posted: 12/01/2008 4:04 pm Post subject: |
|
|
automotive wrote: | สงสัยว่าช.คงจะเจอแบบรถ 2 คันใช้เครื่องยนต์เดียวบ่อยในฝังแม่กลองหรือปล่าวครับใช้ 2 เครื่องทำให้ผมตกรถไฟฝังมหาชัยอยู่รอบนึงกะว่าจะไปวงเวียนใหญ่รถเข้าบ้านแหลม 10.25น.พอไปถึงรถไฟกำลังออกพอดีเลย |
โดยปกติถ้าเครื่องยนต์ชำรุดต้อง off cccs มาก็ต้องแจ้งช่างมาทำการแก้ไข ถ้าอยู่กลางตอนหรืออยู่ที่แม่กลองก็ต้องประคองมาถึงบ้านแหลม แน่นอนรถต้องช้าลมห้ามล้อก็จะไม่ค่อยดีด้วย |
|
Back to top |
|
|
pak_nampho
1st Class Pass (Air)
Joined: 25/06/2007 Posts: 2371
Location: คนสี่แควพลัดถิ่น ทำมาหากิน ที่เกาะภูเก็ต
|
Posted: 12/01/2008 4:06 pm Post subject: |
|
|
casanotoey wrote: | จำได้ว่าเมื่อ10กว่าปีกว่า ตอนที่ THN NKF เพิ่งมาใหม่ๆ ได้ใช้ทำขบวน กท-ลบ กท-กค พ่วงรวมกันในทางช่วง กท-ภช ยาวมากๆ เท่าที่จำได้รถขบวน กท-ลบ จะใช้รถประมาณ 5 โบกี้ ส่วนขบวน กท-กคจะใช้ประมาณ 7 โบกี้ รวมเป็น 12โบกี้ และยิ่งในคืนวันศุกร์จะแถม ด้วย กท-ภช อีก2 โบกี้ ยิ่งยาวมากเลย |
จริงครับคุณcasanotoeyเมื่อก่อนรถจักร/รถดีเซลรางยังไม่ชำรุดหรือตึงตัวมากเหมือนทุกวันนี้ ปี 2521 ผมมาเรียนกรุงเทพขบวน 159 นว. - กท.
ทำขบวนด้วย Hitachi RHN จำนวน 4 ชุด 8 โบกี้ ผู้โดยสารก้ไม่โหรงเหรงเหมือนทุกวันนี้และนักเรียนโรงเรียนเลิกเดินทางด้วยรถไฟกลับบ้านก็มาก
ผมว่าสาเหตุน่าจะมาจากถ้าเดินทางด้วยรถยนต์ หรือ บ.ข.ส. 99 ก็อันตรายเพราะถนนสายหลักหรือทางหลวงแผ่นดินยังเป็นเลนเดียวรถทัวร์ยังมีไม่มาก
ผมขออนุญาตนำรูปรถดีเซลราง Hitachi RHN สีดั้งเดิม คือ น้ำเงิน-ขาว ของ นสน.าย จากระทู้เล่าเรื่องจากกำหนดเวลาเดินรถในอดีต มาประกอบนะครับ
Compressor wrote: |
อันไหนคล่องตัวกว่า / อันไหนเร็วกว่า
- ในทางกลับกัน ยิ่งพ่วงยาว ยิ่งคล่องตัวครับ เพราะสามารถออกตัวรถได้เร็วมากยิ่งขึ้น เนื่องจากมีรถกำลังหลายคัน |
ผมไม่ทราบว่ายิ่งพ่วงยาวยิ่งคล่องตัวหรือไม่นะ.... แต่ ทราบว่าขบวนรถออกตัวจากสถานีได้เร็ว และทำความเร็วรถลอยตัวเร็วเหมือนกัน พิกัดความเร็วเมื่อก่อน
น่าจะประมาณ 85 กม/ ชม สาเหตุคงมาจาก น้ำหนักรถไม่มากเลยคล่องตัวก็ได้ _________________ +++++++++++++++++ ๑๑๖ ปี รถไฟไทยก้าวไกล....จากรถจักรไอน้ำ +++++++++++++++++
....................บุตร ครฟ. พขร.ตรี แขวงรถพ่วงปากน้ำโพ ................... |
|
Back to top |
|
|
mahachai_drc
VIP Member
Joined: 06/11/2006 Posts: 758
Location: เมืองประมง ดงโรงงาน ลานเกษตร เขตประวัติศาสตร์
|
Posted: 12/01/2008 4:42 pm Post subject: |
|
|
