View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44664
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 31/03/2018 10:12 am Post subject: |
|
|
รัฐวิสาหกิจจีนคว้าไฮสปีด
โพสต์ทูเดย์ วันที่ 31 มี.ค. 2561 เวลา 08:46 น.
รัฐวิสาหกิจจีน คว้างานระบบรถไฟไทย-จีน 5.4 หมื่นล้าน เคาะใช้เงินกู้ในประเทศ เตรียมนัดถก คณะทำงานปลายเดือน เม.ย.
แหล่งข่าวจากกระทรวงคมนาคม เปิดเผยถึงโครงการรถไฟความเร็วสูงไทยจีน เฟสแรกช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมา วงเงิน 1.79 แสนล้านบาท ขณะนี้ รัฐบาลจีนและสถานทูตจีนแจ้งว่าจะมอบหมายให้บริษัทรัฐวิสาหกิจจีน CRRC Corporation Limited เป็นผู้ดำเนินการสัญญาจัดซื้องานระบบรถไฟไทย-จีน สัญญาที่ 2.3 งานระบบราง ระบบไฟฟ้า และเครื่องกล รวมทั้งจัดหาขบวนรถไฟและจัดฝึกอบรมบุคลากร วงเงิน 5.4 หมื่นล้านบาท โดยไม่ต้องทำการเปิดประมูลเนื่องจากเป็นโครงการระหว่างรัฐบาล (G2G)
ทั้งนี้ สัญญาที่ 2.3 หลังจากหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว จะใช้ เงินกู้ในประเทศ เนื่องจากเป็นวงเงินที่ไม่มาก ประกอบกับอัตราดอกเบี้ยเงินบาทขณะนี้ต่ำมากเฉลี่ย 0.25-0.5% ซึ่งดีกว่าอัตราดอกเบี้ยของธนาคารจีนและธนาคารโลก
สำหรับความคืบหน้า แบบการก่อสร้างตอนที่ 2 ช่วงปากช่อง-ขนานจิตร ระยะทาง 11 กม.นั้นทางฝ่ายจีนส่งแบบก่อสร้างมาแล้ว คาดว่าจะเริ่มเข้าสู่ขั้นตอนการประกวดราคาในช่วงหลังเทศกาลสงกรานต์หรือภายในปลายเดือน เม.ย.นี้ โดยการประชุมคณะทำงานรถไฟไทย-จีนในช่วงปลายเดือน เม.ย.จะเร่งรัดแบบก่อสร้างตอนที่ 3 แก่งคอยนครราชสีมา ระยะทาง 119.5 กม.และตอนที่ 4 บางซื่อ-แก่งคอย ระยะทาง 119 กม.ต่อไป ตลอดจนหารือรายละเอียดสัญญาที่ 2.3 จะมีแนวทางดำเนินการต่อไปอย่างไร |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
|
Posted: 31/03/2018 10:52 pm Post subject: |
|
|
ไฟเขียวไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน เอกชนร่วมทุนการรถไฟ 1.2 แสนล้าน
วันที่ 29 มีนาคม 2561 - 09:35 น.
ครม.ไฟเขียว ไฮสปีดเทรน เชื่อม 3 สนามบิน-ประกาศเพิ่มเติมพื้นที่อีอีซี ตลอดสองข้างทางเริ่มดอนเมืองสุดเขต กทม. 60 กม.-2,400 ไร่ คลุมมักกะสันด้วย
นายณัฐพร จาตุศรีพิทักษ์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี ฝ่ายเศรษฐกิจ แถลงว่า คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบหลักการโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ได้แก่ สนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิและอู่ตะเภา ระยะทาง 220 กิโลเมตร 5 สถานี ประกอบด้วย ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ศรีราชา พัทยาและอู่ตะเภา อัตราความเร็ว 250 กม./ชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินอู่ตะเภาเข้ากรุงเทพฯ ภายในเวลา 45 นาที ให้เอกชนร่วมลงทุนรูปแบบ PPP Net Cost ระยะเวลา 50 ปี อัตราค่าโดยสาร จากมักกะสัน-พัทยา 270 บาท และจากมักกะสัน-อู่ตะเภา 330 บาท เปิดพื้นที่การพัฒนา 3 จังหวัด ในพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ได้แก่ จังหวัดชลบุรี ฉะเชิงเทราและระยอง
