View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44618
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 10/01/2018 8:11 am Post subject: |
|
|
รัฐตัดถนน 4 เลน-ท่าเรือน้ำลึก ปลุกค้าชายแดนระนองคึกคัก
ฐานเศรษฐกิจ 10 January 2018
ผวจ.ระนองคาดปี 2561 เศรษฐกิจชายแดนระนองคึกคักหลังรัฐหนุนพัฒนาถนน ท่าเรือ ท่าอากาศยาน ชี้ถนน 4 เลนเชื่อมระนอง-ชุมพร และพัฒนาท่าเรือนํ้าลึกเชื่อมขนส่ง-โลจิสติกส์
นายจตุพจน์ ปิยัมปุตระ ผู้ว่าราชการจังหวัดระนอง เปิดเผยว่า ในปี 2561 นี้จังหวัดระนองจะเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่ถูกจับตาอย่างแน่นอนเพราะคาดหมายว่าจะเป็นจังหวัดที่มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจสูงหลังจากที่ทางรัฐบาล โดยกระทรวงคมนาคมได้สนับสนุนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในจังหวัดระนอง ทั้งโครงการก่อสร้างถนน 4 เลนเชื่อมเส้นทางจาก จังหวัดชุมพรเข้ามายัง จังหวัดระนอง เพื่อเชื่อมโครงข่ายการคมนาคมทางถนนรองรับยุทธศาสตร์การพัฒนาในการเป็นเมืองท่าการขนส่งสินค้าทางทะเลฝั่งอันดามัน นอกจากนี้ทางกระทรวงคมนาคมเห็นด้วยที่จะดำเนินการศึกษาเพื่อเตรียมการขุดร่องนํ้าบริเวณท่าเรือระนองให้มีความลึกเพิ่มขึ้นเพื่อรองรับการขยายท่าเรือระนองให้เรือขนส่งสินค้าขนาดใหญ่เข้ามาใช้บริการ อีกทั้งเตรียมพร้อมรับการเชื่อมโยงการขนส่งสินค้าทางทะเลเชื่อมสู่ท่าเรือทวายของเมียนมา และท่าเรือต่างๆ ในกลุ่มประเทศบิมสเทค โดยคาดว่าในอนาคตท่าเรือระนองจะเป็นท่าเรือที่มีบทบาทสำคัญในฝั่งทะเลอันดามัน
นอกจากนี้ยังมีการอนุมัติให้มีการพัฒนาท่าอากาศยานระนองเป็นท่าอากาศยานเพื่อการท่องเที่ยวและเตรียมที่จะขยายทางวิ่งในอนาคต เพื่อรองรับสายการบินมากขึ้น โดยในปี 2561 นอกจากสายการบินนกแอร์ที่เปิดให้บริการวันละ 2 เที่ยวบิน จังหวัดระนองจะมีสายการบินรายที่ 2ที่เข้ามาเปิดให้บริการเพิ่มอีกราย ตั้งแต่เดือน กุมภาพันธ์ 2561 สายการบินไทย แอร์เอเชีย จะเข้ามาเปิดให้บริการเส้นทางระนอง-กรุงเทพฯ-ระนอง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจต่างๆ ในด้านชายแดนระนองเป็นอย่างดีทั้งการท่องเที่ยว การค้า การลงทุน
MP21-3329-1B
นายจตุพจน์ กล่าวต่อไปว่า ปัจจุบันจังหวัดระนองได้รับงบประมาณสนับสนุนจากรัฐบาลสำหรับการก่อสร้างท่าเรืออเนกประสงค์ที่บ้านเขานางหงส์ เพื่อรองรับยุทธศาสตร์การเป็นเมืองท่าขนถ่ายสินค้าทางทะเลฝั่งอันดามัน แต่พบว่ายังไม่สามารถใช้งานได้เต็มศักยภาพเนื่องจากบริษัทขนส่ง และบริษัทการเดินเรือยังไม่ให้ความสนใจ อันเป็นเพราะระบบการคมนาคมทางบกที่ยังไม่สะดวก ในขณะที่ท่าเรือระนองเป็นท่าเรือที่สามารถร่นระยะเวลาการเดินทางในการขนส่งสินค้าไปยังประเทศกลุ่มบิมสเทค และตะวันออกกลางได้กว่า 10-15 วัน เมื่อเทียบกับท่าเรือแหลมฉบัง และท่าเรือสิงคโปร์ ซึ่งทุกฝ่ายมีความเห็นตรงกันว่ากุญแจสำคัญที่จะผลักดันให้จังหวัดระนองเป็นศูนย์กลางการขนส่งทางทะเลฝั่งอันดามันได้นั้นจะต้องมีระบบรางเข้ามาช่วยรองรับและเชื่อมโยงโครงข่ายการขนส่ง ดังนั้นการที่กระทรวงคมนาคมเข้ามาช่วยเหลือและสนับสนุนการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมจึงเป็นโอกาสที่ดีที่จะทำให้จังหวัดระนองมีความพร้อมในการเป็นเมืองท่าการขนส่งสินค้าทางทะเลฝั่งอันดามัน
นางนฤมล ขรภูมิ อดีตประธานหอการค้าจังหวัดระนอง กล่าวว่า สิ่งที่ทางภาคเอกชนต้องการให้รัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการอีกประการคือการผลักดันโครงการรถไฟทางคู่เชื่อมภาคใต้ตอนบนที่รัฐบาลเคยมีแนวคิดที่จะดำเนินการศึกษาเพื่อหาทางก่อสร้างรองรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวในพื้นที่ภาคใต้ตอนบน
นางนฤมลกล่าวต่อว่า ทางภาคเอกชนระนองสนับสนุนและเห็นด้วยกับแนวคิดของรัฐบาลก่อนหน้านี้ที่เตรียมศึกษาก่อสร้างเส้นทางโครงการรถไฟทางคู่สาย กทม.-ประจวบฯ-ชุมพร-ระนอง-พังงา-กระบี่-ภูเก็ต ซึ่งจะส่งผลดีต่อการขนส่ง การเชื่อมโยงระบบการคมนาคม โครงข่ายโลจิสติกส์ และจะส่งผลต่อการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรม และการท่องเที่ยว
รถไฟถือเป็นระบบการขนส่งมหภาคที่สามารถขนส่งคน และสินค้าได้ครั้งละมากๆ ทั้งยังประหยัดกว่าการขนส่งด้านอื่นๆ โดยเฉพาะในส่วนของจังหวัดระนองรอคอยมานานที่จะมีระบบรางเข้ามาเชื่อมโครงการคมนาคมการขนส่งในพื้นที่ ล่าสุดทางจังหวัดระนองร่วมกับจังหวัดชุมพร และภาคเอกชนของ 2 จังหวัดประกอบด้วย หอการค้าจังหวัดระนอง, หอการค้าจังหวัดชุมพร, สภาอุตสาหกรรมจังหวัดระนอง, สภาอุตสาหกรรมจังหวัดชุมพร และการท่าเรือแห่งประเทศไทย ร่วมกันเดินหน้าผลักดันโครงการระบบราง ในโครงการรถไฟทางเดี่ยวเชื่อมเส้นทางการขนส่งระหว่างจังหวัดระนอง และจังหวัดชุมพร เพื่อรองรับแผนการเชื่อมโยงระบบโครงข่ายการคมนาคมขนส่งและระบบโลจิสติกส์ ซึ่งหากรัฐบาลมีแผนสนับสนุนเป็นระบบรถไฟทางคู่จะส่งผลดีต่อการขยายตัวทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน และการท่องเที่ยวอย่างแน่นอน
จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,329 วันที่ 7 - 10 มกราคม พ.ศ. 2561 |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44618
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 16/01/2018 7:02 pm Post subject: |
|
|
ไทย-มาเลเซีย เตรียมดันรถไฟ เชื่อมโยงขนส่ง สงขลา-ปีนัง
แนวหน้า วันอังคาร ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2561, 06.00 น.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ห้องประชุมกระทรวงคมนาคม เมื่อวันที่ 15 มกราคม 2561 นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เป็นประธานการประชุมโครงการพัฒนาร่วมชายแดนบริเวณด่านศุลกากรบูกิตกายูฮิตัม และโครงการเชื่อมโยงท่าเรือปีนัง ประเทศมาเลเซีย กับท่าเรือสงขลา ของรถไฟ โดยมีYB Dato Wira Othman Aziz รมช.การคลัง คนที่ 1 ของ ประเทศมาเลเซีย และคณะ ผู้แทนจาก กรมเจ้าท่า สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) การรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) และการท่าเรือแห่งประเทศไทย(กทท.)เข้าร่วมการประชุมในครั้งนี้
โดยที่ประชุมเพื่อพิจารณาข้อเสนอของประเทศมาเลเซียเกี่ยวกับการพัฒนาระบบรถไฟเชื่อมโยงท่าเรือปีนัง (ประเทศมาเลเซีย) กับท่าเรือสงขลา เพื่อลดต้นทุนโลจิสติกส์ รวมทั้งดึงดูดให้เรือขนส่งสินค้าจากอินโดจีนตอนใต้นำสินค้าขึ้นฝั่งที่ท่าเรือสงขลา และขนส่งผ่านเส้นทางรถไฟไปที่ท่าเรือปีนัง เพื่อส่งต่อไปยังประเทศที่ 3 รวมทั้งรองรับสินค้าจากทางตะวันตกเพื่อขนส่งสินค้าต่อไปทางตะวันออก
อย่างไรก็ตาม ในรายละเอียด ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะศึกษาร่วมกันต่อไป รายงานระบุ |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44618
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 31/01/2018 12:42 pm Post subject: |
|
|
รถไฟสายใหม่ชุมพร-ระนอง 1-2 ก.พ. นัดฟังเสียงชาวบ้าน
เดลินิวส์ พุธที่ 31 มกราคม 2561 เวลา 11.20 น.
