View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44634
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 08/05/2017 7:53 am Post subject: |
|
|
"บิ๊กตู่" สั่ง! ขยายรถไฟสายสีแดงไปถึงฉะเชิงเทรา
SpringNews 7 พ.ค. 60
นายกฯสั่งขยายการก่อสร้างโครงการรถไฟสายสีแดง ไปถึงจังหวัดฉะเชิงเทรา เพื่อรองรับการพัฒนาเมืองใหม่ สำหรับคนทำงาน
วันที่ 7 พ.ค.60--นายคณิต แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีบัญชาให้การรถไฟแห่งประเทศไทยศึกษาการขยายโครงการรถไฟสายสีแดงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา ให้ไปถึงฉะเชิงเทรา เพื่อรองรับการพัฒนาเมืองใหม่ และอำนวยความสะดวกในการเดินทางสำหรับคนทำงาน เหมือนกับประเทศญี่ปุ่น เพื่อรองรับนโยบายอีอีซี
ฉะเชิงเทราเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพ นอกจากจะสามารถต่อยอดการพัฒนาอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีอยู่เดิมแล้ว รัฐบาลยังมีเป้าหมายพัฒนาให้ฉะเชิงเทราเป็นโลจิสติกส์ฮับ และเมืองใหม่ สำหรับคนทำงาน โดยจะพัฒนาให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ จะไม่เอาปล่องไฟจากโรงงานอุตสาหกรรมมาให้เหมือนในอดีต เพราะมันไม่ทันสมัย
นายคณิตย้ำว่า วัตถุประสงค์หลักของโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ อีอีซี เพื่อเป็นฐานในด้านสะสมการลงทุน และ ฐานสะสมเทคโนโลที่ทันสมัยสำหรับการพัฒนาประเทศในอนาคต มีเป้าหมายผลักดันให้ประเทศไทยก้าวพ้นกับดักรายได้ปานกลาง ไปสู่ประเทศที่พัฒนาแล้ว ซึ่งในช่วงแรกของการพัฒนาได้วางให้ 3 จังหวัด คือ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา เป็นจังหวัดนำร่อง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะใช้พื้นที่ทั้งหมดของ 3 จังหวัดมาทำเป็นเขตส่งเสริมการลงทุนทั้งหมด
การจัดทำเขตส่งเสริมลงทุนพิเศษใน 3 จังหวัดนั้น จะพิจารณาเป็นจุดๆ เช่น การให้พื้นที่ 6,500 ไร่ บริเวณท่าอากาศยานนานาชาติ อู่ตะเภา เป็นเขตส่งเสริมระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือเป็น เมืองการบินภาคตะวันออก เป็นต้น
สำหรับพื้นที่พัฒนาอุตสาหกรรมที่ใช้ในโครงการอีอีซีในช่วง 5 ปีแรกจะใช้พื้นที่จำกัดไม่เกิน 5 หมื่นไร่ หรือ 0.6%ของพื้นที่ 3 จังหวัด เมื่อรวมกับพื้นที่ที่ใช้ไปแล้วในอดีต 1.18 แสนไร่ หรือ 1.4% ของพื้นที่ใน 3 จังหวัด จะทำให้พื้นที่สำหรับภาคอุตสาหกรรมในอีอีซีมีอยู่ประมาณ 160,000 ไร่ หรือประมาณ 2% ของที่ดินใน 3 จังหวัด และขณะนี้ก็มีพื้นที่ของการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยของภาคเอกชนที่จะใช้สำหรับภาคอุตสาหกรรมแล้ว 1.2 หมื่นไร่ ดังนั้นพื้นที่ที่จะใช้เพิ่มเติมจึงมีไม่มาก จึงอยากเตือนคนที่เก็งกำไรที่ดินอาจผิดหวัง |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42748
Location: NECTEC
|
Posted: 09/05/2017 1:17 am Post subject: |
|
|
รับเหมาสายสีแดงป่วนไม่เลิก ติดรื้อท่อก๊าซขอชดเชยพันล้าน
ประชาชาติธุรกิจออนไลน์
08 พฤษภาคม 2560 เวลา 09:00:00 น.
รถไฟฟ้าสายสีแดง "บางซื่อ-รังสิต" ป่วนไม่เลิก สองยักษ์รับเหมา "ยูนิค-อิตาเลียนไทย" ขอขยายเวลา 1-3 ปี พร้อมค่าชดเชย 1 พันล้าน ติดรื้อท่อก๊าซ ผู้บุกรุก หวั่นกระทบแผนเปิดใช้ปีཻ การรถไฟฯผนึก วสท.คลอด 10 กฎเหล็กคุมมาตรฐานความปลอดภัย แก้ปัญหาอุบัติเหตุซ้ำซาก
แหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดเผย "ประชาชาติธุรกิจ" ว่าในวันที่ 19 พ.ค. 2560 จะเสนอให้คณะอนุกรรมการ (บอร์ด) การรถไฟฯพิจารณาการขยายเวลาก่อสร้างโครงการรถไฟชานเมืองสายสีแดงช่วง บางซื่อ-รังสิต ระยะทาง 26 กม. หลังผู้รับเหมาก่อสร้างทั้ง 2 สัญญาขอขยายเวลาและค่าชดเชย เป็นวงเงินกว่า 1,000 ล้านบาท
ยูนิคฯ-ITD ขอต่อเวลาเพิ่ม
แยกเป็นสัญญาที่ 1 งานสถานีกลางบางซื่อ อาคารซ่อมบำรุงและสถานีจตุจักรของกลุ่มกิจการร่วมค้าเอสยู ประกอบด้วย บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น และ บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น ได้ขอขยายเวลาออกไปอีก 3 ปี พร้อมค่าชดเชย 700 ล้านบาท จากเดิมสิ้นสุดเดือน ก.พ. 2560 เป็นเดือน ก.พ. 2563 เนื่องจากติดรื้อย้ายท่อขนส่งน้ำมันของ บจ.ขนส่งน้ำมันทางท่อ (FPT) ปัจจุบันงานก่อสร้างคืบหน้ากว่า 60% ยังล่าช้าจากแผนงานอยู่ 40%
ส่วนสัญญาที่ 2 งานทางวิ่งรถไฟยกระดับ และระดับดิน พร้อมอาคารสถานี 6 สถานี ได้แก่ บางเขน ทุ่งสองห้อง หลักสี่ การเคหะฯ ดอนเมือง และรังสิต มี บมจ.อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ เป็นผู้ก่อสร้าง ขอขยายเวลาออกไปอีก 1 ปี พร้อมค่าชดเชยประมาณ 300 ล้านบาท จากเดิมสิ้นสุดเดือน ก.พ. 2560 เป็นเดือน ก.พ. 2561 เนื่องจากติดปัญหารื้อย้ายผู้บุกรุก ปัจจุบันงานก่อสร้างคืบหน้ากว่า 80% ล่าช้าจากแผนงานประมาณ 20%