ขณะที่ผลการวิเคราะห์ผลตอบแทนทางเศรษฐกิจ (EIRR) ทั้งโครงการ มูลค่า 700,000 ล้านบาท แบ่งออกเป็น 50 ปีแรก 400,000 ล้านบาท และ 50 ปีต่อไป 300,000 ล้านบาท โดยผลตอบแทนมาจากมูลค่าเพิ่มที่เกิดจากสนามบินอู่ตะเภา ลดการใช้น้ำมัน ลดระยะเวลาเดินทางและมลพิษจากการใช้รถยนต์ นอกจากนี้ยังได้ผลตอบแทนจากการพัฒนาเศรษฐกิจตลอดเส้นทาง รวมถึงความเจริญที่จะเกิดขึ้นโดยรอบสถานีรถไฟ การจ้างงานและการใช้ปัจจัยการผลิตภายในประเทศ ภาษีที่คาดว่าจะจัดเก็บได้มากขึ้น ทั้งนี้ในอนาคตระยะต่อไป จะเชื่อมโยงจากระยอง จันทบุรีและตราด
ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวหมายถึงการพัฒนาที่ดินมักกะสันและศรีราชา และรวมโครงการแอร์พอร์ตลิงก์รวมเข้าไปด้วยเป็นโครงการเดียวกัน โดยรถไฟแอร์พอร์ตลิงก์ใช้รางเดียวกับรถไฟความเร็วสูง
สำหรับรายละเอียดโครงการตามที่มติ ครม.อนุมัติ ได้แก่ 1.ภาครัฐลงทุนค่างานจัดสรรกรรมสิทธิ์ที่ดิน ภาคเอกชนลงทุนค่างานโยธา ระบบรถไฟฟ้า ขบวนรถไฟฟ้า ค่าพัฒนาพื้นที่เพื่อสนับสนุนบริการรถไฟและบริการผู้โดยสาร ค่าจ้างที่ปรึกษาโครงการ รวมถึงการบริหารและซ่อมบำรุงโครงการ โดยให้เอกชนร่วมลงทุนระยะเวลา 50 ปี โดยเอกชนเป็นผู้จัดเก็บค่าโดยสารและความเสี่ยงด้านจำนวนผู้โดยสารของโครงการ จัดเก็บรายได้จากการพัฒนาพื้นที่โครงการ
2.อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) มีอำนาจร่วมลงทุนกับเอกชนที่ได้รับเลือก 3.อนุมัติค่างานที่เกี่ยวข้องกับการจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและค่าสำรวจอสังหาริมทรัพย์โครงการรถไฟความเร็วสูง กรอบวงเงิน 3,570.29 ล้านบาท
4.อนุมัติกรอบวงเงิน ร่วมลงทุนกับเอกชน ในวงเงินไม่เกิน 119,425.75 ล้านบาท ทั้งนี้จะทยอยจ่ายให้เอกชน แบ่งจ่ายเป็นรายปี ระยะเวลาแบ่งจ่าย ไม่ต่ำกว่า 10 ปี 5.เห็นชอบให้รัฐบาลรับภาระหนี้โครงสร้างพื้นฐานของแอร์พอร์ตเรลลิงก์ของ ร.ฟ.ท. เป็นจำนวนเงิน 22,558.06 ล้านบาท
6.เห็นชอบให้พื้นที่โครงการรถไฟความเร็วสูงตั้งแต่สนามบินดอนเมือง ถึงสุดเขตกรุงเทพฯ และรวมถึงสนามบินสุวรรณภูมิ หรือพื้นที่ที่เป็นเส้นทางรถไฟความเร็วสูงวิ่งผ่านและรอบสถานี ประกาศให้เป็นพื้นที่อีอีซีเพิ่มเติม เพื่อพัฒนาในเชิงพาณิชย์ต่อไป
7.มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมและกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ ร.ฟ.ท. และสำนักงานอีอีซี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ขั้นตอนต่อไป คือ การร่าง TOR และสรรหาผู้ประมูลเพื่อนำเข้า ครม.อนุมัติอีกครั้ง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับการกำหนดพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออกเพิ่มเติม ตั้งแต่สถานีดอนเมืองถึงสุดเขตกรุงเทพฯ และรวมถึงสถานีสุวรรณภูมิที่มีระยะทางยาว 60 กิโลเมตร พื้นที่ 2,400 ไร่ ประกอบด้วย
1.พื้นที่แนวเขตทางรถไฟของโครงการ ตั้งแต่สถานีดอนเมืองถึงสถานีสุวรรณภูมิ ระยะทาง 60 กม. (ความกว้างของเขตทางรถไฟ 40-80 เมตร)
2.พื้นที่สถานีกลางบางซื่อ (เฉพาะในส่วนชานชาลาและรางที่เกี่ยวเนื่องกับโครงการ)
3.พื้นที่สถานีมักกะสัน (28 ไร่)
4.พื้นที่บริเวณสถานีมักกะสันเพื่อใช้ในการสนับสนุนบริการรถไฟและบริการผู้โดยสารและการดำเนินกิจการทางพาณิชย์ (150 ไร่) และ
5.พื้นที่สถานีสุวรรณภูมิ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
|
Posted: 03/04/2018 7:20 pm Post subject: |
|
|
เปิดทีโออาร์ไฮสปีดเทรน เอื้อทุนใหญ่1.2แสนล้าน
3 เมษายน 2561
