View previous topic :: View next topic
Author
Message
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42746
Location: NECTEC
Posted: 25/05/2017 7:10 pm Post subject:
ใกล้ตอกเข็ม รถไฟไทย-จีน มิ.ย.ชง ครม.-เปิดประมูล ส.ค.
โดย MGR Online
24 พฤษภาคม 2560 16:57 น. (แก้ไขล่าสุด 24 พฤษภาคม 2560 17:52 น.)
ใกล้ตอกเข็ม รถไฟไทย-จีน มิ.ย.ชง ครม.-เปิดประมูล ส.ค.
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และนายหวัง เสี่ยวเทา รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาและปฏิรูปแห่งชาติของจีน ประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 18 ที่ กรุงเทพ วันที่ 23 พฤษภาคม 2560
ร.ฟ.ท.ชงบอร์ด 29 พ.ค.นี้ขออนุมัติโครงการรถไฟไทย-จีน กรุงเทพฯ-โคราช มูลค่า 1.79 แสนล้าน อาคม ขีดเส้นเร่งชง ครม. มิ.ย.นี้ เปิดประมูลก่อสร้างตอนแรก 3.5 กม. ส.ค. คาดตอกเข็ม ก.ย.
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการร่วมเพื่อความร่วมมือด้านรถไฟระหว่างไทย-จีน ครั้งที่ 18 ที่กรุงเทพฯ ว่า โดยรวมได้ข้อสรุปแล้ว โดยเฉพาะขั้นตอนการปฏิบัติต่างๆ คงยังเหลือรายละเอียดอีกไม่มาก ซึ่งฝ่ายเทคนิคของทั้งสองฝ่ายจะเร่งหารือให้ได้ข้อสรุปโดยเร็ว ซึ่งจีนต้องการให้ไทยเร่งรัดการนำเสนอโครงการเพื่อขอนุมัติ โดยคาดว่าจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ในเดือน มิ.ย.นี้ โดยจะเป็นการนำเสนอภาพรวมโครงการ เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา-หนองคาย โดยจะดำเนินการช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 252.5 กม. มูลค่า 179,412.21 ล้านบาทเป็นเฟสแรก
ทั้งนี้ ยังคงเป้าหมายที่จะเปิดประมูลก่อสร้างตอนที่ 1 ระยะทาง 3.5 กม. (สถานีกลางดง-ปางอโศก) ค่าก่อสร้างประมาณ 200 ล้านบาทภายในเดือน ส.ค.นี้ และจะเร่งให้ผู้รับเหมาเข้าพื้นที่ในเดือน ก.ย.ทันที
โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) จะเสนอคณะกรรมการ (บอร์ด) ขออนุมัติโครงการในวันที่ 29 พ.ค.นี้ หลังจากที่ได้มีการปรับปรุงรายละเอียดขั้นตอนการปฏิบัติงานให้มีความชัดเจนมากขึ้น หลังจากนั้นจะเสนอคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (บอร์ด สศช.) ก่อนเสนอ ครม. ซึ่งฝ่ายไทยได้ยืนยันกับจีนว่าจะเสนอขออนุมัติโครงการให้ได้ภายในวันที่ 30 มิ.ย.เพื่อเริ่มต้นโครงการตามแผนงาน ส่วนสัญญา 2.1 ถือเป็นกุญแจที่จะทำให้การออกแบบตอนที่ 2 (ปากช่อง-คลองขนานจิตร) ระยะทาง 11 กม. ตอนที่ 3 (แก่งคอย-โคราช) ระยะทาง 119 กม. ตอนที่ 4 (กรุงเทพฯ-แก่งคอย) ระยะทาง 119 กม. ตามไปได้ต่อเนื่อง
นอกจากนี้ ฝ่ายจีนยังเป็นห่วงกรณีรายงานการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ซึ่งช่วงกรุงเทพฯ-บ้านภาชี EIA อนุมัติแล้ว แต่ช่วงบ้านภาชี-โคราชยังไม่ผ่าน EIA ซึ่งเป็นจุดก่อสร้างของตอนที่ 1, 2 โดยได้ทำรายงานและทำข้อมูลเพิ่มเติมต่อคณะกรรมการผู้ชำนาญการ (คชก.) ไปรวม 4 ครั้งแล้ว
รวมถึงสัญญางานออกแบบ (EPC 2.1) ซึ่งคาดว่าจะสรุปรายละเอียด ภาระค่าใช้จ่าย และเป็นไปตามระเบียบของไทยได้ภายในเดือน ก.ค.นี้ หลังจาก ครม.อนุมัติโครงการ โดยคณะทำงานสองฝ่ายได้แลกเปลี่ยนข้อมูลกันแล้ว ดังนั้น เมื่อสามารถลงนามในสัญญางานออกแบบกันได้ ทางจีนจะเร่งออกแบบในตอนที่ 2, 3, 4 ต่อเนื่อง ขณะนี้จะเร่งทยอยเปิดประมูลก่อสร้างตอนที่ 2, 3, 4 ตามลำดับ
สำหรับเงื่อนไขทั่วไปของร่างสัญญาออกแบบนี้ การขอใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรควบคุมและวิชาชีพสถาปัตยกรรมควบคุมของฝ่ายจีนนั้น ได้ทำความเข้าใจกับจีนแล้วว่า ทางสภาวิศวกร และสภาสถาปนิกของไทยจะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ซึ่งในเรื่องนี้จะต้องเรียบร้อยภายในเดือน ก.ค.
นายอาคมกล่าวว่า ในส่วนของค่าก่อสร้างระยะทาง 3.5 กม.ที่จะเปิดประมูลเร็วๆ นี้นั้น ทางกระทรวงการคลังจะพิจารณาแหล่งเงินกู้ซึ่งอาจจะเป็นงบประมาณ หรือเงินกู้ในประเทศ โดยผู้รับจ้างจะเน้นผู้รับเหมาไทย ขณะที่อุปกรณ์ที่ต้องนำเข้า เช่น ระบบอาณัติสัญญาณ ตัวรถนั้นอาจจะมีการใช้เงินกู้ต่างประเทศ ซึ่งยังมีเวลาพิจารณา
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42746
Location: NECTEC
Posted: 31/05/2017 1:11 am Post subject:
ครม.ผ่านฉลุยไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ระดมทุนสร้าง2ทางด่วนมูลค่ากว่า4หมื่นล.
มติชน
วันที่ 30 พฤษภาคม 2560 - 17:22 น.
