View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42788
Location: NECTEC
|
Posted: 29/04/2013 6:11 pm Post subject: |
|
|
สิ่งที่ควรทำก่อนการกู้เงินสองล้านล้านบาท
โดยวันชัย ตัน
กรุงเทพธุรกิจ 18 เมษายน 2556
คนที่เคยใช้บริการรถไฟในประเทศญี่ปุ่น ย่อมทราบดีว่า
รถไฟญี่ปุ่นได้ชื่อว่าตรงเวลาที่สุดในโลก สถิติโดยเฉลี่ยการมาสายของรถไฟสัญชาตินี้คือ ไม่เกินหนึ่งนาที ขณะที่รถไฟความเร็วสูง ชินกันเซ็น ทำสถิติสายไม่เกิน ๓ วินาที ส่วนรถไฟไทยคงต้องใช้หน่วยวัดเป็นชั่วโมงมากกว่านาทีหรือวินาที น่าเสียดายที่ยังไม่มีใครทำสถิติเอาไว้
รู้เพียงว่า หากเดินทางด้วยรถไฟไทยและถึงจุดหมายช้าไปสองสามชั่วโมง น่าจะเป็นเรื่องปรกติที่คนโดยสารจะต้องยอมรับสภาพ และทุกครั้งที่สายก็จะไม่มีพนักงานต้อนรับบนรถไฟแสดงอาการเดือดร้อน หรือรู้สึกผิดกับเหตุการณ์นี้แต่อย่างใด ราวกับว่า การมาสายเป็นเรื่องปรกติ แต่หากรถไฟมาตรงเวลาคงเป็นเรื่องอัศจรรย์ และพนักงานเหล่านี้อาจจะรู้สึกตื่นเต้นเป็นพิเศษแทนก็ได้
หลายวันบนเกาะฮอกไกโด ผู้เขียนได้ใช้รถไฟญี่ปุ่นหลายขบวนเดินทางไปมาระหว่างเมืองต่าง ๆ อย่างปลอดภัยและตรงเวลา
เวลาการออกของรถไฟตรงอย่างเหลือเชื่อ ออกจากสถานีตรงเวลา ถึงชานชาลาก็ตรงเวลา
ดังนั้นหากผู้โดยสารมาที่ชานชาลาตามเวลารถไฟออกเป๊ะ เขาอาจจะตกขบวนรถไฟสายนั้น เพราะเป็นเวลารถไฟออกจริง ๆ คือรถไฟได้ปิดประตูผู้โดยสารและกำลังเคลื่อนขบวนแล้ว
เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ถือเป็นวาระครบรอบ 117 ปีของการเริ่มเปิดศักราชการเดินรถไฟในประเทศไทย เป็นครั้งแรกคือสาย กรุงเทพ-อยุธยาระยะทาง 71 กิเลเมตร เช่นกันปีนี้ญี่ปุ่นก็ฉลองครบ 141 ปี แรกมีรถไฟในประเทศของเขาที่มีอายุมากกว่าบ้านเราแค่ยี่สิบกว่าปี แต่มาจนถึงปัจจุบัน ญี่ปุ่นมีรางรถไฟยาวรวมกันเกือบสามหมื่นกิโลเมตร ขณะที่รางรถไฟไทยมีความยาวรวมกันแค่สี่พันกว่ากิโลเมตร
ทุกวันนี้รถไฟญี่ปุ่นประสบความสำเร็จในแง่รายได้และการบริการผู้โดยสารอย่างสูง มีผู้โดยสารเกือบยี่สิบล้านคนใช้บริการรถไฟในแต่ละวัน หรือคิดเป็นร้อยละ 40 ของประชากรในแต่ละวันที่ใช้รถไฟในการเดินทาง ขณะที่รถไฟไทยประสบปัญหาใกล้ล้มละลายเต็มที่ คือขาดทุนสะสมกว่า 8 หมื่นล้านบาท อันเป็นผลมาจากความเป็นแดนสนธยาในการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่คนนอกไม่มีทางทราบได้ว่า ทำไมถึงบริการห่วยแตก และขาดทุนวอดวายกันขนาดนี้ ทั้งที่มีที่ดินผืนงามมหาศาลครอบครองในมือ
แต่กว่าจะมาถึงตรงนี้ รถไฟญี่ปุ่นก็มีสภาพขาดทุนมหาศาลเช่นกัน
ในอดีต การรถไฟญี่ปุ่น (Japan Railways หรือ JR) เคยมีสถานะเป็นองค์กรของรัฐ มีสภาพขาดทุนมาตลอด จนกระทั่งภายหลังสงครามโลกครั้งที่สอง รัฐบาลได้มีการแก้ไขปัญหาอย่างจริงจัง ด้วยการแปรรูปจากองค์กรของรัฐออกมาเป็นบริษัทมหาชน โดยรัฐบาลยังถือหุ้นใหญ่ และประสบความสำเร็จในการดำเนินกิจการ จนกระทั่งสามารถสร้างรถไฟความเร็วสูง ชินกันเซ็น ขึ้นเป็นครั้งแรกในปีพ.ศ. 2507 แต่หลังจากนั้นก็เริ่มขาดทุนยับเยินจากโครงการนี้ที่ต้องใช้เงินกู้จำนวนมหาศาล ในการลงทุนสร้างรางรถไฟ และผู้โดยสารมีปริมาณไม่มากพอในช่วงแรก
ขณะเดียวกันจำนวนผู้โดยสารรถไฟเริ่มลดลง เนื่องจากการเดินทางด้วยรถยนต์ได้มาแย่งส่วนแบ่งไปอย่างรวดเร็ว สถานะการเงินของบริษัทเกือบล้มละลาย มีหนี้สินร่วมหนึ่งล้านล้านบาท
ในปีพ.ศ. 2530 ผู้บริหารสมัยนั้นจึงได้ตัดสินใจแปรรูปบริษัทให้เอกชนเข้ามาถือครองมากขึ้น และผ่าบริษัทออกเป็นหกบริษัท ทุกบริษัทดำเนินงานโดยอิสระ เพื่อให้เกิดความคล่องตัว จนกระทั่งสามารถฟื้นฟูกิจการให้กลับคืนมาได้อีกครั้ง ด้วยหลักการสำคัญคือ ความปลอดภัย การตรงเวลา การบริการและความสะอาด ซึ่งเกิดจากการแข่งขันของบริษัทรถไฟเพื่อเพิ่มคุณภาพให้มากขึ้น
หัวใจสำคัญเหล่านี้ทำให้ผู้โดยสารกลับมาใช้บริการมากขึ้น จนสามารถทำให้การเดินทางด้วยรถไฟกลับมาเป็นทางเลือกอันดับหนึ่งของคนญี่ปุ่นสำเร็จ รวมถึงการขยายการลงทุนไปในทุกด้านที่รถไฟไปถึง อาทิ การทำให้สถานีรถไฟแต่ละที่มีเสน่ห์ มีเอกลักษณ์ การสร้างศูนย์การค้า คอนโดมิเนียม รีสอร์ต โรงพยาลสลตามเส้นทาง รวมถึงการจับมือกับแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ในภูมิภาค เพื่อสร้างแรงจูงใจให้มีนักท่องเที่ยวด้วยรถไฟมากขึ้น ด้วยการจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ และโปร่งใส
ปัจจัยความสำเร็จอีกประการคือ การแข่งขัน เพราะในประเทศญี่ปุ่นยังมีบริษัทเอกชนที่เดินรถไฟอีก 16 บริษัทแข่งกับรายใหญ่อย่าง JR ที่ไม่ได้ผูกขาดการเดินรถไฟแต่เจ้าเดียว ทำให้ทุกบริษัทต้องปรับตัวในการแข่งกับคู่แข่งทั้งด้านคุณภาพการบริการ ความปลอดภัย การตรงเวลา
ลำพังแค่คุณออกจากสนามบินนาริตะมากรุงโตเกียว คุณสามารถเลือกรถไฟได้หลายบริษัท ทั้งด่วนพิเศษ ด่วน และคุณภาพหลายสาย ทุกบริษัทก็พยายามปรับปรุงความเร็ว ประสิทธิภาพ และการบริการเพื่อดึงดูดลูกค้า ไม่ได้ผูกขาดการเดินทางอยู่กับบริษัทใดบริษัทหนึ่ง เหมือนบริษัทแอร์พอร์ต ลิ้งค์ ผู้มีเจ้าของคือ การรถไฟแห่งประเทศไทย
การแปรรูป การสลายการผูกขาด เพื่อให้เกิดการแข่งขันด้านบริการ ความปลอดภัย ตรงเวลาและความสะอาด คือหัวใจสำคัญในการปรับปรุงการรถไฟไทยครั้งสำคัญ ไม่ใช่การสร้างรถไฟความเร็วสูง
รัฐบาลควรจะจัดการปัญหาเหล่านี้ให้ได้ก่อนที่จะทุ่มเงินมหาศาล 2ล้านล้านบาทสร้างรถไฟความเร็วสูง ซึ่งเชื่อแน่ว่า หากไม่สามารถแปรรูปรฟท.ได้สำเร็จ เงินก้อนมหึมาเหล่านี้ก็จะหายวับเข้าไปในแดนสนธยาอีกเหมือนเดิม |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42788
Location: NECTEC
|
Posted: 29/04/2013 11:36 pm Post subject: |
|
|
คมนาคมเดินหน้าไฮสปีดเทรน
ข่าวเศรษฐกิจ
เดลินิวส์
วันจันทร์ที่ 29 เมษายน 2556 เวลา 17:15 น.
