RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai.Com

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311296
ทั่วไป:13274465
ทั้งหมด:13585761
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ตามหาวงเวียนกลับรถจักรที่สถานีรถไฟสงขลา
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ตามหาวงเวียนกลับรถจักรที่สถานีรถไฟสงขลา
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 13, 14, 15, 16, 17  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> สาระความรู้วิชาการรถไฟและประวัติศาสตร์รถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
rodfaithai
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 10/07/2006
Posts: 1346

PostPosted: 13/07/2009 11:13 am    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:

ดูตามแผนที่ปี 2478 แล้ว ก็ระบุอาคารแห่งนี้ไว้โดยไม่ได้ลงรายละเอียดอะไรเพิ่มเติม
ทำให้เข้าใจว่าเป็นของการรถไฟ ไม่ใช่ของหน่วยราชการอื่น

พื้นที่ตรงนี้ ปัจจุบันกลายเป็นวิทยาลัยพยาบาล สงขลาไปแล้วครับ ตั้งแต่ พ.ศ.2509
แต่ก่อนหน้านั้นเป็นพื้นที่การรถไฟ หรือใช้ในกิจการอย่างใด
ยังหาหลักฐานเพิ่มเติมไม่ได้เลยครับ


การยกที่ให้หน่วยราชการอื่นน่าจะมีหลักฐานอะไรบ้างนะครับ เช่น มติ ครม หรืออื่นๆ
เดิมที่รถไฟสงขลา มาจากการจัดซื้อที่ดินของกรมรถไฟหลวงสายใต้ มีการตั้งคณะกรรมการมากมายหลายท่าน แลเปลี่ยนตัวกันไปมาตามกาลเวลา
การจะยกที่ๆ เราซื้อมา ให้คนอื่นๆ ฟรีๆ นั้นมันก็น่าจะไม่ง่ายนัก น่าจะมีกระบวนการอะไรสักอย่าง
Back to top
View user's profile Send private message
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44656
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 13/07/2009 12:09 pm    Post subject: Reply with quote

ในหนังสือมรดกเมืองสงขลา มหาวชิราวุธ หน้า ๑๒๒ มีรูปเครื่องบินปีกสองชั้นจอดที่สงขลา พร้อมคำบรรยายซึ่งคัดมาจากหลังภาพว่า
"รูปที่เห็นในภาพนี้คือแสนยานุภาพทางอากาศของสยาม เครื่องบินตรวจการแบบ "แอโร่" ประจำสถานีการบินที่ ๔ ประจวบคีรีขันธ์ เครื่องบินแบบนี้และรูปนี้ โรงงานการต่อเครื่องบินของสยาม "ดอนเมือง" ได้สร้างขั้น ทำขึ้นได้ หมายความว่าสยามทำเครื่องบินใช้ได้บ้างแล้ว ยังจะได้เห็นรูปพันสัณฐานจากภาพนี้
ภาพนี้ถ่ายเมือฝูงบิน ๓ เครื่องนี้ได้บินมาให้ประชาชนชมและโดยสารเที่ยวดูเมืองสงขลาเมื่อกลางงานปีใหม่จังหวัดสงขลา พ.ศ. ๒๔๗๘
๑๐/เมษา/๗๘ เวียน ปัญจะสุวรรณ"

คุณพ่อของคุณพรเลิศ ละออสุวรรณ คงจะขึ้นโดยสารเครื่องบินในคราวเดียวกันนี้ แล้วถ่ายภาพมาครับ

สนามบินสงขลา เดิม คือบริเวณที่เป็นสนามกีฬาติณสูลานนท์ในปัจจุบันนั่นเองครับ
(หลักฐานจากแผนที่ปี 2478)
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
rodfaithai
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 10/07/2006
Posts: 1346