"หลังอนุบอร์ดเห็นชอบแล้วจะเสนอให้บอร์ดใหญ่พิจารณา คาดว่าไม่เกินสิ้นเดือน พ.ค.นี้ ซึ่งการขยายเวลาครั้งนี้เกิดจากการส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับเหมาไม่ทัน แต่ทั้งโครงการจะต้องก่อสร้างให้แล้วเสร็จปี 2562 และเปิดใช้บริการปี 2563" แหล่งข่าวกล่าวและว่า
ออกกฎ 10 ข้อคาดโทษรับเหมา
อย่างไรก็ตาม จากกรณีของอิตาเลียนไทย ที่เกิดอุบัติเหตุเครนก่อสร้างตกลงมาจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 รายนั้น ปัจจุบันได้สั่งให้บริษัททำมาตรการด้านความปลอดภัยตามข้อเสนอแนะของสมาคม วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท.) จำนวน 10 ข้อ ให้การรถไฟฯพิจารณาเพิ่มเติม ได้แก่
1.เพื่อความแข็งแรงของการยึดชุดล้อเลื่อน คานเหล็ก และขายึด ให้ติดกับเสาตอม่อให้แข็งแรงขึ้น ให้สามารถรับแรงแนวราบทั้งเดินหน้าและถอยหลังได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของน้ำหนักโครงเหล็ก ด้วยวิธีที่เหมาะสม
2.ติดตั้ง Limit Switch เพื่อจำกัดแรงดันและแรงดึงที่ควบคุมการเดินหน้าและถอยหลัง
3.อบรมพนักงาน ช่างเทคนิค และคนงานที่ติดตั้งน้ำหนักชิ้นส่วนคอนกรีตให้เข้าใจถูกต้อง
4.จัดให้มีวิศวกรหรือช่างเทคนิค ตรวจสอบการทำงานอย่างเข้มงวด
5.ให้มีการรัดหัวเสาเหล็กโดยรอบทุกตัว
6.ในกรณีระหว่างการปฏิบัติงาน หากเครื่องจักรเกิดขัดข้องต้องหยุดทันที แล้วแจ้งต่อวิศวกร
7.กั้นพื้นที่ไม่อนุญาตให้คนทำงานอยู่บริเวณเสาตัวแรกของการยกอุปกรณ์
8.กั้นพื้นที่ไม่ให้มีรถสัญจรไปมาขณะยกแท่นเหล็ก
9.ติดตั้งวัสดุทึบป้องกันวัสดุตกหล่นจากที่สูง
10.ต้องตรวจ Launching Truss ทุกตัว
พร้อมกับลงโทษด้วยการสั่งหยุดงานก่อสร้างในส่วนที่เกี่ยวกับติดตั้งคาน ทั้งหมด จนกว่าจะปฏิบัติการตามมาตรการด้านความปลอดภัยที่กำหนด และไม่ใช่เฉพาะงานก่อสร้างของอิตาเลียนไทยยังรวมถึงงานก่อสร้างของยูนิคฯ ด้วย
"ยอมรับว่าการสั่งให้อิตาเลียนไทยหยุดงานก่อสร้าง และต้องทำมาตรการความปลอดภัยตามที่กำหนด จะส่งผลให้งานก่อสร้างล่าช้าจากแผนที่ปรับใหม่ตามที่บริษัทขอขยายเวลาไปเป็น ก.พ.ปีหน้า เพราะจะไม่ขยายเวลาให้อีกแล้ว ถือว่าเป็นการลงโทษอย่างหนึ่ง เพราะตามกฎหมายเราไม่มีอำนาจไปแบล็กลิสต์ได้ ซึ่งได้รายงานให้ไจก้าหรือองค์กรเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น ทราบแล้ว ทั้งนี้อยู่ที่นโยบายของไจก้าจะดำเนินการกับอิตาเลียนไทยอย่างไรต่อไป"
สภาวิศวกรรอสรุป
ด้าน ดร.อมร พิมานมาศ เลขาธิการสภาวิศวกร เปิดเผยว่า จากกรณีรถไฟฟ้าสายสีแดงมีเหตุการณ์เครนถล่ม ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 ราย สภาได้นำคณะผู้ชำนาญการพิเศษลงพื้นที่เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2560 พบว่า เป็นงานวิศวกรรมควบคุมตาม พ.ร.บ.วิศวกร 2542 ออกแบบโครงเหล็กและควบคุมงานก่อสร้างที่สถานที่ก่อสร้าง หากพบว่ากระทำผิดจะเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรม และหากไม่มีวิศวกรควบคุมการก่อสร้างจะมีบทลงโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี
"การตรวจสอบอยู่ระหว่างรอเอกสารและประวัติการทำงานของวิศวกร คาดว่าจะได้ข้อสรุปถึงสาเหตุใน 6 เดือนนี้"
การดำเนินการจรรยาบรรณของสภาวิศวกร จะตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนโดยตั้งไว้ 4 ประเด็นคือ
1.การออกแบบยึดโครงเหล็กเหมาะสมหรือไม่ เนื่องจากพบการขาดของเหล็ก PT Bar จำนวน 3 เส้น ระหว่างการเคลื่อนที่ของเครน ซึ่งเครนถูกออกแบบมาให้เคลื่อนที่ไปและกลับ หรือเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างเดียว ช่วงที่เกิดถล่ม เป็นช่วงที่มีการลดระดับมีการคำนึงถึงการเลื่อนตัว และแรงที่ต้องใช้มากกว่าปกติ ในการขยับขึ้นหรือลงหรือไม่
2.การก่อสร้างถูกต้องหรือไม่ มีการขันยึด PT Bar ให้เข้ากับหัวเสาอย่างหนาแน่นหรือไม่ ขั้นตอนการก่อสร้างถูกต้องตามที่ได้ออกแบบไว้หรือไม่
3.มีการกำหนดระบบป้องกันอื่นหรือระบบสำรองที่จะยึดโครงเหล็กไม่ให้ตกลงมา และ
4.วัสดุที่ใช้ในการก่อสร้างเป็นวัสดุที่ได้มาตรฐาน มีกำลังรับน้ำหนักตามที่ออกแบบหรือไม่
เพื่อแก้ปัญหาในระยะยาว ได้เตรียมตั้งคณะทำงานกำหนดหลักเกณฑ์มาตรการความปลอดภัยโครงสร้างพื้นฐาน ภายใน 1 เดือน เพื่อให้ข้อเสนอแนะและขอความร่วมมือให้ทำระบบสำรอง หากระบบหลักมีปัญหา เพื่อช่วยเพิ่มความปลอดภัยในการทำงานมากขึ้น |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42748
Location: NECTEC
|
Posted: 09/05/2017 10:41 am Post subject: |
|
|
สภาวิศวกรตั้ง 4 ประเด็นเครนรถไฟฟ้าสายสีแดงถล่ม-เตรียมตั้งคณะกรรมการร่วมรัฐ-เอกชน ทำมาตรฐานก่อสร้างระบบราง
มติชน
วันที่: 5 พฤษภาคม 2560 เวลา : 13:26 น.