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังจากการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.)ว่า ที่ประชุมครม.ได้เห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือ (เอ็มโอยู) ด้านระบบราง ระหว่างกระทรวงคมนาคมของไทย และกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยวของประเทศญี่ปุ่น เพื่อใช้ในการลงนามในการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงไทย ญี่ปุ่น ครั้งที่ 3 ในวันที่ 5 มิถุนายน 2560 ณ กรุงโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น โดยมีสาระสำคัญ คือ 1.การพัฒนารถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ซึ่งจะใช้เทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูง (ชินคันเซ็น) ของประเทศญี่ปุ่น รวมทั้งใช้รางเฉพาะตลอดเส้นทาง แบ่งการดำเนินการออกเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ช่วงกรุงเทพฯ พิษณุโลก และช่วงพิษณุโลก เชียงใหม่ โดยจะเริ่มดำเนินการในช่วงกรุงเทพฯ พิษณุโลก ก่อน ขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษาความเป็นไป และสรุปผลการศึกษาฉบับสุดท้าย คาดว่าจะแล้วเสร็จ ภายในปี 2560 โดยครั้งนี้จะได้หารือรายละเอียดการออกแบบเส้นทางช่วงบางซื่อ บ้านภาชี รวมถึงการพัฒนาเมืองและพื้นที่เชิงพาณิชย์ตามแนวเส้นทางรถไฟ
นายอาคม กล่าวว่า 2.การพัฒนาเส้นทางรถไฟตามแนวเศรษฐกิจด้านใต้ (ด่านพุน้ำร้อน ด่านอรัญประเทศ) ทั้ง 2 ประเทศยินดีกับผลการวิเคราะห์และข้อเสนอแนะการศึกษาขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (ไจก้า) ตามเอ็มโอยูที่ได้ลงนามร่วมกัน เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเมืองและพื้นที่เศรษฐกิจ รวมถึงการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้าน 3.การให้บริการขนส่งสินค้าทางรถไฟ โดยการตั้งคณะทำงานเพื่อหารือรายละเอียดในการดำเนินการให้บริการรถไฟรูปแบบใหม่ 4. การพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก ตะวันตก โดยฝ่ายไทยจะเป็นผู้ศึกษาเส้นทางรถไฟช่วงบ้านไผ่ มุกดาหาร นครพนม ส่วนไจก้าจะเป็นผู้ศึกษาช่วง บ้านไผ่ นครสวรรค์ แม่สอด
นายอาคม กล่าวว่า 5.ระบบการขนส่งมวลทางราง ในโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงบางซื่อ รังสิต ซึ่งใช้เงินกู้ และเทคโนโลยีจากญี่ปุ่น ก็ต้องเร่งรัดให้สามารถเดินหน้าได้ตามกำหนด 6.แผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล ระยะที่ 2 โดยทางญี่ปุ่นให้การสนับสนุนให้เรื่องของการศึกษา ภายในเดือนมีนาคม 2561 7.การพัฒนาพื้นที่สถานกลางบางซื่อ ทางญี่ปุ่นจะข้อเสนอแนะต่อแผนแม่บทแบบบูรณาการ โดยจัดทำการศึกษา เพื่อวิเคราะและเสนอแนวคิดการพัฒนาพื้นที่สถานีกลางบางซื่อให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งทางรถไฟ รวมถึงการบูรณาการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์โดยรอบ
นายอาคม กล่าวว่า ที่ประชุมครม. ยังได้เห็นชอบ การระดมทุนผ่านกองทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่ออนาคตของประเทศไทย (ไทยแลนด์ ฟิวเจอร์ฟันด์) หรือ ทีเอฟเอฟ ตามข้อเสนอของกระทรวงการคลัง โดยใช้โครงการการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.)จำนวน 2 โครงการ คือ คือ โครงการทางพิเศษฉลองรัช (รามอินทรา อาจณรงค์) และโครงการทางพิเศษบูรพาวิถี(บางนา-ชลบุรี) มาใช้ระดมทุนเพื่อนำไปก่อสร้างโครงการทางด่วนพิเศษ พระราม 3-ดาวคะนอง วงแหวนรอบนอกกรุงเทพด้านตะวันตก มูลค่า 30,437ล้านบาทและ โครงการทางด่วนขั้นที่ 3ในเส้นทางเอ็น 2 (เกษตรนวมินทร์)มูลค่า 14,382 ล้านบาท รวมทั้งสิ้น 44,819 ล้านบาท ซึ่งคาดว่าภายใน 2 สัปดาห์นี้กระทรวงคมนาคมจะสามารถเสนอรายละเอียดของโครงการทั้ง 2 โครงการให้ ครม. พิจารณาอนุมัติเพื่อดำเนินการสู่กระบวนการประกวดราคาได้ ทั้งนี้หากเกิดปัญหาจนกระทรวงการคลัง ไม่สามารถระดมทุนเพื่อนำเงินมาก่อสร้างโครงการดังกล่าวมาได้ทัน เชื่อว่าจะไม่ส่งผลกระทบแต่อย่างใด เพราะกระทรวงคมนาคมสามารถกู้เงินมาใช้ก่อนได้
นายอาคม กล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุม ได้เห็นชอบขยายการอบวงเงินงบประมาณและระยะเวลาก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการก่อสร้างทางเลี่ยงเมืองแม่สอด และสะพานข้ามแม่น้ำเมยแห่งที่ 2 จ.ตาก ของกรมทางหลวง(ทล.) เพิ่มขึ้น 367.57 ล้านบาท จากเดิมอยู่ที่ 3,900 ล้านบาท เป็น 4,267.57 ล้านบาท เป็นผลมาจากค่าก่อสร้างเพิ่มขึ้น 167 ล้านบาท จากเดิมอยู่ที่ 3,600 ล้านบาท และค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินเพิ่ม 200 ล้านบาท เดิมอยู่ที่ 300 ล้านบาท รวมทั้งขยายการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณงานก่อสร้างอาคารด่านที่แม่สอด จากปี 2558- 2560 เป็นปีงบประมาณ 2558-2562 เนื่องจากโครงการมีความซับซ้อนมาก โดยเฉพาะงานก่อสร้างหลัก งานภูมิปัตย์ รูปแบบเน้นแสดงเอกลักษณ์แต่ละประเทศเป็นงานที่มีความละเอียดจึงมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนจากการดำเนินงานเองเป็นงานจ้างเหมา และทล. ได้คำนวณราคากลางงานก่อสร้างแล้วส่งผลให้วงเงินเพิ่มขึ้น 167.57 ล้านบาท ทำให้การก่อสร้างอาคารด่านมีวงเงินก่อสร้างเพิ่มเป็น 1,187.57 ล้านบาท จากเดิมอยู่ที่ 1,020 ล้านบาท คาดว่างานก่อสร้างจะแล้วเสร็จในปี 2562
การก่อสร้างถนนมีความคืบหน้า 80% สะพานที่เชื่อมระหว่างไทยและเมียนมาเสร็จเรียบร้อยแล้ว ที่ยังขาดอยู่คืออาคารด่านยังไม่แล้วเสร็จ และขณะนี้ทางพม่าได้เริ่มส่งมอบพื้นที่เพื่อให้ก่อสร้างอาคารด่านแล้ว ซึ่งเชื่อว่าหากก่อสร้างเสร็จจะช่วยลดความแออัดบริเวณด่านแม่สอดและทำให้การขนส่งสินค้าระหว่างประเทศมีความสะดวกรวดเร็วมากขึ้นนายอาคม กล่าว
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42746
Location: NECTEC
Posted: 31/05/2017 1:36 am Post subject:
ครม.เห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือด้านระบบราง ไทย -ญี่ปุ่น
สปริงนิวส์
วันอังคาร 30 พฤษภาคม 2017 9:25 pm
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบและอนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคม เสนอ ดังนี้
1. เห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือด้านระบบราง ระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่ง และการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น (MLIT) ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับปรุง แก้ไขร่างบันทึกความร่วมมือฯ ในส่วนที่มิใช่สาระสำคัญก่อนการลงนาม และเป็นประโยชน์ต่อประเทศไทย ให้อยู่ในดุลยพินิจของ กระทรวงคมนาคม โดยไม่ต้องนำเสนอคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณาอีกครั้ง
2. อนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม หรือผู้ที่ได้รับมอบหมายเป็นผู้ลงนาม ฝ่ายไทยสำหรับการลงนามดังกล่าว
3. มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศออกหนังสือมอบอำนาจเต็ม (Full Powers) ให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมหรือผู้แทน สำหรับการลงนามดังกล่าว
ทั้งนี้ หากมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนร่างบันทึกความร่วมมือในส่วนที่ไม่ใช่สาระสำคัญและไม่ขัดกับหลักการที่คณะรัฐมนตรีได้ให้ความเห็นชอบไว้ ให้ กระทรวงคมนาคม ดำเนินการได้โดยให้นำเสนอคณะรัฐมนตรีทราบภายหลัง พร้อมทั้งให้ชี้แจงเหตุผลและประโยชน์ที่ประเทศไทยได้รับจากการปรับเปลี่ยนดังกล่าวตามหลักเกณฑ์ของมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2558 (เรื่อง การจัดทำหนังสือสัญญาเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ) ด้วย
ร่างบันทึกความร่วมมือด้านระบบราง ระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย และ MLIT ประกอบด้วย 1) การพัฒนารถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ (BCHSR) 2) การพัฒนาเส้นทางรถไฟตามแนวเศรษฐกิจด้านใต้ 3) การให้บริการขนส่งสินค้าทางรถไฟ 4) การพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก (EWEC) 5) ระบบขนส่งมวลชนทางราง 6) แผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ระยะที่ 2 7) การพัฒนาพื้นที่สถานีกลางบางซื่อ และ 8) ความร่วมมือเพิ่มเติมสำหรับรถไฟความเร็วสูง