คลอดทีโออาร์ไฮสปีดเทรนกรุงเทพฯ-อู่ตะเภา ต้นเม.ย.นี้ เปิดทางให้เอกชนจับมือร่วมประมูลกับต่างชาติ ตั้งบริษัท SPV คนไทยถือหุ้นใหญ่ 51% ต้องมีหนังสือการันตีเงินสดหรือสินทรัพย์ไม่ตํ่ากว่า 1.2 แสนล้าน วางคํ้าประกัน วิศวกรรมสถานฯระบุต้องเงินหนาพอถึงเข้าประมูลได้
การออกทีโออาร์โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน กรุงเทพฯ-อู่ตะเภา ระยะทาง 220 กิโลเมตร สำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (สกรศ.) จะประกาศทีโออาร์ได้ในสัปดาห์นี้หรือราวต้นเดือนเมษายน 2561 ด้วยมูลค่าการร่วมลงทุน (พีพีพี)ราว 2.46 แสนล้านบาท เป็นการลงทุนของภาค เอกชนราว 2.2 แสนล้านบาท และรัฐ 2.6 หมื่นล้านบาท มีสัญญาดำเนินงาน 45 ปี รวมการก่อสร้าง 5 ปี รัฐจะรับผิดชอบค่าเวนคืนที่ดินแนวรถไฟความเร็วสูงราว 3.5 พันล้านบาท ขณะที่เอกชนต้องจ่าย ค่าเช่าที่ดินมักกะสันและศรีราชารวม 1.4 หมื่นล้านบาท เป็นต้น
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (กนศ.) เปิดเผยว่า หลังจากทำมาร์เก็ตซาวดิ้งครั้งแรกไปแล้ว ได้นำข้อคิดเห็นของนักลงทุนมาปรับปรุงร่างทีโออาร์ และคาดว่าจะประกาศช้าสุดได้ราวต้นเดือนเมษายน 2561 นี้
โดยร่างทีโออาร์ กำหนดผู้ที่จะเข้ามาร่วมลงทุน จะต้องเป็นนิติบุคคลรายเดียวหรือมากกว่า 1 รายร่วมกันในรูปกิจการร่วมค้า หรือร่วมทุน โดยต้องเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งมาไม่น้อยกว่า 3 ปี และมีคุณสมบัติ ด้านการเงิน กล่าวคือ 1.กรณีนิติบุคคลแกนนำ ต้องมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ไม่น้อยกว่า 4.5 หมื่นล้านบาท หรือ 2.แกนนำต้องมีสินทรัพย์ไม่น้อยกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท บวกกับนิติบุคคล 2 ราย อีก 2 หมื่นล้านบาท โดยที่นิติบุคคลแต่ละรายต้องมีสินทรัพย์ไม่น้อยกว่า 1 หมื่นล้านบาท
ขณะที่คุณสมบัติด้านการระดมทุน ต้องมี 1.หนังสือแสดงเจตจำนง (LOI) หรือการันตีไม่น้อย กว่า 1.2 แสนล้านบาท หรือ 2. มีเงินสด/สินทรัพย์เทียบเท่าเงินสดไม่น้อยกว่า 1.2 แสนล้านบาท หรือ 3. LOI บวกกับเงินสดแล้ว ไม่น้อยกว่า 1.2 แสนล้านบาท
ส่วนคุณสมบัติด้านเทคนิค จะแยกเป็น 3 ส่วน โดยส่วนแรกจะเป็นเรื่องของประสบการณ์การก่อสร้างโครงการ ซึ่งมี 3 ส่วนย่อย ได้แก่ ประสบการณ์งานออก แบบโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการก่อสร้าง และด้านการจัดหางานระบบ พร้อมกับอุปกรณ์ เครื่องกล และไฟฟ้า ส่วนที่ 2 เป็นเรื่องของประสบการณ์ด้านการเดินรถไฟและซ่อมบำรุงรักษา ซึ่งผู้ยื่นข้อเสนอต้องมีประสบการณ์ด้านการเดินรถไฟความเร็วสูงที่ความเร็ว 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และดำเนินการแล้ว 5 ปีต่อเนื่อง ส่วนที่ 3 ต้องมีประสบการณ์พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หรือประสบการณ์เป็นนักลงทุนพัฒนาเมือง บนเนื้อที่ไม่ตํ่ากว่า 2 หมื่นตารางเมตร
สำหรับค่าธรรมเนียมในขั้นตอนการคัดเลือกเอกชนนั้น การซื้อซองจะอยู่ที่ 2 ล้านบาท และ เมื่อจัดทำเอกสาร ข้อเสนอแล้วยื่นซองประมูลเข้ามา ต้องยื่นหลักประกันซองที่มีมูลค่า 4 พันล้านบาท จากนั้นเข้าขั้นตอนการประเมิน ซึ่งจะต้องมีค่าธรรมเนียมประเมินเอกสารอีก 2 ล้านบาท หลังจากนั้นได้ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกแล้ว จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการลงนามในสัญญาอีก 2 ล้านบาท
