RailServe.Com

Main Menu

 
icon_home.gif Homepage
icon_community.gif Members Zone
· ข้อมูลส่วนตัว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ข่าวสารส่วนตัว
· บริการเว็บเมล์
· กระดานข่าว
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก กระดานฝากข้อความ
· รถไฟไทยแกลลอรี่
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก รายนามสมาชิก
· แบบสำรวจ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก สมุดเยี่ยม
· เกี่ยวกับสมาชิก
favoritos.gif News & Stories
· เรื่องทั้งหมด
· เนื้อหาสาระ
· เรื่องสำหรับพิมพ์
· ยอดฮิตติดอันดับ
· ค้นหาข่าวสาร
· ค้นหากระทู้เก่า
nuke.gif Contents
· กำหนดเวลาเดินรถ
· ประเภทขบวนรถโดยสาร
· ข้อมูลเส้นทางรถไฟ
· แผนที่เส้นทางรถไฟ
· อัตราค่าโดยสาร
· คำนวณค่าโดยสารรถไฟ
· รูปแบบการให้บริการรถไฟ
· หมายเลขโทรศัพท์ที่สำคัญ
· ทริปท่องเที่ยวโดยรถไฟ
· ระบบติดตามขบวนรถ
som_downloads.gif Services
· Downloads
· GoogleSearch
· Hotels Booking
· FlashGames
· Wallpaper 1
· Wallpaper 2
· Wallpaper 3
· Wallpaper 4
icon_members.gif Information
· เกี่ยวกับเรา
· นโยบายความเป็นส่วนตัว
· แผนผังเว็บไซต์ฯ
ใช้งานได้เฉพาะสมาชิก ส่งข้อแนะนำติชม
· ติดต่อลงโฆษณา
· แนะนำและบอกต่อ
· สถิติทั้งหมด
· สำหรับผู้ดูแลระบบ
 

Sponsors

 

Rotfaithai.Com

 

Visitors

 


มีผู้เข้าเยี่ยมชม
สมาชิก:311309
ทั่วไป:13279816
ทั้งหมด:13591125
คน ตั้งแต่
01-08-2004
 


Rotfaithai.Com :: View topic - ข่าวรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน)
 Forum FAQForum FAQ   SearchSearch   UsergroupsUsergroups   ProfileProfile   Log in to check your private messagesLog in to check your private messages   Log inLog in 

ข่าวรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน)
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 545, 546, 547, 548, 549, 550  Next
 
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย
View previous topic :: View next topic  
Author Message
Kan
3rd Class Pass
3rd Class Pass


Joined: 05/07/2010
Posts: 189
Location: กรุงเทพ - ชุมทางทุ่งสง

PostPosted: 10/07/2010 9:11 am    Post subject: Reply with quote

ผมกลัวราคาค่าโดยสารหลังสร้างเสร็จจะเป็นปัญหาน่ะครับ แต่ไม่แน่ว่าสร้างเสร็จพอดีในช่วงประเทศกำลังก้าวหน้า ประชากรมีกำลังซื้อก็เป็นได้นะครับ
ปล.มองโลกในแง่ดี
Back to top
View user's profile Send private message
therock
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 25/09/2007
Posts: 1575
Location: อดีตเด็กมหาชัย

PostPosted: 10/07/2010 3:03 am    Post subject: Reply with quote

เปิดรถด่วนดีเซลรางขึ้นมาเพื่อหวังจะแข่งกับรถทัวส์แต่เป็นการทุบหม้อข้าวตัวเองมานานหลายปีแล้ว
Back to top
View user's profile Send private message
donatt76
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 03/09/2006
Posts: 2587
Location: บางนา สุวรรณภูมิครับ

PostPosted: 10/07/2010 2:49 am    Post subject: Reply with quote

^
^
ถ้าจะเอาอย่างคร่าวๆ....ผมจะลองวิเคราะห์จาก Target Group โดยอิงจากส่วนแบ่งการตลาดครับ