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42746
Location: NECTEC
Posted: 05/06/2017 5:36 pm Post subject:
เมื่อญี่ปุ่นเบียดจีนลุ้นขอโอกาสพัฒนาระบบรางของไทย
โดย LeaderCrew - 02 มิถุนายน 2560
ในที่สุดเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 2560 ที่ผ่านมาคณะรัฐมนตรี(ครม.) ก็ได้เห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือ(เอ็มโอยู) ด้านระบบรางระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทยและกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น(MLT) พร้อมอนุมัติให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมลงนามในเอ็มโอยูดังกล่าวในการประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงไทย-ญี่ปุ่น(HLIC) ครั้งที่3 ที่กรุงโตเกียว ก่อนเดินหน้าขับเคลื่อน 8 แผนพัฒนาให้เป็นรูปธรรม นับว่าเป็นอีกหนึ่งมิติการดำเนินงานด้านการพัฒนาระบบรางของประเทศไทยที่เริ่มจะเห็นภาพชัดเจนด้านความร่วมมือระหว่างประเทศไทยกับญี่ปุ่นตามที่ ครม.ได้เห็นชอบร่างบันทึกความร่วมมือด้านระบบราง ระหว่างกระทรวงคมนาคมแห่งราชอาณาจักรไทย และกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยวแห่งญี่ปุ่น(MLT) โดยนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมจะเดินทางไปเป็นผู้ลงนามในบันทึกความร่วมมือดังกล่าวในโอกาสที่ได้เข้าร่วมคณะของรองนายกรัฐมนตรี(นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์) เพื่อเข้าร่วมประชุมคณะกรรมาธิการร่วมระดับสูงไทย-ญี่ปุ่น(HLIC) ครั้งที่ 3 ในวันที่ 5 มิถุนายน 2560 ณ กรุงโตเกียว เพื่อส่งเสริมความร่วมมือด้านระบบรางระหว่างกันอย่างเป็นรูปธรรมยิ่งขึ้น
จับตาเบื้องลึกเบื้องหลังการศึกษา
ทั้งนี้ในร่างบันทึกความร่วมมือดังกล่าวได้สรุปสาระสำคัญ 8 แผนการเพื่อการขับเคลื่อนซึ่งฝ่ายญี่ปุ่นขอเข้าไปเจาะลึกในทุกผลการศึกษาตามที่ฝ่ายไทยเคยได้ศึกษาเอาไว้แล้วทั้งสิ้น ส่วนผลสรุปครั้งสุดท้ายจะเป็นเพียงการดัดแปลงผลการศึกษาของไทยแล้วไปย้อมแมวนำเสนอเป็นผลงานของฝ่ายญี่ปุ่นเองหรือไม่นั้นคงต้องจับตากันต่อไป ไม่ว่าจะเป็นกรณีการพัฒนารถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ที่ดูเหมือนจะล็อคชัดเจนว่าจะใช้เทคโนโลยีรถไฟความเร็วสูงของญี่ปุ่น(ระบบซินคันเซ็น) รวมถึงการใช้รางเฉพาะตลอดเส้นทาง แบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ระยะ ได้แก่ ช่วงกรุงเทพฯ-พิษณุโลก และช่วงพิษณุโลก-เชียงใหม่ โดยจะดำเนินการช่วงกรุงเทพฯ-พิษณุโลก ก่อน และให้เร่งสรุปผลการศึกษาฉบับสุดท้ายภายในปี 2560 โดยจะมีการหารือรายละเอียดของการออกแบบเส้นทาง ช่วงบางซื่อ-บ้านภาชี ที่จะประสานงานกับโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ทั้งการก่อสร้างรถไฟชานเมือง รถไฟไทย-จีน ฯลฯ รวมถึงให้ความสำคัญของการพัฒนาเมืองและพื้นที่เชิงพาณิชย์ตามแนวเส้นทางอีกด้วยเนื่องเล็งเห็นว่าญี่ปุ่นมีความชำนาญในเรื่องนี้
นอกจากนั้นยังมีเรื่องการพัฒนาเส้นทางรถไฟตามแนวทางเศรษฐกิจด้านใต้เพื่อเชื่อมกับท่าเรือน้ำลึกทวายของเมียนมาในอนาคต โดยทั้ง 2 ฝ่ายได้ติดตามผลการวิเคราะห์และข้อเสนอแนะการศึกษาขององค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น(ไจก้า) ตามบันทึกความร่วมมือที่ได้ลงนามร่วมกันเมื่อเดือนพฤษภาคม 2558 เพื่อส่งเสริมการพัฒนาเมืองและพื้นที่เศรษฐกิจ รวมถึงการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านไปยังกัมพูชาและเวียดนามผ่านเส้นทางจากกาญจนบุรี-กรุงเทพฯ-สระแก้ว ที่จะเชื่อมกับเมืองปอยเปตของกัมพูชา จึงเป็นเส้นทางเชื่อมโยง 3 ประเทศของรถไฟตามแนวเส้นทางนี้ โดยคาดว่าจะเป็นสำคัญต่อการตัดสินใจลงทุนในท่าเรือน้ำลึกทวายในเมียนมาของญี่ปุ่นที่จะใช้เส้นทางผ่านไทย กัมพูชาและเวียดนามที่จะออกไปยังญี่ปุ่นได้ใกล้ที่สุด
รุกเปิดแนวเส้นทาง4 ประเทศมุ่งสู่ญี่ปุ่น
นอกจากนั้นยังมีเรื่องการให้บริการขนส่งสินค้าทางรถไฟ โดยทั้งไทย-ญี่ปุ่นได้ตั้งคณะทำงานเพื่อหารือรายละเอียดในการดำเนินงานให้บริการทางรถไฟรูปแบบใหม่ร่วมกันต่อไป อีกทั้งยังมีเรื่องการพัฒนาเศรษฐกิจตามแนวระเบียงเศรษฐกิจตะวันออก-ตะวันตก(E-W Economic corridor) ที่สามารถเชื่อมออกสู่เมียนมาผ่านไทยไปยังกัมพูชา เวียตนามที่จะไปสู่ญี่ปุ่นได้อีก 1 เส้นทางโดยเลือกแนวเส้นทางโครงการก่อสร้างทางรถไฟช่วงนครสวรรค์-บ้านไผ่ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งในการเชื่อมโยงภูมิภาค รวมถึงการส่งผลต่อเศรษฐกิจในอนาคตที่จะเชื่อมกับเส้นทางที่ฝ่ายไทยศึกษาไว้ส่วนหนึ่งแล้วได้ทันที
ประการสำคัญยังมีเรื่องระบบการขนส่งมวลชนทางราง โดยฝ่ายญี่ปุ่นได้แนะนำการใช้เทคโนโลยีรถไฟของญี่ปุ่น สำหรับโครงการรถไฟสายสีแดงที่บางช่วงก่อสร้างแล้วเสร็จและบางช่วงอยู่ระหว่างการก่อสร้างโดยใช้เงินกู้ของญี่ปุ่นไปดำเนินการในบางส่วนนั้น โดยทั้ง 2 ฝ่ายจะทำงานกันอย่างใกล้ชิดเพื่อส่งเสริมการใช้เทคโนโลยีรถไฟของญี่ปุ่น สำหรับระบบขนส่งมวลชนทางรางในกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ซึ่งนี่จัดเป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์ที่ฝ่ายญี่ปุ่นวางแผนเอาไว้ชัดเจนแล้ว
เช่นเดียวกับเรื่องการพัฒนาแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ระยะที่ 2(M-Map 2) MLIT และ JICA แสดงความตั้งใจที่จะสนับสนุนรัฐบาลไทยในการจัดทำแผนแม่บทระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพฯ- ปริมณฑล ระยะที่ 2 ภายในเดือนมีนาคม 2561 หลังจากที่เฟสแรกไดเร่งก่อสร้างไปแล้วส่วนหนึ่งและยังเหลือการนำเสนอครม.อนุมัติดำเนินการในช่วงปลายปีนี้
รุกฮุบศูนย์กลางคมนาคมระดับอาเซียน
นอกจากนั้นยังต้องจับตากรณีการพัฒนาพื้นที่สถานีกลางบางซื่อ MLIT และ JICA จะให้ข้อเสนอแนะต่อแผนแม่บทแบบบูรณาการ โดยจัดทำการศึกษาเพื่อวิเคราะห์และเสนอแนวคิดการพัฒนาพื้นที่สถานีกลางบางซื่อให้เป็นศูนย์กลางการขนส่งทางรถไฟ รวมถึงบูรณาการพื้นที่กับหน้าที่ของเมืองหลัก และโครงสร้างองค์กรที่เหมาะสม เช่นเดียวกับเรื่องความร่วมมือเพิ่มเติมสำหรับรถไฟความเร็วสูง(ไฮสปีดเทรน) ที่ฝ่ายญี่ปุ่นจะให้การสนับสนุนในการวางแผนด้านความปลอดภัยและความน่าเชื่อถือของรถไฟความเร็วสูง โดยใช้เทคโนโลยีญี่ปุ่นที่ทันสมัย และญี่ปุ่นจะให้ความร่วมมือสำหรับความเป็นไปได้กับบทบาทสำคัญของโครงการรถไฟความเร็วสูง เส้นทางกรุงเทพฯ-ระยอง เพื่อพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกในอนาคต และรถไฟความเร็วสูงเส้นทางกรุงเทพฯ-กัวลาลัมเปอร์ ที่ล่าสุดฝ่ายจีนได้แสดงความชัดเจนในการลงทุนเส้นทางภาคใต้ของไทยแลกกับการตั้งโรงงานเหล็กเพื่อผลิตรางป้อนความต้องการให้โครงการในประเทศไทยและในภูมิภาคนี้
โดยเรื่องดังกล่าวนี้นายอาคมยืนยันชัดเจนว่าเป็นความต่อเนื่องของความร่วมมือระหว่างไทย-ญี่ปุ่น ที่ได้ดำเนินการในช่วงที่ผ่านมาโดยทั้ง 8 ประเด็นดังกล่าวได้มีความก้าวหน้าตามลำดับ โดยเฉพาะแนวเส้นทางรถไฟความเร็วสูงสายเหนือและสายตะวันออกเฉียงเหนือได้แนวเส้นทางแยกชัดเจนแล้วระหว่างรถไฟไทย-จีน กับ รถไฟไทย-ญี่ปุ่น ซึ่งอยู่ระหว่างการหารือร่วมกัน ส่วนแนวด้านใต้ขณะนี้ได้มีการทดลองขนส่งด้วยตู้สินค้าคอนเทนเนอร์ขนาดเล็กซึ่งคาดว่าจะได้รายละเอียดของผลการทดลองในเร็วๆ นี้นั้น เช่นเดียวกับช่วงบ้านไผ่-นครพนมที่ฝ่ายไทยโดยการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) ดำเนินการศึกษารองรับไว้แล้ว ซึ่งฝ่ายญี่ปุ่นรับศึกษาช่วงเชื่อมไปยัง อ.แม่สอด จ.ตาก ในเฟสต่อไป
ยุทธศาสตร์ทั้ง 8 ด้านของฝ่ายญี่ปุ่นมีความคืบหน้าแล้วบางส่วนและเมื่อการลงนามในวันที่ 5 มิถุนายน 2560 นี้แล้วเสร็จก็คงจะเห็นความก้าวหน้ามากขึ้นเป็นลำดับ ส่วนฝ่ายไทยจะได้หรือเสียอย่างไรบ้างนั้นคงต้องรับฟังความเห็นของหลายฝ่ายว่าท้ายที่สุดแล้ว
ใครได้ใครเสีย จากความร่วมมือด้านการพัฒนาระบบรางของฝ่ายไทย-ญี่ปุ่นกันแน่????
