View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42839
Location: NECTEC
|
Posted: 25/08/2008 4:39 pm Post subject: ไปมาระหว่างกรุงเทพ - เชียงใหม่ 2459 และ 2464 |
|
|
จากมานวสาร
สมัยก่อน ตอนที่ตั้งโรงเรียนมหาดเล็กหลวงที่เชียงใหม่ ปี 2459 ผู้บัญชาการโรงเรียนท่านต้องนั่งรถไฟ จากกรุงเทพ (หรือสถานีสามเสนก็ไม่แน่ใจ) ไปพิษณุโลก แล้วนอนค้างพิษณุโลก 1 คืน ก่อนขึ้น ขบวนพิษณุโลก - ลำปาง แล้วค้างที่ลำปาง 1 คืน จากนั้น จึงนั่งรถงานจากลำปางไปปลายรางแล้วขี่ม้าข้ามขุนตานไปลำพูน ก่อน นั่งรถ จากลำพูนมา เชียงใหม่
ต่อมาปี 2464 ต่อปี 2465 เด็กชายตุ๊ จารุเสถียร นักเรียน โรงเรียนมหาดเล็กหลวงที่เชียงใหม่ มีเหตุต้องย้ายลงมากรุงเทพ เลยนั่งรถไฟ จากเชียงใหม่ มาลำปาง แล้วค้างที่ลำปาง 1 คืน จากนั้น จึงนั่งรถ จากลำปาง มาพิษณุโลก แล้วค้างพิษณุโลก อีก 1 คืน แล้วจึงนั่งไปเข้ากรุงเทพ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42839
Location: NECTEC
|
Posted: 18/09/2008 2:55 pm Post subject: |
|
|
เนื่องจากทางรถไฟ สาย พระตะบอง เป็นทางที่ญี่ปุ่นใช้ขนทหารจากไซ่ง่อน มาที่กรุงเทพ ทำให้เป็นเส้นทางเป้าหมายของพวกไทยถีบในการขโมยของจากขบวนรถไฟ ที่ ข้ามแดนที่สวายดอนแก้ว
http://prachatai.com/05web/th/home/13209 |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42839
Location: NECTEC
|
Posted: 21/09/2008 1:03 pm Post subject: |
|
|
เมื่อปี 2455 ต่อปี 2456 หลังเปิดเส้นทางจากแม่พวกไป ปากปาน (ผ่านเด่นชัย) ก็มีการถกเถียงในคณะเสนาบดีว่า พอพ้นเด่นชัย แล้วจะใช้รางขนาดอะไรดีในทางตอนภูเขา เพราะ การทำทางช่วงอุตรดิตถ์ - เด่นชัย ต้อง ขุดอุโมงค์ปางตูบขอบ และ อุโมงค์เขาพลึงต้องสิ้นค่าใช้จ่ายไปมากเหลือเกิน เลยคิดจะลดต้นทุนโดยการใช้ราง 1 เมตร จากเด่นชัยไปเชียงใหม่ ลงไป 1ล้านบาท
แต่เจ้ากรมารถไฟ ไวเลอร์ได้ถกกับคณะเสนาบดีว่า การจะทำ Gauge Breaking ที่เดิ่นชัยจะเป้ฯการได้ไม่คุ้มเสีย เพราะ เฉพาะค่าใช้จ่ยในการต้องมีโรงรถจักรและเครื่อง อาไหล่ 2 ชุดที่เด่นชัย ก็ปาเข้าไป 3แสนบาท และ ยังมีเรื่องความไม่สะดวกอีกนานับประการ
ดังนั้น จึงให้ทำต่อไปถึงเชียงใหม่โดยใช้รางมาตรฐาน แต่ ต้องไม่เกินงบ 17 ล้านบาทโดยจ่ายจากเงินคงคลัง เป็นรายปีดังนี้
ปี 2456: 3 ล้านบาท
ปี 2457: 4.5 ล้านบาท