Target Group ที่ 1 :ผู้โดยสารของสายการบินต้นทุนต่ำ
เพราะนั่นคือ Target Group หลักที่ HSR. จะไปแย่งส่วนแบ่งการตลาด (ซึ่งตอนนี้หนีไม่พ้นหางแดง กับหางธงชาติ.....ส่วนน้องปากเหลือง เค้าจะเข้ามาทำหน้าที่แทนสายการบินแห่งชาติเกือบ 100% ในเส้นทางภายในประเทศ ในเวลาไม่ช้านี้)

ซึ่งหากมี HSR. จริงๆ ผมคาดว่าน่าจะได้ส่วนแบ่งจาก Low Frill Airlines เฉพาะเมืองที่รถไฟผ่าน มาประมาณ 50-60% ครับ....ด้วยเหตุที่รถไฟสะดวกกว่าที่สามารถแล่นฉิวถึงใจกลางเมือง และไม่ต้องเสียเวลาเช็คอินล่วงหน้า 1-2 ชั่วโมง

Target Group ที่ 2: ผู้โดยสารขบวนรถด่วนดีเซลราง
อันนี้ต้องยอมรับครับว่า "แย่งข้าวหม้อเดียวกัน"....ผมเห็นว่าจะดึงผู้โดยสารที่โดยสารระยะทางไกลมากกว่า 500 km. มาได้ประมาณ 65-75% ผุ้โดยสารระยะทางขนาดกลาง (300 - 500 km.) น่าจะได้ประมาณ 40-50%....ส่วนผู้โดยสารระยะใกล้ 100-300 km. น่าจะได้ 5-10% (ซึ่งเกือบทั้งหมดจะเป็นชาวต่างชาติ)

การปรับตัวของด่วนดีเซลรางคือ....เน้นการจำหน่ายตั๋วในระยะสั้น ถึงระยะกลาง มากกว่าระยะทางไกล (เรื่องอะไรจะทุบหม้อข้าวกันเองล่ะครับ) และเมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว รถดีเซลรางกางคืนก็ไม่มีความจำเป็นอีกต่อไป (สละพื้นที่ให้รถนอนไป)

Target Group ที่ 3: ผู้โดยสารรถโค้ชวีไอพี
สำหรับกลุ่มนี้สิ่งที่ HSR. สู้ไม่ได้เลยคือ "ราคา"....เพราะHSR. จะต้องมาในระดับราคาหลักพันแน่ๆครับ ขณะที่รถบัสยังต้องเป็นราคาหลักร้อย...คาดว่าจะได้ส่วนแบ่งผู้โดยสารใน Target Group นี้ประมาณ 40-50% ซึ่งจะมาจากจังหวัดที่ไม่มีเครื่องบินไปถึง แต่ทางรถไฟผ่าน ผู้โดยสารกลุ่มนี้มีกำลังทรัพย์ครับ แต่ไม่มียานพาหนะที่รวดเร็วให้เค้าเดินทาง

Target Group ที่ 4: ผุ้ที่ใช้รถยนต์ส่วนตัว
ในกลุ่มนี้คาดว่าจะให้หันมาใช้ HSR. น่าจะได้ประมาณ 10-20% เพราะโดยส่วนมากคนกลุ่มนี้ไม่ว่าจะมีพาหนะที่ดีและรวดเร็วเพียงใดเค้าก็อยากจะขับรถยนต์ส่วนตัวไปอยู่ดี....

ต้องยอมรับว่าประเทศไทยนั้นระบบการใช้รถเช่า ณ ปลายทางยังไม่เป็นที่นิยมเท่าใดนัก ถ้าต้องขับรถเที่ยว เค้าจะยอมขับรถบุเลงๆๆ ไม่ว่าระยะทางจะไกลเท่าใดก็ตาม จนกว่าจะมีระบบการขนส่งรถยนต์ พ่วงไปกับ HSR. แบบ Euro Star ข้ามช่องแคบ Dover ล่ะครับ คนกลุ่มนี้ถึงจะหันมาใช้ขนส่งสาธารณะ
_________________
Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail Visit poster's website MSN Messenger
BanPong1
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 07/12/2006
Posts: 2733
Location: กม.37 สายเหนือ, กม.68 สายกาญจนบุรี