การพิจารณาข้อเสนอ จะต้องมีแผนการพัฒนาธุรกิจ การให้บริการ การบริหารความเสี่ยง การเงิน รวมทั้งวงเงินที่รัฐร่วมลงทุนน้อยที่สุดเป็นรายปี และแผนงานที่คาดว่าจะแบ่งปันผลกำไรให้กับการรถไฟแห่งประเทศ ไทย(ร.ฟ.ท.) ที่คำนวณกลับมาเป็นมูลค่าปัจจุบันสุทธิสูงสุด ซึ่งจะเป็นผู้ผ่านเกณฑ์พิจารณา เมื่อคัดเลือกผู้ชนะได้แล้ว ก่อนลงนามสัญญาผู้ชนะประมูลจะต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใหม่ (SPV) มีวัตถุประสงค์ดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินเท่านั้น
บริษัทเฉพาะกิจที่ตั้งขึ้นใหม่นี้ ต้องถือหุ้นโดยฝ่ายไทยมากกว่า 51% ถือโดยบริษัทแกนนำไม่น้อยกว่า 30% และบริษัทอื่นๆ ที่เหลือถือไม่ตํ่ากว่า 5% ซึ่งการจัดตั้งเริ่มแรกจะต้องมีเงินทุนจดทะเบียน 4 พันล้านบาท และเมื่อเปิดดำเนินการแล้วจะต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 3.6 หมื่นล้านบาท
นายรัฐภูมิ ปริชาตปรีชา ประธานคณะกรรมการวิศวกรรมระบบราง วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้ความเห็นว่า ร่างทีโออาร์ที่ออกมา ผู้เข้าร่วมประมูลจะต้องมีเงินหนาพอที่จะเข้ามาเสี่ยง เพราะหากเป็นบริษัทเล็กๆ เงินทุนน้อย จะสู้ไม่ไหว จากการเสนอผลตอบ แทนรัฐ และค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาค่อนข้างสูง และผลตอบแทนระยะสั้น ระยะกลางแทบไม่มี
ดังนั้น การจะให้โครงการเกิดได้ การดำเนินงานอยากจะให้เอื้อกับเอกชนที่มีความสามารถไปเลย แต่ต้องสัญญากับรัฐว่า จะต้องคุมค่าโดยสารให้เหมาะสม ความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการใช้งาน การสัญญาว่าจะต้องมีการพัฒนาอุตสาหกรรม และการให้บริการ จ้างคนในทุกระดับเป็นคนไทย มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีควบคู่กับการทำวิจัยและพัฒนา การจัดตั้งโรงงานอะไหล่ที่สำคัญเพื่อการซ่อมบำรุง เป็นต้น |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44664
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 04/04/2018 8:41 am Post subject: |
|
|
รถไฟเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เตือนภาระการคลัง-ผลตอบแทนรัฐ
กรุงเทพธุรกิจ 4 เม.ย. 61 นโยบายเศรษฐกิจ
การออกประกาศเชิญชวนโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน จะมีขึ้นหลังคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติโครงการไปเมื่อวันที่ 27 มี.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานโครงการแรกของการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (อีอีซี)
การพิจารณาโครงการ กระทรวงอุตสาหกรรมเสนอให้มีรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสนามบินดอนเมือง สุวรรณภูมิและอู่ตะเภาแบบไร้รอยต่อ โดยเสนอให้รัฐมีมาตรการสนับสนุนการเงิน เป็นค่าใช้จ่ายเพื่อเป็นเงินที่รัฐร่วมลงทุนกับเอกชนไม่เกินมูลค่าปัจจุบัน (เอ็นพีวี) 119,425 ล้านบาท ซึ่งการยื่นข้อเสนอร่วมลงทุนของเอกชนจะขอรับเงินร่วมลงทุนน้อยกว่านี้ก็ได้
ในการประชุม ครม.หน่วยงานต่างๆได้เสนอความเห็นเพื่อให้รัฐได้รับประโยชน์จากโครงการนี้่ โดยสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สศช.) ให้ความเห็นว่าปัจจุบันรูปแบบการร่วมลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสาขาขนส่งระหว่างรัฐและเอกชนมีแนวโน้มกำหนดเงื่อนไขให้รัฐจ่ายเงินสนับสนุนให้เอกชนผู้รับสัมปทานในระยะเวลาหนึ่ง เพื่อให้เอกชนมีผลตอบแทนที่ยอมรับได้ ทำให้เกิดภาระผูกพันงบประมาณรายจ่ายของรัฐเพิ่มขึ้น