ปี 2458: 2 ล้านบาท
ปี 2459: 4.5 ล้านบาท
ปี 2460: 2.5 ล้านบาท
ปี 2461: 0.5 ล้านบาท
ตอนปี 2457 ต่อปี 2458 เกือบไม่ได้สร้างทางจาก ลำปาง ไปเชียงใหม่ เพราะ กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ต้องการจะโยกงบไปลงที่การชลประทาน แต่ มีการ สู้กันจน กระทรวงพระคลังมหาสมบัติ ยอมให้ทำได้ โดยไม่เกินงบ 17 ล้านบาท
แต่เมื่อเอาเข้าจริง มันเกินงบไปเยอะมาก |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42839
Location: NECTEC
|
Posted: 02/10/2008 10:29 am Post subject: |
|
|
ในยุคโบราณนานโพ้น เคยมีรถท้องถิ่น 9/10 สีคิ้ว - โคราช ซึ่งต่อมาได้ ขยาย เป็น ลาดบัวขาว - โคราช ในเวลาเพียง 3 เดือน หลังเดินรถท้องถิ่น 9/10 สีคิ้ว - โคราช และ ตอนนั้น เคยมีป้ายหยุดรถ ที่ บ้านหลักร้อย สลัดได และ บ้านหัวละเลิงด้วย
แต่ตอนนี้รถท้องถิ่นพรรค์นั้น ไปเริ่มที่แก่งคอยแทน เพราะ กำลังรถดีเซลรางสามารถไต่ดงพระยาเย็นขึ้นมาได้
ถ้าพูดกันตามจริง หนะ เขต Commuter Town ของโคราชหนะไปไกลถึง บัวใหญ่เสียด้วยซ้ำ ไม่ใช่แค่ที่โคกกรวด ภูเขาลาด เพราะ เท่าที่สังเกต หนะ คนจากบัวใหญ่ จะไปโคราชต้องขี่รถไฟไป เพราะ ไม่มี บขส. จอดที่ บัวใหญ่ มีแต่ รถเมล์ท้องถิ่นที่ วิ่งไป ชัยภูมิ (ห่างจากบัวใหญ่ 50 กิโลเมตร) ส่วนท่าช้าง และ พิมาย หนะ เป็น Commuter Town ของโคราชโดยธรรมชาติไปแล้วเพราะ มี สองแถว และ บขส. วิ่งประจำ โดยไปไกลถึงชุมพวงสำหรับสาย ที่ผ่านพิมาย
Gaia wrote: | โคราชมีเที่ยวขบวนรถไฟท้องถิ่นภายในจังหวัด ที่วิ่งระหว่าง นครรราชสีมา-บัวใหญ่ ซึ่งจัดเป็นขบวนรถไฟชานเมืองของจังหวัดเราที่มีคนใช้บริการหนาแน่นมากครับ วันธรรมดาขึ้นเมื่อไรเป็นได้ยืนตลอด ขบวนดังกล่าวจะมีช่วงเช้าๆ กับช่วงหัวค่ำ
ขบวนรถไฟ Commuter train บัวใหญ่เนี่ย จะมีทั้งแม่ค้าตลาดสดขนของเข้าไปขายในเมือง เด็กนักเรียนมัธยมต่างอำเภอที่ต้องเข้าไปเรียนในเมืองให้ทัน 8 โมง และคนทำงานครับ
ทำหน้าที่ขนประชากร เข้าไปทำภาระกิจในเมืองและก็หอบประชากรกลับบ้านนอนที่ต่างอำเภอ อย่างเป็นปกติทุกวัน มีความสำคัญกับวิถีชีวิตของคนที่อยู่ในชุมชนตามแนว บัวใหญ่- เมืองคง- พลสงคราม- มะค่า - โนนสูง - หนองแมว- บ้านเกาะ- หัวรถ มากครับ |
reQuiem4adream wrote: | ขอเพิ่มสีคิ้ว สูงเนิน กุดจิก เข้าไปอีกนะครับ ตอนเช้าและตอนเย็น มีผู้โดยสารรถไฟเข้าออกเมืองเยอะเหมือนกัน |