PostPosted: 09/07/2010 10:19 pm    Post subject: Reply with quote

สิ่งที่อยากทราบข้อมูลอีกอย่างที่สำึัคัญคือ ข้อมูลการเดินทางของผู้โดยสารที่มีกำลังจ่ายค่าโดยสารในราคาของรถไฟควาเร็วสูง ระหว่างหัวเมืองใหญ่ๆ เช่นในทางสายเหนือ ไล่ไปตั้งแต่ อยุธยา ลพบุรี นครสวรรค์.........เชียงใหม่/เชียงราย ที่ปัจจุบันนอกจากใช้รถไฟแล้ว ใช้รถประจำทางแล้ว ใช้รถส่วนตัวกันเท่าไร สถิติแบบนี้จะหาได้ที่ไหนกันดีครับ
_________________
Click on the image for full size
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail MSN Messenger
nop2
2nd Class Pass (Air)
2nd Class Pass (Air)


Joined: 06/03/2008
Posts: 985
Location: เพชรบุรี

PostPosted: 09/07/2010 11:35 am    Post subject: Reply with quote

พลาดซะแล้วครับผม หมายถึงระยะทางเดินทางที่ไกลกว่า 150กิโลเมตรครับ จะต้นทางจากไหนก็ตามแต่
_________________
"You are star I am darkness Our love brighter than the sun .."
Back to top
View user's profile Send private message MSN Messenger
Wisarut
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 27/03/2006
Posts: 42782
Location: NECTEC

PostPosted: 09/07/2010 11:29 am    Post subject: Reply with quote

^^^
ระยะทาง >150 กม. (ธนบุรี - เพชรบุรี) แต่น้อยกว่า < 400 กม. (กรุงเทพ - พิษณุโลก, กรุงเทพ - นครราชสีมา - บุรีรัมย์) เป็นรถชานเมืองได้หรือครับ Rolling Eyes ถ้าเป็นรถระหว่างเมือง (รถธรรมดา, รถเร็ว) หละ พอได้
Back to top
View user's profile Send private message
nop2
2nd Class Pass (Air)
2nd Class Pass (Air)


Joined: 06/03/2008
Posts: 985
Location: เพชรบุรี

PostPosted: 09/07/2010 11:03 am    Post subject: Reply with quote

ถ้าเน้นอุปสงค์ อุปทานก่อน ก็ต้องสัดส่วนของผู้โดยสารแต่ล่ะประเภทก่อน

ระยะทาง <150 กิโลเมตร (ชานเมือง ธรรมดาและท้องถิ่น) ประมาณ 60%
ระยะทาง >150 แต่น้อยกว่า < 400 ประมาณ 25%
ระยะทาง >400 ประมาณ 15%

สำหรับรถไฟนั้นผู้โดยสารส่วนมากจะขึ้นในระยะทางที่ไม่ไกลมากนัก และส่วนมากจะขึ้นรถธรรมดาเป็นส่วยใหญ่(มีส่วนน้อยที่ขึ้นรถ เร็วหรือรถด่วน เพราะได้ราคาชานเมืองหรือเร่งรีบในการเดินทาง) ในระยะมากกว่า 150กิโลเมตรขึ้นไป ผู้โดยสารรถเร็วจะมีสัดส่วนมากขึ้น ถ้าทำระบบตามอุปสงค์ อุปทานของผู้โดยสาร จะแบ่งเป็นประเภทรถดังนี้

แบบที่ 1 รถชานเมือง รถธรรมดา รถท้องถิ่น จอดทุกสถานี มีเดินทุก 30นาที ค่าโดยสารถูก ไม่ต้องเน้นความสบายมากนัก ซึ่งกลุ่มนี้ จะเน้นพวกใช้รถไฟทุกวัน เช่นนักเรียนหรือคนทำงานที่รายได้น้อย