casanotoey wrote: | จำได้ว่าเมื่อ10กว่าปีกว่า ตอนที่ THN NKF เพิ่งมาใหม่ๆ ได้ใช้ทำขบวน กท-ลบ กท-กค พ่วงรวมกันในทางช่วง กท-ภช ยาวมากๆ เท่าที่จำได้รถขบวน กท-ลบ จะใช้รถประมาณ 5 โบกี้ ส่วนขบวน กท-กคจะใช้ประมาณ 7 โบกี้ รวมเป็น 12โบกี้ และยิ่งในคืนวันศุกร์จะแถม ด้วย กท-ภช อีก2 โบกี้ ยิ่งยาวมากเลย |
thnเมื่อมาใหม่ๆระบบห้ามล้อยังสมบูรณ์ เรียกว่า DA-1-E ใช้ลมในการควบคุมห้ามล้อและมีระบบไฟฟ้าเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพด้วย การพ่วงยาวๆคงไม่มีปัญหาเท่าไหร่ สมัยผมอยู่ธนบุรีก็เคยใช้10คันวิ่งธนบุรีไปหลังสวน ก็เริ่มมีปัญหาเรื่องห้ามล้อลักจับแล้ว บางท่านอาจสงสัยว่ารถดีเซลรางแต่ละคันมันก็มีเครื่องทำลมกันทุกคันต่อยาวหรือสั้นไม่น่าจะเกี่ยว แต่ก็ขออธิบายว่า ในรถดีเซลที่ต่อเป็นขบวนนั้นจะมีท่ออยู่ 2 ท่อที่ต่อถึงกันตลอดทุกคัน นั่นก็คือ MR กับ BP เครื่องทำลมทุกคันก็จะสร้างลมเข้าไปรวมกันในท่อMRซึ่งมีแรงดันประมาณ7kg/cm2 ส่วนลม BP นั้นก็มาจาก ลมMRที่ผ่านมือห้ามล้อในท่าคลาย ผ่านFeedValve ซึ่งทำหน้าทีลดแรงดันลมมาเหลือ 5 kg/cm2 เข้าสู่ท่อลมBP ซึ่งต่อถึงกันตลอดทุกคัน ซึ่งลมBPนี้แหละที่จะไปใช้ในการควบคุมการห้ามล้อของแต่ละคัน
แต่ลมBPนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากคันนำเท่านั้น(ถ้าไม่มีไฟฟ้าเข้ามาเกี่ยว)ส่วนคันตามมือห้ามล้อจะอยู่ในท่าถอดมือห้ามล้อซึ่งจะปิดทางลมทั้งหมดเพราะฉะนั้นลมMRไม่สามารถออกมาเป็นลมBPได้ ต้องอาศัยมาจากคันนำคันเดียว เพราะฉะนั้นยิ่งต่อยาวการรั่วไหลประสิทธิภาพในการห้ามล้อของคันท้ายก็จะด้อยลงไปเรื่อยๆ ลองนึกภาพเหมือนกับการใชรถจักรลากจูงขบวนรถต้องอาศัยลมBPจากรถจักรเหมือนกัน คันท้ายๆห้ามล้อก็จะจับช้ากว่า
หลักการทำงานของระบบห้ามล้อก็คือ ถ้าลมลดลงห้ามล้อก็จะจับ ถ้าแรงดันลมยิ่งลดลงมากเท่าไหร่ห้ามล้อก็จับมากขึ้นเท่านั้น
Last edited by mahachai_drc on 12/01/2008 5:22 pm; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
mahachai_drc
VIP Member
Joined: 06/11/2006 Posts: 758
Location: เมืองประมง ดงโรงงาน ลานเกษตร เขตประวัติศาสตร์
|
Posted: 12/01/2008 4:57 pm Post subject: |
|
|
ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้รถมากคันออกตัวหรือวิ่งได้เร็วนั้นก็อาจจะเกี่ยวกับload ถ้าจำนวนผู้โดยสารเท่ากันยิ่งรถมากloadของแต่ละคันก็จะยิ่งน้อย ที่มหาชัยเคยใช้วิ่ง4คันผู้โดยสารนั่งกันสบายไม่แน่น แต่ถ้าเหลือ3คันรถจะแน่น โหลดแต่ละคันก็จะมาก ก็จะทำให้รถออกตัวและวิ่งได้ช้า
ถ้ามีรถก็ต่อยาวไห้ได้ครับแต่ในขณะที่สถานการณ์รถน้อยลงเนื่องจากขาดอะไหล่ ที่มหาชัย กักซ่อม2คันเนื่องจากรอTorque ที่วิ่งอยู่ Torque ก็ใช้ไม่ได้ 2 คัน พ่วงไปเพื่อช่วยการโดยสารติดเครื่องไว้เพื่อช่วยทำลมแต่ไม่มีกำลังลากจูง |
|
Back to top |
|
|
|