ดังนั้น สำนักงบประมาณและกระทรวงการคลังควรติดตามภาระผูกพันงบประมาณรัฐ ให้อยู่กรอบวินัยการเงินการคลัง และป้องกันไม่ให้กระทบกับการจัดสรรงบประมาณเพื่อพัฒนาบริการขั้นพื้นฐานสาขาอื่น
การสนับสนุนทางการเงินในภาคเอกชนในการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานต้องอยู่บนพื้นฐานของค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นจริง มีการแบ่งปันผลประโยชน์และความเสี่ยงระหว่างรัฐและเอกชนที่เป็นธรรม และเกิดภาระกับรัฐน้อยที่สุดให้ความสำคัญกับการเปิดเผยรายละเอียดโครงการเพื่อเป็นมาตรฐานรองรับการประกวดราคานานาชาติ
นอกจากนี้ การที่ให้พื้นที่โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ตั้งแต่สนามบินดอนเมืองถึงสนามบินสุวรรณภูมิ เป็นพื้นที่อีอีซี ดังนั้นการคัดเลือกเอกชนควรดูแนวทางที่ะช่วยให้รัฐแบ่งผลกำไรที่เหมาะสม
สำนักงบประมาณให้ความเห็นว่ากรอบวงเงินที่รัฐร่วมลงทุนกับเอกชนควรเป็นวงเงินไม่เกิน 119,425 ล้านบาท ซึ่งเป็นมูลค่าปัจจุบันตามที่ตกลงในสัญญาร่วมลงทุน โดยแบ่งจ่าย 10 ปี ใช้อัตราส่วนลดหรืออัตราดอกเบี้ยไม่เกินFDR+1 และกำหนดเงื่อนไขชำระเงินที่รัฐร่วมลงทุนให้เป็นธรรม สอดคล้องกับภาระการคลังในอนาคตเพราะวงเงินค่อนข้างสูง เพื่อไม่ให้เป็นภาระงบประมาณและภาระหนี้สาธารณะในอนาคต และเสนอให้กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้ในประเทศที่เหมาะสมวิธีการให้กู้ต่อหรือค้ำประกันเงินกู้เพื่อเป็นค่าก่อสร้าง
นอกจากนี้การที่ภาครัฐควรรับความเสี่ยงจากการดำเนินโครงการล่าช้าและภาระค่าใช้จ่ายเกินกว่าที่ประมาณการไว้ทำให้ ร.ฟ.ท.ต้องมีความชัดเจนถึงภาระที่รัฐต้องสนับสนุนเท่าที่จำเป็นและไม่ให้ราชการเสียประโยชน์
การกำหนดทีโออาร์จะต้องเปิดโอกาสให้เอกชนเข้าร่วมลงทุนได้ มีการแข่งขันเป็นธรรมโปร่งใส เพื่อให้เกิดกลไกตลาดที่จะทำให้รัฐประหยัดเงินลงทุน และไม่เป็นภาระทางการคลังเกินความจำเป็น เพราะโครงการนี้สร้างผลประโยชน์ด้านอื่นอีกมาก เช่นการพัฒนาพื้นที่รอบสถานี
กระทรวงการคลังเห็นว่ารัฐบาลควรรับภาระหนี้แอร์พอร์ต เรล ลิงค์ 22,558 ล้านบาทเพื่อลดภาระหนี้ของ ร.ฟ.ท.และให้ ร.ฟ.ท.นำค่าสิทธิบริหารโครงการแอร์พอร์ต เรล ลิงค์ 10,671 ล้านบาท ที่ได้รับจากเอกชนมาชำระหนี้ของแอร์พอร์ต เรล ลิงค์
โครงการนี้มีมูลค่าการลงทุนเริ่มต้นสูงถึง 224,544 ล้านบาท ดังนั้น ร.ฟ.ท.ควรให้ความสำคัญกับข้อมูลทางการเงิน เช่น ค่าเวนคืนที่ดิน รวมถึงรายได้จากโครงการที่เพียงพอในการกำหนดวงเงินที่รัฐจะร่วมลงทุน โดยต้องอยู่บนพื้นฐานแบ่งปันผลประโยชน์และความเสี่ยงที่เป็นธรรมระหว่างรัฐและเอกชน เพื่อให้เกิดภาระทางการเงินน้อยที่สุด
การพัฒนาพื้นที่เพื่อสนับสนุนบริการรถไฟและบริการผู้โดยสารบริเวณสถานีมักกะสันและศรีราชา ร.ฟ.ท.ควรพิจารณาแนวทางที่รัฐจะได้รับการแบ่งปันผลตอบแทนที่เป็นธรรมเพิ่มเติมนอกจากค่าเช่าที่ ร.ฟ.ท.ได้รับ
ในขณะที่นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม ในฐานะรักษาการผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) กล่าวว่า กำลังเร่งร่างขอบเขตงานหรือ ทีโออาร์โครงการนี้ โดยหาข้อสรุปประเด็นต่างๆ ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
|
Posted: 05/04/2018 11:49 am Post subject: |
|
|