คมนาคมเดินเครื่องรถไฟความเร็วสูงหรือไอสปีดเทรน คาดแผนอีไอเอเสร็จ พ.ค. นี้ พร้อมเริ่มสร้าง 2 เส้นทาง เชียงใหม่ -หนองคายก่อน เหตุมีความพร้อมสุด
วันนี้ (29 เม.ย.) นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง(ไฮสปีดเทรน)ยังเป็นไปตามแผนงานที่กำหนด โดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) อยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดการดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงในความรับผิดชอบทั้ง 3 เส้นทาง คือ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ กรุงเทพฯ-หนองคาย และกรุงเทพฯ-หัวหิน คาดว่า จะนำเสนอรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ)ได้ประมาณเดือนพ.ค. มิ.ย. นี้ ส่วนเส้นทางกรุงเทพฯ ระยอง ซึ่งอยู่ในความรับผิดชอบของการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) อยู่ระหว่างศึกษาอยู่เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เบื้องต้นจะสามารถก่อสร้างได้ 2 เส้นทางก่อน คือ เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะแรกจะก่อสร้างกรุงเทพฯ-พิษณุโลกก่อน และเส้นทางกรุงเทพฯ-หนองคาย ระยะแรกจะก่อสร้างกรุงเทพฯ-นครราชสีมาก่อน เนื่องจากศึกษารายละเอียดโครงการไว้แล้ว ส่วนช่วงพิษณุโลก-เชียงใหม่ และนครราชสีมา-หนองคาย จะอยู่ในระยะที่ 2 ซึ่งจะช้ากว่าระยะแรกประมาณ 1 ปี โดยการก่อสร้างถึงเชียงใหม่ และหนองคาย จะเสร็จพร้อมกัน
ในการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงจะไม่ได้ใช้งบประมาณเงินกู้ 2 ล้านล้านบาททั้งหมด เพราะหากใช้ทั้งหมด จะไม่มีงบไปก่อสร้างโครงการอื่น แต่มั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบกับการดำเนินโครงการแน่นอน โดยเฉพาะช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ซึ่งไม่ได้อยู่ในงบเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท เพราะสามารถนำงบประมาณประจำปีมาดำเนินโครงการได้ และจะแล้วเสร็จพร้อมเชียงใหม่แน่นอน |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44860
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 30/04/2013 9:40 am Post subject: |
|
|
Quote: | ลงทุน 2 ล้านล้าน คุ้มไหม
เดลินิวส์ คอลัมน์เดินหน้าเลี้ยวซ้าย วันอังคารที่ 30 เมษายน 2556 เวลา 08:33 น.
ทีดีอาร์ไอแนะรัฐชั่งน้ำหนักแผนลงทุน 2 ล้านล้าน คุ้มทุนหรือไม่
กรณีอภิมหาโปรเจกต์ กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นการกู้เงินนอกระบบงบประมาณ ขนาดใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยมีมา โดยสภาผู้แทนราษฎรผ่านความเห็นชอบวาระแรกแล้วนั้น เป็นร่าง พ.ร.บ.ที่ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงิน เพื่อนำมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศครั้งใหญ่ ทำให้เกิดข้อกังขาและคำถามต่างๆ ตามมามากมาย โดยเฉพาะงบประมาณในการก่อสร้างที่มีมูลค่าสูงเกินไป เมื่อเทียบกับความคุ้มค่าการลงทุนในด้านเศรษฐกิจ สังคม รวมไปถึงผลกระทบสิ่งแวดล้อม หรือ EIA
ขณะนี้ร่างดังกล่าวอยู่ในวาระที่สองของการแปรญัตติซึ่งยังมีโอกาสแก้ไขปรับปรุงให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ ล่าสุด สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย(ทีดีอาร์ไอ) ได้ออกมานำเสนอบทวิเคราะห์พร้อมข้อเสนอแนะในการเสวนาสาธารณะ "ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เดินหน้าอย่างไรให้ถูกทาง คุ้มค่า และเป็นประชาธิปไตย"
คุณสมชัย จิตสุชน ผู้อำนวยการวิจัยด้านการพัฒนาอย่างทั่วถึง ทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า โครงการในการลงทุนระบบโครงสร้างพื้นฐานผ่านร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) พัฒนาด้านการขนส่งของประเทศวงเงิน 2 ล้านล้านบาทนี้ ยังไม่มีความชัดเจนเกี่ยวกับความคุ้มค่าในการลงทุนเท่าที่ควร และเห็นว่า ร่าง พ.ร.บ. ในส่วนของการใช้เงินนอกงบประมาณที่ให้อำนาจสภาร่วมพิจารณาเพียงครั้งเดียวนั้น เป็นการตรึงอำนาจและขาดความเป็นประชาธิปไตย
เนื่องจากให้อำนาจฝ่ายบริหารในการกำหนดรายละเอียดเป็นเวลาถึง 7 ปี ซึ่งเป็นการข้ามช่วงอายุปกติของรัฐสภา เพราะบัญชีท้าย พ.ร.บ.กำหนดเพียงจุดเริ่มต้นและปลายทางของเส้นทางรถไฟ แต่ไม่ได้กำหนดแนวเส้นทางระหว่างทางว่าผ่านพื้นที่ใดจังหวัดใดบ้าง และเป็นการก้าวล่วงอำนาจของสภาชุดต่อไปในการกลั่นกรองให้ความเห็นชอบ ซึ่งหากปรับเปลี่ยนให้เป็นงบประมาณประจำปีจะทำให้ฝ่ายนิติบัญญัติสามารถตรวจสอบได้
คุณสมชัยยังตั้งข้อสังเกตว่า โครงการลงทุนส่วนใหญ่เป็นการลงทุนในส่วนของรถไฟความเร็วสูง ที่ยังไม่ตอบโจทย์ในด้านการลดต้นทุนการขนส่งหรือความคุ้มค่าทางเศรษฐกิจ การเงินเท่าที่ควร เนื่องจากรถไฟความเร็วสูงจะเน้นการขนส่งสินค้าที่มีน้ำหนักเบาและการขนส่งคนเป็นหลัก ซึ่งเป็นการบริการให้กับประชาชนที่มีกำลังพอที่จะโดยสารได้ อาจส่งผลกระทบต่อรายจ่ายของรัฐในการพัฒนาประเทศ เมื่อเทียบกับรถไฟทางคู่ที่ช่วยลดต้นทุนโลจิสติกส์และสร้างความสามารถในการแข่งขันระยะยาวของประเทศเทศได้ดีกว่า
ยังมีต่ออีกครับ
ไฟเหลือง |
รถไฟความเร็วสูงคุ้มทุนจริงหรือ
เดลินิวส์ วันพุธที่ 1 พฤษภาคม 2556 เวลา 08:50 น.