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42746
Location: NECTEC
Posted: 05/06/2017 5:37 pm Post subject:
ไทยหลุดขบวน เส้นทางสายไหม
โดย LeaderCrew - 17 พฤษภาคม 2560
แม้จะมีเสียงโจมตีและการตั้งข้อระแวงสงสัยในเป้าหมายอันซ่อนเร้นของ พญามังกร ต่อโครงการเส้นทางสายไหมยุคใหม่ที่จะเชื่อมโลกสร้างการค้าอย่างสันติวิธีและมีผลประโยชน์ร่วมกัน แต่การประชุมระดับสูง เวทีข้อริเริ่มเส้นทางสายไหมและเส้นทางสายไหมทางทะเลในศตวรรษที่ 21 (High-Level Dialogue Belt and Road Forum for International Cooperation) เมื่อวันที่ 14-15 พฤษภาคม 2560 ณ กรุงปักกิ่ง สาธารณรัฐประชาชนจีน ซึ่งปรากฎภาพนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ให้การต้อนรับผู้นำ 29 ชาติที่รับเทียบเชิญเข้าร่วมการประชุมรวมถึงนายวลาดิมีร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซีย ก็ทำให้งานนี้ยิ่งใหญ่ระดับโลกและโครงการเส้นทางสายไหมของจีนได้ถูกยกระดับสู่สากลและตีตรารับรองไปแล้วโดยปริยาย
ยิ่งในงานนี้ นายสี จิ้นผิง ประกาศทุ่มเทการสนับสนุนการก่อสร้างเส้นทางทั่วเอเชียเชื่อมโยงกับยุโรปและแอฟริกาทั้งหมด รวมถึงทวีปอเมริกา และให้สัญญาจะอัดฉีดเงิน 125,000 ล้านดอลลาร์(ประมาณ 4.3 ล้านล้านบาท) ก็ยิ่งทำให้ผู้นำหลายประเทศที่หวังได้ประโยชน์จากโครงการนี้ ออกหน้ามากล่าวยกย่องจีนสารพัดว่าทั้งคิดสร้างสรรค์ เป็นผู้เปิดมิติใหม่ของความร่วมมือระหว่างภูมิภาคและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ รวมไปถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คนอีกจำนวนมาก
เวทีนี้เท่ากับจีนได้โอกาสประกาศต่อโลกว่าเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจ ไม่ใช้ความแข็งกร้าว อิทธิพลทางทหารบีบคั้นใครเข้าร่วม แต่ใช้โครงการพัฒนาดึงดูดพันธมิตรร่วมสร้างเส้นทางการค้าการลงทุนใหม่อย่างเสรีไม่ใช่กีดกันหรือสร้างกำแพงขวาง เสมือนเป็นการเกทับบลัฟแหลกสหรัฐอเมริกาในยุคโดนัลด์ ทรัมป์ ที่กำลังมั่วอยู่กับการทำให้อเมริกากลับมายิ่งใหญ่อีกครั้งด้วยการถอนตัวจากความตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจภาคพื้นแปซิฟิก 12 ประเทศ (Trans-Pacific Partnership: TPP) กำลังสร้างกำแพงคอนกรีตกั้นเม็กซิโก กำลังทะเลาะกับนานาชาติที่ค้าขายแล้วขาดดุล หาว่าเขาเอาเปรียบ และกำลังจะก่อสงความโลกครั้งที่ 3
มองในมุมใกล้ตัว Belt and Road Forum มีผู้นำชาติอาเซียนได้รับบัตรเชิญไปกันเกือบหมด เช่น สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน แห่งกัมพูชา นายโรดริโก ดูแตร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ นายบุนยัง วอละจิต ประธานสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว นายโจโค วิโดโด้ ประธานาธิบดีอินโดนีเซีย นาจิบ ราซะก์ นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย นายเจินดั่ยกวาง ประธานาธิบดีเวียดนาม และนางอองซานซูจี มุขมนตรีแห่งเมียนมา
Photo : http://en.kremlin.ru/events/president/news/54499
แต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีไทย หลุดจากเวทีนี้ไม่ได้รับเทียบเชิญให้เข้าร่วม โดยกระทรวงการต่างประเทศอ้างว่ารัฐบาลจีนได้เชิญรัฐมนตรีจาก 6 กระทรวง ประกอบด้วย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงคมนาคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และตัวแทนของกระทรวงการคลัง เข้าร่วมประชุม ซึ่งมีข้อสังเกตุว่าหลังจบประชุมแล้วก็ไม่ปรากฏข่าวจาก 6 กระทรวงว่าได้อะไรที่เป็นประโยชน์กับไทยติดไม้ติดมือที่กลับมา
กระทรวงการต่างประเทศอ้างแก้เกี้ยวด้วยว่ารัฐบาลจีนเชิญ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุม BRICS Summit ครั้งที่ 9 แทน ในเดือนกันยายนนี้ที่เมืองเซียะเหมินมณฑลฝูเจี้ยนโดยจีนเป็นเจ้าภาพ แต่ก็ยังน่าสงสัยว่าไทยไปเกี่ยวอะไรกับกลุ่ม BRICS ที่ประกอบด้วย บราซิล รัสเซีย อินเดีย จีน และแอฟริกาใต้
ลึกๆ แล้วเป็นไปได้หรือไม่ว่าเพราะโครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เพื่อเชื่อมต่อจากลาวที่หนองคาย เป็นเส้นทางหนองคาย-นครราชสีมา- แก่งคอย-กรุงเทพฯ รวม 845 กิโลเมตร ที่ลงนามกันไว้ตั้งแต่ 19 ธันวาคม 2557 เจรจาต่อเนื่องร่วม 20 ครั้งมาจนบัดนี้สองปีครึ่งก็ยังไม่มีความคืบหน้าใดๆ และจาก 845 กิโลเมตรตอนหลังมาพูดแค่ 250 กิโลเมตรจากนครราชสีมา-กรุงเทพฯ แล้วย่อลงอีกเหลือแค่ 3.5 กิโลเมตร เพื่อเชื่อมต่อสระบุรี-นครราชสีมาที่สถานีกลางดง จึงดูเหมือนรัฐบาลไทยกับจีนคุยกันไม่ลงตัวในเส้นทางสายนี้
บางคนบอกว่าผู้นำไทยไปงานนี้ก็แค่ไม้ประดับของจีน แต่การเป็นไม้ประดับบนเวทีระดับโลกก็ยังดีกว่าการเป็นไม้ไร้ค่าที่ไม่ถูกเลือก ดังนั้นต้องถามว่าเป็นเรื่องที่ผู้นำไทยรู้สึกหรือไม่ รัฐบาลไทยตระหนักหรือไม่ถึงการส่งสัญญาณจากจีนคิดหรือว่าแค่ตกลงซื้อเรือดำน้ำ 1 ลำจากจีนก็เพียงพอแล้ว ไทยจะยังเล่นการเมืองสองหน้าเสมอไปเช่นในอดีตในขณะนี้โลกเปลี่ยน เทคโนโลยีเปลี่ยน และกระแสลมกำลังพัดมาทางตะวันออกอย่างนั้นหรือ
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42746
Location: NECTEC
Posted: 06/06/2017 9:26 am Post subject:
ล่าสุด ญี่ปุ่นบอกว่ารถไฟเชื่อม สามสนามบิน นั้น ขอให้ ขยายมาอยุธยา นัยว่า เพื่อ ช่วยให้นักท่องเที่ญี่ปุ่นมาทัศนาจรกรุงศรีอยุธยาได้สะดวก และ ช่วยนักลงทุนญี่ปุ่น ที่ ลงทุนนิคมอุตสาหกรรมโรจนะด้วย (โพสต์ทูเดย์ 6 มิถุนายน 2560)
สมคิดปลื้มญี่ปุ่นขอขยายเส้นทางไฮสปีดเทรน สั่งการคมนาคมเร่งศึกษา-เผย3เอกชนสนใจลงทุนไทย
มติชน
วันที่ 5 มิถุนายน 2560 - 18:11 น.