งานนี้จะทำไงดีหละครับ คุณแมวย่อง ไม่รู้ว่าจะมีคนพอ ทำแบบ KL Kommuter หลังแจ้งเกิด BKK Commuter Networks สายแดง ได้หรือเปล่าหว่า |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42839
Location: NECTEC
|
Posted: 05/10/2008 1:47 am Post subject: |
|
|
ไมทราบว่า ช. แล ส. ที่แก่งคอย รู้จัก วิศวกรรถไฟ (railway engineer) ชื่อ บุญ ดุน (Boon Dunn) ลูกครึ่งอังกฤษ ที่ มีชีวิต แต่ ปี 2450 - 2506 หรือเปล่าครับ เพราะ อีตา นี่ทำงาน ที่แก่งคอย โคราช
ลือกันว่าอีตา บุญ ดุน (Boon Dunn) ได้ชื่อไทยว่า บุญ อัตตานันท์ ผู้ช่วยชีวิต เชลยฝั่งและ บรรดาผู้ถูกเกณฑ์แรงงาน จนได้รับพระราชทานเครื่องร่าชอิสริยภรณ์เป็นบำเห็จความดี จากสมเด็จพระราชินีนารถอลิซเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ
Quote: | Dear Khun Wisaruth,
Do you have any info on railway engineer Boon Dunn (1907-1963) based at Kaeng Koi, Korat, Khonkaen and Hat-Yai. He may have been listed as Boon Attanan/Attanun. He helped POWs and slave
laborers who worked on the railway during the war. Some people say he received a UK medal of some sort.
Regards,
GWR |
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42839
Location: NECTEC
|
Posted: 18/10/2008 10:32 pm Post subject: |
|
|
1-21 ตุลาคม 2459น้ำท่วมทาง ช่วงปางต้นผึ้ง - เด่นชัย ทำให้ ขาดรายได้ไป 10000 บาท และ ต้องเสียเงิน 26000 บาท ซ่อมทาง และ อีก 78000 บาท เพื่อ ทำช่องน้ำใหม่ ขยายช่องน้ำและเสริมคันทาง ให้มั่นคงยิ่งขึ้น
1 มกราคม 2466 เปิด โรงแรมหัวหิน (Hua Hin Hotel) ของกรมรถไฟ อย่างเป้นทางการและ เปิดสะพานนวรัตน์ที่สร้างใหม่ แทนสะพานนวรัตน์เดิม ที่ทำด้วยไม้สัก ภาพโรงแรมรถไฟที่เห็นน่าจะได้รับการตีพิมพ์ ในรายงานปี 2466 แน่แต่ ยังหาตัวเล่มไม่เจอ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42839
Location: NECTEC
|
Posted: 22/10/2008 11:41 pm Post subject: ค่าที่พักโดยสารรถยนต์รถไฟ เมื่อ เมษายน 2475 |
|
|
รถรวม 52 อรัญประเทศ - กรุงเทพ
รถรวม 52 ออกอรัญประเทศ 0915 ถึงกรุงเทพ เวลา 1710
ชั้นหนึ่งคิด 14.80 บาท ชั้นสองคิด 8.90 บาท
รถด่วนสายใต้ 1/3 กรุงเทพ - ไปร
ออกทุกวันพุธและเสาร์ เวลา 1600 ถึงไปร วันพฤหัสบดีและอาทิตย์ เวลา 1830