มาต่อบทวิเคราะห์พร้อมข้อเสนอแนะในการเสวนาสาธารณะ ร่าง พ.ร.บ.กู้เงิน 2 ล้านล้านบาท เดินหน้าอย่างไรให้ถูกทาง คุ้มค่า และเป็นประชาธิปไตย โดย สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย หรือทีดีอาร์ไอ
ทีดีอาร์ไอ ประเมินเบื้องต้นว่าการลงทุนดังกล่าวจะทำให้เศรษฐกิจไทยขยายตัว 5.5% ต่อปีในช่วงปี 2557-2563 โดยมีอัตราเงินเฟ้อ 2.75% ต่อปี ซึ่งหากลงทุนคุ้มค่าจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวต่อเนื่อง 8.25% ต่อปี แต่หากลงทุนไม่คุ้มค่าจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวเพียง 7.5% ขณะที่ระดับหนี้สาธารณะ จะเพิ่มสูงถึง 75% ต่อจีดีพีในปี 2563 ซึ่งจะมีผลกระทบต่อการเบิกจ่ายงบประมาณภาครัฐในเรื่องอื่น ๆ ด้วย
คุณสุเมธ องกิตติกุล นักวิชาการทีดีอาร์ไอ กล่าวว่า เห็นด้วยกับการลงทุนระยะยาวตามร่าง พ.ร.บ.กู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศวงเงิน 2 ล้านล้านบาท ระยะเวลา 7 ปี โดยมองว่าหากโครงการนี้ถูกดำเนินการอย่างรอบคอบและคุ้มค่าจะเป็นการสร้างรากฐานให้แก่ประเทศ
ในส่วนของผลกระทบต่อความเสี่ยงด้านการคลังยังอยู่ในระดับที่ยอมรับได้ แต่ขณะเดียวกันยังมีสิ่งที่น่าเป็นห่วงหลายประการในโครงการนี้ เนื่องจากมีโครงการจำนวนมากที่ยังไม่ผ่านการศึกษาความเป็นไปได้ด้านความคุ้มค่าทางการเงินอย่างละเอียด ถึง 11 โครงการ รวมวงเงินสูงกว่า 9 แสนล้านบาท โดยเฉพาะโครงการรถไฟความเร็วสูง มองว่าไม่มีทางถึงจุดคุ้มทุนอย่างแน่นอน เพราะจำนวนผู้โดยสารในปีแรกจะเป็นดัชนีชี้วัดว่าโครงการประสบความสำเร็จหรือไม่ หากจะคุ้มค่าการลงทุนจะต้องมีผู้โดยสารในปีอย่างน้อย 9 ล้านคน
พร้อมทั้งยกตัวอย่างกรณีรถไฟฟ้าใต้ดินที่ตั้งเป้าผู้โดยสาร 6 แสนคนต่อวัน แต่ปัจจุบันมีเพียง 2 แสนคนเท่านั้น อีกทั้งยังมีโครงการที่ยังไม่ได้ศึกษาวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม อีก 18 โครงการ วงเงินกว่า 5 แสนล้านบาท สิ่งเหล่านี้รัฐบาลไม่ควรมองข้าม
นอกจากนี้บทวิเคราะห์ของทีดีอาร์ไอได้ให้ข้อเสนอแนะ 9 ข้อ ในการแก้ไขร่าง พ.ร.บ.กู้เงินเพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่งของประเทศ ดังนี้ เพิ่มรายละเอียดระดับโครงการในบัญชีท้าย
พระราชบัญญัติ เพื่อให้รัฐสภาได้กลั่นกรองและให้ความเห็นชอบในรายละเอียดที่เหมาะสม
ยังมีต่ออีกครับ.
ไฟเหลือง
Last edited by Mongwin on 01/05/2013 10:43 am; edited 2 times in total |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44860
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 30/04/2013 1:06 pm Post subject: |
|
|
สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร เชิญร่วมรับฟังความคิดเห็น โครงการศึกษาและออกแบบระบบรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ระยะที่ 1 กรุงเทพ พิษณุโลก
สำนักข่าวแห่งชาติ กรมประชาสัมพันธ์ 30 เมษายน 2556
นายจุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายแผลแผนการขนส่งและจราจร แจ้งว่า ตามที่สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้ดำเนินการจัดการสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 1 โครงการศึกษาและออกแบบรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ เชียงใหม่ ระยะที่ 1 กรุงเทพฯ พิษณุโลก ซึ่งเป็นการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาลในการพัฒนาระบบคมนาคมขนส่งทางราง โดยเชื่อมโยงโครงการและการบริหารจัดการขนส่งผู้โดยสาร สินค้าและการบริการที่สะดวก ปลอดภัย ทั้งในพื้นที่ชนบท พื้นที่เมือง และระหว่างประเทศ เสร็จสิ้นไปแล้วนั้น
เพื่อให้การดำเนินการตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2550 มาตรา 67 และระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการรับฟังความคิดเห็นของประชาชน พ.ศ. 2548 บัดนี้ สนข.จึงได้กำหนดจัดการสัมมนารับฟังความคิดเห็นของประชาชน ครั้งที่ 2 ใน
Quote: | วันพุธที่ 1 พฤษภาคม 2556 เวลา 08.30 12.00 น. ณ โรงแรมกรุงศรี ริเวอร์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤษภาคม 2556 เวลา 08.30 น ณ โรงแรมพิมาน จังหวัดนครสวรรค์ และ
วันศุกร์ที่ 3 พฤษภาคม 2556 เวลา 08.30 น. ที่โรงแรมอมรินทร์ลากูน จังหวัดพิษณุโลก |
เพื่อชี้แจงความก้าวหน้าของผลการศึกษาโครงการให้กลุ่มเป้าหมายได้รับรู้ และเกิดความเข้าใจ รวมทั้งรับฟังความคิดเห็นที่เป็นประโยชน์ พร้อมทั้งสร้างแนวร่วมที่ดี อันนำมาซึ่งการยอมรับต่อสาธารณชนอย่างเป็นเอกภาพ เพื่อให้ได้รับการสนับสนุนในการขับเคลื่อนโครงการให้บรรลุผลสำเร็จได้ต่อไป
ดังนั้น สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร จึงขอเชิญชวนผู้สนใจเข้าร่วมการสัมมนา ในวัน เวลา ดังกล่าว ทั้งนี้ สามารถสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ฝ่ายประสานงานฯ โทรศัพท์ 02-5099097 ต่อ 115 และสำนักพัฒนาระบบการขนส่งและจราจร โทรศัพท์ 02-2151515 ต่อ 4022
----
ปชป.ถล่มงบ2ล้านล้านส่อทุจริต
โพสต์ทูเดย์ 30 เมษายน 2556 เวลา 13:23 น.