นายอมร พิมานมาศ เลขาธิการสภาวิศวกร เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดอุบัติเหตุเครนก่อสร้างโครงสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงถล่มระหว่างการก่อสร้าง ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 รายนั้น ความคืบหน้าในส่วนของสภาวิศวกรหลังจากลงพื้นที่นำผู้ชำนาญการพิเศษลงตรวจสอบร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทยแล้ว และพบว่าเหตุการณ์วิบัติที่เกิดขึ้นมาจากฐานรองรับเครนที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างตัวเครนและโครงสร้างเสาคอนกรีต ทางคณะผู้เชี่ยวชาญตรวจพบว่ามีการขาดของเหล็กยึดที่เรียกว่า PT bar จำนวน 3 เส้น
อย่างไรก็ตาม ในประเด็นว่าเหล็กยึดหลุดได้อย่างไรนั้นได้วางกรอบไว้ 5 ประเด็น คือ
1.การออกแบบการยึดโครงเหล็กเข้ากับหัวเสาถูกต้องหรือไม่
2.การก่อสร้างถูกต้องหรือไม่
3.มีการกำหนดระบบป้องกันกรณีอื่นเมื่อ PT bar ขาดหรือไม่ คือระบบสำรองที่จะยึดโครงเหล็กไว้ไม่ให้ร่วงลงมา ซึ่งในทีโออาร์ไม่ได้มีเขียนไว้
4.วัสดุเช่น PT bar ได้มาตรฐานและมีกำลังรับน้ำหนักตามที่ออกแบบหรือไม่
ซึ่งทางสภาฯยังไม่ตัดประเด็นใดประเด็นหนึ่งออกไป และยังต้องรอเอกสารรายชื่อวิศวะกร จากนั้นจะตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนเข้ามาสอบส่วนสาเหตุที่เกิดขึ้น โดยจะเรียกวิศวกรที่เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูลและดำเนินการทางจรรยาบรรณต่อไป หากพบว่าวิศวกรไม่ปฏิบัติตามหลักจะมีบทลงโทษขั้นสูงสุดคือเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพวิศวกรรม และหากไม่มีวิศวกรคุมการก่อสร้างก็จะถือว่าเป็นความผิดตาม พรบ. วิศวกร 2542 ที่มีบทลงโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี ขั้นตอนทั้งหมดจะได้ข้อสรุปภายใน 6 เดือน
เรื่องนี้ไม่สามารถตอบด้วยตาเปล่าได้ว่าเกิดจากสาเหตุใด หากเป็นเรื่องของความประมาทก็ต้องดำเนินการต่อตามขั้นตอน แต่หากเป็นเรื่องของระบบก็ถือว่าอันตรายก็ต้องเช็คให้รอบคอบว่าจะแก้ไขหรือป้องกันอย่างไร หากจะถามถึงระบบ Fail save ซึ่งเป็นระบบป้องกันนั้น โดยปกติโครงการเช่นนี้จะเน้นความรวดเร็ว การจะมีระบบเพื่อมารองรับจะทำให้การก่อสร้างช้าออกไป แต่ความปลอดภัยต้องมาก่อนก็จำเป็นต้องทำเพราะเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นมาหลายครั้งและในอนาคตประเทศไทยยังมีโครงการเช่นนี้อีก จึงเป็นสิ่งที่สภาต้องเรียกร้องว่าเราอยากเห็นระบบป้องกันสำรองเพื่อให้เกิดความปลอดภัย คือ งานสะดุดได้แต่ต้องปลอดภัยนายอมรกล่าว
ทั้งนี้ เพื่อให้การก่อสร้างระบบรางที่เกิดขึ้นในอนาคตเป็นไปอย่างปลอดภัยได้มาตรฐาน ภายในเดือนพฤษภาคมนี้จะตั้งคณะทำงานกำหนดหลักเกณฑ์และมาตรการความปลอดภัยในการก่อสร้างโครงสร้างระบบราง มีคณะกรรมการเฉพาะกิจประมาณ 20 ราย ประกอบด้วยตัวแทนจากสภาวิศวกร เอกชนที่เกี่ยวข้องประมาณ 7-8 บริษัท เช่น ผู้รับเหมา ที่ปรึกษาโครงการและผู้ที่เกี่ยวข้องกับงานติดตั้งในงานก่อสร้างระบบขนส่งทางราง และภาครัฐ โดยให้แต่ละบริษัทเอกชนมาชี้แจงระบบที่ใช้ และให้บริษัทอื่นรวมทั้งหน่วยงานกลางร่วมวิพากษ์จุดอ่อน เพื่อกำหนดเป็นหลักเกณฑ์แนวปฏิบัติ เพิ่มความปลอดภัยทั้งการก่อสร้างทางเทคนิค การวิเคราะห์ความปลอดภัยของงาน จากนั้นจะนำข้อเสนอแนะเสนอต่อภาครัฐ และคณะรัฐมนตรี(ครม.) ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าจะนำไปเป็นแนวทางในการก่อสร้างโครงการโครงสร้างพื้นฐานในงานระบบรางของรัฐต่อไป
//------------------------------------------------------
สภาวิศวกรคาดใช้เวลา 6 เดือนสรุปเครนก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงถล่ม
มติชน
วันที่: 6 พฤษภาคม 2560 เวลา: 20:55 น.