1-2 ก.พ. สนข. จัดฟังเสียงชาวชุมพร-ระนอง โครงการศึกษารถไฟชุมพร-ท่าเรือน้ำลึกระนองครั้งสุดท้าย พร้อมจัดเวิร์กชอป ระดมสมองร่วมผลักดันแนวทางพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวจังหวัด
รายงานข่าวจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) แจ้งความคืบหน้าโครงการศึกษาความเหมาะสมทางด้านเศรษฐกิจ วิศวกรรม และสิ่งแวดล้อม เส้นทางรถไฟชุมพร-ท่าเรือน้ำลึกระนองว่า วันที่ 1 ก.พ. จะจัดประชุมสัมมนาเสนอผลการศึกษาและรับฟังความคิดเห็นร่างรายงานฉบับสุดท้ายที่โรงแรมนานาบุรี อ.เมือง จ.ชุมพร โดยที่ปรึกษาจะนำเสนอผลการศึกษาออกแบบเบื้องต้นรวมถึงทั้งเสนอผลการศึกษาความเหมาะสมทางเศรษฐกิจ การเงินและรูปแบบการลงทุน รวมถึงผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น (ไออีอี) และมาตรการจัดการกับผลกระทบสิ่งแวดล้อมเบื้องต้น
โดยมีรูปแบบเป็นรถไฟรางเดี่ยวระยะทาง 102.5 กม. ใช้เวลาก่อสร้าง 3-4 ปี และเปิดให้บริการได้ประมาณปี 77 มี 9 สถานี ได้แก่ สถานีขุนกระทิง สถานีบ้านนา สถานีวังใหม่ สถานีปากจั่น สถานีกระบุรี สถานีบางใหญ่ สถานีละอุ่น สถานีท่าเรือระนอง และจากสถานีท่าเรือระนอง จะมีเส้นทางแยก เข้าสู่เมืองระนอง สิ้นสุดที่สถานีระนอง ระยะทางประมาณ 4 กม. จุดเริ่มต้นแนวเส้นทางบริเวณพื้นที่ทางใต้ของสถานีรถไฟชุมพรและอยู่ด้านเหนือของสถานีรถไฟแสงแดด แนวเส้นทางรถไฟจะโค้งออกจากรถไฟสายใต้เดิมมุ่งไปยังทิศตะวันตกและขนานกับทางหลวงหมายเลข 4 (ถนนเพชรเกษม) ผ่านพื้นที่เขต อ.เมือง จ.ชุมพร อ.กระบุรี อ.ละอุ่น และ อ.เมือง จ.ระนอง จนสิ้นสุดโครงการที่บริเวณท่าเรือน้ำลึกระนอง
ส่วนวันที่ 2 ก.พ. จะจัดประชุมสัมมนาเสนอผลการศึกษาและรับฟังความคิดเห็นร่างรายงานฉบับสุดท้ายที่โรงแรมทินิดี แอท ระนอง อ.เมือง จ.ระนอง และยังจัดประชุมเชิงปฏิบัติการ (เวิร์กชอป) กลุ่มผู้เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวจังหวัด ได้แก่ ผู้ประกอบการท่องเที่ยว และปราชญ์ชาวบ้าน จ.ระนอง ที่มีความรู้กับสถานที่ท่องเที่ยวในจังหวัด เพื่อร่วมกันเสนอแนะแนวทางของจังหวัดให้เกิดความต้องการในการเดินทางของนักท่องเที่ยวและประชาชนในอนาคต เพื่อเกิดการสร้างรถไฟได้เร็ว เช่น ระนองมีจุดเด่นเรื่องน้ำแร่ มีสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ ที่มีชื่อเสียง อาทิ อุทยานแห่งชาติลำน้ำกระบุรี แหล่งท่องเที่ยวธรรมชาติที่สามารถดึงดูดการเดินทางของนักท่องเที่ยวได้ รวมทั้งเส้นทางรถไฟสายชุมพร-กระบุรี-คลองละอุ่น หรือทางรถไฟสายคอคอดกระ ซึ่งเป็นทางรถไฟที่ญี่ปุ่นสร้างขึ้นในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และพิพิธภัณฑ์เชิงประวัติศาสตร์ สงครามโลกครั้งที่ 2 อ.ละอุ่น จ.ระนอง เน้นการมีส่วนร่วมของประชาชนเป็นสำคัญ เพื่อนำมาพัฒนาพื้นที่ต่อไป... อ่านต่อที่ : https://www.dailynews.co.th/economic/624594 |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44618
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 13/02/2018 9:04 am Post subject: |
|
|
"คมนาคม" ดันลงทุนแสนล้าน หนุนระเบียงเศรษฐกิจ 4 ภาค
เดลินิวส์ จันทร์ที่ 12 กุมภาพันธ์ 2561 เวลา 16.12 น.
กระทรวงคมนาคมดันลงทุนโครงสร้างพื้นฐานแสนล้านบาท เชื่อมระเบียงเศรษฐกิจ 4 ภาค หวังรองรับเศรษฐกิจอาเซียน
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม เปิดเผยว่า ไทยเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญในแผนการพัฒนาระบบขนส่งและโลจิสติกส์ของภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากเป็นพื้นที่เชื่อมโยงการขนส่งสินค้า 2 ฝั่งมหาสมุทรและเป็นจุดพาดผ่านตามนโยบายเส้นทางสายไหมใหม่ของประเทศจีน ซึ่งรัฐบาลอยู่ระหว่างผลักดันโครงการรถไฟความเร็วสูง ช่วงกรุงเทพ-หนองคาย เพื่อเชื่อมการค้าตามเส้นทางจีน-สปป.ลาว-ไทย ไปยังมาเลเซียและสิงคโปร์ ดังนั้นการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) จึงเป็นตัวอย่างสำคัญที่จะผลักดันเศรษฐกิจชาติ เพื่อรองรับการเติบโตของภูมิภาคอาเซียน เนื่องจากพบว่าสัดส่วนจีดีพีของประเทศราว 20% นั้นมาจาก 3 จังหวัดในเขตอีอีซี โดยเฉพาะ จ.ระยองที่ครองสัดส่วนจีดีพีถึง 8% ทั้งที่มีประชากรแค่ 1% ของทั้งประเทศหรือราว 6 แสนคน ดังนั้นไทยควรมีแนวทางการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจในภาคอื่นๆ ที่เชื่อมต่อประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อรองรับการค้าอาเซียนด้วย
นายไพรินทร์ กล่าวต่อว่า พื้นที่แนวระเบียงเศรษฐกิจที่เหมาะสมนั้นกระทรวงคมนาคมมองว่าควรเป็นแนวระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้ (เอสอีซี) และแนวระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือ (เอ็นอีซี) โดยเฉพาะพื้นที่ภาคใต้ตนมองว่าควรส่งเสริมการพัฒนาเส้นทางขนส่ง 2 ฝั่งทะเลอ่าวไทยและทะเลอันดามันหรือโครงการแลนด์บริดจ์ เพราะเป็นเส้นทางการค้าที่สำคัญเชื่อมต่อมหาสมุทรอินเดียและแนวเส้นทางสายไหมใหม่ของจีน อีกทั้งยังสามารถช่วงชิงตลาดโลจิสติกส์ทางน้ำจากประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีปริมาณเรือสินค้า 4-5 หมื่นลำต่อวันบริเวณเส้นทางเดินเรือช่องแคบมะละกาเชื่อมต่อไปยังมาเลเซีย-สิงคโปร์ ปัจจุบันน่าเสียดายที่โครงการดังกล่าวถูกชะลอไปจากปัญหาต่างๆ จึงเสี่ยงที่ประเทศไทยจะเสียโอกาสเนื่องจากประเทศมาเลเซียและจีนได้จับมือกันเพื่อพัฒนาเส้นทางแลนด์บริดจ์ในฝั่งมาเลเซียโดยมีกำหนดการแล้วเสร็จภายใน 3 ปี ซึ่งเส้นทางดังกล่าวถือว่าเป็นเส้นทางที่สั้นกว่าและประสิทธิภาพน้อยกว่าเส้นทางของประเทศไทย
ขณะที่พื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคเหนือนั้นตนมองว่าควรจะเป็นพื้นที่เชื่อมต่อจากเมืองหลวงไปยังเมืองรองเอ็นอีซีเช่นดียวกับพื้นที่อีอีซี โดยปัจจุบันกระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างก่อสร้างมอเตอร์เวย์จากอีอีซีไปเชื่อม 2 เมืองใหญ่อย่าง จ.ปราจีนบุรีและ จ.นครราชสีมา ควบคู่ไปกับโครงการมอเตอร์เวย์และรถไฟฟ้าความเร็วสูงที่จะพาดผ่านเมืองอุตสาหกรรมอย่างจ.อยุธยายาวไปถึง จ.เชียงใหม่ ดังนั้นพื้นที่ศักยภาพที่จะช่วงชิงความได้เปรียบเพื่อนบ้านอาเซียนคือเส้นทางขนส่งสินค้าตามแนวระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก-ตะวันตก (EWEC) เชื่อมต่อไทย-เมียนมา-สปป.ลาว-เวียดนาม ปัจจุบันกระทรวงคมนาคมมีแผนขยายถนนตามแนวเส้นทางดังกล่าวรวมถึงการลงทุนพัฒนารถไฟทางคู่อีกด้วย