โตเกียว ญี่ปุ่น: นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังพบภาคเอกชนของญี่ปุ่น 4 ราย ในอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ เทคโนโลยีชีวภาพ เคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ และยานยนต์ ในระหว่างการเยือนประเทศญี่ปุ่นระหว่างวันที่ 5-8 มิถุนายน ว่ามีโอกาสสูงที่ทุกบริษัทจะมาลงทุนในไทย ซึ่งมี 3 บริษัทยังไม่เคยเข้ามาลงทุนในไทยเลย ส่วนอีกบริษัทเตรียมขยายการผลิตด้านเครื่องมือแพทย์ โดยแต่ละรายก็แสดงความสนใจในการลงทุนในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก หรืออีอีซี ซึ่งทางกระทรวงอุตสาหกรรมและคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) จะหารือในรายละเอียดต่อไป นอกจากนี้ จะยังได้หารือกับบริษัท ฮิตาชิ ซึ่งเป็นบริษัทผลิตรางรถไฟ และหารือกับนายฮิโรชิ โอกาวา ผู้ว่าราชการจังหวัดฟุคุโอกะ โดยเอกชนญี่ปุ่นที่ได้หารือกันประกอบด้วย
1.บริษัท Kyocera Corporation ผู้ผลิตชิ้นส่วนและอุปกรณ์การแพทย์ที่ทำด้วย Advance materials)
2.บริษัท Spiber Inc. เป็นธุรกิจสตาร์ตอัพ ผลิต bio-based advanced material)
3. บริษัท Kuraray Co., Ltd., Sumitomo Corporation และ PTT Global Chemical Public Company Limited ผู้ผลิตเคมีชนิดพิเศษ Specialty Chemicals) และ
4. บริษัท Subaru Corporation ผู้ผลิตรถยนต์
นายสมคิดกล่าวว่า ทางญี่ปุ่นได้ยื่นข้อเสนอขอขยายเส้นทางรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) ที่ไทยเตรียมพัฒนาจากโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-ระยอง เชื่อมต่อ 3 สนามบิน (สนามบินอู่ตะเภา-สนามบินสุวรรณภูมิ-สนามบินดอนเมือง) และเชื่อมต่อพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) ซึ่งทางญี่ปุ่นยื่นข้อเสนอขอขยายเส้นทางมาสิ้นสุดถึงสถานีอยุธยา เนื่องจากเป็นพื้นที่เขตอุตสาหกรรมที่ญี่ปุ่นลงทุนหลายแห่ง หากมีการพัฒนาเส้นทางคมนาคมจากพื้นที่อีอีซีเข้ามาจะเพิ่มโอกาสด้านการลงทุน
ขณะนี้ได้มอบหมายให้นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ไปศึกษาความคุ้มค่ากับโครงการหากจะต้องขยาย ทั้งงบการลงทุน ความคุ้มค่า และรายละเอียดต่างๆ ซึ่งทางญี่ปุ่นยังระบุถึงความพร้อมในการลงทุน เนื่องจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น หรือไจก้า พร้อมที่จะสนับสนุนเงินกู้หากไทยสนใจดำเนินการก่อสร้าง นายสมคิดกล่าว
'สมคิด' แย้ม ญี่ปุ่นสนใจลงทุนรถไฟความเร็วสูง เชื่อม 3 สนามบินถึงอยุธยา
ไทยรัฐ
5 มิถุนายน 2560 15:50
'สมคิด' เผย ญี่ปุ่น สนใจขอลงทุนขยายเส้นทางรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินถึงอยุธยา หวังรองรับโลจิสติกส์ระหว่างเขตเศรษฐกิจอีอีซี และอุตสาหกรรมในอยุธยา แหล่งข่าวจากคมนาคม ชี้อาจเป็นโอกาสดันความคืบหน้าลงทุนพัฒนารถไฟความเร็วสูงไทยญี่ปุ่น เดินหน้าเร็วขึ้น
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยถึงกรเดินทางเยือนญี่ปุ่น เพื่อหารือในประเด็นการค้า การลงทุน ระหว่างวันที่ 58 มิ.ย. 60 ว่า ญี่ปุ่นได้ยื่นข้อเสนอขอลงทุนขยายเส้นทางรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด เทรน) ที่ไทยเตรียมพัฒนาจากโครงการรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพ-ระยอง เชื่อมต่อ 3 สนามบิน คือ อู่ตะเภา สุวรรณภูมิ และดอนเมือง ซึ่งจะเชื่อมต่อพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี) โดยญี่ปุ่นยื่นข้อเสนอขอขยายเส้นทางมาสิ้นสุดถึงสถานีอยุธยา เนื่องจากเป็นพื้นที่เขตอุตสาหกรรม ที่บริษัทญี่ปุ่นลงทุน หากมีการพัฒนาเส้นทางคมนาคมจากพื้นที่อีอีซีเข้ามาจะเพิ่มโอกาสด้านการลงทุนได้อีกมาก
อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มอบหมายให้ นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม ไปศึกษาความคุ้มค่าของโครงการหากจะต้องขยาย ซึ่งในส่วนของญี่ปุ่น ได้ระบุถึงความพร้อมในการลงทุน เนื่องจากองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (ไจก้า) มีความพร้อมที่จะสนับสนุนเงินกู้หากไทยสนใจดำเนินการก่อสร้าง นอกจากนี้ การเดินทางเยือนญี่ปุ่นครั้งนี้ ยังได้หารือร่วมกับบริษัท ฮิตาชิ (ด้านรถไฟ) ในประเด็นของการผลิตระบบรางไทยด้วย
ทั้งนี้ เนื่องจากพื้นที่รางรถไฟช่วงดอนเมืองค่อนข้างแออัด เพราะเป็นพื้นที่ที่มีหลายโครงการใช้ทางร่วมกัน รวมถึงรถไฟความเร็วสูง ซึ่งเป็นความร่วมมือไทยจีนด้วย จึงเชื่อว่าหากญี่ปุ่นได้ลงทุนขยายเส้นทางรถไฟตามที่ยื่นเสนอมานี้ อาจทำให้โครงการไทยญี่ปุ่นเดินหน้าเร็วขึ้นด้วย เพราะจะเป็นการตัดสินใจวางโครงสร้างระบบรางในครั้งเดียว โดยโครงการเชื่อมอีอีซีอาจเดินหน้าพัฒนาระบบรางก่อน หลังจากนั้นโครงการกรุงเทพฯเชียงใหม่ จะสามารถใช้รางเชื่อมต่อไปได้ทันที
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42746
Location: NECTEC
Posted: 07/06/2017 1:02 am Post subject:
สมคิด ฝาก วิษณุ ศึกษาข้อ กม.ที่เป็นตัวถ่วงรถไฟไทยจีน-แย้มอาจต้องใช้ ม.44 ปลดล็อก
มติชน
วันที่ 6 มิถุนายน 2560 - 15:00 น.