PostPosted: 13/07/2009 3:00 pm    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
ในหนังสือมรดกเมืองสงขลา มหาวชิราวุธ หน้า ๑๒๒ มีรูปเครื่องบินปีกสองชั้นจอดที่สงขลา พร้อมคำบรรยายซึ่งคัดมาจากหลังภาพว่า
"รูปที่เห็นในภาพนี้คือแสนยานุภาพทางอากาศของสยาม เครื่องบินตรวจการแบบ "แอโร่" ประจำสถานีการบินที่ ๔ ประจวบคีรีขันธ์ เครื่องบินแบบนี้และรูปนี้ โรงงานการต่อเครื่องบินของสยาม "ดอนเมือง" ได้สร้างขั้น ทำขึ้นได้ หมายความว่าสยามทำเครื่องบินใช้ได้บ้างแล้ว ยังจะได้เห็นรูปพันสัณฐานจากภาพนี้
ภาพนี้ถ่ายเมือฝูงบิน ๓ เครื่องนี้ได้บินมาให้ประชาชนชมและโดยสารเที่ยวดูเมืองสงขลาเมื่อกลางงานปีใหม่จังหวัดสงขลา พ.ศ. ๒๔๗๘
๑๐/เมษา/๗๘ เวียน ปัญจะสุวรรณ"

คุณพ่อของคุณพรเลิศ ละออสุวรรณ คงจะขึ้นโดยสารเครื่องบินในคราวเดียวกันนี้ แล้วถ่ายภาพมาครับ

สนามบินสงขลา เดิม คือบริเวณที่เป็นสนามกีฬาติณสูลานนท์ในปัจจุบันนั่นเองครับ
(หลักฐานจากแผนที่ปี 2478)


สยาม ทำเครื่องบินใช้เองได้ แต่ผ่านมาหลายสิบปีประเทศไทยยังต้องซื้ออยู่ แม้แต่เครื่องเล็กๆ อย่างอุลตราไลท์ ไมโครไลท์ ก็ พารามอเตอร์ ดูเหมือนว่ายังต้องนำเข้า Crying or Very sad
Back to top
View user's profile Send private message
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42751
Location: NECTEC

PostPosted: 13/07/2009 4:11 pm    Post subject: Reply with quote

^^^
เพราะอิทธิฤทธิ์สงคราสมมหาเอเซียบูรพา กองทัพอเมริกันและอังกฤษต้องกานกำลังเหมือนกับการกานเปลือกไม้ก่อนโค่นต้นไม้โดยไม่ยอมให้สร้างเครื่องบินใช้เอง (ผ่านไลเซนส์) นั้นแล
Back to top
View user's profile Send private message
heerchai
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 29/07/2006
Posts: 7730
Location: อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา

PostPosted: 13/07/2009 4:17 pm    Post subject: Reply with quote

rodfaithai wrote:

สยาม ทำเครื่องบินใช้เองได้ แต่ผ่านมาหลายสิบปีประเทศไทยยังต้องซื้ออยู่ แม้แต่เครื่องเล็กๆ อย่างอุลตราไลท์ ไมโครไลท์ ก็ พารามอเตอร์ ดูเหมือนว่ายังต้องนำเข้า Crying or Very sad


ผมว่าพอๆกับเด็กไทยชนะเป็นแชมป์หุ่นยนต์เป็นสมัยที่ 5 ติดต่อกันมา จนญี่ปุ่นยอมรับความสามารถของเด็กไทย แต่รู้ไหมว่าเด็กกลุ่มนี้จบมา เมืองไทยไม่ค่อยมีอาชีพที่รองรับได้เลย งานนี้สมองไหลไปอยู่ต่างประเทศแน่นอน ภายข้างหน้าเมืองไทยต้องฃื้อเทคโนโลยีจากเด็กกลุ่มนี้โดยผ่านทางบริษัทต่างชาติ คิดแล้วเศร้าสำหรับเมืองไทยนะ ครับ Wink Crying or Very sad
Back to top
View user's profile Send private message
BanPong1
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 07/12/2006
Posts: 2733
Location: กม.37 สายเหนือ, กม.68 สายกาญจนบุรี

PostPosted: 13/07/2009 10:14 pm    Post subject: Reply with quote

^^
ก็คงจะต้องว่ากล่าวเรื่องนี้กันอีกหลายยกครับเฮียใช้
เรามีนักการเมืองส่วนใหญ่ที่ไม่เคยคิดถึง Road Map
เขาเหล่านั้นอาจจะไม่ใจเย็นพอที่จะสร้างคน สร้างงาน สร้างของ ในเวลานานๆ
คิดแต่ว่าซื้อของ ซื้อเทคโนโลยีเอาเร็วกว่าครับ ได้ผลประโยชน์อย่างอื่นอีก

