View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
|
Posted: 13/09/2016 9:52 pm Post subject: |
|
|
กทม. ยันรถไฟฟ้าสีทองต้องลอยฟ้า ทำใต้ดินไม่ได้ ซ้อนสายสีแดง
หนังสือพิมพ์เดลินิวส์
12 กันยายน 2559
กทม. เดินหน้ารถไฟฟ้าสายสีทอง ชงครม.พิจารณายกเว้นมติการทำรถไฟฟ้าเป็นแบบใต้ดิน ชี้ต้องเป็นลอยฟ้าไม่สามารถลงดินได้ เหตุซ้อนทับสายสีแดงของ รฟท.
นายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยว่า หลังคณะรัฐมนตรี(ครม.) มีมติเห็นชอบโครงการระบบขนส่งมวลชนขนาดรองสายสีทอง (สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี-สำนักงานเขตคลองสาน-ประชาธิปก) ระยะทาง 2.68กม.วงเงิน 3,845 ล้านบาท โดยมอบหมายกทม.รับผิดชอบและให้บริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัด หรือเคที รัฐวิสาหกิจของ กทม.ศึกษารายละเอียดนั้น กทม.ได้ศึกษารายละเอียดโครงการรวมทั้งพิจารณาจัดทำรายงานมาตรการด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) ควบคู่กันไปตามคำสั่งมาตรา 44 เสร็จสมบูรณ์แล้ว
โดยเป็นรถไฟฟ้าแบบยกระดับตลอดสายมี 4 สถานี ส่วนที่ครม.ให้พิจารณารายละเอียดห้ามบดบังทัศนียภาพในพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ตามมติครม.ในพื้นที่พิเศษ25 ตารางกม. ต้องทำเป็นแบบใต้ดินนั้น กทม.ได้ยื่นเรื่องให้กระทรวงมหาดไทยพิจารณาเสนอครม.ยกเว้นมติดังกล่าว เนื่องจากไม่สามารถนำลงใต้ดินได้ เพราะโครงการซ้อนทับกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้มของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ที่ใช้แนวเส้นทางถนนลาดหญ้า ทำรูปแบบใต้ดิน จึงมีปัญหาเรื่องโครงสร้าง โดยกทม.จะนำเสนอรูปแบบโครงการพร้อมผลการศึกษาและคำอธิบายเพิ่มเติมเกี่ยวกับรูปแบบการก่อสร้างให้กระทรวงมหาดไทย พิจารณาเสนอครม.พิจารณาอีกครั้ง
เส้นทางรถไฟฟ้าสายสีทอง
รถไฟฟ้าสายสีทองแบ่งเป็น 2 ช่วง
นายทวีศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีทองแบ่งเป็น 2 ช่วง ช่วงแรกจากสถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี-แยกคลองสาน (ระหว่างรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีกรุงธนบุรี-รพ.ตากสิน) มี 3 สถานี 1.72 กม.ใช้เงินลงทุน 2,512 ล้านบาท ช่วงที่ 2 จากถนนสมเด็จเจ้าพระยา-ถนนประชาธิปก(จากรพ.ตากสิน-วัดอนงคารามวรวิหาร) มี 1 สถานี 0.96 กม. 1,333 ล้านบาท หากในปีนี้ ครม.อนุมัติการก่อสร้างได้ คาดว่ากทม.จะเริ่มก่อสร้างระยะแรกภายในปลายปีนี้ ให้แล้วเสร็จในปี 60 ส่วนระยะที่2 จะแล้วเสร็จภายในปี66 การก่อสร้างและการเดินรถเคทีเป็นผู้ลงทุนทั้งหมด รวมทั้งพิจารณาจัดหาแหล่งเงินทุนด้วย
นายทวีศักดิ์ กล่าวต่อว่า สำหรับแนวเส้นทางทั้งโครงการอยู่ในพื้นที่เกาะรัตนโกสินทร์ทั้งหมด เริ่มต้นบริเวณสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสกรุงธนบุรี จากนั้นมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกตามแนวถนนกรุงธนบุรีสู่ทางแยกกรุงธนบุรี-ถนนเจริญนคร เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเจริญนคร มุ่งหน้าไปทางทิศเหนือผ่านแหล่งชุมชน ร้านค้า สถานศึกษา วัด ห้างสรรพสินค้า อาคารพาณิชย์ คอนโดมิเนียมโรงแรมแล้วจึงเข้าสู่ถนนสมเด็จเจ้าพระยา ไปสิ้นสุดโครงการก่อนถึงวัดอนงคารามวรวิหาร รวม 2.7 กม. มี 4 สถานี
1.สถานีกรุงธนบุรี อยู่บริเวณรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีกรุงธนบุรี
2.สถานีเจริญนคร บริเวณข้ามคลองวัดทองเพลง
3.สถานีคลองสาน บริเวณหน้ารพ.ตากสิน มีทางเดินสกายวอล์กเข้ารพ. และ
4.สถานีประชาธิปก ก่อนถึงวัดอนงคารามวรวิหาร(เชื่อมรถไฟฟ้าสายสีม่วง) |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
|
Posted: 19/09/2016 7:56 pm Post subject: |
|
|
อยากได้รถไฟฟ้าสายสีทอง แต่ไปสร้างที่อื่น
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย เขียน - มาเรื่อง อยากได้รถไฟฟ้าสายสีทอง แต่ไปสร้างที่อื่น มาให้พิจารณาครับ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
|
Posted: 26/09/2016 9:49 am Post subject: เร่งรัดทำรถไฟฟ้าสายสีเทา |
|
|
แก้รถติดกทม.ชงทำโมโนเรลวัชรพล-ทองหล่อ
เดลินิวส์
อาทิตย์ที่ 25 กันยายน 2559 เวลา 16.35 น.
แก้รถติดทำโมโนเรลวัชรพลทองหล่อกทม.เล็งให้เอกชนร่วมลงทุน3หมื่นล.