ชั้นหนึ่งคิด 57.40 บาท ชั้นสองคิด 33.80 บาท
ผู้โดยสารสามารถต่อกับรถไฟของ กรมรถไฟมลายู (FMSR) ซึ่งมีเดินทุกวัน วันละ 2 เที่ยว
ออกปีนัง เวลา 0800 และ 2000 ทุกวัน ถึงสิงคโปร์ เวลา 0700 และ 1825 ของวันรุ่งขึ้นซึ่งสามารถจ่ายรวดเดียวได้ โดยคิดอัตราดังนี้
กรุงเทพ - ไปร - สิงคโปร์
ออกทุกวันพุธและเสาร์ เวลา 1600 ถึงสิงคโปร์วันศุกร์และจันทร์ 1825
ชั้นหนึ่งคิด 82.10 บาท ชั้นสองคิด 45.80 บาท
อย่างไรก็ตาม ผู้โดยสารกรุณาจ่ายค่าธรรมเนียมรถด่วนเพิ่มเติมดังนี้
รถด่วนสายใต้ 1/3 กรุงเทพ - ไปร
ค่าธรรมเนียมรถนอนชั้นหนึ่งห้องแบบ Single Berth 30 บาท
ค่าธรรมเนียมรถนอนชั้นหนึ่งห้องแบบ Double Berth 10 บาท/เตียง
ค่าธรรมเนียมรถนอนชั้นสอง 3 บาท
รถขบวนปีนัง - สิงคโปร์
ค่าธรรมเนียมรถนอนชั้นหนึ่ง 2 เหรียญมลายู/ที่นั่ง สำหรับการโดยสารระหว่างเวลา 0601 ถึง 2000
ค่าธรรมเนียมรถนอนชั้นหนึ่ง 4 เหรียญมลายู/ที่นั่ง สำหรับการโดยสารระหว่างเวลา 2001 ถึง 0600
รถเมล์ออกจากนครวัต 0630 จันทร์ พุธ ศุกร์ ถึงพนมเปญ 1639 วันเดียวกัน
รถเมล์ออกจากพนมเปญ 0500 จันทร์ พุธ ศุกร์ ถึงพระตะบอง 1227 วันเดียวกัน
รถเมล์ออกจากพระตะบอง 0500 อังคาร พฤหัสบดี เสาร์ ถึงอรัญประเทศ 0840 วันเดียวกัน
ถ้าเป็นหน้าแล้ง ตั้งแต่ 1 พฤศจิกายน - 30 พฤษภาคม จะมีตารางเดินรถตรงจากนครวัตไปอรัญประเทศดังนี้ เนื่องจากถนนจากนครสวัต ไป ศรีโสภณใช้ได้เฉพาะฤดูแล้ง
รถเมล์ออกจากนครวัต 0417 จันทร์ พุธ ศุกร์ ถึงอรัญประเทศ 0840 วันเดียวกัน เพื่อต่อกับรถขบวน 52 เข้ากรุงเทพ
//---------------------------------------------------------------------
อัตราแลกเปลี่ยนก่อนการลดค่าเงินบาท (เมษายน 2475)
100 บาทแลกได้ 115 เปียสต์ (115 กีบหัวหนาม)
100 บาทแลกได้ 120 เหรียญมลายู
หลัง พฤษภาคม 2475 ได้ปรับอัตราแลกเปลี่ยนหลังออกจากมาตรฐานทองคำมาผูกกับเงินปอนด์เป็น 100 บาทแลกได้ 78 เหรียญมลายู |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42839
Location: NECTEC
|
Posted: 23/10/2008 12:35 am Post subject: ค่าโรงแรมรถไฟหัวหิน ประกาศใช้ เมื่อ 1 เมษายน 2474 |
|
|
โรงแรม ทรอคาเดโร (The Trocadero) ที่บางรัก
ห้องเดี่ยว 12 บาทต่อคืน
ห้องคู่ 25 บาทต่อคืน
โรงแรมยุโรป (The Europe Hotel) ที่บางรัก
ห้องเดี่ยว 7 บาทต่อคืน
ห้องคู่ 12 บาทต่อคืน