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้ฝากให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ช่วยศึกษาข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง ที่เป็นข้อติดขัดจนทำให้การลงทุนในความร่วมมือด้านรถไฟไทย-จีน จนทำให้โครงการไม่ค่อยคืบหน้า เช่น ข้อระเบียบวิศกรคุมงานก่อสร้างที่เป็นคนต่างชาติ ก็ต้องผ่านการอบรมและได้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพจากสภาวิศวกรไทย เป็นต้น และอาจต้องพิจารณาใช้มาตรา 44 ในการปลดล็อกหรือไม่ เพื่อให้การดำเนินงานตามโครงการเดินหน้าตามเป้าหมายที่กำหนดไว้
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่ากำลังเร่งดำเนินการทุกขั้นตอนเพื่อให้โครงการเดินได้ตามแผน โดยได้หารือกับสภาวิศวกรและสภาสถาปนิกแล้ว เพื่อจัดทำรายละเอียดข้อสอบวัดมาตรฐานวิชาชีพวิศวกรเพื่อออกใบอนุญาตการประกอบวิชาชีพวิศวกรรม (ก.ว.) ระยะเวลา 5 ปี ให้กับบุคลากรชาวจีนเพื่อร่วมกันก่อสร้างตามกฎหมายไทยที่ระบุให้วิศวกรต่างชาติการก่อสร้าง ต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ คาดว่าจะจัดสอบได้ภายในเดือนมิถุนายนนี้ โดยจะเป็นการออกใบอนุญาตเฉพาะดำเนินการโครงการรถไฟไทย-จีนเท่านั้น และไม่ให้ไปรับงานโครงการอื่นในไทย โดยตั้งเป้าหมายเปิดประมูลหาผู้รับเหมาก่อสร้างเดือนกรกฎาคมนี้ หลังมีการลงนามในสัญญา 3 ฉบับ ในเรื่องการออกแบบ การประกวด และระบบรถ เพื่อให้ทันนายกรัฐมนตรีเยือนจีนในเดือนกันยายนนี้ สำหรับไฮสปีดไทย-ญี่ปุ่นอยู่ในขั้นตอนศึกษาและหารือในรายละเอียดในเส้นทาง
นายอาคมกล่าวว่า สำหรับการเยือนญี่ปุ่นร่วมกับนายสมคิด นั้น ได้หารือกับบริษัทฮิตาชิ ผลิตรางรถไฟ และยังมีสินค้าอีกหลายชนิด เช่น กล้องซีซีทีวี ซึ่งแสดงความสนใจลงทุนในไทย แต่ยังดูในเรื่องความต้องการก่อน เพราะหากจะตั้งฐานผลิตต้องมีกำลังการผลิตเพียงพอ ซึ่งได้ชี้แจงว่าจะมีการเชื่อมโยงเส้นทางรถไฟในกลุ่มซีแอมเอ็มวีทีซึ่งก็จะทำให้เกิดความต้องการที่มากขึ้น และไทยเองยังมุ่งในเรืองการทำบิ๊กดาต้า ซึ่งเป็นการเชื่อมโยงงานบริหารจราจรและระบบความปลอดภัย
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44634
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 07/06/2017 9:40 am Post subject:
ทำไมถึงทำกับประเทศไทยได้!
โดย สิริอัญญา วันพุธที่ 7 มิถุนายน 2560
โครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-โคราช ซึ่งเป็นรถไฟความเร็วแค่ 120-180 กิโลเมตรต่อชั่วโมง รางกว้าง 1 เมตร ระยะทาง 200 กิโลเมตรเศษ มีการประมาณค่าก่อสร้างโดยไม่รวมที่ดินถึง 170,000 ล้านบาท และตามข่าวระบุว่าจะนำเสนอคณะรัฐมนตรีพิจารณาในเดือนมิถุนายน ศกนี้
ก็เฝ้าติดตามรอดูอยู่ว่าจะเสนอกันจริงหรือไม่ และจะว่ากันอย่างไร? เพราะเรื่องนี้เป็นประโยชน์ได้เสียของประเทศชาติและจะมีผลต่อเนื่องไปถึงร้อยปี
มีการแถลงข่าวว่าโครงการดังกล่าวจะแบ่งการก่อสร้างเป็นสี่เฟส เฟสแรกจากบ้านกลางดงถึงบ้านปางสีดา ซึ่งอยู่ระหว่างกรุงเทพฯ กับโคราช ระยะทาง 3.5 กิโลเมตร วงเงิน 200 ล้านบาท จะสร้างก่อนในเดือนมิถุนายน ศกนี้ แต่ฟันธงได้ว่าเป็นไปไม่ได้ กรณีน่าจะเป็นการผ่อนคลายแรงกดดันจากรัฐบาลที่ต้องการให้รีบก่อสร้างโครงการรถไฟไทย-จีน โดยเร็วเท่านั้น
เฟสที่สอง จากบ้านปางสีดามาทางกรุงเทพฯ ระยะทาง 11 กิโลเมตร และเฟสที่สาม ต่อจากเฟสที่สองมาถึงกรุงเทพฯ ระยะทาง 100 กิโลเมตรเศษ สิริรวมค่าก่อสร้างเฟสที่หนึ่งถึงกรุงเทพฯ ระยะทางราว 125 กิโลเมตร จะใช้เงินราว 100,000 ล้านบาท ส่วนเฟสที่สี่ จากบ้านปางสีดาไปยังโคราช ระยะทางร้อยกิโลเมตรเศษ ก็จะใช้เงินเกือบ 70,000 ล้านบาท รวมแล้วเป็นวงเงินประมาณ 170,000 ล้านบาท
จึงต้องตั้งข้อสังเกตไว้เพื่อให้รัฐบาลและคณะรัฐมนตรีได้ตั้งหลักไว้ก่อนดังนี้
ประการแรก ไม่มีแบบแผนการก่อสร้างทางรถไฟที่ไหนที่จะไปเริ่มต้นการก่อสร้างที่กลางป่า เพราะจะต้องขนรางรถไฟและสิ่งของสัมภาระทั้งหลาย ซึ่งหนักมาก เสียเวลามาก มีค่าใช้จ่ายมาก เขามีปกติสร้างจากต้นทางที่สามารถรับเอารางและวัสดุสิ่งของได้โดยง่าย และใช้ทางรถไฟที่ทำขึ้นนั้นเป็นทางลำเลียงรางและวัสดุต่อไปเป็นทอด ๆ ที่ไหน ๆ เขาก็ทำกันอย่างนี้ แต่ประเทศไทยกำลังจะสร้างนวัตกรรมใหม่ในงานวิศวกรรมรถไฟของโลก คือไปเริ่มต้นสร้างกลางดง กลางป่า ก็คงจะได้เป็นสถิติประดับไว้ในโลกสืบไป
ประการที่สอง ไม่มีแบบแผนการก่อสร้างทางรถไฟที่ไหนที่จะก่อสร้างกันเฟสละ 3.5 กิโลเมตร หรือ 10 กิโลเมตร เหมือนกับที่ประเทศไทยกำลังจะทำกัน ยกตัวอย่างล่าสุด เส้นทางรถไฟทางคู่คุนหมิง-เวียงจันทน์ ซึ่งเป็นเส้นทางเชื่อมลาวกับเส้นทางขนส่งหลักของโลกและเส้นทางสายไหม ระยะทาง 418 กิโลเมตร ประเทศลาวซึ่งเป็นประเทศเล็กและยากจนกว่าประเทศไทยเขาก็สร้างรวดเดียว ดังนั้นถ้าประเทศไทยลงมือสร้างเฟสแรก 3.5 กิโลเมตรวันไหน ก็จะเป็นสถิติที่จะประดับไว้ในโลกเช่นเดียวกัน แต่จะเป็นสถิติที่ล้ำเลิศของโลก หรือบัดซบที่สุดของโลก ก็ต้องคอยฟังเสียงวิจารณ์ของชาวโลกกันเอง