นายทวีศักดิ์ เลิศประพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง กรุงเทพมหานคร (กทม.) กล่าวว่า โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้ารางเดี่ยวหรือโมโนเรลสายสีเทา การที่กทม.ศึกษามาอย่างยาวนาน เพื่อมุ่งหวังเพิ่มระบบขนส่งมวลชนเป็นทางเลือกการเดินทางให้แก่ประชาชน โดยพื้นที่ที่จะดำเนินการก่อสร้าง รถไฟฟ้ารางเดี่ยวคือช่วงวัชรพล สะพานพระราม9- ท่าพระ ความยาวรวมกว่า 39.91กิโลเมตร ซึ่งถือเป็นเส้นทางที่มีศักยภาพ ในการดำเนินการระบบขนส่งมวลชนเพิ่มทางเลือกการเดินทางลดปัญหาการจราจรติดขัดในเส้นทาง เนื่องจากแนวเส้นทางเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าในระบบรางสายอื่นๆได้มากถึง 6สาย โดยขณะนี้ กทม.ได้ทำการศึกษาความเหมาะสมของโครงการเสร็จสิ้นแล้ว และอยู่ระหว่างยื่นเสนอผลการศึกษาเพื่อพิจารณารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ไปยังคณะกรรมการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม
นายทวีศักดิ์กล่าวต่อว่า โดยระหว่างนี้ กทม.ได้ยื่นเสนอผู้บริหารกทม.ถึงแนวทางรูปแบบในการลงทุนของโครงการ ซึ่งจะดำเนินการช่วงเฟสแรกในเส้นทางวัชรพล-ทองหล่อ ระยะทาง 16กิโลเมตร ก่อน ต้องใช้งบประมาณในการก่อสร้าง 27,000-30,000ล้านบาท ซึ่งเป็นงบประมาณจำนวนมาก ดังนั้นกทม.จึงต้องหารูปแบบการลงทุนในโครงการที่เหมาะสม โดยมีการศึกษาเบื้องต้นคือการกู้เงินจากสถาบันทางการเงินต่างประเทศ และการลงทุนโดยการให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ(พีพีพี) แต่พิจารณาในรูปแบบการลงทุนโดยให้เอกชนเข้าร่วม จะเป็นรูปแบบที่คุ้มค่ากว่า ทั้งนี้รถไฟฟ้ารางเดี่ยวสายสีเทาหรือโมโนเรลเป็นโครงการที่มีความจำเป็นต้อง ดำเนินการเนื่องจากจะช่วยเชื่อมต่อการเดินทางให้ประชาชนดียิ่งขึ้น ซึ่งเส้นทางการก่อสร้างโครงการนั้นมีระบบขนส่งมวลชนน้อยมาก และประชาชนส่วนใหญ่ในพื้นที่ต่างใช้รถยนต์ส่วนบุคคลซึ่งหากมีระบบขนส่งมวลชนที่ เหมาะสมจะช่วยลดปัญหาการจราจรได้อย่างมาก ดังนั้นกทม.จะเร่งยื่นเสนอโครงการดังกล่าวต่อรัฐบาล เพื่อพิจารณาดำเนินโครงการโดยเร็วที่สุด |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
|
Posted: 08/11/2016 4:35 pm Post subject: |
|
|
คมนาคมเร่งกทม.ออกแบบรถไฟฟ้าขนาดเบาสายสีทองเฟส 2
โดย ฐานเศรษฐกิจ - ]
8 พฤศจิกายน 2559
คมนาคมเร่งกทม.ออกแบบรถไฟฟ้าขนาดเบาสายสีทองเฟส 2 เชื่อมสายสีม่วงใต้ที่สถานีสะพานพุทธ เพื่อเสนอสนข. บรรจุไว้ในแผน M-Map ระบบรางระยะที่ 2 ในกลางปีนี้
นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังหารือร่วมกับสำนักการจราจรและขนส่ง(สจส.) กรุงเทพมหานคร(กทม.) ในโครงการรถไฟฟ้าขนาดเบา สายสีทอง (สถานีกรุงธนบุรี-ประชาธิปก) ว่า มติคณะรัฐมนตรี(ครม.) เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2559 ให้กทม.ดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีทองโดยจะเชื่อมต่อสายสีแดง(หัวลำโพง-วงเวียนใหญ่-มหาชัย)ที่ย่านคลองสาน โดยสายสีทองยังสามารถเชื่อมโยงกับสายสีม่วงใต้ที่สถานีสะพานพุทธได้อีกด้วยโดยการหารือร่วมกันครั้งนี้ให้กทม.คำนึงถึงระบบเชื่อมต่อการเดินทางและระบบตั๋วร่วมโดยให้กทม.รับไปดำเนินการ
สายสีทองระยะแรก 3สถานีจากรถไฟฟ้าบีทีเอสสถานีกรุงธนบุรีผ่านไปตามถนนเจริญนคร ไปยังจุดใกล้ๆโรงพยาบาลตากสินช่วงด้านหน้าศูนย์การค้าไอค่อนสยาม ให้กทม.คำนึงทางเดินเท้าและการเชื่อมต่ออย่างลงตัว ระยะทางประมาณ 1.7 กิโลเมตร วงเงินลงทุนประมาณ 3,500 ล้านบาท ส่วนระยะที่ 2 ที่จะไปเชื่อมสถานี G5 กับรถไฟฟ้าสายสีม่วงใน้มี่สถานีสะพานพุทธนั้นต้องให้ได้ข้อยุติจุดตั้งสถานีภายในกลางปี 2560 นี้เพื่อไม่ให้กระทบการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ อีกทั้งยังมีแผนต่อขยายเส้นทางไปยังสถานีอิสรภาพของรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยาย MRT ในระยะต่อไปอีกด้วย โดยรถไฟฟ้าสายสีทองตามแผนที่สจส.ศึกษาไว้รวมระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร
รองปลัดกระทรวงคมนาคม กล่าวอีกว่า ในส่วนกรณีสายสีแดงนั้นล่าสุดการรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท. ) ได้รับงบปี 2561 เพื่อนำไปใช้ในการปรับแบบเส้นทางสายนี้ให้เป็นระบบใต้ดินช่วงลอดแม่น้ำเจ้าพระยาก่อนที่จะเร่งดำเนินการในส่วนอื่นๆที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยจะมีการก่อสร้างสกายวอร์คเชื่อมต่อกับสายสีทองและสายสีแดงในช่วงด้านหน้าโรงพยาบาลตากสินอีกด้วย
ด้านนายสุธน อาณากุล รองผู้อำนวยการสจส.กทม. กล่าวว่า สายสีทองระยะแรกได้งบประมาณประมาณการณ์และระยะเวลาดำเนินการมาเรียบร้อยแล้ว ปัจจุบันอยู่ระหว่างการยื่นขอรับรองผลการศึกษาวิเคราะห์เรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ.)