รายงานข่าวกระทรวงคมนาคมระบุว่า สำหรับแผนการพัฒนาแลนด์บริดจ์ของกระทรวงคมนาคมนั้นมีแผนพัฒนาโครงการก่อสร้างทางรถไฟเชื่อมโยงขนส่งสินค้าระหว่างท่าเรือฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน ระยะทาง 142 กม. วงเงิน 2.6หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ช่วงหาดใหญ่-ปากบารา และหาดใหญ่-ท่าเรือสงขลาแห่งที่ 2 (อ.จะนะ) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนแม่บทยุทธศาสตร์การพัฒนาพื้นที่ชายฝั่งทะเลภาคใต้ (SEA : Strategic Environmental Assessment) ทั้งระบบท่าเรือชายฝั่งและสะพานเศรษฐกิจ (แลนด์บริดจ์) ครอบคลุม 6 จังหวัด ได้แก่ ชุมพร ระนอง นครศรีธรรมราช กระบี่ สงขลา และสตูล ควบคู่ไปกับแผนการพัฒนาแลนบริดจ์ภาคใต้ตอนบนโครงการรถไฟสายใหม่ ช่วง อ.ดอนสัก- จ.สุราษฎร์ธานี ระยะทาง 77 กม. วงเงิน 1.8 หมื่นล้านบาท และโครงการก่อสร้างรถไฟ ช่วง จ.สุราษฎร์ธานี-อ.ท่านุ่น จ.พังงา ระยะทาง 156 กม. วงเงิน 3.6 หมื่นล้านบาท
ส่วนด้านโครงการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานตามแนวระเบียง EWEC กระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างดำเนินการขยายถนนเป็น 4 ช่องจราจรตลอดแนวเส้นทางในประเทศไทยระหว่างแม่สอด จ.ตากไปจนถึง จ.มุกดาหาร ล่าสุดดำเนินการได้เกือบครบทั้งหมดแล้ว นอกจากนี้ยังมีแผนก่อสร้างรถไฟทางคู่เชื่อมต่อพื้นที่ EWEC โดยใช้ เส้นทางบ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม เชื่อมต่อกับโครงการรถไฟทางคู่เด่นชัย-เชียงราย-เชียงของ ในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ สำหรับโครงการรถไฟทางคู่ช่วงบ้านไผ่-มุกดาหาร-นครพนม ระยะทาง 355 กม. วงเงิน 6.57 หมื่นล้านบาท และโครงการรถไฟทางคู่ช่วงเด่นชัย-เชียงใหม่ ระยะทาง 217 กม. วงเงิน 5.99 หมื่นล้านบาท เป็นโครงการรถไฟทางคู่ระยะที่ 2 จำนวน 9 เส้นทางที่การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ทยอยเสนอโครงการขอความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในปีนี้ |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44618
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 22/02/2018 10:12 pm Post subject: |
|
|
ท่าเรือน้ำลึกสะดุด คมนาคมตีกลับโครงการปากบารา
แนวหน้า วันพุธ ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561, 06.00 น.
นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม เปิดเผยผลประชุมโครงการท่าเทียบเรือน้ำลึกปากบารา จังหวัดสตูล ว่า ในการประชุมดังกล่าวได้รับทราบข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและติดตามสถานะความคืบหน้าของโครงการโดยเฉพาะด้านผลกระทบด้านทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (EIA) ก่อนมีมติสั่งการให้ กรมเจ้าท่า กลับไปจัดทำแผนการศึกษาใหม่ภายใน 6 เดือน โดยเฉพาะขั้นตอนการทำประชาพิจารณ์เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่
ด้านแหล่งข่าวจาก กรมเจ้าท่า กล่าวว่าทาง กระทรวงคมนาคมได้สั่งการให้ชะลอโครงการพัฒนาท่าเรือน้ำลึกปากบารา วงเงิน 29,000 ล้านบาท เนื่องจากยังไม่สามารถสรุปรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม และสุขภาพ (EHIA) ได้หลังจากที่มีการต่อต้านจากประชาชนในพื้นที่จนไม่สามารถเปิดเวทีรับฟังความเห็นขอบเขตและแนวทางประเมินผลกระทบทำให้ไม่สามารถเข้าสู่ขั้นตอนการสำรวจความคิดเห็นประชาชนและจัดทำรายงาน และการรับฟังความคิดเห็นและทบทวนรายงานได้
ทั้งนี้ กระทรวงคมนาคม ยังมีแนวคิดปรับเปลี่ยนรูปแบบการดำเนินโครงการเพื่อสนับสนุนให้โครงการเดินหน้าได้รวดเร็วขึ้น และลดข้อพิพาทขัดแย้งกับประชาชนในพื้นที่ ซึ่งจะเปลี่ยนจากรัฐบาลลงทุนเองทั้งหมดเป็นการเปิดให้เอกชนเข้าร่วมลงทุน (PPP) เนื่องจากเอกชนสามารถดำเนินโครงการพัฒนาและเสนอค่าตอบแทนให้กับประชาชนได้ดีกว่า
อย่างไรก็ตาม มองว่าเอกชนที่จะเข้ามาลงทุนในท่าเรือปากบารานั้นต้องเป็นกลุ่มทุนรายใหญ่ที่มีศักยภาพด้านแหล่งเงินทุนและมีความเชี่ยวชาญในการพัฒนาท่าเรือพร้อมกับยกระดับชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนโดยรอบเพื่อสร้างให้เกิดการยอมรับในวงกว้างต่อไป ซึ่งหากประเทศไทยยังไม่สามารถพัฒนาท่าเรือน้ำลึกปากบาราดังกล่าวได้อาจส่งผลให้เสียศักยภาพการแข่งขันด้านโลจิสติกส์ทางน้ำให้กับประเทศมาเลเซียและยังมีแนวโน้มที่จะต้องพึ่งพาการขนส่งทางน้ำจากประเทศมาเลเซียในอนาคตอีกด้วย
ส่วนความคืบหน้าโครงการก่อสร้างท่าเรือสำราญ วงเงินลงทุน 4,000 ล้านบาทบริเวณเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานีนั้น นายณัฐ จับใจ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า กล่าวว่า ขณะนี้ได้มีการส่งเรื่องเข้าไปยัง กระทรวงคมนาคม เพื่อพิจารณาเห็นชอบโครงการแล้ว โดยโครงการดังกล่าวเพื่อส่งเสริมศักยภาพการท่องเที่ยวของประเทศและผลักดันให้ประเทศไทยเป็นจุดหมายปลายทางใหม่ของการท่องเที่ยวทางน้ำ
ด้านแหล่งข่าวจากกรมเจ้าท่าให้ข้อมูลว่า หลังจากนี้ทางกรมเจ้าท่าจะเดินหน้าศึกษาแนวทางการลงทุนโครงการท่าเรือสำราญ คาดว่าจะใช้รูปแบบความร่วมมือภาครัฐ-ภาคเอกชน (Public Private Partnership: PPP) ใช้เวลาศึกษาราว 7-8 เดือน เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะส่งผลศึกษารูปแบบลงทุนดังกล่าวไปยัง สำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (สคร.) ภายในปีนี้ก่อนเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อเปิดประมูลต่อไป |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42743
Location: NECTEC
|
Posted: 25/05/2018 9:28 pm Post subject: |
|
|
ยุติแล้ว! รมว.คมนาคมสั่งทบทวน โครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา ต้อนรับอุทยานธรณีโลก
โดย: MGR Online
เผยแพร่: 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 10:15:
ปรับปรุง: 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2561 11:01:
สตูล - กรมเจ้าท่า เผย รมว.คมนาคม สั่งทบทวนโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา จ.สตูล หลังได้รับการประกาศขึ้นเป็นอุทยานธรณีโลก ชี้ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างทำเรื่องยุติการศึกษาก่อน
วันนี้ (22 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่จังหวัดสตูล ได้รับการขึ้นทะเบียนจากยูเนสโก (UNESCO) ให้เป็นอุทยานธรณีโลก (Geopark) ซึ่งถือเป็นแห่งแรกในประเทศไทย และเป็นลำดับที่ 5 ในอาเซียน ทำให้โครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา อันเป็นโครงการขนาดใหญ่ของรัฐบาลยังไม่มีความชัดเจนว่าจะสั่งยกเลิก หรือจะเดินหน้าโครงการนี้ต่อไป โดยล่าสุด สำนักข่าวสิ่งแวดล้อม (GreenNews) ได้รายงานว่า