นายอมร พิมานมาศ เลขาธิการสภาวิศวกร กล่าวถึงกรณีการตรวจสอบสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุเครนก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงถล่มระหว่างการทำงานว่า หลังจากที่ร่วมลงพื้นที่ตรวจสอบร่วมกับการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) พบว่าเหล็กยึดหรือ (พีที บาร์) หลุดตรงฐานรองรับเครนที่จุดเชื่อมต่อระหว่างตัวเครนและโครงสร้างเสาคอนกรีต เบื้องต้นได้วางกรอบไว้ 4 ประเด็น ได้แก่
1.การออกแบบการยึดโครงเหล็กเข้ากับหัวเสาถูกต้องหรือไม่
2.การก่อสร้างถูกต้องหรือไม่
3.มีการกำหนดระบบป้องกันกรณีอื่น เมื่อพีที บาร์ขาดหรือไม่
4.วัสดุก่อสร้างได้มาตรฐานและมีกำลังรับน้ำหนักตามการออกแบบหรือไม่
ขณะนี้ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุของอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นได้ เนื่องจากจะต้องเรียกตรวจเอกสารเพิ่ม การเรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องทั้งหมดมาตรวจเพิ่ม การตรวจสอบว่าในวันดังกล่าวมีการขอทำงานหรือไม่ (เวิร์ค รีเควส) การหารากสาเหตุที่แท้จริง (รูทคอร์ส) รวมถึงรายละเอียดอื่นๆ ที่ยังไม่ถูกเปิดเผย ซึ่งต้องยอมรับว่ากระบวนการตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุจะต้องใช้เวลาพอสมควร เนื่องจากโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงเป็นโครงการขนาดใหญ่ที่มีความซ้ำซ้อน เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เวลาเร็วที่สุดอย่างน้อย 6 เดือน จึงจะได้ข้อสรุป นายอมรกล่าว |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42748
Location: NECTEC
|
Posted: 14/05/2017 11:13 pm Post subject: |
|
|
ร.ฟ.ท.แจงมาตรการล้อมคอก เหตุเครนสายสีแดงร่วง
โดย MGR Online
13 พฤษภาคม 2560 08:56 น. (แก้ไขล่าสุด 13 พฤษภาคม 2560 20:14 น.)
รฟท. สั่งอัพเซฟตี้ เขตก่อสร้างรถไฟฟ้า
ข่าวทั่วไป
คมชัดลึก
13 พฤษภาคม 2560
"การรถไฟฯ วางกฎ 10 ข้อป้องกันเครนก่อสร้างรถไฟฟ้าหล่นเรื่อง
โดย Nation TV | ภาพโดย Nation TV
13 พฤษภาคม 2560 08:37 น.
ร.ฟ.ท.แจงมาตรการดูแลความปลอดภัยระหว่างก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง หลังเหตุฐานเครนร่วงหน้าวัดดอนเมือง พร้อมหารือผู้รับเหมา ที่ปรึกษาคุมงาน และผู้เชี่ยวชาญกำหนดมาตรการเพิ่มเติมเพื่อความรัดกุมและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนด้วย
รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) แจ้งว่า ตามที่เกิดอุบัติเหตุโครงสร้าง Front Support ของ Launching truss ร่วงหล่นลงมาบริเวณด้านหน้าวัดดอนเมืองเมื่อวันที่ 28 เมษายน 2560 ที่ผ่านมา ทำให้มีผู้เสียชีวิต 3 รายซึ่งเป็นคนงานของบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) ผู้รับจ้างโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต ต่อมาเมื่อวันที่ 29 เมษายน 2560 ทางวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย (วสท.) ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบอุบัติเหตุดังกล่าวและได้ตั้งข้อสันนิษฐานถึงสาเหตุที่ทำให้เกิดเหตุดังกล่าวตามที่ วสท.ได้ชี้แจงทางสื่อ Social network และแจ้งให้โครงการฯ ผู้รับจ้างบริษัท อิตาเลียนไทยฯนำชิ้นส่วนเหล็ก PT Bar ไปทดสอบการวิเคราะห์ชิ้นงานแบบทำลายของเหล็ก PT Bar ด้วยวิธีการ Microstructure Test
โดยผู้รับจ้างบริษัท อิตาเลียนไทยฯ ที่ปรึกษาควบคุมงาน CSC และการรถไฟฯ พร้อมด้วยพนักงานสอบสวน สน.ดอนเมือง นำชิ้นส่วนเหล็ก PT Bar ในที่เกิดเหตุนำไปทดสอบที่สถาบันวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (วว.) เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2560 โดยทางสถาบันฯ แจ้งว่าต้องใช้เวลาทดสอบประมาณ 2 เดือนจึงจะทราบผล จากนั้นโครงการฯ จะนำผลการทดสอบดังกล่าวนำส่งให้ เป็นทางการเพื่อประกอบการวิเคราะห์ความสอดคล้องตามข้อสันนิษฐานทางวิศวกรรมเพื่อทราบสาเหตุที่แท้จริงต่อไป
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 4 พฤษภาคม 2560 วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยจัดการแถลงข่าวกรณีเครนก่อสร้างรถไฟฟ้าล้ม พร้อมทั้งร่วมหารือถึงสาเหตุ และดำเนินการจัดหามาตรการป้องกันเพื่อความปลอดภัยของประชาชน โดยมีหน่วยงานเข้าร่วมแถลงข่าว ประกอบด้วย กระทรวงแรงงาน สถานบันส่งเสริมความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน (องค์กรมหาชน) และการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยร่วมกับผู้เกี่ยวข้องในโครงการก่อสร้าง ได้เสนอมาตรการความปลอดภัยในการทำงานก่อสร้างรถไฟฟ้า ดังนี้
1. เพิ่มความแข็งแรงของการยึด ชุดล้อเลื่อน คานเหล็ก และขายึด ให้ติดกับเสาตอม่อให้แข็งแรงขึ้น ให้สามารถรับน้ำหนักแนวราบในทางเดินหน้า และถอยหลังไม่น้อยกว่าร้อยละ 20 ของน้ำหนัก (โครงเหล็ก 360 ตัน) และไม่น้อยกว่าร้อยละ 3 ของน้ำหนัก โครงเหล็ก และน้ำหนักชิ้นส่วนคานคอนกรีต 129 ตัน ด้วยวิธีที่เหมาะสม เช่นเพิ่มคานเหล็กและ PT Bar รัดขาเหล็กติดกับเสาโดยมี Safety factor ที่เหมาะสม
2. ติดตั้ง limit switch เพื่อจำกัด แรงดัน และแรงดึงที่ควบคุมการ เดินหน้า และถอยหลัง โครงเหล็ก ให้มีค่าแรงไม่เกิน แรงที่ใช้ออกแบบ
3. จัดอบรมพนักงาน ช่างเทคนิคและคนงานที่ทำการติดตั้งโครงสร้างชิ้นส่วนคานคอนกรีตที่มีน้ำหนัก ให้มีเข้าใจขั้นตอนที่ถูกต้อง และขีดจำกัดของอุปกรณ์