โดยรถไฟฟ้าเส้นทางนี้สามารถร้อยเรียงรถไฟฟ้าสายอื่นๆในโซนพื้นที่ฝั่งธนบุรีได้หลายเส้นทาง เป็นระบบล้อยาง คาดว่าจะสามารถเสนอครม.ในปี 2560 นี้ ก่อนที่จะใช้ระยะเวลาก่อสร้างประมาณ 18 เดือน วงเงินลงทุนในระยะแรกประมาณ 3,500 ล้านบาท ซึ่งกทม.ยืนยันจะลงทุนเองทั้งหมด ส่วนกรณีไอค่อนสยามจะสนับสนุนเงินลงทุนนั้นก็จะต้องไปเจรจากับบริษัทกรุงเทพธนาคม จำกัดหรือเคทีต่อไป |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
|
Posted: 09/11/2016 9:43 am Post subject: |
|
|
วุ่นจนได้สายสีทองซ้ำสีม่วงสั่งแก้แบบด่วน
เดลินิวส์
พุธที่ 9 พฤศจิกายน 2559 เวลา 09.13 น.
วุ่นจนได้รถไฟฟ้าสายสีทองซ้ำสีม่วงสั่งแก้แบบด่วน กทม.ชงขึ้นค่ารถไฟฟ้าอ่อนนุช-แบริ่งจาก10บาทเป็น15บาท
นายพีระพล ถาวรสุภเจริญ รองปลัดกระทรวงคมนาคม เปิดเผยหลังหารือร่วมกับนายสุธน อาณากุล รองผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) กรุงเทพมหานคร (กทม.) และผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เกี่ยวกับความคืบหน้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีทอง จากสถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี-ประชาธิปก ระยะทาง 2.68 กม. มี 5 สถานี วงเงินลงทุน 3,845 ล้านบาท ของกทม. ว่า กระทรวงคมนาคมขอให้ กทม.นำโครงการเสนอสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร(สนข.) เพื่อบรรจุในแผนแม่บทการพัฒนาระบบขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ระยะที่ 2 ที่กระทรวงอยู่ระหว่างจัดทำเพื่อให้เกิดการบูรณาการเชื่อมต่อการเดินทางกับประชาชน เนื่องจากสายสีทองเป็นระบบรองจะสนับสนุนโครงข่ายหลักรวมทั้ง พิจารณาใช้โครงสร้างอัตราค่าโดยสารร่วมกับรถไฟฟ้าสายหลักของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) และจัดทำระบบตั๋วร่วม
นายพีระพล กล่าวด้วยว่า รถไฟฟ้าสายสีทองมีเส้นทางเชื่อมต่อกับโครงข่ายรถไฟฟ้าสายสีแดง ส่วนต่อขยาย ช่วงหัวลำโพง-มหาชัย บริเวณสถานีคลองสาน ของการรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) และรถไฟฟ้าสายสีม่วง ส่วนต่อขยาย ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ บริเวณสถานีสะพานพุธ ของ รฟม. ดังนั้น กระทรวงจึงเสนอให้กทม. ออกแบบและพัฒนาจุดเชื่อมต่อสถานีให้รองรับกับรถไฟฟ้าของ รฟม. ด้วย
นอกจากนี้จากการพิจารณาแนวเส้นทางของรถไฟฟ้าสายสีทอง ระยะที่ 2 จำนวน 2 สถานี พบว่าเส้นทางบางส่วนทับซ้อนกับแนวเส้นทางใต้ดินของรถไฟฟ้าสายสีม่วงของ รฟม. ราว 400 เมตร ตั้งแต่บริเวณสถานีสะพานพุทธถึงสี่แยกบ้านแขก รฟม. จึงขอให้ กทม. เร่งรัดสรุปแบบก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายในกลางปี 60 เพื่อเสนอรฟม. พิจารณา เพราะต้องใช้โครงสร้างร่วมกันอีกทั้งรฟม.ต้องปรับปรุงเสริมความแข็งแรงโครงสร้างอุโมงค์ใต้ดินที่จะถูกใช้เป็นฐานรากของโครงสร้างยกระดับของรถไฟฟ้าสายสีทอง ประกอบกับ รฟม.เตรียมนำเสนอโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงส่วนต่อขยายให้ครม. พิจารณาอนุมัติเดือนพ.ย. นี้
นายพีระพล กล่าวต่อว่า ขณะนี้รถไฟฟ้าสายสีทองอยู่ระหว่างจัดทำรายงานผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม หรืออีไอเอ คาดว่าแล้วเสร็จเดือน ธ.ค.59 และเริ่มก่อสร้าง ระยะที่ 1 ช่วงบีทีเอสสถานีกรุงธนบุรี-รพ.ตากสิน 1.7 กม. วงเงินลงทุน 2,500 ล้านบาท 3 สถานี ได้แก่ กรุงธนบุรี เจริญนคร และคลองสาน ช่วงต้นปี 60 ใช้เวลาก่อสร้าง 18 เดือน จะปิดการจราจรประมาณ 10 เดือน ส่วนระยะที่ 2 ช่วงรพ.ตากสิน-วัดอนงคารามวรวิหาร ง 1 กม. 2 สถานี วงเงิน1,345 ล้านบาท อยู่ระหว่างออกแบบก่อสร้างเป็นทางยกระดับตลอดเส้นทาง เป็นระบบรถไฟฟ้าล้อยาง ใช้พื้นที่เกาะกลางถนนก่อสร้างไม่ต้องเวนคืนพื้นที่