โรงแรมรอยัล (Hotal Royal) ที่บางรัก คิด 12-15 บาทต่อคืน
โรงแรมโอเรียนเตล (The Oriental Hotel) ที่บางรัก
ห้องเดี่ยว 14 บาทต่อคืน
ห้องคู่ 26-30 บาทต่อคืน
(ปัจจุบัน โรงแรมโอเรียนเตลคิด 15000 - 100000 บาทต่อคืน+ 10% เซอร์วิสชาร์จ)
บัดนี้ โรงแรมโอเรียนเตล ได้เปลี่ยนชื่อใหม่เป็น Mandarin Orientel, Bangkok (http://www.mandarinoriental.com)ตั้งแต่ 1 กันยายน 2551 เป็นต้นไป เพื่อ ต่อกรกับ คู่แข่งระดับ 5 ดาวที่มาลงทุนเมืองไทย คือ Ritz-Carlton ทีปลูก รีสอร์ต Phulay ที่ กระบี่ และ St.Regis Hotels & Resorts จากนิวยอร์ก
http://www.gotomanager.com/news/details.aspx?id=73659
//--------------------------------------------------------------------------------------
โรงแรมรถไฟหัวหิน (Hua Hin Totel)
อาหารเช้า 2 บาทต่อคน
อาหารกลางวัน 2.50 บาทต่อคน
น้ำชายามบ่าย 1 บาทต่อคน
อาหารเย็น 3.50 บาทต่อคน
ค่าที่พักพร้อมค่าอาหารต่อคืน
ห้องคู่ (เบอร์ 1-6 และ 9-14) ผู้ใหญ่ 1 คนคิด 10 บาท (มิถุนายน - พฤศจิกายน) กับ 12 บาท (ธันวาคม - พฤษภาคม)
ห้องคู่ (เบอร์ 1-6 และ 9-14) ผู้ใหญ่ 2 คนคิด 17 บาท (มิถุนายน - พฤศจิกายน) กับ 20 บาท (ธันวาคม - พฤษภาคม)
ห้องคู่ (เบอร์ 1-6 และ 9-14) ผู้ใหญ่ 1 คน+ เด็กอายุ 3 ขวบลงมา คิด 12 บาท (มิถุนายน - พฤศจิกายน) กับ 14 บาท (ธันวาคม - พฤษภาคม)
ห้องคู่ (เบอร์ 1-6 และ 9-14) ผู้ใหญ่ 1 คน+ เด็กอายุ 3-10 ขวบ คิด 15 บาท (มิถุนายน - พฤศจิกายน) กับ 17 บาท (ธันวาคม - พฤษภาคม)
ห้องสูทเดอลุกซ์ (เบอร์ 7-8) ผู้ใหญ่ 1 คนคิด 15 บาท (มิถุนายน - พฤศจิกายน) กับ 18 บาท (ธันวาคม - พฤษภาคม)
ห้องสูทเดอลุกซ์ (เบอร์ 7-8) ผู้ใหญ่ 2 คนคิด 21 บาท (มิถุนายน - พฤศจิกายน) กับ 26 บาท (ธันวาคม - พฤษภาคม)
ห้องสูทเดอลุกซ์ (เบอร์ 7-8) ผู้ใหญ่ 1 คน+ เด็กอายุ 3 ขวบลงมา คิด 16 บาท (มิถุนายน - พฤศจิกายน) กับ 20 บาท (ธันวาคม - พฤษภาคม)
ห้องสูทเดอลุกซ์ (เบอร์ 7-8) ผู้ใหญ่ 1 คน+ เด็กอายุ 3 ขวบลงมา คิด 20 บาท (มิถุนายน - พฤศจิกายน) กับ 23 บาท (ธันวาคม - พฤษภาคม)
ค่าบังกะโลว์ (ไม่รวมค่าอาหาร)
ค่าบังกะโลว์ ก. ข. ค. แบบ 3 เตียง คิด 12 บาท (มิถุนายน - พฤศจิกายน) กับ 15 บาท (ธันวาคม - พฤษภาคม)
ค่าบังกาโลว์ ง. แบบ 4 เตียง คิด 15 บาท (มิถุนายน - พฤศจิกายน) กับ 20 บาท (ธันวาคม - พฤษภาคม)