แพทย์ วิศวกร นักวิทยาศาสตร์ นักออกแบบ เก่งๆเรียนจบ ก็ไปอยู่เมืองนอกหมด
เพราะรายได้ดีกว่าหลายเท่า อยู่แถวๆประเทศใกล้ๆเราก็เยอะครับ ประเทศนี้ก็จะแซงเราในทุกด้านอยู่แล้ว
_________________
Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail MSN Messenger
Patiew
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 02/04/2008
Posts: 1058
Location: กำแพงแสน

PostPosted: 13/07/2009 11:48 pm    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
ในรายงานประจำปี 2469 บอกว่าจุรถจักรได้ 5 คันครับ Very Happy
แต่ผมก็มองเห็นปล่องระบายควันแค่ 4 หัวอย่างที่พี่นพว่าครับ

Click on the image for full size


^
^
จากภาพนี้ ป้าพยายามมองมาหลายวันแล้วก็ยังเห็นปล่องระบายควันถึง 5 หัว อยู่เหมือนเดิมค่ะ แต่ไม่รู้จริงๆ ว่ามีกี่หัวกันแน่ เนื่องจากป้าเห็นว่าลักษณะวงกลมนูนๆ 5 จุดที่มองเห็น ถ้าไม่ใช่ปล่องระบายควันทั้งหมด แล้วอีกจุดนึงจะหมายถึงอะไรแน่ ซึ่งถ้าเป็นปล่องระบายควันทั้ง 5 จุด ก็แสดงว่า ณ ที่สถานีแห่งนี้ มีศึกยภาพรองรับการซ่อมบำรุงและการพักรถจักรได้ถึง 5 หัวในเวลาเดียวกันเชียวล่ะ Shocked


และสะพานแห่งนี้ (ตรงลูกศรสีแดง) วันที่ลงสำรวจป้ามองเห็นตัวอักษร ร.ศ. อยู่บนแท่นปูนจุดนี้ด้วย ลองให้ อ.เอก และ คุณเจฟ เพ่งดูเพื่อความชัวร์แล้วปรากฎว่ามองเห็นเป็นตัวอักษรเดียวกัน ไม่รู้ว่ามีความหมายอย่างไรนะคะ Rolling Eyes

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail MSN Messenger
Mongwin
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/09/2007
Posts: 44656
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา

PostPosted: 14/07/2009 7:52 am    Post subject: Reply with quote

ในรายงานประจำปี 2469 นั้นระบุว่าจุรถจักรได้ 5 คัน
แต่จากการวัดระยะด้วยภาพถ่ายทางอากาศปี 2517 และปี 2520
ทำให้ทราบว่า ซากโรงรถจักรสงขลานั้น
มีความยาวส่วนโค้งของประตูทางเข้าประมาณ 16 เมตร
(ปกติประตูทางเข้า roundhouse 1 ช่องจะมีส่วนโค้งยาวประมาณ 4 เมตร)
ดังนั้นน่าจะจุรถจักรได้เพียง 4 คันครับ

ป้าติ๋วลองดูภาพถ่ายทางอากาศของซากโรงรถจักรในปี 2517 นะครับ
จะเห็นร่องรอยของรางภายในโรงรถจักร เป็นเส้นตรงดำๆ รวม 4 เส้น
(ไม่รวมเส้นขอบโรงรถจักรนะครับ)

Click on the image for full size

Click on the image for full size

เปรียบเทียบกับภาพข้างล่างนี้ ซึ่งเป็นวงเวียนกลับรถจักรที่อุบลราชธานีครับ

Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message Visit poster's website
AONZON
3rd Class Pass
3rd Class Pass