ด้านนายสุธน กล่าวว่า สจส.เสนอผู้บริหาร กทม. ชุดใหม่ให้พิจารณาปรับขึ้นค่าโดยสารรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายช่วงสถานีอ่อนนุช-แบริ่ง จาก 10 บาท เป็น 15 บาท เนื่องจากอัตราค่าโดยสารปัจจุบันต่ำกว่าต้นทุน และ กทม. ต้องรับภาระขาดทุนจากการตรึงค่าโดยสารมา4 ปีแล้ว อีกทั้งสภา กทม. เห็นว่าไม่ควรใช้นโยบายประชานิยม |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
|
Posted: 14/11/2016 5:05 pm Post subject: |
|
|
ลุ้นอัศวินเร่งรถไฟฟ้า5สายลงทุนร่วม 5.8 หมื่นล.เปิดพื้นที่เศรษฐกิจโซนใหม่
โดย ฐานเศรษฐกิจ - 14 พฤศจิกายน 2559
ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,209 วันที่ 13 16 พฤศจิกายน 2559
สจส.ลุ้นผู้ว่าฯกทม.คนใหม่ใส่เกียร์รถไฟฟ้า 5 สาย งบลงทุนเกือบ 5.8 หมื่นล้านเร่งสายสีเทาช่วงวัชรพล-ทองหล่อ กว่า 2.7หมื่นล้านหวังเปิดพื้นที่ความเจริญโซนวัชรพล-ทองหล่อให้สอดรับกับแผนพัฒนาสายสีชมพู-เหลืองของรฟม.
นายสุธน อาณากุล รองผู้อำนวยการสำนักการจราจรและขนส่ง(สจส.) กรุงเทพมหานคร(กทม.) เปิดเผยถึงแนวทางการเร่งขับเคลื่อนโครงการรถไฟฟ้าในการดูแลและบริหารจัดการของกทม.ว่า ปัจจุบันอยู่ระหว่างรอผลการรับรองด้านการศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) โครงการรถไฟฟ้าสายสีเทา(วัชรพล-ทองหล่อ-สะพานพระราม 9 ) ขณะนี้ผลการออกแบบเส้นทางช่วงทองหล่อแล้วเสร็จตามแผนที่จะเร่งดำเนินการในระยะแรก พร้อมกับเร่งหารือกับกลุ่มเค.อี. แลนด์ เพื่อใช้พื้นที่ศูนย์ซ่อมบำรุงช่วงใกล้แยกทางด่วนเอกมัย-รามอินทรา พื้นที่ประมาณ 17 ไร่ โดยสายสีเทา (วัชรพล ทองหล่อ) วงเงินลงทุน 2.7 หมื่นล้านบาท เฟสแรกระยะ 16.25 กิโลเมตรให้เชื่อมกับรถไฟฟ้าสายสีเขียว(บีทีเอส) สถานีทองหล่อ ส่วนระยะที่เหลือค่อยกำหนดแผนพัฒนาต่อไป
ขณะเดียวกันได้เร่งชี้แจงต่อผู้บริหารกทม.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในเรื่องที่ต้องนำเข้าสู่กระบวนการตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ร่วมลงทุนในกิจการของรัฐปี พ.ศ.2556 เพื่อเสนอสำนักงานคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ(สคร.) ซึ่งอยู่ระหว่างการปรับปรุงผลการศึกษาให้สอดคล้องกับรายงานการร่วมลงทุนพีพีพี โดยขณะนี้กรณีรถไฟฟ้าสายสีทอง(สถานีกรุงธนบุรี-พระปกเกล้า) วงเงินลงทุนกว่า 3,800 ล้านบาท สจส.ได้ส่งเรื่องหารือไปยังสคร.เรียบร้อยแล้วก่อนที่จะเร่งนำเสนอคณะรัฐมนตรี(ครม.) เห็นชอบว่าจะให้ดำเนินการตาม พ.ร.บ.ร่วมทุนฯปี 2556 หรือไม่
ที่ผ่านมาคณะกรรมการบริหารกทม.ชุดที่มี ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัตร เป็นผู้ว่าฯกทม. ได้เห็นชอบแผนดังกล่าวนี้แล้ว แต่เมื่อเปลี่ยนผู้บริหารกทม.ชุดใหม่ ที่มี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง เป็นผู้ว่าฯ ต้องนำเสนอแผนดังกล่าวสู่การพิจารณาอีกครั้งอีก และต้องเข้าข่ายการปฏิบัติตาม พระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ร่วมทุนปี 2556 จึงต้องนำเสนอเพื่อพิจารณา โดยปฏิบัติคู่ขนานกับการนำเสนอขอรับรองอีไอเอ