ปชป.ถล่มเงินกู้ 2 ล้านล้าน ส่อทุจริต ไร้รายละเอียดแผนงาน ชี้ราคาสูงกว่ายุครัฐบาลมาร์คกว่า70% จวกค่าที่ปรึกษารถไฟเร็ว 7 พันล้านสูงกว่างบกระทรวงวิทย์ฯ
นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะกรรมาธิการพิจารณาร่างพ.ร.บ.เงินกู้ 2 ล้านล้าน แถลงว่า พบความไม่ชอบมาพากลหลายอย่างในแผนกู้เงินของรัฐบาล ไม่ว่าจะเป็นความไม่พร้อมในส่วนของตัวโครงการ เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงยังไม่มีการศึกษาความคุ้มค่า ไม่มีความชัดเจนในเรื่องเส้นทาง รวาทั้งส่อเค้าว่าจะเกิดการทุจริตในหลายประเด็นทั้งงบการศึกษาและโครงการต่างๆ ที่มีจัดงบไว้หลายหมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ อาจมีปัญหาผลประโยชน์ทับซ้อนจากที่มีการบัญญัติไว้ในมาตรา 6 วรรค 2 ของกฎหมายกู้เงิน 2 ล้านล้านบาท ที่เปิดช่องให้กระทรวงการคลังปล่อยกู้ต่อให้หน่วยงานของรัฐได้ โดยมีการนิยามความหมายของหน่วยงานรัฐคือ บริษัทที่อาจจัดตั้งขึ้นใหม่ซึ่งจะมีเอกชนร่วมทุน 49 % โดยบริษัทเอกชนเหล่านี้เข้าข่ายได้รับเงินกู้ต่อจากรัฐบาลในอัตราดอกเบี้ยเดียวกับที่รัฐบาลกู้ยืมมา และอาจไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมด้วย
ดังนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นคือแทนที่เงินกู้นี้จะใช้โดยรัฐบาลแต่เอกชนจะได้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยต่ำ แต่คนเป็นหนี้คือประชาชนคนไทยทุกคน ซึ่งถือว่าไม่เป็นธรรมกับคนไทย ตรงนี้ต้องระมัดระวัง เพราะสุดท้ายผู้ร่างกฎหมายต้องปิดช่องโหว่ไม่ให้มีความเป็นไปได้ในอนาคตที่จะทำให้ประชาชนเสียประโยชน์ในรูปผลประโยชน์ทับซ้อนที่เกิดขึ้น
นายกรณ์ กล่าวว่า น่าเป็นห่วงที่ รัฐบาลเริ่มตีความว่ากฎหมายกู้เงินนี้ ที่เดิมบอกเป็นโครงการที่มีระยะเวลา 7 ปี ไม่ได้หมายถึงการสร้างโครงการให้แล้วเสร็จภายใน 7 ปี แต่อาจเป็นเพียงแค่่การทำสัญญาลงนามกู้เงินเท่านั้้น และไม่มีความชัดเจนเลยว่าโครงการที่วางไว้จะดำเนินการให้แล้วเสร็จได้ภายใน 7 ปี สิ่งเหล่านี้เป็นพฤติกรรมที่ผิดวินัยการคลัง อีกทั้งการระบุว่าจะใช้หนี้ได้ภายใน 50 ปีก็จะเป็นไปไม่ได้
นายสามารถ ราชพลสิทธิ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า พบการบิดเบือนข้อมูลโดยผลการศึกษารถไฟความเร็วสูงรัฐบาลอภิสิทธิ์ ผลตอบแทนด้านเศรษฐกิจเส้นทาง กรุงเทพ หนองคาย ให้ผลตอบแทนสูงสุดส่วน กทม.เชียงใหม่อยู่อันดับที่ 4 ต่างกันถึง 4.18% แต่รัฐบาลเลือกสร้าง กทม.เชียงใหม่ก่อนเป็นอันดับแรก ทั้งที่ต้องเลือกกรุงเทพ - หนองคายก่อน
นอกจากนี้ และเมื่อเปรียบเทียบมูลค่าโครงการก็แพงกว่ารัฐบาลอภิสิทธิื์ทุกรายการ โดยสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์ ราคาเฉลี่ยกิโลเมตรละประมาณ 300 ล้านบาท รวมทุกอย่างแล้ว ทั้งค่าเวนคืน ค่าขบวนรถ ค่าอาณัติสัญญาณ และค่าที่ปรึกษา แต่เวลาผ่านไปไม่ถึง 3 ปี ราคานี้กลับกระโดดสูงขึ้นในทุกเส้นทาง คือ ค่าก่อสร้างเส้นทางกรุงเทพฯ เชียงใหม่ เพิ่มจาก 308 ล้านบาท/กม. เป็น 521 ล้านบาท/กม. หรือเพิ่มขึ้นถึง 69% เส้นทางกรุงเทพฯ นครราชสีมา เพิ่มจาก 378 ล้านบาท/กม. เป็น 666 ล้านบาท/กม. หรือเพิ่มขึ้นถึง 76% ทั้งที่เวลาผ่านไปไม่ถึง 3 ปีเท่านั้น
นายวิทูรย์ นามบุตร สส.ระบบบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เงินกู้ 2 ล้านล้านบาท โครงการส่วนใหญ่ไม่มีความพร้อม ไม่มีการออกแบบ สำรวจสิ่งแวดล้อม ความเหมาะสมแต่อย่างใด ควรชะลอเงินกู้ในครั้งนี้ เพราะส่อไปในทางทุจริตด้วย โดยเฉพาะเรื่องค่าที่ปรึกษาที่สูงมาก รวมประมาณ 6 หมื่นล้านบาท มากกว่างบของหลายกระทรวง บางโครงการเฉพาะค่าปรึกษาโครงการเดียวสูงถึง 7,000 ล้านบาทคือ รถไฟความเร็วสูงกทม.เชียงใหม่ มากกว่างบกระทรวงวิทย์และพาณิชย์ทั้งกระทรวง และในวงการมีข่าวการวิ่งเต้นว่าบริษัทไหนจะได้เป็นที่ปรึกษาต้องจ่ายค่าต๋ง 50 % จึงทำให้ค่าจ้างที่ปรึกษาสูงกว่าที่ควรจะเป็น ถ้าระงับได้จะเป็นประโยชน์สำหรับประชาชนมากที่สุด |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42788
Location: NECTEC
|
Posted: 30/04/2013 4:08 pm Post subject: |
|
|
สนข.เตรียมยื่นอีไอเอ"ไฮสปีดเทรน"พ.ค.นี้ "ชัชชาติ"นำร่อง"พิษณุโลก-โคราช"
มติชนรายวัน
วันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2556 เวลา 11:17:09 น.