Joined: 06/12/2006
Posts: 221
Location: กรมกิจการพลเรือนทหารอากาศ

PostPosted: 14/07/2009 9:24 am    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
ในหนังสือมรดกเมืองสงขลา มหาวชิราวุธ หน้า ๑๒๒ มีรูปเครื่องบินปีกสองชั้นจอดที่สงขลา พร้อมคำบรรยายซึ่งคัดมาจากหลังภาพว่า
"รูปที่เห็นในภาพนี้คือแสนยานุภาพทางอากาศของสยาม เครื่องบินตรวจการแบบ "แอโร่" ประจำสถานีการบินที่ ๔ ประจวบคีรีขันธ์ เครื่องบินแบบนี้และรูปนี้ โรงงานการต่อเครื่องบินของสยาม "ดอนเมือง" ได้สร้างขั้น ทำขึ้นได้ หมายความว่าสยามทำเครื่องบินใช้ได้บ้างแล้ว ยังจะได้เห็นรูปพันสัณฐานจากภาพนี้
ภาพนี้ถ่ายเมือฝูงบิน ๓ เครื่องนี้ได้บินมาให้ประชาชนชมและโดยสารเที่ยวดูเมืองสงขลาเมื่อกลางงานปีใหม่จังหวัดสงขลา พ.ศ. ๒๔๗๘
๑๐/เมษา/๗๘ เวียน ปัญจะสุวรรณ"

คุณพ่อของคุณพรเลิศ ละออสุวรรณ คงจะขึ้นโดยสารเครื่องบินในคราวเดียวกันนี้ แล้วถ่ายภาพมาครับ

สนามบินสงขลา เดิม คือบริเวณที่เป็นสนามกีฬาติณสูลานนท์ในปัจจุบันนั่นเองครับ
(หลักฐานจากแผนที่ปี 2478)



"""เดิมนั้น ทอ.มีสนามบินอยู่ที่สงขลา ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของกองทัพเรือครับ เครื่องบินที่เห็นคือ AVRO 504N เป็นเครื่องบินที่ ทอ.สร้างเองจากสิทธิบัตรของอังกฤษ