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม กล่าวปาฐกถาพิเศษหัวข้อ "แผนการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเพื่อยกระดับประสิทธิภาพโลจิสติกส์และการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ" เมื่อ 4 เมษายน 2561 ได้ความว่า
"บางโครงการอาจดูล่าช้า เช่น โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน เนื่องจากมีปัญหาเรื่องการสื่อสาร แบบก่อสร้างใช้ภาษาจีนกำกับ ไม่เป็นสากล หากเราปล่อยให้จีนดำเนินการไปเลย เราจะไม่ได้รับองค์ความรู้ และไม่มีการใช้วัสดุในประเทศมากถึง 90%" รมว.คมนาคม กล่าว
http://www.ryt9.com/s/iq03/2808502 |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44664
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 07/04/2018 8:28 am Post subject: |
|
|
"อาคม"ถกญี่ปุ่นดัน'รถไฟเร็วสูง'กรุงเทพ-เชียงใหม่
คมชัดลึก 7 เม.ย. 61
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และคณะผู้แทนไทย ประกอบด้วย นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร นายบรรสาน บุนนาค เอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงคมนาคม นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรี ระหว่างไทย-ญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 5 เม.ย.2561 ณ ประเทศญี่ปุ่น
โดยได้หารือร่วมกับ H.E.Mr. Keiichi Ishii รัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยว (MLIT) ญี่ปุ่น โดยมี H.E. Mr. Hiroto Izumi ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เข้าร่วมการประชุมฯ ด้วย
ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าวมีประเด็นการหารือที่สำคัญ อาทิ (1) ความร่วมมือด้านระบบรางในการพัฒนารถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่(ระยะที่ 1 กรุงเทพฯ-พิษณุโลก) ซึ่งกระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูลประกอบการเสนอคณะรัฐมนตรีรับทราบผลการศึกษาความเหมาะสมโครงการฯ ซึ่งคาดว่าจะนำเสนอฯ ได้ภายในเดือนพ.ค.2561 จึงขอให้ฝ่ายญี่ปุ่นสนับสนุนรายละเอียดเพื่อความสมบูรณ์ในการนำเสนอฯ
(2) การพัฒนาการขนส่งสินค้าทางรถไฟในประเทศไทยเพื่อให้เกิดการบริการขนส่งสินค้าทางรางรูปแบบใหม่ (3) การพัฒนาพื้นที่สถานีกลางบางซื่อ (4) การพัฒนาระบบการขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (M-MAP 2) (5) โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และ (6) ความร่วมมือด้านการบิน ซึ่งขอฝากให้ MLIT พิจารณาคำขอในการเพิ่มเที่ยวบินเส้นทางกรุงเทพฯ-ฮาเนดะ ของการบินไทยด้วย
นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมยังได้กล่าวขอบคุณ MLIT สำหรับความร่วมมือด้านความปลอดภัยทางถนนซึ่งทั้งสองกระทรวงได้มีความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อวางมาตรการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทยซึ่งได้นำมาใช้ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมาและจะดำเนินการในช่วงสงกรานต์ที่จะถึงนี้ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
|
Posted: 09/04/2018 10:07 am Post subject: |
|
|
"อาคม" ถกญี่ปุ่น ดัน "รถไฟเร็วสูง" กรุงเทพ-เชียงใหม่
เรื่องโดย Nation TV | ภาพโดย Nation TV
8 เมษายน 2561 14:00