นายภาณุ ภาศักดี หัวหน้าคณะทำงานด้านตรวจท่าเทียบเรือ กรมเจ้าท่า กระทรวงคมนาคม เปิดเผยต่อสำนักข่าวสิ่งแวดล้อม (GreenNews) ตอนหนึ่งว่า แม้ว่ากรมเจ้าท่า จะมีการศึกษาทบทวนโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา จ.สตูล แต่ปัจจุบัน รมว.คมนาคม ต้องการให้ทบทวนโครงการ เนื่องจากมีการต่อต้านจากชาวบ้าน และแหล่งธรณีวิทยา จ.สตูล ก็เพิ่งได้รับการประกาศขึ้นทะเบียนเป็นอุทยานธรณีโลก (Satun UNESCO Global Geopark) ด้วย
นายภาณุ กล่าวว่า กรมเจ้าท่าในฐานะเจ้าของโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา ได้รับนโยบายจากรัฐบาลให้กลับมาทบทวน โดยขณะนี้กรมเจ้าท่าได้หยุดการศึกษาไว้ก่อน และ รมว.คมนาคม ก็อยากให้กลับมาทบทวนทิศทางของท่าเรือขนาดใหญ่ในประเทศว่าควรจะเน้นรองรับสินค้า หรือรองรับนักท่องเที่ยว
นโยบายจากทางรัฐบาลอยากจะให้กลับมาทบทวน ตั้งหลักดูว่า โครงการนี้ควรจะเดินอย่างไร ให้ยุติการดำเนินโครงการไว้ก่อน ตอนนี้กำลังอยู่ระหว่างทำเรื่องยุติการศึกษาก่อน ในส่วนของพื้นที่ซับซ้อนโครงการกับเขตอุทยานธรณีโลกยังไม่มีความชัดเจน นายภาณุ กล่าว
นายภาณุ กล่าวอีกว่า โครงการดังกล่าวต้องจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ซึ่งปัจจุบันยังไม่มีการดำเนินการจัดเวที ค.1 จึงอยู่ในระยะเริ่มต้นเท่านั้น โดยขณะนี้อยู่ระหว่างการตั้งคณะกรรมการจัดทำยุทธศาสตร์ด้านโครงสร้างพื้นฐานการคมนาคม การขนส่งทางน้ำ เพื่อให้สอดรับต่อนโยบายรัฐบาล
ตอนนี้โครงการอยู่ระหว่างยุติ ยังไม่แน่ใจว่าอนาคตมีนโยบายรูปแบบไหน อย่างไรก็ตาม ต้องรอความชัดเจนของยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานฝั่งอันดามัน ขณะนี้อยู่ระหว่างนำเสนอฝ่ายบริหารในการแต่งตั้งคณะทำงาน นายภาณุ กล่าว |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44618
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 18/07/2018 1:26 pm Post subject: |
|
|
รัฐบาลสั่งชะลอแผนท่าเรือปากบาราหลังถูกต้านหนัก
โพสต์ทูเดย์ วันที่ 18 ก.ค. 2561 เวลา 12:28 น.
รัฐบาลไฟเขียวพับแผนท่าเรือน้ำลึกปากบารา-ท่าเรือสงขลา หลังถูกต่อต้านหนักไม่อยากสร้างความขัดแย้ง หวั่นลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเหลวหากไม่กระตุ้นเศรษฐกิจส่งออก-นำเข้าสินค้า หวั่นมาเลเซียฮุบเค้กเกทเวย์ปีนัง-ช่องแคบมะละกา
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่ารัฐบาลได้ตัดสินใจสั่งชะลอโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบาราอย่างไม่มีกำหนด หลังจากที่นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคมเรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้แก่ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงคมนาคมและกรมเจ้าท่า โดยที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบร่วมกันว่าจะชะลอโครงการออกไปก่อนเพื่อลดความขัดแย้งภายในพื้นที่รวมถึงความขัดแย้งระหว่างหน่วยงานภาครัฐเรื่องผลกระทบอุทยานแห่งชาติในพื้นที่ อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาขั้นตอนการศึกษาความเหมาะสมและผลกระทบของโครงการนั้นถูกต่อต้านจากชาวบ้านท้องถิ่นและองค์กรอิสระ (NGO) จนไม่สามารถเปิดเวทีรับฟังความเห็นขอบเขตและแนวทางประเมินผลกระทบ หรือ ค.1 (Public Scoping) ทำให้ไม่สามารถเข้าสู่ขั้นตอนต่อไปคือ การสำรวจความคิดเห็นประชาชนและจัดทำรายงาน หรือ ค.2 (Public Assessment) และ การรับฟังความคิดเห็นและทบทวนรายงาน หรือ ค.3 (Public Reviewing)จนไม่สามารถสรุปรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ได้อีกทั้งรัฐบาลยังต้องการให้ลดความขัดแย้งของผู้คนในพื้นที่อีกด้วย หลังจากนี้จท.จะเจราจากับบริษัทที่ปรึกษาเพื่อชำระค่าใช้จ่ายการศึกษาโครงการตามที่เกิดขึ้นจริง จากวงเงินเต็มอยู่ที่ 115 ล้านบาท
แหล่งข่าวกล่าวต่อว่ารมช.คมนาคมได้สั่งการให้กรมเจ้าท่าไปจัดทำแผนพัฒนาท่าเรือน้ำลึกด้านฝั่งตะวันตกแทน ทว่าที่ผ่านมาได้ทำการศึกษามาหลายรอบแล้วโดยเฉพาะท่าเรือจังหวัดระนองฝั่งทะเลอันดามันนั้นไม่สามารถรองรับการขนส่งสินค้าได้เนื่องจากข้อจำกัดเรื่องร่องน้ำที่ลึกเพียง 9 เมตร รองรับเรือบรรทุกขนาดใหญ่ไม่ได้แตกต่างจากปากบาราที่มีร่องน้ำลึกอย่างน้อย 14 เมตร ดังนั้นตนมองว่าแผนลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศคงสูญเปล่าหากไม่สามารถผลักดันให้เกิดการพัฒนาการขนส่งสินค้าทางน้ำเนื่องจากมลค่าการนำเข้าและส่งออกเป็นหนึ่งในแกนลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย อีกทั้งสินค้าส่งออกส่วนใหญ่ต้องพึ่งท่าเรือเป็นหลักเพื่อกระจายประเทศปลายทางทั่วโลก อย่างไรก็ตามด้านความคืบหน้าแผนพัฒนาท่าเรือน้ำลึกสงขลานั้นคงจะออกมาในรูปแบบเดียวกัน คือรัฐบาลจะสั่งให้ชะลอแผนออกไปอย่างไม่มีกำหนดเนื่องจากปัจจุบันยังไม่สามารถผ่าน ค.1 เพราะโดนต่อต้านจากคนในพื้นที่เช่นเดียวกับที่ปากบารา อีกทั้งยังมีการปลุกกระแสต่อต้านโรงไฟฟ้าที่กลัวว่าจะมาพร้อมกับท่าเรือน้ำลึกสงขลาอีกด้วย
ด้านรายงานข่าวจากกรมเจ้าท่า(จท.) ระบุว่า เส้นทางขนส่งแลนด์บริดจ์ท่าเรือสงขลา-ปากบารา-ปีนัง(มาเลเซีย)นั้นเป็นเกทเวย์ขนส่งสินค้าแทนที่ช่องแคบมะละกา กลุ่มชาติมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิกจะได้รับผลประโยชน์ในด้านการประหยัดค่าใช้จ่ายจนสามารถแบ่งสัดส่วนปริมาณขนส่งสินค้าจากช่องแคบมะละกาได้จำนวนมากเพราะแลนด์บริดจ์ท่าเรือสงขลา-ท่าเรือปากบารามีระยะทางที่สั้นกว่าเส้นทางเดินเรือสิงคโปร์-ทะเลอินเดีย ดังนั้นหากโครงการดังกล่าวไม่เกิดมองว่าประเทศไทยจะเสียศักยภาพด้านการขนส่งสินค้าที่ต้องพึ่งท่าเรือปีนังเป็นหลักหรือมองในแง่ร้ายที่สุดหากมาเลเซียปิดด่านชายแดนการขนส่งสินค้าจากไทยจะไปสู่มหาสมุทรอินเดียได้อย่างไร นอกจากนี้มาเลเซียยังมีแผนเปิดเมืองปีนังเป็นเกทเวย์ขนส่งสินค้าของช่องแคบมะละกาพร้อมกับเสนอโครงการรถไฟทางคู่สงขลา-ปีนังให้รัฐบาลไทยพิจารณา หากสามารถทำได้ประเทศไทยจะไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย เนื่องจากปัจจุบันเส้นทางการขนส่งสินค้าผ่านช่องแคบมะละกาถือว่าเป็นเส้นทางเดินเรือที่มีการจราจรมากที่สุดในโลกด้วยจำนวนเรือราว 1 แสนลำต่อวัน จนทำให้จำนวนเรือในแต่ละปีที่ผ่านช่องแคบมะละกาคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 4 ของโลก
---
พับท่าเรือปากบารา-ท่าสงขลา
เดลินิวส์ พุธที่ 18 กรกฎาคม 2561 เวลา 09.12 น.