ประเทศไทยออกแบบสร้างเครื่องบินขึ้นใช้งานเองมานานแล้วครับ....ครั้งแรกเมื่อราวปี 2465 ในช่วงปีที่มีการสร้างสนามบินทั่วประเทศ อย่างน้อยจังหวัดละ ๑ แห่ง การสร้างเครื่องบินแบบจำยอมเริ่มมาจากการที่เครื่องบินฝึกที่ดอนเมืองได้รับความเสียหาย...จึงมีการซ่อมและสร้างใหม่..โดยการหาวัสดุในประเทศเอง ทั้งผ้าใบ และไม้ที่มีความแข็งแต่เบา...ปัญหาหนึ่งคือน้ำยาทาผ้าใบ..ปรากฏว่าน้ำยาที่ซื้อมาใส่ถังเหล็กพออยู่เมืองไทยร้อนและเสียกว่าจะซื้อใหม่ก็ต้องลงเรือมาจากยุโรป...สมัยนั้นหน่วยงานที่ตั้งขึ้นมา(ปัจจุบันคือกรมวิทยาศาสตร์ทหารบก) จึงคิดน้ำยาจากพันธุ์พืชในบ้านเรา..เพื่อมาทางพื้นผิวผ้าใบ (เครื่องบินสมัยก่อนเป็นโครงไม้ขึงลวดและบุผ้าใบ) น้ำยาที่ว่าพัฒนามาเป็นน้ำยากรอบรูปวิทยาศาสตร์ในปัจจุบัน .....จากนั้น บุพการีทหารอากาศ (พันเอกพระเฉลิมอากาศ) ท่านคิดว่า เครื่องบินที่ซื้อจากฝรั่งเศสมานี่..เกิดวันหนึ่งฝรั่งเศสไม่ขายเครื่องยนต์หรืออะไหล่ให้ หรือโก่งราคา จะทำอย่างไร ในสมัยนั้นการบินของยุโรปก้าวหน้ากว่าอเมริกามากหลายเท่าตัว พอมาถึงยุคสงครามโลก อเมริกาจึงพัฒนาการบินของตนในขณะที่ชาติยุโรปมัวแต่ทำสงคราม อเมริกาจึงมีเทคโนโลยีดีกว่าใคร..เพราะหวังสร้างขายให้ชาติอื่นไปทำสงคราม ครับ.....ด้วยดำริของบุพการี...จึงมีการออกแบบเครื่องบินฝรั่งเศสแล้วเลือกใช้เครื่องยนต์เยอรมันและอังกฤษ เรียกชื่อว่า "บริพัตร" นับเป็นก้าวแรกของโลกที่เครื่องบินสามารถเลือกเครื่องยนต์ได้..พัฒนาเป็นเครื่องบินโดยสารทุกวันนี้ที่ผู้ใช้เลือกเครื่องยนต์จากต่ายนั้นค่ายนี้ได้ครับ.....บริพัตร ถูกสร้างออกมาไม่มาก กำหนดชื่อเรียกว่า เครื่องบินทิ้งระเบิดแบบที่ ๒ ใช้บินไปอวดธงชาติไทยที่อินเดีย สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับอังกฤษ..แล้วยังบินไปเวียดนาม เพื่อวางพวงมาลาทหารสงครามโลกครั้งที่ ๑ ร่วมกับฝรั่งเศส..มีเครื่องบินที่ทำการซื้อสิทธิบัตรมาสร้างเองเป็นเรื่องเป็นราวครั้งแรกก็คือ AVRO 504 (อ่านว่าแอฟโร่) จำนวน หลายสิบเครื่องเพื่อใช้เป็นเครื่องบินฝึก...ส่วนใหญ่จะอยู่ที่ประจวบและโคราช..ต่อมา บุพการี หวังจะรวบรวมเงินที่มี สร้างโรงงานสร้างเครื่องบินที่หลังสถานีรถไฟบ้านม้า อยุธยา แต่ครั้นเกิดเหตุการณ์กบฎบวรเดช ทำให้ กำลังทางอากาศถูกยึดเงินและปลดนายทหารนักบิน...คงเหลือแต่ช่างกับนักบินเด็กๆ แต่ครั้นปี ๒๔๘๐ จอมพล ป. ท่านคิดว่า ฝรั่งเศสจะเป็นภัยกับเราในอนาคต จึงส่งเสริมและเปลี่ยนกองบินทหารบก ยกฐานะเป็นกรมทหารอากาศ และเป็นกองทัพอากาศ ในวันที่ ๙ เมษายน ๒๔๘๐ เมื่อเกิดกองทัพอากาศ จึงมีการซื้อเครื่องบินจำนวนมาก..และซื้อสิทธิบัตรเครื่องบินมาสร้างแบบ คอร์แซร์ นับร้อย พอๆกับแบบ ฮอว์ค ๓ แต่ทั้งสองแบบเป็นเครื่องบินปีกสองชั้นแม้จะบุโลหะแล้วก็ตาม....ในปี ๒๔๘๓ ทอ.จึงซื้อเครื่องบินขับไล่แบบ NA-68 และเครื่องบินโจมตี NA-69 ที่เป็นเครื่องบินลูกสูบดาวปีกชั้นเดียวมาแบบละ ๖ และ ๑๐ เครื่องตามลำดับ...พร้อมสิทธิบัตรสร้างกว่าร้อยเครื่อง (ทอ.สหรัฐฯ สมัยนั้นคือกองทัพบก ไม่นิยมเครื่องบินลูกสูบดาว เพราะโบราณไม่น่าเกรงขามและเชื่องช้า..แต่พอสหรัฐฯเข้าสงครามพบว่า เครื่องบินญี่ปุ่นที่เป็นเครื่องยนต์ลูกสูบดาวสังหารเครื่องบินอเมริกันแบบเพียวลมได้จำนวนมากจึงเปลี่ยนแนวคิดมาชอบลูกสูบดาว) แต่ด้วยเหตุที่อเมริกันคาดการณ์ว่าญี่ปุ่นจะยกพลบุกไทยในอนาคตและเกรงว่าเครื่องบินเหล่านี้จะเป็นประโยชน์ต่อญี่ปุ่นจึงยึดเครื่องบินเหล่านี้ไว้ที่ฮาวายและฟิลิปินส์ ขณะลงเรือมาไทยแล้ว ทั้งๆ ที่ติดธงชาติไทย ....ไทยจึงมิได้สร้างเครื่องบินแบบนี้เข้าสงคราม...แต่อาจจะเป็นความโชคดี..เพราะถ้าสร้าง..เราคงพัฒนาอีกหลายรุ่น และเราคงจะโดนระเปิดปรมณูไปด้วยเพราะเป็นผู้เข้าร่วมสงครามเต็มตัว......จากนั้นในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ทอ.ไทยซื้อสิทธิบัตรสร้างเครื่องบิน T-6 จากอเมริกา พร้อมซื้อเครื่องบินมาจำนวน ๑๒ เครื่อง..มีแผนที่จะสร้าง T-6 มากกว่าร้อยเครื่อง...แต่อยู่ๆ อเมริกาบอกจะมอบเครื่องบินฝึกโจมตีแบบ T-6 ให้ ๒๐๐ เครื่อง (ทะยอยให้) และแบร์แคท จำนวนหนึ่ง (๒๐๔ เครื่อง) โครงการสร้างเลยยุติตั้งแต่นั้นมา (ได้ฟรีเลยไม่คิดสร้าง และฟรีจนเคยตัวมาถึงยุคสงครามเวียดนาม) เครื่องบินแบบสุดท้ายที่สร้างเครื่องประจำการคือ "จันทรา" จำนวน ๑๔ เครื่อง แบบล่าสุดที่กำลังอยู่ในการสร้างคือ "บ.ชอ.๒" และ "บ.ทอ.๖" โดยการเอาเครื่อง SF-260 ของอิตาลี่ มาถอดทุกชิ้นส่วนก็อปปี้ เอาดื้อๆเลยครับ...แต่ถ้าจะสร้างเครื่องบินไอพ่นคงต้องอีก ๑๐ ปีเป็นอย่างน้อยครับ....ยกเว้นแต่ บริษัทอุตสาหกรรมการบิน จำกัด TAI บริษัท ซ่อมสร้างเครื่องบินของรัฐบาล ที่สร้างมาตามความคิดอดีตนายกทักษิณที่ต้องการให้เครื่องบินทางราชการซ่อมในประเทศไทยด้วยช่างคนไทย (ที่ผ่านมาส่งไปซ่อมสิงคโปร์ และมาเลเซีย โดยช่างไทยและคนชาตินั้นๆ ทำไมเงินทองต้องออกนอกประเทศ) ปัจจุบัน TAI ซ่อม F-16 C-130 G-222 BOEING 737 PC-9 UH-1H AVRO748 ฯลฯ อนาคตอาจจะพัฒนาไปสู่การสร้างเครื่องบินครับ
_________________
ภาพถ่ายในวันนี้..คือประวัติศาสตร์ในวันพรุ่งนี้
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail Visit poster's website MSN Messenger
rodfaithai
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 10/07/2006
Posts: 1346