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) ยังเป็นไปตามแผนงานที่กำหนด โดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) อยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดการดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงทั้ง 3 เส้นทาง คือ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ กรุงเทพฯ-หนองคาย และกรุงเทพฯ-หัวหิน คาดว่าจะนำเสนอรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ได้ประมาณเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนนี้
ทั้งนี้ เบื้องต้นจะสามารถก่อสร้างได้ 2 เส้นทาง คือ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ-หนองคาย แต่ระยะแรกจะก่อสร้างกรุงเทพฯ-พิษณุโลก และกรุงเทพฯ-นครราชสีมาก่อน เนื่องจากมีการศึกษารายละเอียดโครงการไว้แล้ว ส่วนช่วงพิษณุโลก-เชียงใหม่ และนครราชสีมา-หนองคาย จะอยู่ในระยะที่ 2 ซึ่งจะช้ากว่าระยะแรกประมาณ 1 ปี
"ในการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงจะไม่ได้ใช้เงินกู้ 2 ล้านล้านบาททั้งหมด เพราะหากใช้ทั้งหมด จะไม่มีงบไปก่อสร้างโครงการอื่น แต่มั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบกับการดำเนินโครงการแน่นอน โดยเฉพาะช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ซึ่งไม่ได้อยู่ในงบเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท เพราะสามารถนำงบประมาณประจำปีมาดำเนินโครงการได้" นายชัชชาติกล่าว
นายชัชชาติกล่าวว่า การก่อสร้างทั้ง 2 เส้นทาง มีความยากง่ายต่างกัน คือ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะแรกจะก่อสร้างง่ายกว่าระยะที่ 2 เนื่องจากไม่ต้องเจาะอุโมงค์ลอดภูเขา เหมือนช่วงพิษณุโลก-เชียงใหม่ ที่มีภูเขาเป็นจำนวนมาก จึงก่อสร้างยากกว่า ในขณะที่ช่วงกรุงเทพฯ-หนองคาย ระยะแรกจะก่อสร้างยาก เพราะต้องเจาะอุโมงค์ลอดภูเขา แต่ระยะที่ 2 จะง่ายกว่าเพราะเป็นทางตรงตลอดไปจนถึงหนองคาย
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่ารถไฟฟ้าความเร็วสูง จะช่วยสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจให้กับต่างจังหวัด โดยจะเป็นในลักษณะเดียวกับการเปิดให้บริการสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์ แอร์ไลน์) เช่น ในอดีตจังหวัดเชียงใหม่ยังมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปไม่มากนัก แต่เมื่อมีโลว์คอสต์แอร์ไลน์ การเติบโตก็สูงมาก ทั้งในเชิงการท่องเที่ยว การจับจ่ายใช้สอย
//------------------------------
คุณมน ให้ความเห็นเกี่ยวกะรถไฟความไวสูงไว้ดังนี้
mone wrote: | ถึงแม้ผมจะไม่ได้เห่อรถไฟความเร็วสูงเท่าไหร่นัก แต่ก็ใช่ว่าจะค้านไปเสียทุกเรื่อง
ล่าสุด...มีข่าวว่าพรรคฝ่ายค้านได้อ้างว่าราคาประเมินของรถไฟสาย เพื่อไทย สูงกว่าสาย ประชาธิปัตย์ข้อมูลนี้ถูกต้องครับ เพียงแต่พรรคเก่าแก่พรรคนี้ พูดไม่หมด
พรรคประชาธิปัตย์ไม่เคยบอกแม้แต่คำเดียวว่ารถไฟเร็วสูงของประชาธิปัตย์ มี สเป็ก ต่ำกว่ามาก
อาทิ เป็นรถไฟทางเดี่ยว และวิ่งได้แค่ 160 กม/ชม เท่านั้นถ้าพัฒนารถไฟไทยให้ดีๆ เผลอๆ จับมาวิ่งแข่งกันได้ด้วยซ้ำส่วนของพรรคเพื่อไทย เป็นรถไฟเร็วสูงแบบ ทางคู่ วิ่งได้ถึง 250 กม/ชม ขึ้นไปเป็นสเป็กที่สูงกว่ากันมาก แต่ก็ต้องแลกมาด้วยหนี้สินมหาศาลเช่นกัน เรื่องง่ายๆ แบบนี้ คนศึกษาเรื่องรถไฟเขาดูออกครับ
ที่พูดนี้มิใช่อยากดร่าม่าการเมืองในเฟสบุ๊คไปอีกคนเพียงแต่ทำให้นึกถึงเรื่องอื่นๆ ที่ ฝ่ายการเมือง กล่าวหากันไปมาว่า ถ้าเรื่องที่เขากล่าวหากัน เราไม่มีความรู้ หรือเรารู้ไม่จริงล่ะ
จะเกิดอะไรขึ้นเมื่อคำกล่าวอ้างมีพลังขึ้นจากความไม่รู้ จนนำไปสู่อคติ
ก่อนที่อคติจะนำไปสู่ความรุนแรงทางความคิดและการกระทำได้ในที่สุด
...น่ากลัวนะครับ... |
Last edited by Wisarut on 30/04/2013 4:19 pm; edited 1 time in total |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42788
Location: NECTEC
|
Posted: 30/04/2013 4:15 pm Post subject: ปั่นราคาที่ดินรับรถไฟความไวสูง |
|
|
ที่ดินพุ่งรายวันเก็งกำไรรับไฮสปีดเทรน
โดยกอง บก.ฐานเศรษฐกิจ ข่าวหน้า1 -
คอลัมน์ : ข่าวหน้า1
ออนไลน์เมื่อ วันอาทิตย์ที่ 28 เมษายน 2013 เวลา 10:40 น.
ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 33 ฉบับที่ 2,839
วันที่ 28 เมษายน - 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2556
ราคาที่ดินหัวเมืองทั่วประเทศพุ่งพรวดขานรับ4ไฮสปีดเทรนลากผ่าน4ภาค ดันราคาที่ดินขึ้นรายวัน บางพื้นที่ทะยานหลายเท่าตัว กลุ่มนักพัฒนาที่ดินนกรู้ดักซื้อที่รอ เชียงใหม่ หนองคายร้อนแรง โมเดิร์นพร็อพเพอร์ตี้ชี้พัทยาได้อานิสงส์แรงแนวโน้ม ทะลุล้านบาทต่อตารางวา
นับจากรัฐบาลภายใต้การนำของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผลักดันโครงการรถไฟฟ้าความเร็วสูงหรือไฮสปีดเทรนทั้ง 4 เส้นทางเพื่อเชื่อมต่อครอบคลุมทั้ง 4 ภาคของประเทศ แม้วันนี้จะยังไม่เห็นความชัดเจนตำแหน่งที่ตั้งสถานี แต่กลับพบความเคลื่อนไหวของราคาที่ดินที่ปรับตัวสูงขึ้นอย่างชัดเจน ในจังหวัดต่างๆที่รถไฟฟ้าพาดผ่าน รวมถึงกลุ่มทุนพัฒนาที่ดินจากเมืองกรุงที่เข้ามายึดหัวหาดจังหวัดที่มีรถไฟความเร็วสูงผ่านแทบทุกสถานี
++นักพัฒนาที่ดินนกรู้ดักซื้อที่รอ
นายไพรัช เศียรสมาน เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผย"ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ขณะนี้บรรยากาศการซื้อขายที่ดินในเขตจังหวัดเชียงใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งในจังหวัดทางภาคเหนือที่รัฐบาลผลักดันให้มีรถไฟความเร็วสูงเข้ามาถึงมีความเคลื่อนไหวคึกคักมากขึ้น ซึ่งมองว่าเป็นเรื่องที่ดีและหากโครงการนี้เกิดขึ้นเป็นรูปธรรมเมื่อไหร่ ประเมินว่าราคาที่ดินจะปรับสูงขึ้นอีกหลายเท่าตัวโดยสถานีปลายทางเท่าที่ทราบจะอยู่ที่สถานีเดิมที่รถไฟมาจอดอยู่แล้วซึ่งเป็นเขตนอกเมือง
ขณะนี้โซนตะวันออกของเชียงใหม่อย่างอำเภอดอยสะเก็ด สันกำแพง สันทราย ฯลฯ มีกลุ่มนักลงทุนด้านพัฒนาที่ดินกว่า10ราย เข้าไปกว้านซื้อที่ดินกันอย่างคึกคัก รวมถึงแบรนด์ดังในท้องถิ่นชื่อ"อรสิรินทร์" ของนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดเชียงใหม่ ที่มีการซื้อที่ดินสะสมรอพัฒนาไว้หลายแปลง เฉลี่ยแปลงละ50-60ไร่ โดยราคาที่ดินปัจจุบันขยับตัวสูงมาก 6-8 ล้านบาทต่อไร่ จากเดิมราคาขยับขึ้นจาก 1-2 เท่าตัวและแนวโน้มหากมีรถไฟความเร็วสูงเข้ามา จะยิ่งส่งผลให้ราคาที่ดินขยับสูงขึ้นอีกหลายเท่าตัว อย่างไรก็ดีที่ดินแปลงใหญ่ของเชียงใหม่วันนี้ไม่มีแล้ว