รัฐบาลไฟเขียวพับแผนท่าเรือน้ำลึกปากบารา-สงขลา หลังถูกต่อต้านหนักไม่อยากสร้างความขัดแย้ง ลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเหลวหากไม่กระตุ้นเศรษฐกิจส่งออก-นำเข้าสินค้า หวั่นมาเลเซียฮุบเค้กเกทเวย์ปีนัง-ช่องแคบมะละกา
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคม (คค.) แจ้งว่า รัฐบาลตัดสินใจสั่งชะลอโครงการท่าเรือน้ำลึกปากบารา จ.สตูล ออกไปอย่างไม่มีกำหนด หลังนายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รมช.คมนาคม เรียกประชุมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย กระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงคมนาคมและกรมเจ้าท่า(จท.) โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบร่วมกันให้ชะลอโครงการออกไปก่อนเพื่อลดความขัดแย้งภายในพื้นที่ รวมถึงลดความขัดแย้งระหว่างหน่วยงานภาครัฐที่ห่วงเรื่องผลกระทบกับอุทยานแห่งชาติในพื้นที่
โดยที่ผ่านมาขั้นตอนการศึกษาความเหมาะสมและผลกระทบของโครงการถูกต่อต้านจากชาวบ้านหน่วยงานท้องถิ่นและองค์กรอิสระ (NGO) จนไม่สามารถเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นขอบเขตและแนวทางประเมินผลกระทบหรือ ค.1 (Public Scoping) จึงเดินหน้าสู่ขั้นตอนต่อไปไม่ได้ คือการสำรวจความคิดเห็นประชาชนและจัดทำรายงาน หรือ ค.2 (Public Assessment) รวมถึงการรับฟังความคิดเห็นและทบทวนรายงาน หรือค.3 (Public Reviewing)จนไม่สามารถสรุปรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ(EHIA) ได้ ประกอบกับรัฐบาลต้องการให้ลดความขัดแย้งของคนในพื้นที่ด้วยหลังจากนี้จท.จะเจราจาบริษัทที่ปรึกษาเพื่อชำระค่าใช้จ่ายการศึกษาโครงการตามที่เกิดขึ้นจริงจากวงเงินเต็มอยู่ที่ 115 ล้านบาท
รายงานข่าวแจ้งอีกว่า นายไพรินทร์ ได้สั่งการใจท.จัดทำแผนพัฒนาท่าเรือน้ำลึกด้านฝั่งตะวันตกในพื้นที่อื่นแทนปากบาราแต่ที่ผ่านมาได้ศึกษามาหลายรอบแล้วโดยเฉพาะท่าเรือจ.ระนองฝั่งทะเลอันดามันไม่สามารถรองรับการขนส่งสินค้าได้เนื่องจากมีข้อจำกัดเรื่องร่องน้ำที่ลึกเพียง9 เมตร รองรับเรือบรรทุกขนาดใหญ่ไม่ได้แตกต่างจากปากบารามีร่องน้ำลึกอย่างน้อย 14เมตร แผนลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศคงสูญเปล่าหากไม่สามารถผลักดันให้เกิดการพัฒนาการขนส่งสินค้าทางน้ำได้ เนื่องจากมูลค่าการนำเข้าและส่งออกเป็นหนึ่งในแกนหลักที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยอีกทั้งสินค้าส่งออกส่วนใหญ่ต้องพึ่งท่าเรือเป็นหลักเพื่อกระจายไปประเทศปลายทางทั่วโลก
นอกจากนี้คาดว่ารัฐบาลจะสั่งชะลอแผนพัฒนาท่าเรือน้ำลึกสงขลาอย่างไม่มีกำหนด เนื่องจากปัจจุบันยังไม่สามารถผ่านค.1 เพราะโดนต่อต้านจากคนในพื้นที่เช่นกัน อีกทั้งยังมีการปลุกกระแสต่อต้านโรงไฟฟ้าที่กลัวว่าจะมาพร้อมกับท่าเรือน้ำลึกสงขลาอีกด้วย. |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44618
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 24/04/2019 9:01 am Post subject: |
|
|
จบแล้ว แลนด์บริดจ์กินรวบ-ท่าเรือปากบารา แต่ ท่าเรือสงขลา 2 และ คลองไทย ยังอยู่! แถมทิศทางเมกะโปรเจกใต้เปลี่ยนไปไหลตาม EEC สู่ SEC
เผยแพร่: 22 เม.ย. 2562 05:38 ปรับปรุง: 22 เม.ย. 2562 10:16 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
https://mgronline.com/south/detail/9620000038749 |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42743
Location: NECTEC
|
Posted: 03/12/2019 1:44 pm Post subject: |
|
|
3 รมต.คมนาคม ประสานเสียงฟื้นท่าเรือ ปากบารา เดินหน้า สงขลา 2
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันที่ 2 ธันวาคม 2562 20:42
ปรับปรุง: วันที่ 3 ธันวาคม 2562 07:19
ศักดิ์สยาม ผนึก ถาวร-อธิรัฐ ฟื้นท่าเรือปากบารา เดินหน้าท่าเรือสงขลา 2 ดันสร้างในรัฐบาลนี้ ยันประเทศได้ประโยชน์ สร้างแลนด์บริดจ์ ลดต้นทุนขนส่ง ยัน 3 รมต.พรรคร่วมจับมือแน่น ถาวร ลงพื้นที่ทำความเข้าใจประชาชน
วันนี้ (2 ธ.ค.) นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้ตรวจเยี่ยมและให้นโยบายกรมเจ้าท่า (จท.) ซึ่งนายศักดิ์สยามกล่าวว่า ตนและ รมช.คมนาคมทั้ง 2 คนได้ให้นโยบายกรมเจ้าท่าในการผลักดันโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกสงขลาแห่งที่ 2 และท่าเรือปากบารา จ.สตูล เนื่องจากมีส่วนสำคัญในการส่งเสริมการขนส่งทางน้ำ และเป็นประตูของประเทศ โดยในส่วนของท่าเรือสงขลา 2 นั้นจะต้องเร่งทำความเข้าใจกับประชาชน ซึ่งนายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม จะช่วยในเรื่องนี้ และหากสามารถผลักดันท่าเรือสงขลา 2 ได้ ในส่วนของฝั่งอันดามันควรจะมีท่าเรือปากบาราเพื่อเชื่อมระบบการขนส่งทางน้ำที่สมบูรณ์ และทำให้ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจประเทศ
เรามี รมต.3 คนที่จะช่วยกันผลักดันเรื่องนี้ จะให้กรมเจ้าท่ารื้อแผนโครงการขึ้นมา เพราะที่ผ่านมาติดปัญหาเรื่องการทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน อย่างน้อย ท่าเรือสงขลา 2 ควรจะเกิดให้ได้ รัฐบาลนี้จะลองผลักดันอีกครั้ง ส่วนข้อกังวลของประชาชนสำหรับท่าเรือปากบาราเชื่อว่าจะทำความเข้าใจกันได้ และยืนยันว่า รมต.กระทรวงคมนาคมที่มาจาก 3 พรรคร่วมรัฐบาลสามารถทำงานร่วมกันได้อย่างดี นายศักดิ์สยามกล่าว