PostPosted: 14/07/2009 9:45 am    Post subject: Reply with quote

Mongwin wrote:
ในรายงานประจำปี 2469 นั้นระบุว่าจุรถจักรได้ 5 คัน
แต่จากการวัดระยะด้วยภาพถ่ายทางอากาศปี 2517 และปี 2520
ทำให้ทราบว่า ซากโรงรถจักรสงขลานั้น
มีความยาวส่วนโค้งของประตูทางเข้าประมาณ 16 เมตร
(ปกติประตูทางเข้า roundhouse 1 ช่องจะมีส่วนโค้งยาวประมาณ 4 เมตร)
ดังนั้นน่าจะจุรถจักรได้เพียง 4 คันครับ


เยี่ยมจริงๆ ครับ ตามหลักกาลามสูตรเลย
ว่าแต่ว่ารายงานเค้าพิมพ์ผิด หรือว่ายังไงดีละครับ

Mongwin wrote:

เปรียบเทียบกับภาพข้างล่างนี้ ซึ่งเป็นวงเวียนกลับรถจักรที่อุบลราชธานีครับ
Click on the image for full size


วา...ว Round house locomotive shed ของจริง
ภาพนี้ถ่ายเมื่อไหร่ครับ
Back to top
View user's profile Send private message
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> สาระความรู้วิชาการรถไฟและประวัติศาสตร์รถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 13, 14, 15, 16, 17  Next
Page 14 of 17

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©