นายสุธนกล่าวว่ารถไฟฟ้า 2 เส้นทางในแผนระยะที่ 1 มีสายสีทอง(สถานีกรุงธนบุรี-สะพานพระปกเกล้า) วงเงินลงทุนประมาณ 3,800 ล้านบาท และสายสีฟ้า(ดินแดง-สาทร) วงเงินลงทุนกว่า 1.3 หมื่นล้านบาท ครม.อนุมัติให้กทม.ดำเนินการได้ทันที ล่าสุดจะนำไปบรรจุไว้ในแผนพัฒนาระยะที่ 2 ต่อไป เพื่อให้สอดคล้องกับการเปิดให้บริการของรถไฟฟ้าสายหลักที่อยู่ระหว่างก่อสร้างและเปิดประมูลในปัจจุบัน เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยงอย่างลงตัว โดยรถไฟฟ้าสายสีเทาจะเชื่อมกับสายหลักในหลายจุดด้วยกัน คือ เชื่อมสายสีชมพู(แคราย-มีนบุรี) ที่วัชรพล-รามอินทรา สายสีเหลือง(ลาดพร้าว-สำโรง)ที่ถนนลาดพร้าว สายสีส้ม(ศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย-มีนบุรี) ที่พระราม 9-รามคำแหง และรถไฟฟ้าบีทีเอสที่ทองหล่อ ซึ่งการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย(รฟม.) อยู่ระหว่างเร่งดำเนินการ
นอกจากนั้นสจส.ได้เตรียมความพร้อมดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าบีทีเอส ช่วงบางหว้า-ตลิ่งชันในปี 2560 ยังมีลุ้นอีกว่า สคร.จะ เคาะความชัดเจนในการจัดหางบประมาณกว่า 1.3 หมื่นล้านบาทไปดำเนินการ เนื่องจากกทม.จะต้องนำเงินไปลงทุนด้านอื่นอีก เช่นเดียวกับบีทีเอสส่วนต่อขยายระยะทาง 1 กิโลเมตร จากสถานีสนามกีฬาแห่งชาติ-ยศเส วงเงินลงทุนราว 700 ล้านบาท เพื่อให้เชื่อมกับสายสีแดง(บางซื่อ-หัวลำโพง) ที่การรถไฟแห่งประเทศไทย(ร.ฟ.ท.) มีแผนเร่งดำเนินการต้องให้เกิดการเชื่อมโยงกันกับสายสีแดงในพื้นที่ดังกล่าว ซึ่งการเชื่อมกับสายสีแดงยังพอมีเวลาดำเนินการเนื่องจากร.ฟ.ท.ยังไม่ได้รับอนุมัติให้ก่อสร้างสายสีแดงนั่นเอง โดยรถไฟฟ้าทั้ง 5 สาย งบลงทุนรวมทั้งสิ้น 5.75 หมื่นล้านบาท
เช่นเดียวกับบีทีเอส ช่วงแบริ่ง-สำโรง ที่กำหนดเปิดทดสอบเดินรถ 5 ธันวาคมนี้ก่อนที่จะทยอยเปิดให้บริการแต่ละสถานีต่อเนื่องกันไป แม้จะล่าช้าเนื่องจากการปรับแผนก่อสร้างเพื่อให้เปิดบริการต่อเนื่องกันไปได้ ส่วนการเจรจาภาระหนี้ยังไม่คืบหน้า โดยกทม.ยืนยันว่าจะขอจ่ายนับตั้งแต่ปี 2572 เป็นต้นไป(ที่ครบระยะเวลาสิ้นสุดสัมปทาน) แต่ผลการเจรจาจะไม่กระทบต่อการทดลองเดินรถและทดลองให้บริการแต่อย่างใดซึ่งจะต้องรอสรุปผลการเจรจาที่ชัดเจนต่อไป อีกทั้งยังเตรียมเสนอขอความเห็นชอบเพิ่มค่าโดยสารจาก ปัจจุบัน 15 บาทเป็นการเพิ่มตามระยะทางของช่วงอ่อนนุช-แบริ่งให้ผู้บริหารกทม.ชุดใหม่พิจารณาเนื่องจากเป็นมาตรการแบ่งเบาภาระประชาชนในช่วงนั้น และระยะเวลาผ่านมาเกือบ 4 ปีแล้ว
ด้านนายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด(บีทีเอส) กล่าวว่าทางสจส.เร่งผู้รับเหมาให้ติดตั้งระบบรางและระบบอาณัติสัญญาณใกล้แล้วเสร็จ โดยความพร้อมของบีทีเอสนั้นยืนยันว่าพร้อมให้บริการรถไฟฟ้าสายสีเขียวใต้ ช่วงแบริ่งไปยังสถานีสำโรง ระยะทาง 1 สถานีที่จะดำเนินการทดสอบตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคมนี้ หลังจากนั้นจึงจะให้ประชาชนทดลองใช้บริการฟรีประมาณเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ก่อนที่จะเปิดให้บริการเชิงพาณิชย์อย่างเป็นทางการในเดือนมีนาคม 2560 |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
|
Posted: 08/12/2016 7:16 pm Post subject: |
|
|
กทม.เล็งยกเลิกด่วนบีอาร์ที เหตุขาดทุนปีละ 200 ล. แถมช้ากว่ารถเมล์
มติชน
วันที่: 8 ธันวาคม 59 เวลา: 16:19 น.
เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม พล.ต.ท.อำนวย นิ่มมะโน รองผู้ว่ากรุงเทพมหานคร (กทม.) เปิดเผยภายหลังประชุมหัวหน้าหน่วยงานในสังกัด กทม.ครั้งที่ 12/2559 ว่าขณะนี้ได้ให้คณะทำงานไปศึกษาโครงการรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ (บีอาร์ที) ที่บริหารโครงการโดยบริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด รัฐวิสาหกิจในสังกัด กทม.ทั้งระบบการทำงานและรายได้ว่ามีความเป็นไปได้ที่จะยกเลิกหรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่ารถบีอาร์ทีขาดทุนถึงปีละ 200 ล้านบาท ซึ่งถือเป็นจำนวนเงินมหาศาล
หากยกเลิกโครงการดังกล่าว กทม.สามารถนำเงินก้อนนั้นมาทำประโยชน์ในพื้นที่หรือโครงการอื่นๆ ของ กทม.ได้ ทั้งนี้ กำลังให้คณะทำงานศึกษาถึงส่วนได้ส่วนเสีย รายได้ หรือการฟ้องร้องต่างๆ ในกรณีที่ กทม.จำเป็นต้องยกเลิกโครงการว่าจะมีความเป็นไปได้มากน้อยเพียงใด และต้องศึกษาในหลากหลายมิติ โดยคาดว่าจะต้องใช้ระยะเวลาศึกษาสักพักหนึ่ง พล.ต.ท.อำนวยกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีแนวโน้มยกเลิกการเดินรถบีอาร์ทีมากน้อยเพียงใด พล.ต.ท.อำนวยกล่าวว่า ในความคิดเห็นส่วนตัวอยากยกเลิก เพราะว่า กทม.ต้องขาดทุนในแต่ละปีจำนวนมากถึง 200 ล้านบาท ที่สำคัญประโยชน์ที่ประชาชนได้รับก็ไม่ได้มากมาย เพราะยังถือว่าวิ่งช้ากว่ารถเมล์ทั่วไปอีก ซึ่งขณะนี้กำลังให้เจ้าหน้าที่ไปวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียเพื่อนำมาสรุปในที่ประชุมคณะผู้บริหาร กทม. ว่าจะเอาหรือไม่รถเอาโครงการบีอาร์ที
เมื่อถามอีกว่า ก่อนหน้านี้ สภากรุงเทพมหานครได้เสนอให้ปรับแผนเพื่อขยายเส้นทางเดินรถเพิ่มเติม ในส่วนนี้ กทม.จะดำเนินการอย่างไร พล.ต.ท.อำนวยกล่าวว่า เป็นเรื่องที่สภา กทม.ได้เสนอความคิดเห็นไว้ ซึ่งทางฝ่ายผู้บริหารก็รับฟัง แต่ไม่จำเป็นที่ต้องทำตามที่สภา กทม.เสนอทุกเรื่องก็ได้ เพราะหากเห็นแนวทางที่ดีกว่า เช่น ขาดทุนมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว วิเคราะห์ต่อไปว่าต้องขาดทุนอีก ก็มีความเห็นว่าควรยกเลิก
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการบีอาร์ที สายสาทร-ราชพฤกษ์ หรือสายช่องนนทรี-ราชพฤกษ์ เป็นโครงการนำร่องในสมัยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯกทม. ที่ให้บริการเดินรถในช่องทางพิเศษบนถนนนราธิวาสราชนครินทร์ ถนนพระรามที่ 3 สะพานพระราม 3 และถนนรัชดาภิเษก-ท่าพระ ระยะทาง 15.9 กิโลเมตร มีจุดจอดรับ-ส่งผู้โดยสาร 12 สถานี ล่าสุด สภา กทม.ได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการวิสามัญศึกษา เพื่อศึกษาและทบทวนการดำเนินการโครงการบีอาร์ที เบื้องต้นได้มีการศึกษาในระยะสั้นสรุปว่า ไม่สมควรที่จะดำเนินการต่อไป เนื่องจากเส้นทางที่ให้บริการไม่ตอบโจทย์ของคนกรุงเทพฯ อีกทั้งมีการเก็บค่าโดยสารที่ต่ำเกินไปจนส่งผลให้การดำเนินงานของโครงการบีอาร์ที เมื่อหักรายรับยังขาดทุนมากถึงปีละ 200 ล้านบาท นับตั้งแต่ที่เปิดให้บริการจนถึงปัจจุบันเป็นระยะเวลา 6 ปี และมีการลงทุนมากถึง 2,009.7 ล้านบาท อีกทั้งสัญญาโครงการจะสิ้นสุดลงในวันที่ 10 เมษายน 2560 |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
|
Posted: 26/01/2017 12:37 am Post subject: |
|
|
สภากทม.โหวตให้"บีอาร์ที"อยู่ต่อสั่งปรับค่าโดยสาร เลิกประชานิยม
เดลินิวส์
พุธที่ 25 มกราคม 2560 เวลา 16.07 น.
สภากทม.โหวตให้บีอาร์ทีอยู่ต่อ พร้อมสั่งปรับค่าโดยสารเป็น 13-19 บาทตามอัตรากรมขนส่งฯ จวกต้องเลิกแบกภาระนโยบายค่าโดยสารประชานิยม เสนอแก้ปัญหาใช้งบประมาณไม่มีประสิทธิภาพ หากโครงการเจ๊งไม่เป็นไปตามการศึกษา ที่ปรึกษาโครงการฯต้องรับผิดชอบด้วย
เมื่อเวลา10.00น. วันที่ 25 ม.ค. ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ร.ต.ต.เกรียงศักดิ์ โลหะชาละ ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานการประชุมสภากทม. สมัยประชุมสามัญ สมัยที่ 1 ครั้งที่3 โดยมี พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. พร้อมด้วยรองผู้ว่าฯกทม. คณะผู้บริหารกทม. และสมาชิกสภากทม.เข้าร่วมประชุม