4. จัดให้มีวิศวกรหรือช่างเทคนิค ให้มีหน้าที่ตรวจสอบขั้นตอนการทำงานอย่างเข้มงวด หากพบการทำงานผิดขั้นตอนหรือลัดขั้นตอนให้ถือว่า พนักงานหรือคนงานจงใจกระทำผิดเพื่อเป็นการบ่อนทำลายให้เกิดความเสียหายแก่หน่วยงานก่อสร้าง ความผิดเทียบเท่าการกระทำผิดวินัยขั้นร้ายแรง ให้ลงโทษขั้นสูงสุด
5. ให้มีการรัดหัวเสาเหล็กโดยรอบทุกตัว
6. ในกรณีที่เกิดความขัดข้องเครื่องจักรอุปกรณ์ระหว่างปฏิบัติงานต้องหยุดดำเนินการทันที และให้แจ้งวิศวกรควบคุมและหัวหน้าโครงการทันที
7. กั้นพื้นที่ไม่อนุญาตให้คนทำงานอยู่บริเวณเสาตัวแรกของการยกอุปกรณ์
8. กั้นพื้นที่ไม่อนุญาตให้รถผ่านไปมาระหว่างการยกแท่งเหล็ก
9. ติดตั้งวัสดุทึบป้องกันวัสดุตกหล่นจากที่สูง
10. ต้องทำการตรวจ Launching truss ทุกตัว
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2560 ได้มีการประชุมหารือภายในของผู้เกี่ยวข้องในโครงการทุกฝ่าย อาทิ การรถไฟแห่งประเทศไทย พร้อมด้วยที่ปรึกษาบริหารโครงการที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง บริษัท อิตาเลียนไทยฯ และผู้รับจ้าง ได้มีการหารือถึงมาตรการการป้องกันในการทำงานเพิ่มเติมนอกเหนือจากมาตรการของวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำรายงานฉบับเต็มของที่ปรึกษาควบคุมงาน (CSC) และบริษัท อิตาเลียนไทยฯ เพื่อที่การรถไฟฯ และผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยจะได้ประมวลมาตรการต่างๆ เพื่อกำหนดมาตรฐานในการปฏิบัติงานให้เกิดความรัดกุมและสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนโดยจะนำมาตรการไปใช้เป็นมาตรฐานในการกำกับดูแลโครงการอื่นๆ ของการรถไฟฯ ต่อไป |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42748
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42748
Location: NECTEC
|
Posted: 18/05/2017 4:35 pm Post subject: |
|
|
รมว.คมนาคม เผยไจก้าห่วงสายสีแดงล่าช้าหลังเกิดอุบัติเหตุทำให้ต้องหยุดก่อสร้างชั่วคราว
ข่าวทั่วไป สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ) -- พฤหัสบดีที่ 18 พฤษภาคม 2560 15:28:09 น.
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เผยคณะผู้แทนองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศของญี่ปุ่น (ไจก้า) แสดงความเป็นห่วงกรณีเกิดอุบัติเหตุเครนก่อสร้างโครงการรถไฟสายสีแดงหล่นที่หน้าวัดดอนเมือง โดยได้เห็นชอบมาตรการรักษาความปลอดภัยระหว่างการก่อสร้างที่ทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) นำเสนอ พร้อมกำชับให้นำไปปฎิบัติอย่างเข้มข้น
นอกจากนี้ ได้มีตั้งคณะกรรมการร่วมที่มีอำนาจสั่งการกรณีเกิดปัญหาหรือคาดว่าจะเกิดปัญหาในระหว่างก่อสร้าง เพื่อเป็นการอุดช่องว่างในการกำกับดูแลระหว่าง ร.ฟ.ท.ในฐานะเจ้าของโครงการกับผู้รับเหมา แม้ว่า ร.ฟ.ท.จะว่าจ้างที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้าง (CSC) กำกับดูแลการก่อสร้างแล้วก็ตาม แต่อาจจะมีบางเรื่องที่ต้องตัดสินใจอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะการให้หยุดการก่อสร้างชั่วคราวเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้า
สำหรับคณะกรรมการร่วมฯ ประกอบด้วย ผู้บริหาร ร.ฟ.ท.ระดับรองผู้ว่าการฯ หรือวิศวกรใหญ่ที่ได้รับมอบหมาย, ที่ปรึกษาควบคุมงาน, บริษัทผู้รับเหมา โดยการตัดสินใจจะใช้เกณฑ์ด้านเทคนิคและวิศวกรรมที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการก่อสร้างที่มีความปลอดภัย ซึ่งจะมีการติดตามการทำงานตลอดเวลา
เนื่องจากการเกิดอุบัติเหตุระหว่างก่อสร้างสายสีแดงจนต้องสั่งให้ต้องหยุดการก่อสร้างชั่วคราวในจุดที่เป็นปัญหา ส่งผลกระทบทำให้โครงการล่าช้า จากก่อนหน้านี้โครงการได้ล่าช้ามาแล้วจากการรื้อย้ายระบบสาธารณูปโภคใต้ดิน ดังนั้นกรณีที่จะมีการขยายเวลาก่อสร้างออกไปจะต้องพิจารณาตามความเหมาะสม หรือกรณีจะเร่งรัดจะต้องดูว่ามีผลกระทบต่อความปลอดภัยและคุณภาพของงานหรือไม่
//-------------------
คมนาคม เล็งตั้งบอร์ดความปลอดภัย
ข่าวเศรษฐกิจ
ไทยโพสต์
พฤหัสบดีที่ 18 พฤษภาคม 2560 - 15:25
18พ.ค.60 - นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่าองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น หรือ ไจก้า มีความห่วงเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยระหว่างการก่อสร้างโครงการ รถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต หลังจากเกิดอุบัติเหตุเครมก่อสร้างหล่นทับคนงานเสียชีวิต 3 ราย ดังนั้นกระทรวงคมนาคมจึงเตรียมเสนอแผนการรักษาความปลอดภัยระหว่างการก่อสร้าง โดยจัดตั้งคณะกรรมการความปลอดภัยขึ้นมาเป็นฝ่ายตรวจสอบการก่อสร้างโครงการ
สำหรับสมาชิกในคณะทำงานดังกล่าวนั้น จะมาจากภาครัฐบาล ,การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) , บริษัทที่ปรึกษาและตัวผู้รับเหมา ซึ่งคณะทำงานดังกล่าวจะพิจารณาตัดสินใจอนุญาตหรือไม่อนุญาตให้ดำเนินงานก่อสร้างแต่ละขั้นตอนด้วยความระมัดระวัง เพื่อควบคุมการทำงานของผู้รับเหมา
"คณะทำงานที่จัดตั้งขึ้นนั้น จะเข้าไปกำกับการทำงานของบริษัทที่ปรึกษาคุมงาน และช่วยอุดช่องว่างการทำงานระหว่างที่ปรึกษาคุมงาน กับเจ้าของโครงการได้ นอกจากนี้ยังมีอำนาจการสั่งให้หยุดงานก่อสร้างชั่วคราว กรณีที่เห็นว่าอาจจะเกิดปัญหาหากปล่อยให้มีการทำงานต่อไป หรือให้หยุดงานเพื่อรอแก้ไขปัญหาที่เกิดจากงานก่อสร้าง "นายอาคมกล่าว |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42748
Location: NECTEC
|
Posted: 19/05/2017 10:30 am Post subject: |
|
|
"ไจก้า"ห่วงรถไฟฟ้าสีแดงสายมรณะ
เดลินิวส์
ศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม 2560 เวลา 10.04 น.