การเชื่อมโยงท่าเรือปากบาราและท่าเรือสงขลา 2 ด้วยระบบรางจะเกิดประโยชน์ต่อการขนส่งอย่างมาก ดังนั้นต้องลองผลักดันทำความเข้าใจกันอีกครั้งเพราะถือว่าเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศอย่างมาก หากไม่ทำจะเป็นการเสียโอกาสได้ อย่างไรก็ตาม ในการลงทนด้านโครงสร้างพื้นฐานไม่จำเป็นต้องใช้งบประมาณอย่างเดียว มีหลายรูปแบบ กองทุนฯ หรือการร่วมลงทุน (PPP) เพียงแต่ต้องทำความเข้าใจกับประชาชนให้เห็นถึงประโยชน์ที่จะเกิดแก่ประเทศ
ด้านนายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม กล่าวว่า ในส่วนของท่าเรือสงขลา 2 นั้นมีความจำเป็น เพราะสินค้าที่ขนส่งจากภาคกลาง ภาคใต้ผ่านไปด่านประกอบด้วย อ.นาทวี ด่านสะเดา ด่านปาดังเบซาร์ มูลค่าปีละประมาณ 4 แสนล้านบาท ซึ่งผู้ประกอบการต้องแบกภาระขนส่ง โดยจะส่งต่อภาระไปที่ผู้ผลิต โดยเฉพาะเกษตกร เช่น ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับยาง ทั้งไม้ ยางแผ่น แม้แต่ตู้เย็น หรือรถจักรยานยนต์ ต้องส่งไปทางนี้ หมด เพราะว่าเรือแม่ไม่ได้เข้าที่ท่าเรือระยอง หรือท่าเรือมาบตาพุด นี่คือเหตุผลที่ต้องสร้างท่าเรือน้ำลึกสงขลา 2
ส่วนจะผลักดันโครงการนั้น การศึกษาเดิมที่ อ.จะนะ จ.สงขลา การประชาพิจารณ์ไม่เรียบร้อย ซึ่งกระทรวงคมนาคมพร้อมที่จะลงพื้นที่ร่วมกับกระทรวงมหาดไทยในการทำความเข้าใจกับประชาชน และเกษตรกร ในพื้นที่ในการลดภาระต้นทุน และประโยชน์จะได้รับ ขณะที่การศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ทางกระทรวงทรัพย์ฯ จะดูแลอย่างเข้มข้น ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
ส่วนท่าเรือปากบารา นายถาวรเชื่อว่าจะมีเหตุผลที่สามารถทำความเข้าใจกับประชาชนได้ ซึ่ง รมต.ทั้ง 3 พรรคอยู่ในพื้นที่ พร้อมจะร่วมมือกับผลักดัน
@เตรียมพร้อมรับการตรวจมาตรฐานของ IMO
นายศักดิ์สยามกล่าวว่า ตนและ รมช.คมนาคม 2 ท่านได้ร่วมกันมอบแนวทางในการบริหารจัดการงานต่างๆ ของกรมเจ้าท่าที่จะเพิ่มศักยภาพในการให้บริการและอำนวยความสะดวก ทั้งด้านการขนส่งสินค้าและผู้โดยสาร ซึ่งกรมเจ้าท่ามีภารกิจสำคัญในการพัฒนาหลายเรื่อง รวมถึงเป็นส่วนสำคัญในการส่งเสริมด้านเศรษฐกิจอีกด้วย
โดยได้กำชับให้เตรียมพร้อมแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ในการรับการตรวจสอบด้านความปลอดภัยการขนส่งทางน้ำ ประเทศสมาชิกองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) ในปี 2563 หากมีความจำเป็นต้องยกระดับคณะกรรมการเป็นระดับชาติก็ต้องเร่งดำเนินการ
นอกจากนี้ ได้เร่งรัดการจัดทำระบบควบคุมการจราจรทางน้ำ (VTS) ซึ่งยังไม่ครอบคลุมพื้นที่ทางด้านอันดามันและฝั่งอ่าวไทยตอนล่าง โดยให้ดำเนินการติดตั้งให้แล้วเสร็จในปี 2563 โดยเสนอวงเงินดำเนินการในงบประมาณปี 2563 จำนวน 800 กว่าล้านบาท ทั้งนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัยให้แก่นักท่องเที่ยว
นอกจากนี้ ให้กรมเจ้าท่าปรับบทบาทตัวเองเป็นผู้กำกับดูแล (Regulator) คืองานใดที่ไม่มีบุคลากรเพียงพอให้ Outsource เช่น การตรวจสิ่งรุกล้ำลำน้ำ การตรวจเรือ การตรวจแพ เป็นต้น หากจ้างแรงงานภายนอกมาช่วยทำได้ให้ดำเนินการ โดยให้อยู่ภายใต้กฎหมาย อย่าให้เกิดข้อครหาเรื่องการเอื้อประโยชน์
//--------------------------------------------
ศักดิ์สยาม ฟื้นท่าเรือสงขลา 2- ปากบารา ถาวร ทัพหน้ากล่อมชาวบ้าน
พร็อพเพอร์ตี้
วันที่ 2 ธันวาคม 2562 - 21:07 น.
ศักดิ์สยาม ฟื้นท่าเรือสงขลา 2- ปากบารา ถาวร ทัพหน้ากล่อมชาวบ้าน
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยหลังตรวจมอบนโยบายกรมเจ้าท่าว่า ได้มอบภารกิจไว้หลายประการ แต่ที่ต้องเน้นย้ำอย่างเร่งด่วนในตอนนี้คือ การเตรียมความพร้อมในงานพระพระราชพิธีบรมราชาภิเษก เสด็จพระราชดำเนินเลียบพระนคร โดยขบวนพยุหยาตราทางชลมาร์ค เนื่องในพระราชพิธีบรมราชาภิเษก พ.ศ.2562 ได้สั่งการให้ตรวจสอบกระบวนการทุกอย่างให้เรียบร้อย และให้นายวิทยา ยาม่วง อธิบดีกรมเจ้าท่าแผนปฏิบัติการให้ครอบคลุมอย่างรอบด้าน
ทุ่ม 800 ล้านติดระบบสื่อสารคุมจราจรทางน้ำ
ประเด็นต่อมา คือการเตรียมความพร้อมรองรับการตรวจสอบจากองค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (IMO) โดยให้ทำแผน Action Plan ต่างๆให้เรียบร้อย อะไรที่ต้องยกระดับเป็นเรื่องระดับชาติก็ให้เร่งดำเนินการ โดยให้นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคมในฐานะกำกับกรมเจ้าท่า ช่วยกำกับดูแลอีกทางหนึ่ง
advertisement
ถัดมา การติดตั้งระบบการสื่อสารควบคุมจราจรทางน้ำ (VTS) เหลือติดตั้งบริเวณชายฝั่งทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนล่าง คาดว่าจะใช้เงินลงทุนประมาณ 800 ล้านบาท โดยแปรญัตติขอกับคณะกรรมาธิการงบประมาณปี 2563 สภาผู้แทนราษฎร เรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะเร่งดำเนินการให้ได้ภายในปี 2563 นี้ เพื่อยกระดับการจัดการจราจรทางน้ำและสร้างความมั่นใจให้นักท่องเที่ยว
และให้ใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ปรับใช้กับงานของกรม ถ้าส่วนไหนไม่มีงบประมาณให้ขอทางเอกชนเชื่อมเข้ากับซอฟ์ตแวร์ของกรม บูรณาการใช้ประโยชน์ เพื่อดูแลเรื่องความปลอดภัย รวมถึงต้องกลับไปดูกฎหมาย กฎระเบียบของกรมว่ามีอะไรต้องปรับปรุงให้ทันสมัย และตอบสนองกับสภาวะในปัจจุบัน
สั่งจ้างเอาท์ซอสแก้งานช้า