ขณะเดียวกันในเขตพื้นที่ชั้นในเมืองเชียงใหม่ราคาที่ดินขยับสูงมากโดยเฉพาะ ถนนนิมมานเหมินทร์ และไนท์บาซาร์ราคา 2 แสนบาทต่อตารางวา และหากรถไฟความเร็วสูงเกิดขึ้นเป็นรูปธรรมราคาจะขยับสูงมากกว่านี้ น่าจะเกินกว่า 3-4 แสนบาทต่อตารางวา เช่นเดียวกับที่ดินบริเวณอื่นในตัวเมืองเชียงใหม่ ทั้งบริเวณแยกสนามบิน สี่แยกหัวมุมนิมมานเหมินทร์และอีกหลายทำเล มีแนวโน้มราคาน่าจะ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆเนื่องจากเป็นจังหวัดศูนย์กลางเศรษฐกิจภาคเหนือตอนบนเชื่อมโยงประเทศเพื่อนบ้านและรับกับเออีซี และรถไฟความเร็วสูงเข้ามาเสริมให้มีศักยภาพทางเชื่อมขึ้นไปอีก
++ที่หนองคายพุ่งรับไฮสปีดเทรน
สอดรับกับแหล่งข่าวจากสำนักงานที่ดินจังหวัดหนองคาย ที่ระบุว่า การซื้อขายที่ดินที่จังหวัดหนองคายค่อนข้างคึกคัก แม้ยังไม่รู้ว่ารถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพฯ-นครราชสีมา จะขยายมาถึงหนองคายหรือไม่ แต่ราคาที่ดินขยับสูงขึ้นหลายเท่าตัวเช่นกัน ยกตัวอย่าง ที่ดินแปลงหนึ่งของนักธุรกิจในพื้นที่ซึ่งเป็นเจ้าของโรงแรมเคยซื้อที่ดินแปลงงาม 10 ไร่ ในราคาแค่ 50 ล้านบาทเมื่อหลายปีก่อน แต่เมื่อเกิดกระแสการเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ เออีซี เกิดกระแสรถไฟความเร็วสูงเข้าถึงหนองคาย ปรากฏว่าที่ดินแปลงดังกล่าวได้ถูกขายออกไปกับนายทุนคนใหม่ในราคาสูงถึง 150 ล้านบาท เพื่อใช้เป็นสถานที่ก่อสร้างห้างบิ๊กซี ย่านใจกลางเมืองก่อนขึ้นสะพานข้ามแม่น้ำโขง
++ปรับราคาขึ้นรายวัน
ด้านนายเกรียงไกร ด้านชัยวิจิตร ประธานหอการค้าจังหวัดพระนครศรีอยุธยากล่าวว่าขณะนี้แม้ว่ายังไม่มีความชัดเจนที่จะกำหนด สถานีรถไฟความเร็วสูงที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยาที่เดิมรัฐบาลเคยกำหนดไว้ที่สถานีบ้านภาชี ซึ่งเป็นสถานีใหญ่ สำหรับสับรางที่จะไปภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือหรือไม่ แต่ยอมรับว่าราคาที่ดินย่านดังกล่าวปรับตัวสูงขึ้นจาก เดิมไร่ละ 4-5 แสนบาทขยับ เป็น 1 ล้านบาทต่อไร่ และแน่นอนว่า หากว่ารถไฟความเร็วสูงเกิดขึ้นเป็นรูปธรรมเมื่อไหร่ราคาที่ดินจะขยับตัวแรงๆขึ้นอีกหลายเท่าตัว
"กระแสรถไฟความเร็วสูง ทำให้ราคาที่ดินปรับเพิ่มขึ้น เรียกว่า เป็นรายวันก็ว่าได้ โดยเฉพาะจุดที่เป็นทำเลทอง บางพื้นที่มีการปรับราคาสูงขึ้นเท่าตัวก็อยากให้เจ้าของที่ดิน หรือ กลุ่มทุนที่กว้านซื้อที่ดินเพื่อเก็งกำไร คำนึงถึงประโยชน์ของการพัฒนาจังหวัดในระยะยาว หากราคาที่ดินสูงเกินไป ก็จะทำให้ไม่มีใครกล้าที่จะเข้ามาลงทุนในจังหวัด เสียโอกาสในการพัฒนาเช่นเดียวกัน"
เช่นเดียวกับนายแนบ ชามทอง เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ที่กล่าวยืนยันหากรถไฟเกิดขึ้นเป็นรูปธรรมและกำหนดสถานีที่ชัดเจน ราคาที่ดินในประจวบจะขยับสูงหลายเท่าตัว เพราะในปัจจุบันแค่ที่ดินเปล่าจัดสรรแบ่งขายขนาด 40-50 ตารางวา ยังราคายังสูงกว่าล้านบาท โดยเฉพาะที่หัวหินมีคอนโดมิเนียมและบ้านพักตากอากาศเกิดขึ้นมาก ซึ่งมองว่า ปัจจุบันราคาตกตารางวาละแสนบาท ก็ถือว่าสูงมากแล้ว
++ฟันธงพัทยาทะลุล้านต่อตร.ว.
นอกจากนี้นายวสันต์ คงจันทร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โมเดิร์น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด วิเคราะห์ถึงรถไฟความเร็วสูง ที่จะเกิดขึ้น 4 สาย 4ภาคว่า จังหวัดที่ได้อานิสงส์สูงสุดคือ พัทยา จังหวัดชลบุรี จังหวัดระยอง เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมา หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ส่วนเชียงใหม่ มีทางเลือกอื่นที่ดีอยู่แล้วคือ การเดินทางโดยเครื่องบิน แต่รถไฟความเร็วสูงแค่เป็นส่วนเสริมเท่านั้น ที่สำคัญเชียงใหม่มีศักยภาพโตด้วยตัวเองเป็นจังหวัดที่เป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของภาคเหนือและประเทศเพื่อนบ้านอยู่แล้ว ดังนั้น จึงไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนัก
ทั้งนี้ หากจะถามว่าราคาที่ดินพื้นที่ใดจะได้รับอานิสงส์สูงสุดเมื่อมีรถไฟความเร็วสูงพาดผ่าน ผมมองว่าน่าจะเป็นพัทยา ซึ่งมีแนวโน้มราคาที่ดินจะทะลุตารางวาละ 1 ล้านบาท เหมือนใจกลางกรุงเทพฯอย่างแน่นอนหากโครงการรถไฟความเร็วสูงเปิดใช้หรือมีความชัดเจน เนื่องจากเมืองพัทยาเองมีพื้นที่จำกัด โดยเฉพาะถนนเลียบชายทะเลตลอดแนว อาทิ บริเวณวงศ์อมาตย์ ปัจจุบันราคาอยู่ที่ 3.5 แสนบาทต่อตารางวา จากเดิมช่วง 4-5 ปีก่อนที่ เซ็นทรัลซื้อก่อสร้างห้างริมหาด ราคาเพียง 9 หมื่นบาทต่อตารางวาเท่านั้น
"คาดว่าเมื่อเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี ในปี 2558 ราคาที่ดินทำเลดังกล่าวจะขยับเป็น 5 แสนบาทต่อตารางวาอย่างแน่นอน รวมถึงจำนวนที่อยู่อาศัยสูงขึ้นเรื่อยๆปัจจุบันอยู่ที่ 5 หมื่นหน่วย โดยแนวโน้มพัทยายังโตอาจถึงแสนหน่วยเหมือนกทม.เพราะนักท่องเที่ยวจะเพิ่มอีกจำนวนมาก"
+เร่งศึกษาเจาะสถานีไฮสปีดเทรน
แหล่งข่าวจากสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.)เปิดเผย"ฐานเศรษฐกิจ"ถึงความคืบหน้า การดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงหรือไฮสปรีดเทรน 4 สาย4 ภาค ที่ครอบคลุมพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออก ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ประกอบด้วย
1. สายเหนือ สายกรุงเทพฯ- พิษณุโลก -เชียงใหม่ โดยแนวสายทาง เริ่มจาก สถานีบางซื่อ กทม. ไปสิ้นสุดระยะทาง ที่สถานีรถไฟเชียงใหม่ระยะทาง เกือบ 700 กิโลเมตร งบประมาณ เกือบ 4 แสนล้านบาท คาดว่าจะเริ่มก่อสร้างปี 2557 โดยแบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ
1.1. ช่วงกรุงเทพฯ-พิษณุโลก แล้วเสร็จปลายปี 2561
1.2. ระยะที่2 ช่วงพิษณุโลก-เชียงใหม่ คาดว่าแล้วเสร็จต้นปี 2563 โดยแนวสายทางจะอยู่บนทางรถไฟเดิม คือ เริ่มจาก สถานีบางซื่อ ผ่านสถานีพระนครศรีอยุธยา สถานีบ้านภาชี ลพบุรี นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก อุตรดิตถ์ เด่นชัย ลำปาง ลำพูน และเชียงใหม่
2. สายตะวันออกเฉียงเหนือ กรุงเทพฯ-นครราชสีมา-หนองคาย 612 กิโลเมตร
3.สายตะวันออก ช่วง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ -พัทยา-ระยองระยะทาง 221กิโลเมตร และ
4.กรุงเทพฯ-หัวหิน-ปาดังเบซาร์ 982กิโลเมตร
อย่างไรก็ดีขณะนี้บริษัทที่ปรึกษาอยู่ระหว่างลงพื้นที่เพื่อศึกษาหาจุดที่ตั้งตัวสถานี โดยส่วนใหญ่จะก่อ บนรางรถไฟเดิม เพื่อไม่ให้กระทบกับ การเวนคืนมากนัก โดยใช้เวลาศึกษา 14-18 เดือนนับจากนี้ จึงทราบจุดที่ตั้งสถานีและพื้นที่เวนคืนที่ชัดเจน |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42788
Location: NECTEC
|
Posted: 01/05/2013 10:43 am Post subject: |
|
|
ยื่นอีไอเอ "ไฮสปีดเทรน" พ.ค.นี้ "ชัชชาติ" นำร่อง "พิษณุโลก-โคราช"
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
30 เมษายน 2556 เวลา 11:50:10 น.
นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้การก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) ยังเป็นไปตามแผนงานที่กำหนด โดยสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) อยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดการดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงทั้ง 3 เส้นทาง คือ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ กรุงเทพฯ-หนองคาย และกรุงเทพฯ-หัวหิน คาดว่าจะนำเสนอรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ได้ประมาณเดือนพฤษภาคม-มิถุนายนนี้
ทั้งนี้ เบื้องต้นจะสามารถก่อสร้างได้ 2 เส้นทาง คือ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ และกรุงเทพฯ-หนองคาย แต่ระยะแรกจะก่อสร้างกรุงเทพฯ-พิษณุโลก และกรุงเทพฯ-นครราชสีมาก่อน เนื่องจากมีการศึกษารายละเอียดโครงการไว้แล้ว ส่วนช่วงพิษณุโลก-เชียงใหม่ และนครราชสีมา-หนองคาย จะอยู่ในระยะที่ 2 ซึ่งจะช้ากว่าระยะแรกประมาณ 1 ปี
"ในการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงจะไม่ได้ใช้เงินกู้ 2 ล้านล้านบาททั้งหมด เพราะหากใช้ทั้งหมด จะไม่มีงบไปก่อสร้างโครงการอื่น แต่มั่นใจว่าจะไม่ส่งผลกระทบกับการดำเนินโครงการแน่นอน โดยเฉพาะช่วงนครราชสีมา-หนองคาย ซึ่งไม่ได้อยู่ในงบเงินกู้ 2 ล้านล้านบาท เพราะสามารถนำงบประมาณประจำปีมาดำเนินโครงการได้" นายชัชชาติกล่าว
นายชัชชาติกล่าวว่า การก่อสร้างทั้ง 2 เส้นทาง มีความยากง่ายต่างกัน คือ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะแรกจะก่อสร้างง่ายกว่าระยะที่ 2 เนื่องจากไม่ต้องเจาะอุโมงค์ลอดภูเขา เหมือนช่วงพิษณุโลก-เชียงใหม่ ที่มีภูเขาเป็นจำนวนมาก จึงก่อสร้างยากกว่า ในขณะที่ช่วงกรุงเทพฯ-หนองคาย ระยะแรกจะก่อสร้างยาก เพราะต้องเจาะอุโมงค์ลอดภูเขา แต่ระยะที่ 2 จะง่ายกว่าเพราะเป็นทางตรงตลอดไปจนถึงหนองคาย
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่ารถไฟฟ้าความเร็วสูง จะช่วยสร้างการเติบโตทางเศรษฐกิจให้กับต่างจังหวัด โดยจะเป็นในลักษณะเดียวกับการเปิดให้บริการสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์ แอร์ไลน์) เช่น ในอดีตจังหวัดเชียงใหม่ยังมีนักท่องเที่ยวเดินทางไปไม่มากนัก แต่เมื่อมีโลว์คอสต์แอร์ไลน์ การเติบโตก็สูงมาก ทั้งในเชิงการท่องเที่ยว การจับจ่ายใช้สอย |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44860
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 01/05/2013 4:14 pm Post subject: |
|
|
สนข.ฟังเสียงชาวอยุธยาร่วมเลือกแนวเส้นทางรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพ ฯ เชียงใหม่
ฐานเศรษฐกิจ วันพุธที่ 01 พฤษภาคม 2013 เวลา 15:45 น.
วันนี้ (1 พฤษภาคม 2556) เวลา 09.00 น. ณ โรงแรมกรุงศรี ริเวอร์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ดร. จุฬา สุขมานพ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) เป็นประธานในพิธีเปิดงาน สัมมนา รับฟังความคิดเห็นประชาชน ครั้งที่ 2
โครงการศึกษาและออกแบบรถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพ ฯ เชียงใหม่ ระยะที่ 1 กรุงเทพ ฯ พิษณุโลก เพื่อนำเสนอสาระสำคัญคือรูปแบบแนวเส้นทางเลือก พร้อมทั้งรับฟังความคิดเห็น ข้อเสนอแนะจากทุกภาคส่วน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานราชการ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์กรธุรกิจเอกชน สถาบันการศึกษาในพื้นที่ หน่วยงานรัฐวิสาหกิจ และภาคประชาชน จากจังหวัดปทุมธานี สระบุรี พระนครศรีอยุธยา และกรุงเทพมหานครเข้าร่วมการสัมมนากว่า 200 คน
แนวเส้นทางเลือกการพัฒนารถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพ ฯ เชียงใหม่ ประกอบด้วย 5 ทางเลือก คือ
แนวทางเลือกที่ 1 ขนานไปตามแนวรถไฟเดิม จากสถานีกลางบางซื่อ ผ่าน จ.ปทุมธานี จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ลพบุรี จ.นครสวรรค์ จ.พิจิตร จ.พิษณุโลก จ.อุตรดิตถ์ จ.ลำปาง จ.ลำพูน และสิ้นสุดที่ จ.เชียงใหม่ ระยะทางประมาณ 677 กม.
แนวทางเลือกที่ 2 ขนานไปตามแนวรถไฟเดิมเหมือนกับแนวทางเลือกที่ 1 จนถึง จ.พระนครศรีอยุธยา แล้วใช้แนวเส้นทางใหม่ไปทางฝั่งตะวันตกไปบรรจบกับแนวเส้นทางรถไฟสายเดิมที่ อ.พยุหะคีรี เข้าสู่ จ.นครสวรรค์ จนถึงสถานีปากน้ำโพใช้แนวเส้นทางใหม่ ไปถึง อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก จากนั้นตัดเข้าแนวรถไฟเดิม มุ่งสู่ อ.เมืองพิษณุโลก แล้วใช้แนวเส้นทางใหม่ด้านทิศตะวันตก มุ่งไป อ.ศรีสัชชนาลัย จ.สุโขทัย และบรรจบกับแนวเส้นทางรถไฟสายเดิมที่ ต.กล้วยแพะ อ.เมือง จ.ลำปาง ผ่าน จ.ลำพูน และสิ้นสุดที่ จ.เชียงใหม่ ระยะทางประมาณ 639 กม.
แนวทางเลือกที่ 3 ใช้แนวเส้นทางเหมือนทางเลือกที่ 2 จนถึง อ.พยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ จะใช้แนวเส้นทางใหม่ออกไปทางด้านทิศตะวันตกของ จ.นครสวรรค์ ผ่าน อ.บรรพตพิสัย จ.นครสวรรค์ อ.ไทรงาม จ.กำแพงเพชร และมาบรรจบกับแนวทางเลือกที่ 2 ที่ อ.เมือง จ.สุโขทัย ระยะทางประมาณ 610 กม.