ทั้งนี้ในที่ประชุม ได้มีการรายงานผลการศึกษาของคณะกรรมการวิสามัญศึกษาแนวทางและทบทวนการดำเนินโครงการรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ(บีอาร์ที) โดยนายชยาวุธ ศิริยุทธ์วัฒนา สมาชิกสภากทม.ในฐานะประธานคณะกรรมการวิสามัญฯ กล่าวว่า รถโดยสารบีอาร์ที ถือเป็นโครงการที่สร้างปัญหาด้านงบประมาณให้แก่กทม. เนื่องจากการดำเนินงานตั้งแต่ปี53 เป็นต้นมา ประสบปัญหาขาดทุน ไปแล้วเป็นเงิน 1,054ล้านบาท หรือประมาณ 190ล้านบาทต่อปี ดังนั้นคณะกรรมการฯจึงได้ทำการศึกษาถึงข้อเท็จจริงของโครงการ และความเหมาะสมในการดำเนินโครงการต่อไป อย่างไรก็ตาม ในการศึกษาดังกล่าว คณะกรรมการมีความเห็นแบ่งเป็น 2ส่วน โดยส่วนหนึ่งเห็นควรให้ดำเนินโครงการต่อไป เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ใช้บริการรถบีอาร์ทีไม่ต่ำกว่าวันละ 23,000-25,000คน หากมีการยกเลิกโครงการ โดยยังไม่มีระบบขนส่งมวลชนอื่นๆทดแทนนั้น จะเกิดผลกระทบต่อประชาชนจำนวนมาก อีกทั้งโครงการรถโดยสารบีอาร์ทีก็เป็นบริการสาธารณะที่รัฐพึงจัดให้แก่ประชาชน ซึ่งไม่มีเป้าหมายในการหาผลกำไรใดๆอยู่แล้ว นอกจากนี้ ปัญหารถบีอาร์ทีกินพื้นผิวจราจร ส่งผลให้การจราจรในถนนนราธิวาสราชนครินทร์ และถนนพระรามที่3 ติดขัดนั้น หากยกเลิกโครงการ ประชาชนก็ยังต้องใช้การเดินทางบนถนนดังกล่าวในรูปแบบอื่นเช่นเดิม ทั้งนี้โครงการดังกล่าว ใช้งบประมาณการก่อสร้างไปกว่า 1,500ล้านบาท หากยกเลิกโรงการ จะทำให้เสียงบประมาณไปโดยไม่เกิดประโยชน์ ทั้งยังต้องเสียงบประมาณเพิ่มเติมเป็นค่ารื้อถอนอีกด้วย
ทั้งนี้ หากไม่ยกเลิกโครงการ คณะกรรมการได้เสนอแนะให้กทม. ปรับอัตราค่าโดยสารให้อยู่ในอัตราที่เหมาะสมตามอัตราของกรมการขนส่งทางบก จัดเก็บในระหว่าง 13-19บาท และกทม.ควรหารายได้เพิ่มเติม เพื่อนำมาสนับสนุนโครงการจากพื้นที่โฆษณาในส่วนเส้นทางเดินรถ และบริหารจัดการเพื่อลดค่าใช้จ่ายในการเดินรถให้ได้มากที่สุด และกทม.จะต้องเร่งประสานความร่วมมือกับตำรวจจราจรอย่างจริงจัด เพื่อบริหารจัดการเส้นทางเดินรถให้เป็นเส้นทางโดยเฉพาะของรถโดยสารบีอาร์ทีอย่างแท้จริง ส่วนในระยะยาวกทม.ควรศึกษาเส้นทางต่อขยายเพื่อให้การเดินรถเชื่อมต่อครบสมบูรณ์ โดยเชื่อมต่อไปยังเส้นทางรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่บริเวณแยกท่าพระ ระยะทาง1.7กิโลเมตร เพื่อให้เกิดผู้โดยสารมากยิ่งขึ้น
นายชยาวุธกล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ในการศึกษาดังกล่าว ก็ยังมีคณะกรรมการฯบางส่วนที่ให้ความคิดเห็นในการยุติโครงการ เนื่องจากมีความเห็นว่า รถโดยสารบีอาร์ทีไม่ใช่ภารกิจหลักของกทม. ซึ่งกทม.จะต้องใช้งบประมาณในการพัฒนาเมืองด้านอื่นๆอีกจำนวนมาก โดยที่ผ่าน การดำเนินโครงการประสบปัญหาขาดทุน และในอนาคตก็มีแนวโน้มการขาดทุนที่มากยิ่งขึ้น อีกทั้งเส้นทางการเดินรถไม่เหมาะสม ขาดความเชื่อมต่ออย่างมาก ดังนั้น กทม.ควรยกเลิกโครงการ แต่เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนโดยการวางแผนกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.)เพื่อจัดเตรียมรถโดยสารรองรับการเดินทาง ส่วนสิ่งปลูกสร้างในเส้นทาง กทม.จะต้องไปศึกษาแนวทางการใช้ประโยชน์อื่นๆให้ได้มากที่สุด
ด้านเรือโทวารินทร์ เดชเจริญ สมาชิกสภากทม.กล่าวว่าจากการศึกษาโครงการรถโดยสารบีอาร์ทีนั้น คณะที่ปรึกษาได้เสนอผลการศึกษาโครงการ จะมีผู้โดยสารใช้งานไม่ต่ำกว่าวันละ 30,000คน และโครงการจะเกิดผลกำไร ซึ่งแท้จริงแล้วปัจจุบันไม่เป็นไปตามผลการศึกษา แต่คณะที่ปรึกษากลับไม่ต้องรับผิดชอบใดๆขึ้น อีกทั้งการจัดเก็บค่าโดยสารในอัตราที่เหมาะสมคือ 13-19 บาท นั้น ผู้บริหารกทม.กลับใช้นโยบายรูปแบบประชานิยม จัดเก็บในอัตราต่ำ เพียง 5บาท และ10บาท เท่านั้น ซึ่งทำให้เกิดความเสียหายด้านงบประมาณจำนวนมาก ดังนั้นในการดำเนินโครงการในอนาคต กทม.ควรกำหนดหลักเกณฑ์ในการทำงาน คือหากผลที่เกิดขึ้นในโครงการใดๆ คลาดเคลื่อนจากผลที่ที่ปรึกษาโครงการศึกษาไว้จำนวนมาก คณะที่ปรึกษาโครงการต้องมีส่วนรับผิดชอบ อีกทั้งไม่ควรให้มีการกำหนดนโยบายรูปแบบประชานิยมที่มีการเมืองเข้ามาแทรกแซง จนทำให้เกิดผลเสียรูปแบบดังกล่าวขึ้นอีก
ทั้งนี้ในที่ประชุม มีติเห็นชอบต่อผลการศึกษาดังกล่าว และจะนำเสนอต่อคณะผู้บริหารกทม. เพื่อดำเนินการต่อไป |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
|
Posted: 26/01/2017 10:19 am Post subject: |
|
|
'อิตาเลียนไทย' ซิวก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีทอง
โดย : กรุงเทพธุรกิจออนไลน์
วันที่ 26 มกราคม 2560, 07:30