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และคณะผู้แทนไทย ประกอบด้วย นายธีระพงษ์ รอดประเสริฐ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงคมนาคม นายชัยวัฒน์ ทองคำคูณ ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร นายบรรสาน บุนนาค เอกอัครราชทูต ณ กรุงโตเกียว นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ ผู้ช่วยปลัดกระทรวงคมนาคม นายวรวุฒิ มาลา รองผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เข้าร่วมการประชุมระดับรัฐมนตรี ระหว่างไทย-ญี่ปุ่น เมื่อวันที่ 5 เม.ย.2561 ณ ประเทศญี่ปุ่น
Ads by AdAsia
You can close Ad in 3 s
โดยได้หารือร่วมกับ H.E.Mr. Keiichi Ishii รัฐมนตรีว่าการกระทรวงที่ดิน โครงสร้างพื้นฐาน การขนส่งและการท่องเที่ยว (MLIT) ญี่ปุ่น โดยมี H.E. Mr. Hiroto Izumi ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เข้าร่วมการประชุมฯ ด้วย
ทั้งนี้ การประชุมดังกล่าวมีประเด็นการหารือที่สำคัญ อาทิ (1) ความร่วมมือด้านระบบรางในการพัฒนารถไฟความเร็วสูง สายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่(ระยะที่ 1 กรุงเทพฯ-พิษณุโลก) ซึ่งกระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างการจัดทำข้อมูลประกอบการเสนอคณะรัฐมนตรีรับทราบผลการศึกษาความเหมาะสมโครงการฯ ซึ่งคาดว่าจะนำเสนอฯ ได้ภายในเดือนพ.ค.2561 จึงขอให้ฝ่ายญี่ปุ่นสนับสนุนรายละเอียดเพื่อความสมบูรณ์ในการนำเสนอฯ
(2) การพัฒนาการขนส่งสินค้าทางรถไฟในประเทศไทยเพื่อให้เกิดการบริการขนส่งสินค้าทางรางรูปแบบใหม่ (3) การพัฒนาพื้นที่สถานีกลางบางซื่อ (4) การพัฒนาระบบการขนส่งมวลชนทางรางในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล (M-MAP 2) (5) โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน และ (6) ความร่วมมือด้านการบิน ซึ่งขอฝากให้ MLIT พิจารณาคำขอในการเพิ่มเที่ยวบินเส้นทางกรุงเทพฯ-ฮาเนดะ ของการบินไทยด้วย
นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมยังได้กล่าวขอบคุณ MLIT สำหรับความร่วมมือด้านความปลอดภัยทางถนนซึ่งทั้งสองกระทรวงได้มีความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเพื่อวางมาตรการป้องกันอุบัติเหตุทางถนนในประเทศไทยซึ่งได้นำมาใช้ในช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมาและจะดำเนินการในช่วงสงกรานต์ที่จะถึงนี้
//--------------------------
ชงครม.ไฟเขียวไฮสปีดกทม.-พิษณุโลกพ.ค.นี้
อาทิตย์ที่ 8 เมษายน 2561 เวลา 14.19 น.
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า ในปี 61 ประชาชนจะเริ่มเห็นความชัดเจนของขั้นตอน และการเปิดประมูลโครงการลงทุนขนาดใหญ่ที่มีมูลค่าเกิน 1,000 ล้านบาทขึ้นไป (เมกะโปรเจ็กต์) ในโครงการต่างๆ วงเงินรวมกว่า 6.4 แสนล้านบาท ประกอบด้วย
โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน วงเงิน 2.15 แสนล้านบาท,
โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้มตะวันตก ช่วงศูนย์วัฒนธรรม-บางขุนนนท์-ตลิ่งชัน วงเงิน 1.21 แสนล้านบาท,
โครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ ช่วงเตาปูน-ราษฎร์บูรณะ วงเงิน 1.01 แสนล้านบาท,
โครงการแหลมฉบังเฟส 3 วงเงิน 1.41 แสนล้านบาท และ
โครงการงานระบบและซ่อมบำรุงมอเตอร์เวย์สายบางใหญ่-กาญจนบุรี วงเงิน 2.8 หมื่นล้านบาท และสายบางปะอิน-นครราชสีมา วงเงิน 3.3หมื่นล้านบาท
นายอาคม กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ภายในปี 61 กระทรวงคมนาคม ตั้งใจจะผลักดันโครงการระบบรางขนาดใหญ่ให้สามารถเปิดประมูลได้ เริ่มจาก โครงการรถไฟทางคู่เฟส 2 รวม 9 เส้นทาง วงเงิน 3.98 แสนล้านบาท โดยต้องเปิดประกวดราคา และได้ตัวเอกชนในปีนี้