และกรมเจ้าท่าต้องปรับบทบาทตัวเอง อะไรที่ทำไม่ทัน เช่น การตรวจเรือที่ต้องตรวจประมาณ 90,000 ลำ แต่ตรวจได้จริงประมาณ 70,000 ลำ ก็ควรจ้างเอาท์ซอร์สเอกชนเข้ามาทำแทน เพื่อให้งานเสร็จทันกำหนด แต่ต้องคำนึงถึงประโยชน์ต่อประชาชนและต้องดำเนินการภายใต้กฎหมาย ซึ่งตนมองว่า อะไรที่เอาท์ซอร์สได้ก็ควรทำ เพราะที่ผ่านมาเป็นภาระต่องบประมาณมาก โดยเฉพาะรายจ่ายประจำ แล้วกรมเจ้าท่าเป็นเรกูเรเตอร์แทน
ฟื้นสงขลา 2 ปากบารา
นายศักดิ์สยาม กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ยังได้สั่งการให้กลับไปดูโครงการลงทุนในท่าเรือต่างๆ เช่น ท่าเรือสงขลา 2 ซึ่งถูกต่อต้านจากประชาชนในพื้นที่ ทางนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ได้เสนอขอลงไปทำความเข้าใจกับประชาชนให้
เชื่อว่าหากเริ่มดำเนินการท่าเรือสงขลา 2 ได้ ทางฝั่งอันดามัน คือท่าเรือปากบารา ก็น่าจะดำเนินการได้ตามมา โดยรัฐมนตรีคมนาคมทั้ง 3 คนจะช่วยกันดำเนินการ และในพื้นที่ดังกล่าวก็มี ส.ส. ในพื้นที่สังกัดทั้งพรรคพลังประชารัฐ ประชาธิปัตย์ และภูมิใจไทย ก็จะช่วยกันผลักดันอีกแรงหนึ่ง
เชื่อมทะเลตะวันออก-ตะวันตก
ผมให้รื้อแผนขึ้นมาดูภายในปีนี้เลย แล้วลงไปทำความเข้าใจกับชาวบ้าน เพราะเห็นว่ามีประโยชน์ เชื่อมฝั่งตะวันออก-ตะวันตก จะเกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจมหาศาล โดยให้กรมไปเริ่มต้นก่อน หากติดขัดอะไรก็มาบอกรัฐมนตรีทั้ง3 คนได้ จะได้ช่วยประสานงาน เพราะท่านถาวรก็อยู่ในพื้นที่อยู่แล้ว และท่านรัฐมนตรีท่องเที่ยวและกีฬา (พิพัฒน์ รัชกิจประการ) หรือท่านออธิรัฐเองก็มี ส.ส.ในพื้นที่ ถ้าสามารถทำความเข้าใจกับประชาชนได้ ตนเชื่อว่ามันก็เกิด นายศักดิ์สยามกล่าว
นายศักดิ์สยาม ย้ำว่า โครงการนี้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีก็ปลุกปั้นมาตั้งแต่สมัยรัฐบาลที่แล้ว ในสมัยตนอย่างน้อย ท่าเรือสงขลา 2 จะต้องเกิดให้ได้ ส่วนวิธีดำเนินการมีหลายวิธี ใช้เงินกองทุน หรือ PPP แต่ต้องนำผลศึกษามาตรวจสอบใหม่ก่อนว่า ที่ผ่านมาติดขัดประเด็นอะไร
ถาวรอาสาคุยชาวบ้าน
ด้านนายถาวร เสนเนียม รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ปัจจุบันสินค้าที่ขนส่งจากภาคกลางและภาคใต้ไปยังด่านประกอบ ด่านนอกไทยจังโหลน และด่านสะเดา จ.สงขลา มีมูลค่าประมาณ 400,000 ล้านบาท/ปี จึงเห็นศักยภาพที่จะพัฒนาท่าเรือสงขลา 2 เป็นท่าเรือน้ำลึก ซึ่งการทำความเข้าใจกับประชาชนเป็นเรื่องสำคัญ
โครงการเดิมที่ศึกษาไว้ที่ อ.จะนะ จ.สงขลา แม้ผลการศึกษาความเป็นไปได้ของโครงการจะผ่านการประชาพิจารณ์ไปแล้วรอบหนึ่ง แต่เป็นการผ่านที่ไม่ค่อยสวยงามเท่าไหร่ ดังนั้น กระทรวงจึงเห็นว่า ควรจะศึกษาใหม่
โดยตนจะร่วมกับกระทรวงมหาดไทย ไปทำความเข้าใจกับประชาชนว่า โครงการนี้มีส่วนช่วยเกษตรกรอย่างไร และช่วยลดภาระพ่อค้าคนกลางอีกด้วย ส่วนสิ่งแวดล้อม ได้ประสานงานกับสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) ตรวจสอบตามมาตรฐานรายงานวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA) ซึ่งตอนนี้ก็ได้ริเริ่มพูดคุยกับประชาชนแล้ว |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42743
Location: NECTEC
|
Posted: 03/12/2019 5:14 pm Post subject: |
|
|
ท่าเรือปากบารามีลุ้นฟื้นโครงการ
3 ธันวาคม 2562
ศักดิ์สยาม สั่งรื้อโปรเจค 1.2 หมื่นล้าน ผุดท่าเรือปากบารา ส่งถาวร ลงพื้นที่กล่อมประชาชน พร้อมลุยสร้างท่าเรือน้ำลึกสงขลา 2 มั่นใจเป็นฮับขนส่ง
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมและมอบนโยบายแก่กรมเจ้าท่า ว่า ได้สั่งการให้กรมเจ้าท่าพัฒนาท่าเรือต่างๆ ให้สำเร็จโดยเร็ว เพื่อเปิดประตูการขนส่งทางน้ำของไทย ซึ่งขณะนี้ได้สั่งการให้รื้อแผนการดำเนินโครงการก่อสร้างท่าเรือปากบารา จังหวัดสตูล ที่การยุติโครงการไปแล้วเมื่อรัฐบาลที่แล้วนั้น ขอให้นำกลับขึ้นมาศึกษาใหม่ภายในปีนี้ รวมถึงโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกสงขลาแห่งที่ 2 จังหวัดสงขลาซึ่งมีปัญหาเรื่องการสร้างความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่
โดยในส่วนของการพัฒนาท่าเรือปากบารา ถือเป็นส่วนช่วยที่จะทำให้การขนส่งสินค้าทางน้ำ และการเดินทางทางน้ำฝั่งทะเลตะวันตกสะดวกมากขึ้น รวมทั้งยังสามารถเชื่อมต่อกับระบบรางได้อีกด้วย
ดังนั้นโครงการนี้ถือว่ามีความสำคัญ และเป็นประโยชน์ต่อประเทศ ส่วนตัวเชื่อว่าจะสามารถทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ได้ เพราะรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคมทั้ง 3 คนซึ่งจะร่วมกันผลักดัน และประสานไป สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) ของทั้ง 3 พรรคการเมืองที่อยู่ในพื้นที่ ให้ช่วยทำความเข้าใจกับประชาชนและผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายด้วย
สำหรับโครงการท่าเรือปากบารา นับอีกหนึ่งโครงการที่นายกฯ เคยอยากผลักดันให้เกิดขึ้น ดังนั้นการรื้อฟื้นขึ้นมาศึกษาและจัดทำอีกครั้ง ก็ถือเป็นเรื่องที่ต้องลองดูก่อน เพราะไม่อยากให้ประเทศชาติเสียประโยชน์หรือเสียโอกาสที่ควรจะได้รับทั้งทีมีศักยภาพ
"ผมจะผลักดันให้ปากบารา และท่าเรือสงขลา 2 เกิดให้ได้ในยุคของผม ถือเป็นนโยบายที่กระทรวงคมนาคมต้องทำด้วยกันให้ได้ เพราะถ้าเป็นประโยชน์เราก็ควรทำ ซึ่งเรื่องนี้ได้ฝากให้รัฐมนตรีช่วยฯ ท่านถาวร ทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ด้วย
ศักดิ์สยามสั่งฟื้นชีพท่าเรือน้ำลึกปากปารา
03 ธันวาคม พ.ศ. 2562 เวลา 09:59 น.