ถ้าคนพักบังกะโลว์ซื้ออาหารจากข้างนอกดจะคิดค่าธรรมเนียม 25% เว้นแต่จะมีผู้พักคนใดคนหนึ่งซื้ออาหารจากโรงแรมหัวหินไปกินทุกมื้อ
ถ้าห้องพักเต็ม ก็จะย้ายมาพักบังกะโลว์ โดยคิดที่อัตราห้องคู่ธรรมดา + ห้องเดี่ยวธรรมดา ซึ่งได้รวมค่าอาหารไว้แล้ว
ถ้าอยู่นาน 7-14 วัน ลดให้ 1 บาท ต่อคนต่อวัน
ถ้าอยู่นาน 15-28 วัน ลดให้ 1.50 บาท ต่อคนต่อวัน
ถ้าอยู่นานเกิน 28 วัน ลดให้ 2 บาท ต่อคนต่อวัน
เด็กอายุ 3-10 ขวบคิดลดครึ่งราคา
กรณีเช่าบังกะโลว์นานลดให้ดั่งนี้
ธันวาคม - พฤษภาคม ค่าบังกะโลว์ ก. ข. ค. อยู่เกิน 14 วันลดให้ 5%
ธันวาคม - พฤษภาคม ค่าบังกะโลว์ ง. อยู่เกิน 28 วันลดให้ 10%
มิถุนายน - พฤศจิกายน ค่าบังกะโลว์ ก. ข. ค. อยู่เกิน 14 วันลดให้ 10%
มิถุนายน - พฤศจิกายน ค่าบังกะโลว์ ง. อยู่เกิน 28 วันลดให้ 20%
ค่าอาหาร เด็ก
ต่ำกว่า 3 ขวบ คิด 2 บาท อายุ 3-10 คิด ครึ่งราคา อายุเกิน 10 ขวบ คิดเต็มราคา
ค่าอาหารสำหรับคนรับใช้ 1.50 บาทต่อคนต่อวัน
//--------------------------------------------------------
ปัจจุบัน โรงแรมโซฟิเทลเซนทาราหัวหินคิดตามอัตราดังนี้
Superior room
Low Season: 4,850 Baht/Day (Single) 5,150 Baht/Day (Double , Twin )
Deluxe room
Low Season: 5,850 Baht/Day (Single) 6,150 Baht/Day (Double , Twin )
Sofitel Club room
Low Season: 7,100 Baht/Day (Single) 7,350 Baht/Day (Double , Twin )
One Bedroom suite (Junior Suite)
Low Season: 8,400 Baht/Day (Single) 8,700 Baht/Day (Double , Twin )
Deluxe Suite (Duplex Suite)
Low Season: 10,500 Baht/Day (Single) 10,900 Baht/Day (Double , Twin)
Centara Hua Hin VIllage
Deluxe Spa Villa
Low Season: 9,000 Baht/Day (Single) 9,400 Baht/Day (Double , Twin)
Deluxe Pool Villa
Low Season: 10,800 Baht/Day (Single) 11,200 Baht/Day (Double , Twin)
Premium Deluxe Pool Villa
Low Season: 12,300 Baht/Day (Single) 12,700 Baht/Day (Double , Twin)
เด็กอายุไม่เกิน 12 คิดเฉพาะค่า เตียง 1700 บาทต่อคืน (รวมค่าอาหารเช้า) และ คิดค่าอาหารครึ่งราคา สำหรับมื้ออื่น ที่ไม่ใช่มื้อเช้า
อาหารเช้า 640 บาท
อาหารกลางวัน 850 บาท
อารเย็นแบบฝรั่งยุโรป 1,100 บาท
อารเย็นแบบไทย 950 บาท
บาบิคิวหรือซีฟูด 1,500 บาท
ค่าที่พัก กรูณาจ่าย Service Charge 10% + 7% VAT ด้วยครับ