ไจก้า เกาะติดสร้างรถไฟฟ้าสีแดง
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์
ศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม 2560 เวลา 05:50
ไจก้า ถกคมนาคม ห่วงความปลอดภัยการก่อสร้างหลังเครนรถไฟสายสีแดงล้มทับคนงาน เห็นชอบตั้งคณะทำงานร่วมฯ ตรวจสอบการทำงานตลอดเวลา เตรียมขยายเวลาการก่อสร้างให้ผู้รับเหมาออกไปอีก
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังคณะผู้แทนองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น หรือไจก้า เข้าพบว่า ได้หารือถึงอุบัติเหตุเครนก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง(บางซื่อ-รังสิต) ที่บริเวณสถานีดอนเมืองล้มทับคนงานจนทำให้มีผู้เสียชีวิต 2ราย เนื่องจากโครงการนี้เป็นโครงการที่ใช้เงินกู้จากไจก้า ซึ่งไจก้าได้แสดงความเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยในการก่อสร้าง โดยเน้นย้ำให้คำนึงถึงเรื่องนี้ให้มากที่สุด การหารือครั้งนี้ ทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้เสนอแผนมาตรการในการดูแลความปลอดภัยระหว่างการก่อสร้างให้ไจก้าได้พิจารณา ซึ่งทางไจก้าเห็นชอบ และกำชับว่าควรต้องปฏิบัติตามมาตรการดูแลความปลอดภัยดังกล่าวอย่างจริงจังด้วย
นายอาคม กล่าวต่อว่า สำหรับแผนมาตรการฯ ดังกล่าว ได้กำหนดให้ตั้งคณะกรรมการร่วมที่มีอำนาจในการสั่งการให้หยุดงานชั่วขณะระหว่างการแก้ไขปัญหา หรือว่าช่วงที่คาดว่าจะมีปัญหาได้ทันที สำหรับคณะกรรมการชุดดังกล่าว ประกอบด้วย ผู้แทนจาก รฟท. ในระดับผู้บริหาร เช่น รองผู้ว่า รฟท. วิศวกรใหญ่ ที่ปรึกษาคุมงาน และผู้แทนทางบริษัทผู้รับเหมา โดยทำหน้าที่คอยดูแล และตรวจสอบการทำงานของผู้รับเหมา และที่ปรึกษาคุมงานอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา มีอำนาจสั่งการต่างๆ ให้หยุดงานได้ทันที โดยพิจารณาจากเกณฑ์เทคนิคทางด้านวิศวกรรม เช่น เมื่อพบว่าคานก่อสร้างมีอาการติดขัด ก็ต้องสั่งหยุดงานทันที ไม่ใช่ปล่อยให้คนงานเป็นผู้ตัดสินใจว่าจะขยับเองหรือไม่ อย่างไรก็ตามขณะนี้ได้แต่งตั้งคณะกรรมการร่วมฯ แล้ว แต่ระหว่างนี้บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล็อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือไอทีดี ยังไม่สามารถเริ่มงานก่อสร้างต่อได้ ต้องรอผลการตรวจสอบจากวิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ (วสท.) ก่อน
นายอาคม กล่าวด้วยว่า ยอมรับว่าขณะนี้โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง (บางซื่อ-รังสิต) มีความล่าช้า มาตั้งแต่แรกแล้ว เนื่องจากเส้นทางการก่อสร้างเป็นเส้นทางที่มีโครงสร้างพื้นฐานอยู่ใต้ดินค่อนข้างมาก จึงต้องใช้เวลาในการจัดการพื้นที่ค่อนข้างมาก อีกทั้งเมื่อมีการเกิดอุบัติเหตุ และสั่งให้หยุดงานการก่อสร้างไปก่อน ก็ยิ่งทำให้ล่าช้าออกไปอีก โดยทางไจก้าเป็นห่วงเรื่องนี้เช่นกัน ดังนั้นคงต้องหารือร่วมกันเพื่อปรับแผนและกรอบเวลาการทำงานใหม่ จากนั้นจะยื่นแผนให้ไจก้าทราบว่าโครงการนี้จะขยายเวลาการก่อสร้างออกไปอีกระยะ แต่จะเป็นเท่าใดนั้นขอดูแผนงานทางด้านวิศวกรรมก่อน
นายอาคม กล่าวต่อว่า ต้องขยายเวลาการก่อสร้างให้กับไอทีดี เพราะความล่าช้าเกิดจากเราเป็นคนสั่งให้ไอทีดีหยุดงานไว้ชั่วคราวด้วย ซึ่งถ้าไม่สั่งให้หยุดงาน ทางไอทีดีก็คงทำงานต่อเลย แต่เราไม่มั่นใจเรื่องความปลอดภัย จึงให้ทำต่อไปไม่ได้ ยืนยันว่ากระทรวงคมนาคมยึดความปลอดภัยเป็นหลัก หากเร่งรัดและปล่อยให้ทำงานต่อไปแบบไม่มีคุณภาพก็ไม่เกิดประโยชน์ ทั้งนี้แต่เดิมมีแผนเปิดให้บริการภายในปี 63 |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42748
Location: NECTEC
|
Posted: 23/05/2017 11:05 pm Post subject: |
|
|
รฟท.ใส่เกียร์ห้ารถไฟฟ้าสีแดง
เศรษฐกิจ
สำนักข่าวไทย
23 พฤษภาคม 2560 เวลา 12:10:35
กรุงเทพฯ 23 พ.ค. - รฟท.ใส่เกียร์ห้าเร่งก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต คืบหน้ากว่าร้อยละ 25 เปิดให้บริการ มิ.ย.63
นายประเสริฐ อัตตะนันทน์ รองผู้ว่าการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดผยถึงความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต ว่า ขณะนี้สัญญาที่ 1 งานก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อคืบหน้าประมาณร้อยละ 52 ขณะที่สัญญา 2 งานก่อสร้างระบบรางสถานีบางซื่อ-รังสิต คืบหน้าประมาณร้อยละ 85 ส่วนสัญญาที่ 3 งานก่อสร้างระบบอาณัติสัญญาณและรถไฟฟ้าประมาณร้อยละ 10 ภาพรวมโครงการล่าช้ากว่าแผนมาจากสัญญา 3 ติดปัญหาข้อกฎหมายจากการประมูลทำให้ล่าช้า 2 ปี ดังนั้น ภาพรวมคืบหน้าเฉลี่ยทั้ง 3 สัญญาจะอยู่ที่กว่าร้อยละ 25 หลังจากเคลียร์ปัญหากรรมสิทธิ์ที่ดินบางจุดได้แล้ว หลังจากนี้จะเร่งก่อสร้างและมั่นใจว่างานจะเสร็จพร้อมเปิดให้บริการเดือนมิถุนายน 2563 ก่อนถึงกำหนดดังกล่าวจะเดินรถทดสอบระบบ 5-6 เดือน