3 ธ.ค.62-นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.กระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า นโยบายของกระทรวงคมนาคมขณะนี้เห็นชอบที่จะให้มีการฟื้นโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา จ.สตูล ซึ่งยอมรับว่าที่ผ่านมามีกระแสต้านทำให้โครงการนี้ไม่สามารถผลักดันให้เกิดขึ้นได้ แต่ก็เป็นอีกนโยบายของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรีที่มีความพยายามจะให้เกิดขึ้นตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว
มองว่าเป็นโครงการที่ดีและเกิดประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจการค้าการขนส่งทางทะเล ทำให้ต้นทุนการขนส่งถูกลงได้ จึงได้มอบหมายให้กรมเจ้าท่า (จท.) ดำเนินการเพื่อให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน แต่จะต้องศึกษาทั้งผลดีและผลเสียทุกมิติ รวมทั้งจะต้องให้ความสำคัญในการทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ด้วย
โครงการปากบารา ถือว่าเป็นโครงการที่ดีและมีประโยชน์มากมาย และเป็นโครงการที่ทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ดังนั้น รัฐมนตรีทั้ง 3 คนของกระทรวงคมนาคมจะร่วมกันในการผลักดันโครงการนี้ให้เกิดขึ้น และจะต้องช่วยในการชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่หรือนอกพื้นที่ก็ตาม โดยจะนำผลการศึกษาที่มีอยู่เดิมมาพิจารณาทบทวน และอาจต้องมีการเริ่มใต้นศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมใหม่ก็ต้องดำเนินการ เรื่องนี้จะต้องพิจารณาให้ครบทุกมิติด้วย นายศักดิ์สยามกล่าว
นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า ส่วนโครงการเร่งด่วนที่จะเร่งผลักดันก่อนในขณะนี้ คือการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกสงขลา 2 ซึ่งจะเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เช่นเดียวกันให้เห็นถึงศักยภาพของท่าเรือแห่งนี้ เพราะผลการศึกษาต่างๆทาง จท.มีข้อมูลอยู่แล้ว ดังนั้นโครงการนี้มีความเป็นไปได้ที่จะผลักดันให้เกิดขึ้นได้ก่อน แม้จะไม่ได้จั้งงบประมาณของปี 2563 แต่เชื่อว่าถ้าเป็นโครงการที่ดีมีประโยชน์การหาแห่งเงินนั้นมีได้หลฃากหลายรูปแบบ เช่น การใช้เงินจากกองทุน หรือให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุนเป็นต้น
ด้านนายถาวร เสนเนียม รมช.คมนาคม กล่าวว่าว่า โครงการท่าเรือน้ำลึกปากบาราเป็นโครงการที่ดีและมีประโยชน์มากมายหากสามารถผลักดันให้เกิดขึ้นได้ ที่ผ่านมารับทราบข้อมูลว่ามีกระแสต่อต่านอย่างหนัก แต่ขจะต้เองพยายามชี้ให้เห็นถึงผลดีและประโยชน์ที่จะเกิดขึ้น เช่นลดต้นทุนการขนส้งต่างๆ ทำให้ลดเส้นทางการขนส่งเป็นต้น
เชื่อมั่นว่าหากเป็นโครงการที่ดีและไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ได้ จะทำให้โครงการนี้เกิดขึ้นได้ จะต้องใช้ความพยายามในการผลักดันยให้เกิดขึ้น เพราะสามารถร่วมมือกันเพราะ สตูลมีฐานเสียงทางการเมืองของพรารคภูมิใจไทยที่สามารถชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ด้วยนายถาวร กล่าว
ด้านนายวิทยา ยาม่วง อธิบดี จท. ยืนยันว่าพร้อมรับนโยบายในการผลักดันโครงการท่าเรือน้ำลบึกปากบารา แม้ที่ผ่านมาจะถูกมองว่าโอกาสเกิดได้ยาก ก็ถือว่าเป็นสิ่งที่ท้าทายที่จะผลักดันในรัฐบาลนี้ เพราะข้อมุลผลการศึกษาที่ผ่านมามทีอยุ่แล้ว แต้จะต้เองนำมาพิจารณาและทบทวนเพื่อให้เหมาะสมและสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน
ปัดฝุ่นโปรเจ็คท่าเรือปากบารา-สงขลา เปิดเอกชนลงทุน PPP 1.7 หมื่นล้าน
วันที่ 03 ธ.ค. 2562 เวลา 11:18 น.
"ศักดิ์สยาม" เดินหน้าผลักดันลงทุนท่าเรือน้ำลึก 1.7 หมื่นล้านบาท ทั้งปากบารา-สงขลา เล็งเปิดเอกชนร่วมทุน PPP หวังชิงเค้กขนส่งทางน้ำช่องแคบมะละกา ลดต้นทุนผู้ประกอบการ
นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.กระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายให้กรมเจ้าท่า(จท.)ว่าได้มอบนโยบายให้ จท.ไปฟื้นโครงการก่อสร้างท่าเรือน้ำลึกปากบารา จ.สตูล วงเงิน 1.2 หมื่นล้านบาท ซึ่งยอมรับว่าที่ผ่านมามีกระแสต้านทำให้โครงการนี้ไม่สามารถผลักดันให้เกิดขึ้นได้ แต่ก็เป็นอีกนโยบายของรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา นายกรัฐมนตรีที่มีความพยายามต้องการให้เกิดขึ้น
นอกจากนี้ได้เร่งรัดการลงทุนท่าเรือน้ำลึกสงขลา 2 วงเงิน 5,000 ล้านบาท ซึ่งจะเริ่มต้นจากการทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เช่นเดียวกันให้เห็นถึงศักยภาพของท่าเรือแห่งนี้ เพราะผลการศึกษาต่างๆทางจท.มีข้อมูลอยู่แล้ว แม้จะไม่ได้ตั้งงบประมาณของปี 2563 แต่เชื่อว่าถ้าเป็นโครงการที่ดีมีประโยชน์ ส่วนการหาแหล่งเงิน นั้น มีได้หลากหลายรูปแบบ เช่น การใช้เงินจากกองทุนโครงสร้างพื้นฐาน (TFF) หรือให้เอกชนเข้ามาร่วมลงทุน PPPเป็นต้น
โครงการนี้จะเกิดประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจการค้าการขนส่งทางทะเล ทำให้ต้นทุนการขนส่งถูกลงได้ จึงได้มอบหมายให้กรมเจ้าท่า (จท.) ดำเนินการเพื่อให้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมที่ชัดเจน แต่จะต้องศึกษาทั้งผลดีและผลเสียทุกมิติ รวมทั้งจะต้องให้ความสำคัญใมนการทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ด้วย "นายศักดิ์สยาม กล่าว
นายศักดิ์สยาม กล่าวว่า โครงการปากบารา ถือว่าเป็นโครงการที่ดีและมีประโยชน์มากมาย และเป็นโครงการที่ทั้งคนเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย ดังนั้น รัฐมนตรีทั้ง 3 คนของกระทรวงคมนาคมจะร่วมกันในการผลักดันโครงการนี้ให้เกิดขึ้น และจะต้องช่วยในการชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่หรือนอกพื้นที่ก็ตาม โดยจะนำผลการศึกษาที่มีอยู่เดิมมาพิจารณาทบทวน และอาจต้องมีการเริ่มศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อมใหม่ก็ต้องดำเนินการ เรื่องนี้จะต้องพิจารณาให้ครบทุกมิติรายงานข่าวกระทรวงคมนาคม ระบุว่า โครงการท่าเรือน้ำลึกปากบาราได้ศึกษาออกแบบแล้วและเข้ากระบวนการผลักดันตั้งแต่ปี 2560-2561แต่ถูกต่อต้านจากชาวบ้านท้องถิ่นและองค์กรอิสระ (เอ็นจีโอ) จนไม่สามารถเปิดเวทีรับฟังความเห็นขอบเขตและแนวทางประเมินผลกระทบ หรือ ค.1 ทำให้ไม่สามารถเข้าสู่ขั้นตอนต่อไปคือ การสำรวจความคิดเห็นประชาชนและจัดทำรายงาน หรือ ค.2 และ การรับฟังความคิดเห็นและทบทวนรายงาน หรือ ค.3 จนไม่สามารถสรุปรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (EHIA)ได้อีกทั้งรัฐบาลยังต้องการให้ลดความขัดแย้งของผู้คนในพื้นที่อีกด้วย
ขณะที่แผนพัฒนาท่าเรือน้ำลึกสงขลานั้นคงจะออกมาในรูปแบบเดียวกัน คือรัฐบาลจะสั่งให้ชะลอแผนออกไปอย่างไม่มีกำหนดเนื่องจากปัจจุบันยังไม่สามารถผ่าน ค.1 เพราะโดนต่อต้านจากคนในพื้นที่เช่นเดียวกับที่ปากบารา อีกทั้งยังมีการปลุกกระแสต่อต้านโรงไฟฟ้าที่กลัวว่าจะมาพร้อมกับท่าเรือน้ำลึกสงขลาอีกด้วย
ด้านรายงานข่าวจากกรมเจ้าท่า(จท.) ระบุว่า เส้นทางขนส่งแลนด์บริดจ์ท่าเรือสงขลา-ปากบารา-ปีนัง(มาเลเซีย)นั้นเป็นเกทเวย์ขนส่งสินค้าแทนที่ช่องแคบมะละกา กลุ่มชาติมหาสมุทรอินเดียและมหาสมุทรแปซิฟิกจะได้รับผลประโยชน์ในด้านการประหยัดค่าใช้จ่ายจนสามารถแบ่งสัดส่วนปริมาณขนส่งสินค้าจากช่องแคบมะละกาได้จำนวนมากเพราะแลนด์บริดจ์ท่าเรือสงขลา-ท่าเรือปากบารามีระยะทางที่สั้นกว่าเส้นทางเดินเรือสิงคโปร์-ทะเลอินเดีย เนื่องจากปัจจุบันเส้นทางการขนส่งสินค้าผ่านช่องแคบมะละกาถือว่าเป็นเส้นทางเดินเรือที่มีการจราจรมากที่สุดในโลกด้วยจำนวนเรือราว 1 แสนลำต่อวัน จนทำให้จำนวนเรือในแต่ละปีที่ผ่านช่องแคบมะละกาคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 4 ของโลก
https://www.thaiquote.org/content/229806
__________________ |
|
Back to top |
|
|
|