แบบที่ 2 รถชานเมือง รถธรรมดา รถท้องถิ่น แบบรถด่วน ระยะทางไม่ไกลเกิน 300กิโลเมตร เน้นเฉพาะเวลาเร่งด่วน(เช้า/เย็น) ค่าโดยสารแพงขึ้นมาได้ แต่ต้องสบายขึ้นกลุ่มนี้จะเน้น คนทำงานที่อยู่ชานเมืองไกลไปอีกหน่อย และมีรายได้ที่ดีกว่า หรือพวกเดินทางเป็นครั้งคราว เลยต้องการความเร็วมากขึ้นอีกนิด (เอามาแทน ราคาชานเมือง สำหรับรถด่วน รถเร็ว)

แบบที่ 3 รถเร็วและรถด่วนทางไกล ระยะทางมากกว่า 300 กลุ่มนี้ ต้องการความเร็วมากกว่า 2กลุ่มแรก และต้องการความสบายที่มากกว่า ซึ่งสัดส่วนผู้โดยสารจะน้อยลง

แบบที่ 4 รถไฟความเร็วสูงกลุ่มนี้ผู้โดยสารจะน้อยสุด เพราะได้ทั้งความเร็วแต่ความสบาย แต่ค่ารถก็จะแพงตามด้วย สามารถเป็นผู้ที่เดินทางระยะไกลๆ มากกว่า 300กิโลเมตร ซึ่งมีราวๆ 15%

ระบบทั้งหมดนี้ ประเทศไทยยังขาดความกระจายตัวของระบบรางที่มีไม่ทั่วถึง(ไม่ครอบคลุม) ซึ่งตรงนี้ควรทำก่อนเพราะจำเป็นกว่าระบบรถไฟความเร็วสูงเสียอีก และควรให้ทุกจังหวัดมีทางรถไฟและสามารถเดินทางจังหวัดข้างเคียงได้ทุกจังหวัด
_________________
"You are star I am darkness Our love brighter than the sun .."
Back to top
View user's profile Send private message MSN Messenger
CENTENNIAL
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 30/03/2006
Posts: 3642
Location: Thailand

PostPosted: 09/07/2010 10:35 am    Post subject: Reply with quote

^
การจำแนกระบบรางทั้ง 3 กลุ่มนี่ล่ะครับ ที่ผมคิดว่าเป็นแนวคิดที่กลั่นกรองออกมาได้ดีมากครับ

โดยเฉพาะกลุ่มที่ 2 ระบบรางทำหน้าที่ขนส่งระยะไกลระหว่างเมือง(Inter City Rail) นี่ ถือว่าเป็นกุญแจที่สำคัญกว่าใครเลยครับ

ถ้ากลุ่มที่ 2 สมบูรณ์ เพรียบพร้อม ผมเชื่อว่า กลุ่มที่ 3 ก็จะดีตามครับ
แต่ถ้ากลุ่มที่ 2 ยังไม่ดีเลย กลุ่มที่ 3 ก็คงไม่ดีแน่ๆ

ส่วนกลุ่มที่ 1 ถ้าสมบูรณ์ เพียบพร้อม ก็แค่เสริมกลุ่มที่ 2 และ 3 เท่านั้นเอง


ตอนนี้ ร.ฟ.ท.บ้านเรา กลุ่มที่ 2 ยัง............... แล้วยังจะก้าวกระโดดไปกลุ่มที่ 3 อีก

ใครๆ ก็อยากได้รถไฟความเร็วสูง ทั้งนั้นรวมผมด้วย แต่ถ้ารถไฟเดิมยังไม่ดีพอ ผมก็ไม่ค่อยอยากได้นะ
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail
nathapong
1st Class Pass (Air)
1st Class Pass (Air)


Joined: 24/03/2006
Posts: 3515
Location: Ayuthaya - Lamlukka - Navanakhon - Silom

PostPosted: 09/07/2010 9:35 am    Post subject: Reply with quote

ในช่วงแรก การรถไฟความเร็วสูงที่ว่า........จะเกิด หรือไม่เกิด

อย่างแรก ประเทศไทยต้องตอบโจทย์ ตรงนี้ก่อน

“ถ้าจัดระเบียบความคิดเรื่องการพัฒนาการขนส่งทางรางให้เป็นหมวดหมู่แล้ว การจำแนกระบบรางจะปรากฎดังรูปที่ 1 ซึ่งจะเห็นว่าระบบรางโดยทั่วไป สามารถจำแนกหน้าที่การทำงานตามพื้นที่ได้เป็น 3 กลุ่ม ได้แก่