สำหรับปัญหาความปลอดภัยระหว่างการก่อสร้างนั้น หลังจากมีแนวทางชัดเจนว่าจะมีคณะกรรมการสามารถสั่งหยุดการก่อสร้าง หากพบข้อบกพร่องที่ไม่ปลอดภัย รวมทั้งองค์การความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (ไจก้า) จะทำแผนคู่มือปฏิบัติด้านความปลอดภัยมาให้ เชื่อว่าปัญหาความปลอดภัยระหว่างการก่อสร้างจะลดลง ส่วนการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ในพื้นที่ย่านพหลโยธิน ในอนาคตมั่นใจว่าจะสามารถพัฒนาพื้นที่ทำให้เกิดรายได้ โดย รฟท.จัดทำแผนแยกเป็นโซนเปิดพื้นที่เชิงพาณิชย์ทั้งย่านศูนย์การค้าและย่านธุรกิจจะช่วยให้พื้นที่พหลฯ สร้างรายได้ให้แก่ รฟท. โดยสถานีกลางบางซื่อจะเป็นพื้นที่สถานีรองรับรถไฟทุกระบบ ชั้นใต้ดินจะเป็นพื้นที่จอดรถ, ชั้นที่ 1 ขึ้นมาจำจำหน่ายตั๋ว, ชั้น 2 ชานชาลาของระบบรถไฟเส้นทางจากทุกภูมิภาค และชั้น 3 เป็นพื้นที่ชานชาลาของรถไฟความเร็วสูง รวมทั้งในอนาคตจะมีการก่อสร้างสำนักงานใหญ่ในพื้นที่ รวมถึงการพัฒนาระบบรถไฟฟ้ารางเบาหรือโมโนเรลวิ่งรอบพื้นที่พหลฯ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทาง.-สำนักข่าวไทย |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42748
Location: NECTEC
|
Posted: 05/06/2017 9:29 am Post subject: |
|
|
จ่อชงสายสีแดง"บางซื่อ-มธ.รังสิตและศาลายาวงเงิน 2.66หมื่นล.ร.ฟ.ท.ตั้งบ.ลูกเดินรถ
โดย MGR Online
5 มิถุนายน 2560 06:36 น.
สนข.สรุปแผนก่อสร้างรถไฟสายสีแดงต่อขยาย แดงเข้มรังสิต-มธ.รังสิต และแดงอ่อนตลิ่งชัน-ศิริราช และตลิ่งชัน-ศาลายาวงเงินรวมกว่า 2.66 หมื่นล. เสนอคมนาคม ด้านร.ฟ.ท.ยันตั้งบริษัทลูกเดินรถเอง ต่อจากสายสีแดง บางซื่อ-รังสิต คาดสัญญา 3 สั่งซื้อรถเพิ่มได้ "พิชิต"สั่งร.ฟ.ท.วิเคราะห์ตัวเลขผลตอบแทนที่ขัดเจน ใน1 เดือน เร่งชงคนร.ตัดสินได้ใน ก.ค.
แหล่งข่าวจาก กระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ภายในต้นเดือนมิ.ย.นี้ ทางสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) จะสรุปแผนงานโครงการรถไฟชานเมือง 2 เส้นทาง วงเงินรวม 26,639.07 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในแผนโครงการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคมขนส่ง ตามแผนปฏิบัติการ (Action Plan) ด้านคมนาคมขนส่ง พ.ศ. 2560 เสนอต่อกระทรวงคมนาคม ได้แก่ สายสีแดงเข้ม ช่วงรังสิต-มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รังสิต วงเงิน7,596.94 ล้านบาท ,สายสีแดงอ่อน ส่วนต่อขยาย ช่วงตลิ่งชัน-ศิริราช และตลิ่งชัน-ศาลายา วงเงิน 19,042.13 ล้านบาท ซึ่งทั้งสองโครงการได้ออกแบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว และผลศึกษาผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) ได้รับอนุมัติแล้ว
โดยในส่วนของการเดินรถนั้น การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้เสนอขอเดินรถสายสีแดงเองตั้งแต่ ช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน และบางซื่อ-รังสิต ซึ่งอยู่ระหว่างเสนอต่อคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) หรือซูเปอร์บอร์ด ที่มีพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานเพื่อยืนยันแผน ซึ่งร.ฟ.ท.จะจัดตั้งบริษัทลูกขึ้นมาดำเนินการ โดยสัญญา 3 สายสีแดงนั้น คาดว่า จะมีเงื่อนไขที่ร.ฟ.ท.จะสามารถจัดซื้อรถเพิ่มได้ ในราคาเดิม กรณีที่ต้องเดินรถต่อขยายจากรังสิต-มธ.รังสิต และตลิ่งชัน-ศิริราช,ศาลายาด้วย
นายพิชิต อัคราทิตย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ได้เร่งรัดให้ร.ฟ.ท. สรุปรายละเอียด วิเคระห์ตัวเลข ( Feasibility Study ) ในการเดินรถสายสีแดงเอง ซึ่งจะมีการจัดตั้งบริษัทภายใต้การกำกับของ รฟท. เพื่อบริหารโครงการรถไฟสายสีแดง พร้อมทั้งแผนเพิ่มรายได้จากการบริหารทรัพย์สินที่ไม่ใช่จากการเดินรถให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้น อย่างน้อย 5% เพื่อลดปัญหาการขาดทุนขององค์กรเสนอภายในเดือนมิ.ย.นี้ เพื่อเร่งจัดทำแผนการดำเนินงานที่ชัดเจนเสนอ คณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ในการประชุมเดือนก.ค.ต่อไป