Low Season นับจาก 01 พฤษภาคม - 31 ตุลาคม นอกนั้นเป็น High Season
อ้างอิง: http://www.centarahuahin.com/
Last edited by Wisarut on 29/10/2008 5:41 pm; edited 6 times in total |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42839
Location: NECTEC
|
Posted: 23/10/2008 1:31 am Post subject: ค่าที่พักโรงแรมวังพญาไท เมื่อ 1 สิงหาคม 2473 |
|
|
Block A (ปีกตะวันออก - พระที่นั่งไวกูณฐเทพยสถาน)
ห้องเดี่ยว 12 บาทต่อคืน
ห้องคู่แต่นอนคนเดียว 14-21 บาทต่อคืน
ห้องคู่นอน 2 คน 22-25 บาท
ห้องส่วนนี้คิดค่าอาหาร แต่ ห้องน้ำแยกต่างหาก คือมี 19 ห้องนอน แต่ 10 ห้องน้ำ
Block B (หอกลาง - พระที่นั่งพิมานจักรี)
ห้องเดอลุกซ์ เบอร์ 1 (ชั้น 2)
มีห้องนอน ห้องนั่งเล่น ห้องเขียนหนังสือ (ห้องทรงพระอักษรใน ร. ๖) และ ห้องอาบน้ำ แต่ไม่รวมค่าอาหาร คิด 120 บาทต่อคืน
(หมายเหตุ ห้องนี้ได้งดให้บริการที่พักเพราะได้ยกให้เป็นที่ทำการ สถานีวิทยุ 7 PJ วังพญาไทตั้งแต่ 25 กุมภาพันธ์ 2473 แล้วเนื่องจากฝรั่งสู้ค่าที่พักไม่ไหว)
ห้องเดอลุกซ์ เบอร์ 2 (ชั้น 1)
มีห้องนอน ห้องนั่งเล่น และ ห้องอาบน้ำ แต่ไม่รวมค่าอาหาร คิด 100 บาทต่อคืน
ห้องเดอลุกซ์ เบอร์ 3 (ชั้น 1)
มีห้องนอน ห้องนั่งเล่น และ ห้องอาบน้ำ แต่ไม่รวมค่าอาหาร คิด 100 บาทต่อคืน
Block C (ปีกตะวันตก - พระที่นั่งศรีสุทธนิวาส)
ห้องคู่มีห้องแต่งตัวและห้องอาบน้ำ แต่ไม่รวมค่าอาหาร คิด 25 บาทต่อคืน
ห้องคู่มีห้องแต่งตัวและห้องอาบน้ำแต่ไม่รวมค่าอาหาร คิด 20 บาทต่อคืน
ห้องสูต มี 2 ห้องนอน (4เตียง) มีห้องแต่งตัวและห้องอาบน้ำ แต่ไม่รวมค่าอาหาร คิด 45 บาทต่อคืน
ห้องคู่มีห้องอาบน้ำ แต่ไม่รวมค่าอาหาร คิด 18 บาทต่อคืน
Block D (พระที่นั่งอุดมวนาภรณ์ ตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันออกของพระที่นั่งไวกูญฐเทพยสถาน)
ชั้นล่าง รวมค่าอาหาร
พัก 1 คน คิด 16 บาทต่อวัน
พัก 2 คน คิด 24 บาทต่อวัน
ชั้นบนรวมค่าอาหาร
พัก 1 คน คิด 17 บาทต่อวัน
พัก 2 คน คิด 25 บาทต่อวัน
Block E
บังกะโลว์ 1-2-3-4
พัก 1 คน 300 บาทต่อเดือน
พัก 2 คน 500 บาทต่อเดือน
Block F
ห้องพักแบบเตียงเดียว 1-2-3 คิด 12 บาทต่อคืน
ค่าเช่าโรงรถ 15 บาทต่อเดือน
ค่าอาหารสารถี 50 สตางค์ต่อวัน
ค่าเด็กรับใช้ 1.50 บาทต่อวัน
ค่าเช่ารถนำเที่ยว
2.50 บาทสำหรับ 1 ชั่วโมงแรก