กลุ่มที่ 1 ระบบรางทำหน้าที่เป็นระบบขนส่งมวลชนในเมือง (Urban Rail)
กลุ่มที่ 2 ระบบรางทำหน้าที่ขนส่งระยะไกลระหว่างเมือง (Inter City Rail)
กลุ่มที่ 3 ระบบรางที่เป็นรถไฟความเร็วสูง (High Speed Rail)

ระบบรางทั้งสามประเภทนี้ ทำหน้าที่ในระบบเศรษฐกิจและใช้แนวคิดในการออกแบบแตกต่างกัน ซึ่งหากไม่จัดระเบียบความคิดให้ดีและตันสินใจเลือกดำเนินการให้เป้นระบบอย่างเหมาะสมแล้ว คุณประโยชน์ที่ได้รับจากโครงการการลงทุนซึ่งมีมูลค่ามหาศาลอาจจะไม่สมประโยชน์เท่าที่ควร

ดังเป็นที่ทราบโดยทั่วไปว่า การขนส่งเป็นอุปสงค์ที่เกิดความต้องการบริโภคสินค้าอื่น ๆ หรือ เรียกกันในภาษาอังกฤษว่าเป็น “Derived Demand” การกำหนดรูปแบบการขนส่งที่เหมาะสมกับความต้องการในระบบเศรษฐกิจ จึงต้องสอดคล้องกับการพัฒนาของอุปสงค์ที่เป็นต้นทาง หรือ Primary Demand

อุปสงค์ที่เป็นต้นทางดังกล่าว ได้แก่ การกำหนดผังเมือง (Town Planning) การจัดรูปแบบการใช้ที่ดิน (Land Use Planning) และการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ (Human Settlement) การจัดวางระบบขนส่งที่สามารถกล่าวได้ว่าประสบความสำเร็จจะเกิดขึ้นได้ ก็โดยการเข้าไปจัดการปัจจัยต้นทางเพียงเพียงพอ หรือที่เรียกว่า การบริหารด้านอุปสงค์ (Demand Side Management)

รูประบบการขนส่งทางรางแบบต่างๆ

การบริหารจัดการปัจจัยต้นทาง นอกจากมีอิทธิพลต่อการจัดวางระบบขนส่งโดยทั่วไปแล้ว ยังมีอิทธิพลอย่างยิ่งต่อการจัดวางระบบราง ทั้งนี้ เพราะระบบรางมีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่สำคัญ คือ เป็นยานพาหนะขนส่งที่ติดอยู่กับราง ภาษาอังกฤษ เรียกว่า “Rail Bounded” หมายความว่า จะให้รถไฟวิ่งไปที่ใด ก็จะต้องวางรางเข้าไป ซึ่งทำให้การขนส่งระบบรางไม่เป็นการขนส่งแบบถึงที่ (Door to Door) และจะต้องบริหารจัดการปัจจัยต้นทางให้เพียงพอ จึงจะเป็นระบบการขนส่งที่มีประสิทธิภาพ

กล่าวโดยสังเขป การบริหารจัดการปัจจัยต้นทางที่ทำให้เกิดประชากรเมือง (Urban Population) ในสัดส่วนสูง แสดงว่า มีการบริหารผังเมืองและการใช้ที่ดินของประเทศอย่างมีประสิทธิภาพ รวมทั้งเป็นที่ซึ่งเหมาะสำหรับการรถไฟที่ใช้ในการขนส่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการมีชุมชนขนาดใหญ่ที่อยู่ห่างกันในระยะทางที่พอเหมาะ ซึ่งมีความจำเป็นที่จะสร้างรถไฟความเร็วสูง ดังจะเห็นได้ว่า แนวเส้นทางที่มีการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงในโลกล้วนเป็นแนวทางที่มีสัดส่วนประชากรเมืองสูงและมีเมืองใหญ่ที่อยุ่ห่างกันในระยะทางพอเหมาะทั้งสิ้น”