แนวทางเลือกที่ 4 ขนานไปตามแนวรถไฟเดิมจนถึงวงแหวนรอบนอกฝั่งตะวันออกทางพิเศษหมายเลข 9 จากนั้นเบี่ยงออกไปทางทิศตะวันตกของตัวเมืองพระนครศรีอยุธยา ผ่าน จ.อ่างทอง จ.สิงห์บุรี จ.ชัยนาท จ.อุทัยธานี จ.นครสวรรค์ แล้วขึ้นเหนือตัดไป จ.สุโขทัย แล้วเบนออกไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ เข้าสู่ อ.สบปราบ อ.เสริมงาม จ.ลำปาง ผ่าน จ.ลำพูน ไปสิ้นสุดที่ อ.สารภี จ.เชียงใหม่ ระยะทางประมาณ 597 กม.
แนวทางเลือกที่ 5 ช่วงบางซื่อ-พิษณุโลก ใช้แนวเส้นทางเหมือนทางเลือกที่ 1 และช่วงพิษณุโลก-เชียงใหม่ ใช้แนวเส้นทางเหมือนทางเลือกที่ 2 ระยะทางประมาณ 669 กม.
โดยการคัดเลือกแนวเส้นทางจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศชาติเป็นหลัก ควบคู่กับการพิจารณาความเหมาะสมทั้งทางด้านวิศวกรรม เศรษฐกิจและการเงิน และสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จ.พระนครศรีอยุธยา ที่เป็นเมืองแห่งการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมที่สำคัญ เมื่อมีการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง จะช่วยขับเคลื่อนเมืองมรดกโลกสู่การเป็นเมืองท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์วัฒนธรรมที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของประเทศต่อไป
ในการดำเนินงานโครงการ ฯ ยังได้กำหนดมาตรการป้องกันและลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมที่สำคัญ อาทิ ด้านการแบ่งแยกชุมชนจากการกั้นรั้ว จัดให้มีทางเชื่อมหรือทางลอดในระยะที่เหมาะสมสอดคล้องกับการใช้งานและความต้องการของประชาชนในพื้นที่โครงการ ฯ ด้านการชดเชยที่ดินและทรัพย์สิน กำหนดให้ดำเนินการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและชดเชยทรัพย์สินตลอดแนวเส้นทางโครงการตามขั้นตอนของกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเป็นธรรม เป็นต้น นอกจากนี้ สนข. ให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน โดยจะจัดให้มีการสัมมนาในอีก 2 จังหวัดด้วยกันคือ จังหวัดนครสวรรค์ ในวันที่ 2 พฤษภาคม 2556 ณ โรงแรมพิมานและจังหวัดพิษณุโลก ในวันที่ 3 พฤษภาคม 2556 ณ โรงแรมอมรินทร์ ลากูน เพื่อรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากประชาชนอย่างครอบคลุมและทั่วถึง เป็นไปตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42788
Location: NECTEC
|
Posted: 01/05/2013 5:01 pm Post subject: |
|
|
Mongwin wrote: | สนข.ฟังเสียงชาวอยุธยาร่วมเลือกแนวเส้นทางรถไฟความเร็วสูงสายกรุงเทพ ฯ เชียงใหม่
ฐานเศรษฐกิจ วันพุธที่ 01 พฤษภาคม 2013 เวลา 15:45 น.
แนวทางเลือกที่ 1 ขนานไปตามแนวรถไฟเดิม จากสถานีกลางบางซื่อ ผ่าน จ.ปทุมธานี จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ลพบุรี จ.นครสวรรค์ จ.พิจิตร จ.พิษณุโลก จ.อุตรดิตถ์ จ.ลำปาง จ.ลำพูน และสิ้นสุดที่ จ.เชียงใหม่ ระยะทางประมาณ 677 กม.
....
แนวทางเลือกที่ 5 ขนานไปตามแนวรถไฟเดิม จากสถานีกลางบางซื่อ ผ่าน จ.ปทุมธานี จ.พระนครศรีอยุธยา จ.ลพบุรี จ.นครสวรรค์ จ.พิจิตร จ.พิษณุโลก แล้วใช้แนวเส้นทางใหม่ด้านทิศตะวันตก ผ่านอ. เมืองจังหวัดสุโขทัย มุ่งไป อ.ศรีสัชชนาลัย จ.สุโขทัย และบรรจบกับแนวเส้นทางรถไฟสายเดิมที่ ต.กล้วยแพะ อ.เมือง จ.ลำปาง ผ่าน จ.ลำพูน และสิ้นสุดที่ จ.เชียงใหม่ ระยะทางประมาณ 669 กม. |
ดูท่าจะใช้เหตุผลทางการเมืองเพื่อมัดมือชกให้เอาทางเลือกที่ 5 ให้ได้ ขนาดที่ว่าพวกที่เคยเลือกรัฐบาลที่ อุตรดิตถ์ และ แพร่จะโวยวายก็กลายเป็นเสียงนกเสียงกาไปเสียฉิบกระมัง
แค่ถึงอย่างไรก็ต้องผ่านอำเภอวังชิ้น อยู่ดี นี่แหละ ระวังคนเมืองแป้เขาจะทวงถามว่า สถานีสำหรับเมืองแพร่จะไม่มีให้เทียวหรือ จะให้ถ่อสังขารไปสุโขทัย หรือ แม้ที่สุดจะมีสถานีที่วังชิ้นก็ถ่อสังขารไม่ไหว หน่า - ส่วนอุตรดิตถ์ก็ต้องถ่อสังขารมาศรีสัชนาลัย ... แม้จะสั้นกว่าแต่ก็หนักไม่ใช่เล่น นะ
ส่วน การบรรจบกับแนวเส้นทางรถไฟสายเดิมที่ ต.กล้วยแพะ อ.เมือง จ.ลำปาง ชะรอย จะมีการปลูกสร้างสถานีนครลำปางขึ้นมาใหม่ ที่ บริเวณสถานีหนองวัวเฒ่า (หรือ ที่ ครฟ. ชอบล้อว่าสถานี หนองวัวหนุ่ม) เป็นแน่ เพราะเห็นว่า สถานีหนองวัวเฒ่า อยู่ที่ กม. 637+414.00 ห่างจากสถานีนครลำปางที่สบตุ๋ย (กม. 642+292.00) เกือบๆ 5 กิโลเมตรเอง และใกล้ราชภัฏ ลำปางด้วย
เอ ถ้าเลือกทางเลือก 5 แล้ว ทางสายเด่นชัย - เชียงรายจะว่ากระไรดีครับ? กว่าทางคู่จะมาถึงศิลาอาศน์และ เด่นชัยก็กินเวลานานพอดูนา - เวลาเชื่อมต่อคงจะสนุกกันละคราวนี้ถ้าทำกันจริงๆขึ้นมา
หรือว่ามีแผนในใจว่าจะผลักดันเส้นเชียงใหม่ผ่านออกทางสันกำแพงไปพะเยาและเชียงรายมาแทน? |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44860
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 02/05/2013 9:23 am Post subject: |
|
|
ข่าวจาก นสพ.บ้านเมือง ก็ระบุว่า อาจจะเลือกเส้นทางที่ 5 ครับ
Quote: | เบื้องต้นมีความเป็นไปได้สูงที่จะเลือกใช้แนวทางเลือกที่ 5 เนื่องจากเป็นลักษณะการเปิดเส้นทางใหม่ และมีค่าเวนคืนที่ดินน้อยที่สุด ทั้งนี้ จะต้องรอผลการศึกษาที่เหมาะสมอีกครั้ง ส่วนการพิจารณาการใช้พื้นที่ก่อสร้างสถานีความเร็วสูงในพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยานั้น ขณะนี้อยู่ระหว่างการศึกษาความเหมาะสม ระหว่างการใช้สถานีร่วมกันกับรถไฟปัจจุบัน หรือการขยายพื้นที่ออกไปห่างจากสถานีเดิม 2-3 กิโลเมตร โดยตามแผนได้มีการออกแบบการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์โดยรอบสถานี ซึ่งอาจจะต้องใช้พื้นที่จำนวนมากดำเนินการ |
ที่มา: สนข.ระดมกึ๋นสร้างไฮสปีดเทรน นสพ.บ้านเมือง วันที่ 2/05/2556 เวลา 8:37 น. |
|
Back to top |
|
|
|