"อิตาเลียนไทย" ซิวก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีทอง ระยะแรกงบ 2.5 พันล้าน หลังผ่านคุณสมบัติเจ้าเดียว "เคที" เร่งต่อรองราคาก่อนชง "อัศวิน" ไฟเขียว
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 26 ธ.ค.2559 บริษัทกรุงเทพธนาคม (เคที) วิสาหกิจกรุงเทพมหานคร (กทม.) ได้มีหนังสือขอเชิญยื่นข้อเสนอประกวดราคาในการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานโครงการระบบขนส่งมวลชนขนาดรอง (โมโนเรล) สายสีทอง ระยะที่ 1 (สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี-สำนักงานเขตคลองสาน) จำนวน 4 ราย ประกอบด้วย 1.บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) 2.บริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) 3.บริษัทชิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) และ4.บริษัทยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) โดยเคที ได้กำหนดให้ยื่นข้อเสนอการประกวดราคาในวันที่ 19 ม.ค.2560 ปรากฎว่ามีผู้ยื่นข้อเสนอเพียง 1 ราย คือบริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ซึ่งคณะกรรมการประกวดราคา ได้เปิดซองเอกสารแสดงคุณสมบัติของผู้เสนองานดังกล่าวแล้วพบว่า บริษัทอิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเม้นท์ จำกัด(มหาชน) ได้ผ่านเกณฑ์การพิจารณาคุณสมบัติตามข้อกำหนด การจ้างก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานโครงการระบบขนส่งมวลชนขนาดรอง สายสีทอง ระยะที่ 1 (สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี-สำนักงานเขตคลองสาน)
ทั้งนี้เคทีได้กำหนดประกาศผู้ผ่านคะแนนทั้งด้านเทคนิคตามลำดับคะแนน ในวันที่ 23 ม.ค.2560 และกำหนดการเปิดซองราคา เฉพาะผู้ผ่านคะแนนทางเทคนิค ในวันที่ 24 ม.ค.2560 แต่ในวันดังกล่าวไม่สามารถเปิดซองราคาได้ เนื่องจากคณะกรรมการประกวดราคา ประเมินข้อเสนอด้านเทคนิคยังไม่แล้วเสร็จ จึงขอเลื่อนกำหนดออกไปก่อนและจะแจ้งให้ทราบอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้เคทีอยู่ระหว่างต่อรองราคาและให้การก่อสร้างเป็นไปตามที่สำนักการจราจรและขนส่ง (สจส.) ศึกษา คาดว่าภายในเดือนม.ค.นี้ จะแล้วเสร็จ จากนั้นจึงจะเสนอพล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯกทม. พิจารณาให้ความเห็นชอบให้เคที ลงนามในสัญญาจ้าง เพื่อดำเนินการก่อสร้างต่อไป
รายงานข่าวแจ้งด้วยว่า สำหรับโครงการรถไฟฟ้าสายสีทองธนบุรี ประชาธิปก เพื่อแก้ปัญหาการจราจรในเขตกรุงธนบุรี ผ่านความเห็นชอบคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยมีกำหนดแล้วเสร็จในปี 2566 โดยให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) เป็นผู้ดำเนินการรวมทั้งการเดินรถสัญญาสัมปทาน 30 ปี โดยการก่อสร้างแบ่งออกเป็น 2 ระยะได้แก่ ช่วงที่ 1 จากสถานีธนบุรี ตากสิน ระยะทาง 1.8 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 2,512 ล้านบาท กำหนดแล้วเสร็จและให้บริการในปี 2561 และช่วงที่ 2 จากสถานีตากสิน วัดอนงค์คาราม ระยะทาง 0.9 กิโลเมตร วงเงินลงทุน 1,333 ล้านบาท เพื่อเชื่อมต่อกับรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ คาดว่าจะแล้วเสร็จปี 2566 โดยรถไฟฟ้าเส้นทางนี้จะใช้ระบบขนส่งมวลชนระบบรอง (โมโนเรล) นำทางอัตโนมัติ (AGT) ที่ควบคุมการเดินรถด้วยระบบคอมพิวเตอร์ใช้ระบบไฟฟ้า ใช้ล้อยางจึงไม่เกิดเสียงดัง เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 1 ตู้สามารถรองรับผู้โดยสารได้ประมาณ 80-100 คนหรือขนส่งผู้โดยสารได้ 4,000-1.2 หมื่นคนต่อชั่วโมงต่อทิศทาง ซึ่ง 1 ขบวนสามารถต่อพ่วงได้ 6 ตู้
"จากผลการศึกษาด้านเศรษฐกิจพบว่ามีความเหมาะสมในการลงทุน มีอัตราผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ(Economic Internal Rate of Return : EIRR 28.5%) มูลค่าการลงทุนทั้งเส้นทาง 3,845 ล้านบาท คาดว่าเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2561 จะช่วยประหยัดทั้งค่าใช้จ่ายในการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลและประหยัดเวลาในการเดินทางคิดเป็นมูลค่าประมาณ 830 ล้านบาทต่อปี และเพิ่มเป็น 2,417 ล้านบาทต่อปีในปี 2581 โดยคาดว่าจะมีผู้ใช้บริการในระยะที่ 1 ในปี 2561 ประมาณ 4.7 หมื่นคนต่อเที่ยว-วัน และในระยะที่ 2 ในปี 2566 ประมาณ 8.1 หมื่นคนต่อเที่ยวต่อวัน" รายงานข่าวระบุ |
|
Back to top |
|
|
|