1.50 บาท/ชั่วโมง สำหรับชั่วโมงถัดไป
2 บาท ถ้าไปส่งยังสถานีรภถไฟสามเสน รงวมค่ารถกุดังขนสัมภาระ
15 บาทต่อวัน (หลัง 2000 คิดเพิ่มอีก 5 บาท)
รถเมล์
50 สตางค์ จากโรงแรมยังใจกลางพระนคร
1บาท สำหรับการออกชานเมืองไปกลับ
รถบรรทุก
3 บาท สำหรับชั่วโฒงแรก และ 2.60 บาทต่อชั่วโมงสำหรับชั่วโมงถัดไป
ค่าที่พักเด็กต่ำกว่า 3 ขวบคิด 2 บาท 3-10 ขวบคิด ครึ่งราคา เกินกว่า 10 ขวบ คิดเต็มอัตรา
ค่าอาหารต่อวัน
น้ำชามื้อเช้า เวลา 0600 - 0700 คิด 50 สตางค์ต่อคน
ค่าอาหารเช้า เวลา 0730 - 0900 คิด2 บาทต่อคน
ค่าอาหารว่างมื้อกลางวัน (Tiffin) 1200 - 1330 คิด 2.50 บาทต่อคน
ค่าน้ำชาบ่าย เวลา 1600 คิด 50 สตางค์ต่อคน
ค่าอาหารเย็น 2000-2100คิด คิด 3.50 บาทต่อคน
ถ้าป่วยจนต้องให้บริกรยกมาเสิร์ฟในห้อง คิดค่ายก 50 สตางค์
ถ้านำหมามาพักด้วยคิดคืนละ 2 บาท
กรุณาเช็คเอาท์ก่อนเที่ยงไม่งั้นโดนปรับอีก 1 คืน |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42839
Location: NECTEC
|
Posted: 23/10/2008 11:50 am Post subject: |
|
|
ปี 2474 กรมรถไฟ มีโครงการจะเอาราง 70 ปอนด์มาเปลี่ยนกับราง 50 ปอนด์ที่ใช้มานานเกือบ 35 ปีแล้ว พร้อมกับอัดหิน บดหิน ล้างหินใหม่เพื่อเพิ่มโหลดเพลาจาก 10.5 ตันเป็น 15 ตัน โดยเริ่มทำจากสาย กรุงเทพ - บ้านภาชี (90 กิโลเมตร) โดยจะทำจากทางเดี่ยวก่อน แล้วต่อทำกับทางคู่ ซึ่งจะมีการรื้อสะพานเก่าออกแล้วนำไปใช้กับทางสายโคราช - ขอนแก่น ช่วงบัวใหญ่ - ขอนแก่น
นอกจากนี้ ทางช่วง บางซื่อ - ตลิ่งชัน - เพชรบุรี ก็จะเอาราง 70 ปอนด์ไปเปลี่ยนและอัดหิน บดหิน ล้างหิน เพื่อให้ได้โหลดเพลา 15 ตันด้วย ซึ่งอาจต้องซื้อสะพานเหล้กใหม่มาแทนสะพานเสาวภา และสะพานราชบุรี ด้วย แล้วจะนำสะพานทั้ง 2 ไปใช้กับทางช่วง ขอนแก่น - อุดรธานี แทน
อย่างไรก็ตาม พอเปลี่ยนแปลงการปกครอง 2475 ท่านให้ระงับแผนการเปลี่ยนรางเช่นนั้นไปก่อน เพราะสามารถสั่งราง 50 ปอนด์ และสะพานเหล็กโหลดเพลา 11 ตันราคาถูกจากประเทศญี่ปุ่นและเบลเยี่ยมมาแทน เมื่อ พ.ศ.2479 และ 2481 ตามลำดับ ส่วนสะพานข้ามลำน้ำพอง ก็ใช้สะพานอเมริกันแทนเมื่อปี 2483 แม้ตอนแรกจะสั่งสะพานเยอรมันมาใช้เนื่องจากติดสงครามที่ทวีปยุโรป
การเปลี่ยนรางเพิ่งมาทำได้จริงๆ ก็ คราวกู้เงินธนาคารโลกมาบูรณะการรถไฟ หลังสงครามมหาเอเซียบูรพานี้เอง |
|
Back to top |
|
|
|