จากตรงนี้ อยากให้คุณ nop2 มาให้ความเห็น

ในเรื่องอุปสงค์ อุปทาน กันก่อนดีกว่า ก่อนที่จะไปในเรื่องของ เรื่องตัวรถ กับ ราง.............ครับ
Back to top
View user's profile Send private message Send e-mail
nop2
2nd Class Pass (Air)
2nd Class Pass (Air)


Joined: 06/03/2008
Posts: 985
Location: เพชรบุรี

PostPosted: 09/07/2010 8:05 am    Post subject: Reply with quote

อ่านหมดแล้วครับ แล้วก็หาเพิ่มเติมเองด้วย แม้ว่าภาษาต่างประเทศของผมจะไม่แกร่งเท่าไร อะไรอ่านไม่ออก อาศัยถามเพื่อนๆที่เก่งภาษานั้นๆเอา (จีน ญี่ปุ่น) ผมได้ดูคลิปรถไฟราง 1เมตรที่วิ่งได้ 160ของมาเลเซีย 160 ของควีนแลน์(ราง 1.067) จะเห็นได้ว่า รถไฟรางแคบ นั้นไม่เหมาะวิ่งที่ 160 สักเท่าไร โดยเฉพาะของมาเลเซียแม้ว่าจะวิ่งได้ก็ตาม (ลองหาคลิปดูนะครับ ตัวรถส่ายมากๆ ของมาเลเซีย) ถึงแม้วิ่งได้ดีแบบของควีนแลนด์ก็ต้องปรับปรุงทางในบ้านเราใหม่อีกทั้งประเทศเพราะต้องการรางที่ใหญ่กว่าตอนนี้ ไม่เช่นนั้นอาจจะเกิดอุบัติเหตุแบบของควีนแลนด์ (ซึ่งต้องใช้งบประมาณมากอีกพอสมควร) สู้ทำรางใหม่เป็นราง 1.435/1.520/1.668 ไปจะดีกว่า

การปรับปรุงระบบรถไฟบ้านเรา ถ้าอยากทำแบบง่ายๆ และได้ผลแน่นอน ก็ต้องหักดิบกันหน่อย คือ การทำให้ รฟท. มีคู่แข่งในการเดินรถเชิงพานิชย์และรถสินค้า โดยให้เอกชนสามารถนำรถมาวิ่งร่วมได้แต่ให้หมดไม่ได้ ส่วนรถเชิงสังคมและรถกลุ่มขนส่งพลังงาน ยังต้องให้ รฟท. ทำต่อไป (เป็นความคิดส่วนตัวนะครับ)

และที่สำคัญนั้น เราควรคิดว่า รถไฟความเร็วสูงนั้น เกินความจำเป็นสำหรับพวกเราไปหรือไม่ ไม่ใช่เห็นเค้ามีวิ่งกัน 350 เราก็จะทำให้วิ่งได้บ้าง กลัวว่าไม่ทันสมัย กลัวดูถูก ไม่ได้ดูกำลังทรัพย์ของตัวเองว่าสามารถสร้างและดูแล หารายได้มาชดเซยสิ่งที่ลงทุนไปได้ไหม หาก ลดความเร็วเหลือ 200-250 แล้วสามารถลดค่าสร้าง ค่าโดยสาร และมีโอกาสคืนทุนได้ง่ายกว่า ก็สร้าง 200-250 ก็เพียงพอแล้ว ทุกอย่างควรทำตามความเหมาะสมต่อกำลังของตัวเอง
_________________
"You are star I am darkness Our love brighter than the sun .."
Back to top
View user's profile Send private message MSN Messenger
Display posts from previous:   
Reply to topic    Rotfaithai.Com Forum Index -> ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับรถไฟไทย All times are GMT + 7 Hours
Goto page Previous  1, 2, 3 ... 545, 546, 547, 548, 549, 550  Next
Page 546 of 550

 

Share |

Jump to:  
You cannot post new topics in this forum
You cannot reply to topics in this forum
You cannot edit your posts in this forum
You cannot delete your posts in this forum
You cannot vote in polls in this forum

Powered by phpBB © 2001, 2005 phpBB Group


Forums ©