ประการที่สาม เมื่อก่อสร้างเฟสแรก 3.5 กิโลเมตรเสร็จแล้ว หากจะตั้งคำถามว่เดินรถได้หรือไม่ ก็ตอบได้โดยไม่ต้องคิดใด ๆ ว่าเดินรถไม่ได้ แม้เมื่อสร้างเฟสที่สองอีก 10 กว่ากิโลเมตร รวมเป็นเกือบ 15 กิโลเมตร ก็ยังคงต้องตอบว่าเดินรถไม่ได้ เพราะรถไฟความเร็วสูงระยะทาง 15 กิโลเมตร จากบ้านกลางดงมานั้นทำไม่ได้ ขืนเอารถไปวิ่งก็คงมีแต่วัว ควาย และผีนั่งเป็นแน่นอน
ประการที่สี่ ต่อให้สร้างเฟสที่หนึ่งถึงเฟสที่สาม มาถึงกรุงเทพฯ ระยะทางราว 125 กิโลเมตร ก็ยังคงต้องตอบว่าเดินรถไม่ได้ เพราะจะเจ๊งไม่เป็นท่า และคนทั้งหลายจะรุมประณามว่าบ้าไปแล้ว เหตุผลก็เพราะว่าคงไม่มีประชาชนจากภาคไหน ๆ รวมทั้งในกรุงเทพฯ นั่งรถไฟความเร็วสูงจากกรุงเทพฯ ไปลงที่สถานีกลางดง ซึ่งไม่รู้ว่าจะไปหนไหน เว้นแต่จะไปปิคนิคหรือไปนอนกลางป่า
และในทางตรงกันข้าม ก็คงไม่มีพี่น้องชาวภาคเหนือหรือภาคอีสานที่นั่งรถ นั่งเกวียน หรือเดินเท้ามาขึ้นรถไฟความเร็วสูงที่บ้านกลางดงมากรุงเทพฯ เป็นแน่นอน
ไม่ว่าจะขาไปหรือขากลับล้วนแต่เป็นวิสัยที่คนทั้งหลายจะไม่ไปใช้บริการ เว้นแต่จะไปศึกษาว่าการสร้างรถไฟแบบนี้เป็นนวัตกรรมยอดเยี่ยมของโลกหรือบัดซบที่สุดของโลกเท่านั้น แต่ไม่ว่าจะศึกษาแบบไหน ประเทศไทยก็เสียเงิน 100,000 ล้านบาท โดยได้มาซึ่งเส้นทางรถไฟราว 125 กิโลเมตรแบบที่ว่านี้
ประการที่ห้า เป็นปัญหาเกี่ยวกับระยะเวลาว่า หากจะสร้างเฟสที่หนึ่งมาถึงกรุงเทพฯ ระยะทางราว 125 กิโลเมตร ซึ่งจะไม่มีใครใช้ แต่เวลาจะเสียไปถึง 3-4 ปี เมื่อถึงเวลานั้นรถไฟทางคู่จาก คุนหมิงไปพม่า-อินเดีย, จากคุนหมิงไปเวียดนาม-กัมพูชา, จากคุนหมิงมาถึงเวียงจันทน์ ก็เสร็จสิ้นเรียบร้อยไปแล้ว การขนส่งสินค้าเกษตรและสินค้าอุตสาหกรรมจากประเทศเหล่านี้ไปทั่วโลกก็จะได้เปรียบประเทศไทย และประเทศไทยก็จะตกโลก ตกรถ เพราะต้องขนส่งสินค้าทางเรือที่แหลมฉบัง มาบตาพุด ซึ่งเสียเวลา แพง และสูญเสียความสด
และปัจจัยนี้จะเป็นเหตุความฉิบหายของประเทศ คือภาคเกษตรไทย ภาคอุตสาหกรรมไทย จะสู้กับใครไม่ได้ จะพินาศวายวอดสิ้น ชะดีชะร้ายนักลงทุนก็จะย้ายฐานการผลิตสินค้าประเภทที่จะต้องส่งไปด้านตะวันตกไปที่พม่า โดยเฉพาะที่ทวายเพื่อขึ้นบกก็ง่าย ลงเรือที่ทะเลอันดามันหรือมหาสมุทรอินเดียก็ง่ายดาย ส่วนประเภทสินค้าที่จะต้องไปส่งด้านตะวันออกก็จะย้ายฐานการผลิตไปที่เวียดนามเพื่อขนส่งไปทั่วโลกทางบกก็ง่าย ไปทางทะเลก็ไปยังด้านตะวันออกรวดเร็วกว่าไทย หรือจะไปทางใต้ก็จะย้ายไปอยู่ทางเขมร เพราะไปลงท่าเรือน้ำลึกที่ปากจะงอยนกแก้วที่อ่าวไทยก็ได้
รากฐานการผลิตภาคอุตสาหกรรมของไทยในภาคตะวันออกเหนือและอีสานที่ทำกันมากว่า 60 ปี และมีวงเงินลงทุนหลายล้านล้านบาท ก็จะถึงกาลพินาศวายวอดสิ้น
ประการที่หก ครั้นจะก่อสร้างรถไฟทางคู่ต่อไปจากบ้านกลางดงไปยังโคราช ก็ต้องใช้เวลาอีก 2-3 ปี และไปจรดอยู่แค่โคราช มีฐานะเป็นแค่รถไฟภายในประเทศ ไม่สามารถเชื่อมต่อกับเส้นทางหลักของโลกและเส้นทางสายไหมได้ จะยิ่งซ้ำความฉิบหายให้กับประเทศชาติไปอีกนานเท่านาน
เพียงแค่เห็นแก่ประโยชน์ของชาติแต่น้อยนิด ก็ต้องไม่ทำเช่นนี้ และที่จะต้องทำก็คือเร่งสร้างรถไฟทางคู่จากหนองคายเชื่อมกับนครเวียงจันทน์โดยเร็วที่สุด อย่างน้อยก็เป็นการเชื่อมต่อกับเส้นทางรถไฟสายหลักของโลกและเส้นทางสายไหม ที่ใครก็ต้องอดทนขนของทางรถยนต์หรือรถไฟแบบเดิมไปที่หนองคาย แล้วขนขึ้นรถไฟทางคู่รางมาตรฐานที่เชื่อมกับทางสายหลักของโลก เพียงแค่นี้ก็ยังนับว่าเป็นประโยชน์แก่ประเทศชาติอยู่บ้าง
ดังนั้นถึงแม้ใครก็ตามที่ใจทมิฬหินชาติคิดจะทำลายชาติบ้านเมือง คิดโกงชาติ ทรยศชาติ ด้วยการลงตราสังข์การคมนาคมทางบกของไทย เพื่อให้ประเทศไทยตกเป็นทาสรถยนต์ตลอดไปก็สุดแท้แต่ใจของผู้ร่วมขบวนการเหล่านั้น ขอเพียงได้ทำทางรถไฟทางคู่รางมาตรฐานจากหนองคายไปเชื่อมกับเส้นทางสายหลักของโลกและเส้นทางสายไหมที่เวียงจันทน์ ก็ยังนับว่าได้ทำคุณไว้แก่ประเทศชาติบ้าง
เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่หลวงของประเทศชาติและประชาชนไทยทุกคน ที่จะต้องทำความรู้ ทำความเข้าใจ ให้ถ่องแท้ โดยเฉพาะคณะทำงานที่เตรียมการสรุปเรื่องเสนอต่อคณะรัฐมนตรี พึงตั้งใจซื่อตรงต่อประเทศชาติ นำพาต่อประเทศชาติและราษฎร ทำความเข้าใจเรื่องนี้และสรุปเรื่องนี้ให้ถูกตรง ก็เชื่อมั่นได้ว่าคณะรัฐมนตรีที่พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี นั่งหัวโต๊ะอยู่นั้นจักสำแดงความถูกต้องแห่งนโยบายให้ปรากฏไว้ในแผ่นดินอย่างแน่นอน
ระยะเวลาจากนี้ไปสามปีมีความหมายต่อความเจริญรุ่งเรืองและความฉิบหายวายวอดของประเทศชาติและประชาชนอย่างใหญ่หลวงนัก ปวงชนชาวไทยจึงพึงให้ความสนใจติดตามเรื่องนี้ให้จงดีเถิด ทำเรื่องนี้ให้ถูกต้องเพียงเรื่องเดียวก็นับได้ว่าไม่เสียของ!
Back to top
Wisarut
1st Class Pass (Air) Joined: 27/03/2006 Posts: 42746
Location: NECTEC
Posted: 07/06/2017 11:41 am Post subject:
จับตารมว.คมนาคมเยือนญี่ปุ่น จรดหมึกเดินหน้ารถไฟ ชิงกันเซ็ง ไปเชียงใหม่ (ชมคลิป)
โดย MGR Online
7 มิถุนายน 2560 08:17 น.