รายงานข่าวแจ้งว่า ตามขั้นตอนเมื่อการเดินรถชัดเจน ยะทยอยเสนอรถไฟสายสีแดงส่วนต่อขยาย ต่อเสนอคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (บอร์ด) สศช. ตามขั้นตอนก่อนเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อขออนุมัติต่อไป
สำหรับ สัญญา 3 (งานระบบไฟฟ้าและเครื่องกล รวมตู้รถไฟฟ้าบางซื่อ-รังสิต และบางซื่อ-ตลิ่งชัน)นั้น ร.ฟ.ท.ได้ลงนามกับกิจการร่วมค้า MHSC (บริษัท MITSUBISHI Heavy Industrial Ltd บริษัท Hitachi และ บริษัท Sumitomo Corporation) ให้เป็นผู้ออกแบบและก่อสร้างรางรถไฟ,ระบบไฟฟ้าและส่งกำลัง, ระบบอาณัติสัญญาณ, ระบบติดต่อสื่อสาร,ระบบจัดเก็บค่าโดยสารอัตโนมัติ และตู้รถโดยสาร มูลค่าสัญญา 32,399.99 ล้านบาท เริ่มงานเมื่อวันที่ 28 มิ.ย. 2559 ระยะเวลาดำเนินการ 4 ปี (48 เดือน) ประมาณต้นปี 2563
โดยจัดหารถจำนวน 130 ตู้ โดยตามผลศึกษา จะจัดรถออกเป็น 2 ชุด ประกอบด้วย 1.ขบวนละ 4 ตู้ จำนวน 10 ขบวน วิ่งให้บริการช่วงบางซื่อ-รังสิต (รวม40ตู้) 2. ขบวนละ 6 ตู้ จำนวน 7 ขบวน ให้บริการช่วงบางซื่อ-รังสิต และอีก 8 ขบวนให้บริการ ช่วง บางซื่อ-ตลิ่งชัน โดยอาจจะมีการปรับใหม่อีกครั้งเพื่อให้เหมาะสมกับการจัดความถี่ในการเดินรถ ซึ่งโดยคาดว่าในปีที่เกิดให้บริการสายสีแดงจะมีผู้โดยสารประมาณ 129,000 คน/วัน/ทิศทาง และเพิ่มขึ้นเป็น 230,000 คน/วัน/ทิศทางในปี 2585 |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42748
Location: NECTEC
|
Posted: 07/06/2017 1:17 am Post subject: |
|
|
จ่อชดเชยสายสีแดงพันล้าน
โพสต์ทูเดย์
06 มิถุนายน 2560 เวลา 08:15 น.
รฟท.เล็งขยายสัญญาสายสีแดง หลังเจอปัญหาส่งมอบพื้นที่ล่าช้า จ่อจ่ายชดเชยเอกชนพันล้าน แหล่งข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า คณะกรรมการบริหารกิจการ (บอร์ด) รฟท.เตรียมพิจารณาขยายระยะเวลาการก่อสร้างระบบรถไฟชานเมือง(สายสีแดง) ช่วงบางซื่อ-รังสิต สัญญาที่ 1 และสัญญาที่ 2 พร้อมจ่ายเงินชดเชยแก่ผู้รับเหมาอีก 800-900 ล้านบาท เนื่องจากปัญหาการส่งมอบพื้นที่ล่าช้า
สำหรับสัญญาที่ 1 ได้แก่ การก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อ ศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟฟ้า และศูนย์ซ่อมบำรุงรถไฟทางไกล วงเงิน 29,640 ล้านบาท ของกิจการร่วมค้าเอสยู ซึ่งติดปัญหาการรื้อย้ายท่อน้ำมันของบริษัท ขนส่งน้ำมันทางท่อ (FPT) โดยสิ้นสุดสัญญาวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา คืบหน้า 57.31% ผู้รับเหมาขอขยายเวลาอีก 1,400 วัน พร้อมขอรับค่าชดเชยตามสัญญา 700 ล้านบาท ซึ่งเบื้องต้น รฟท.พิจารณาขยายเวลาให้ 1,021 วัน เป็นสิ้นสุดสัญญาปี 2563 และจะเสนอให้บอร์ดพิจารณาวงเงินชดเชยตามสัญญา
ขณะที่สัญญาที่ 2 งานก่อสร้างทางรถไฟบางซื่อ-รังสิต 6 สถานี ระยะทางประมาณ 20 กิโลเมตร วงเงิน 23,925 ล้านบาท ของบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ (ITD) มีปัญหาเรื่องพื้นที่กับชุมชนทำให้การส่งมอบพื้นที่ล่าช้า ผู้รับเหมาขอขยายระยะเวลาออกไป 365 วัน เป็นสิ้นสุดสัญญาปี 2561 และขอวงเงินชดเชยราว 100 ล้านบาท อย่างไรก็ตาม การขยายเวลาสัญญาฉบับที่ 1 และ 2 ออกไปนั้น ไม่ทำให้งานภาพรวมล่าช้า เนื่องจากมีกำหนดเปิดให้บริการตามสัญญาที่ ตามสัญญาที่ 3 งานระบบไฟฟ้า เครื่องกล และจัดหาตู้รถไฟฟ้า ซึ่งสิ้นสุดในปี 2563
นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รักษาการผู้ว่าการ รฟท. เปิดเผยว่า การจ่ายค่าชดเชยให้กับเอกชน ซึ่งมาจากความล่าช้าในการส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างนั้น เป็นเงื่อนไขของโครงการที่ใช้เงินกู้จากต่างประเทศ ซึ่ง รฟท.ต้องจ่ายเงินชดเชยในส่วนนี้แน่นอน แต่ยังอยู่ระหว่างหาข้อสรุปเรื่องวงเงินและระยะเวลาการขยายสัญญา
นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) กล่าวว่า สนข.อยู่ระหว่างปรับเส้นทางระบบรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง ช่วงหัวลำโพง-บางบอน-มหาชัย ระยะทาง 38 กิโลเมตร เนื่องจากไม่ผ่านการเห็นชอบรายงานผลกระทบทางสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ของสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) |
|
Back to top |
|
|
|