สื่อมวลชนญี่ปุ่นเปิดเผยรายละเอียดข้อตกลงความร่วมมือโครงการรถไฟความเร็วสูงระหว่างไทยกับรัฐบาลญี่ปุ่น ซึ่งจะมีการลงนามในระหว่างการเยือนญี่ปุ่นของรมว.คมนาคมในสัปดาห์นี้
สำนักข่าว NHK เปิดเผยว่ารัฐบาลญี่ปุ่นและไทย เห็นพ้องเรื่องการใช้ชิงกันเซ็งในโครงการรถไฟความเร็วสูงของไทย ตามแผนสร้างเส้นทางรถไฟความเร็วสูงระหว่างกรุงเทพฯ กับจังหวัดเชียงใหม่ ระยะทางกว่า 700 กม.
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีกระทรวงคมนาคมของไทย มีกำหนดเดินทางเยือนญี่ปุ่นสัปดาห์นี้ และจะแลกเปลี่ยนบันทึกความร่วมมือเรื่องโครงการนี้กับนายเคอิชิ อิชิอิ รัฐมนตรีกระทรวงที่ดิน สาธารณูปโภค คมนาคมและการท่องเที่ยวของญี่ปุ่น
รัฐบาลญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับการส่งออกเทคโนโลยีรถไฟชิงกันเซ็งอย่างมาก หลังจากต้องพ่ายแพ้ให้กับประเทศจีน ซึ่งทุ่มข้อเสนอพิเศษทางการเงินจนได้คว้าโครงการรถไฟของหลายชาติอาเซียน แต่สำหรับประเทศไทยได้จัดสรรโครงการพัฒนาเส้นทางรถไฟให้กับทั้งญี่ปุ่นและจีน แต่ก็มีประเด็นว่าจะเชื่อมต่อเทคโนโลยีที่แตกต่างกันของ 2 ประเทศนี้ได้อย่างไร? หรือจะเป็นเหมือนระบบรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯที่สับสนอลหม่านทั้งระบบการเดินรถ และการใช้ตั๋วที่แยกจากกันในแต่ละเส้นทาง.
https://www.youtube.com/watch?v=groU6wISqMY
Back to top
Mongwin
1st Class Pass (Air) Joined: 24/09/2007 Posts: 44634
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
Posted: 07/06/2017 4:32 pm Post subject:
"สมคิด"เบียดเวียดนามถก"อาเบะ"จัดทัพธุรกิจยักษ์-SMEเยือนไทยลงพื้นที่EECร่วมลงขันรถไฟเชื่อมEEC-CLMV
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์ updated: 07 มิ.ย. 2560 เวลา 15:48:12 น.
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังนำ 6 รัฐมนตรีเศรษฐกิจ เข้าพบหารือกับ นายชินโซ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ณ ทำเนียบรัฐบาล (Cabinet office) ในกรุงโตเกียว ว่า ฝ่ายไทยได้ขอบคุณที่ญี่ปุ่นส่งพระราชสาส์นแสดงความเสียใจต่อการสวรรคตของ รัชกาลที่ 9 และมีพระราชสาส์นแสดงความยินดีต่อการขึ้นทรงราชย์ของรัชกาลที่ 10 พร้อมหารือถึงเรื่องแผนแม่บทการพัฒนา CLMVT ซึ่งฝ่ายญี่ปุ่นให้ความสำคัญ โดยขอให้ญี่ปุ่นมีบทบาทในการสนับสนุน
นอกจากนี้ยังได้หารือในประเด็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานที่ Hi Quality Infrastructure ซึ่งก่อหน้าที่นายสมคิด จะได้เข้าพบหารือกับนายชินโซ อาเบะ นั้น ฝ่ายนายกรัฐมนตรีเวียดนามได้เจรจากับญี่ปุ่นเรื่องรถไฟสาย เวียดนาม-ลาว-ไทย-พม่า เชื่อมกับอินเดีย บังคลาเทศ นอกเหนือจากเส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ที่ญี่ปุ่นต้องการลงทุนอยู่แล้ว และต้องการให้พิจารณาเรื่องนี้อย่างจริงจัง
"นายกรัฐมนตรี อาเบะ รับฟังเรื่องนี้อย่างตั้งใจ" นายสมคิดกล่าว และว่า ไทยจะเป็นศูนย์กลางการพัฒนากลุ่ม CLMVT โดยภาคอีสาน จะกลายเป็นศูนย์กลางของภูมิภาคนี้ ซึ่งฝ่ายญี่ปุ่นให้การสนับสนุนอย่างดี
ในการนี้มีการกล่าวถึงการลงทุนโครงการรถไฟความเร็วสูงสายใหม่ ที่จะเป็นวาระสำคัญในการลงทุนของเขตระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) คือเส้นทางจังหวัดพระนครศรีอยุธยาเข้าไปในเขต EEC เพิ่มเติมจากเส้นทางเชียงใหม่-พิษณุโลก เมื่อถึงอยุธยาก็จะแยกเส้นทางฉีกไปทางภาคตะวันออก เพื่อเชื่อมเศรษฐกิจ-อุตสาหกรรม ในย่านนิคมอุตสาหกรรมอยุทยาและเขต EEC เข้าด้วยกัน
"รถไฟความเร็วสูงเส้นใหม่นี้ ราคาแพงก็ต้องทำเพราะมีประโยชน์มาก จะทำให้เกิดการพัฒนาเมือง และมีผลตอบแทนทางเศรษฐกิจกว้างขวาง จึงต้องพิจารณาว่าไทยมีงบประมาณเท่าไร จะใช้ไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ ร่วมกับการลงทุนจากภาคเอกชน เพื่อบริหารงบประมาณให้ได้ วันจันทร์ที่จะถึงนี้ (12 มิย.) จะเดินทางไปกระทรวงคมนาคม เพื่อติดตามงานและฝากเรื่องนี้ให้นายอาคม รมว.นำไปพิจารณา" นายสมคิดกล่าว
นายสมคิด ได้กล่าวกับนายชินโช อาเบะ ด้วยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ขอเชิญให้นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เดินทางไปเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการ ตามวันเวลาที่เหมาะสม ซึ่งในระหว่างเดือนสิงหาคม-กันยายน นั้นกระทรวง METI ของญี่ปุ่นจะนำคณะนักลงทุนขนาดใหญ่และนักธุรกิจเอสเอ็มอี. ซึ่งส่วนใหญ่เป็นสมาชิกองค์การส่งเสริมการค้าต่างประเทศญี่ปุ่น (JETRO) และสมาพันธ์ธุรกิจญี่ปุ่น (Keidanren) ไปจัดสัมมนาและลงพื้นที่ EEC ด้วย
ในช่วงเช้าวันที่ 7 มิถุนายน นายสมคิด ได้กล่าวปาฐกถาพิเศษ ในสัมมนา Thailand towards Asian Hub ซึ่งเจโทร JETRO จัดร่วมกับบีโอไอ. เพื่อโรดโชว์แผนการลงทุนในพื้นที่ EEC มีนักธุรกิจญี่ปุ่นให้ความสนใจเข้าร่วมฟังกว่า 1,000 คน
นายสมคิดกล่าวตอนหนึ่งว่า "ภายใต้การนำของนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไทยได้เปลี่ยนวิกฤติการณ์ทางการเมืองให้เป็นโอกาสแห่งการปฏิรูปประเทศ ไม่ว่าจะในภาคเศรษฐกิจหรือในภาครัฐ ในภาคเศรษฐกิจ โครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่หยุดนิ่งมานานได้รับการผลักดันในแทบทุกด้าน ด้วยโครงการลงทุนกว่า 43 พันล้านเหรียญสหรัฐใน 5 ปีข้างหน้า ทั้งในด้านบริหารจัดการน้ำ ด้านพลังงาน โครงสร้างพื้นฐาน ด้านคมนาคม และการสื่อสาร ไม่ว่าถนน รถไฟฟ้า รถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ สนามบิน ท่าเรือ การพลังงาน การลงทุนด้านดิจิทัล"
นายสมคิดกล่าวด้วยว่า "เส้นทางรถไฟฟ้า 3 เส้นเริ่มต้นแล้วในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา และจะตามมาด้วยเส้นทางรถไฟรางคู่ 6 สาย ที่จะเกื้อกูลต่อระบบ logistic ของประเทศ ซึ่งจะประมูลประกวดราคาและจัดซื้อจัดจ้างใน 3 เดือนข้างหน้า"
Back to top