ขณะที่โครงการรถไฟความเร็วสูงไทย-ญี่ปุ่นเฟส 1 ช่วงกรุงเทพ-พิษณุโลก วงเงิน 2.76 แสนล้านบาทนั้น รัฐบาลจะเร่งให้ผ่านความเห็นชอบจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ภายในเดือน พ.ค.นี้ หรือนับจากวันนี้ไปอีก 2 เดือน
อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาในการเปิดเวทีรับฟังเสียงนักลงทุน(Market Sounding) ของโครงการต่างๆ ที่ผ่านมานั้น มีเอกชนบริษัทใหญ่จากต่างชาติสนใจเข้าร่วมลงทุนมากมาย ทั้งจากอังกฤษ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น รวมถึงโซนทวีปยุโรป
โดยเฉพาะอิตาลีที่สนใจลงทุนหลากหลายระบบทั้งถนน ทางด่วน และรถไฟ
นายอาคม กล่าวด้วยว่า รัฐบาลชุดนี้สนับสนุนงบลงทุนจำนวนมาก เพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ หวังรองรับการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว รวมถึงกระตุ้นตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ของประเทศ ซึ่งปีนี้คาดว่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 4% |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
|
Posted: 19/04/2018 12:47 pm Post subject: |
|
|
เปิดทีโออาร์ไฮสปีดเทรน เอื้อทุนใหญ่1.2แสนล้าน
3 เมษายน 2561
คลอดทีโออาร์ไฮสปีดเทรนกรุงเทพฯ-อู่ตะเภา ต้นเม.ย.นี้ เปิดทางให้เอกชนจับมือร่วมประมูลกับต่างชาติ ตั้งบริษัท SPV คนไทยถือหุ้นใหญ่ 51% ต้องมีหนังสือการันตีเงินสดหรือสินทรัพย์ไม่ตํ่ากว่า 1.2 แสนล้าน วางคํ้าประกัน วิศวกรรมสถานฯระบุต้องเงินหนาพอถึงเข้าประมูลได้
การออกทีโออาร์โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน กรุงเทพฯ-อู่ตะเภา ระยะทาง 220 กิโลเมตร สำนักงานเพื่อการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (สกรศ.) จะประกาศทีโออาร์ได้ในสัปดาห์นี้หรือราวต้นเดือนเมษายน 2561 ด้วยมูลค่าการร่วมลงทุน (พีพีพี)ราว 2.46 แสนล้านบาท เป็นการลงทุนของภาค เอกชนราว 2.2 แสนล้านบาท และรัฐ 2.6 หมื่นล้านบาท มีสัญญาดำเนินงาน 45 ปี รวมการก่อสร้าง 5 ปี รัฐจะรับผิดชอบค่าเวนคืนที่ดินแนวรถไฟความเร็วสูงราว 3.5 พันล้านบาท ขณะที่เอกชนต้องจ่าย ค่าเช่าที่ดินมักกะสันและศรีราชารวม 1.4 หมื่นล้านบาท เป็นต้น
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (กนศ.) เปิดเผยว่า หลังจากทำมาร์เก็ตซาวดิ้งครั้งแรกไปแล้ว ได้นำข้อคิดเห็นของนักลงทุนมาปรับปรุงร่างทีโออาร์ และคาดว่าจะประกาศช้าสุดได้ราวต้นเดือนเมษายน 2561 นี้
โดยร่างทีโออาร์ กำหนดผู้ที่จะเข้ามาร่วมลงทุน จะต้องเป็นนิติบุคคลรายเดียวหรือมากกว่า 1 รายร่วมกันในรูปกิจการร่วมค้า หรือร่วมทุน โดยต้องเป็นนิติบุคคลที่จัดตั้งมาไม่น้อยกว่า 3 ปี และมีคุณสมบัติ ด้านการเงิน กล่าวคือ 1.กรณีนิติบุคคลแกนนำ ต้องมีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ ไม่น้อยกว่า 4.5 หมื่นล้านบาท หรือ 2.แกนนำต้องมีสินทรัพย์ไม่น้อยกว่า 2.5 หมื่นล้านบาท บวกกับนิติบุคคล 2 ราย อีก 2 หมื่นล้านบาท โดยที่นิติบุคคลแต่ละรายต้องมีสินทรัพย์ไม่น้อยกว่า 1 หมื่นล้านบาท
ขณะที่คุณสมบัติด้านการระดมทุน ต้องมี 1.หนังสือแสดงเจตจำนง (LOI) หรือการันตีไม่น้อย กว่า 1.2 แสนล้านบาท หรือ 2. มีเงินสด/สินทรัพย์เทียบเท่าเงินสดไม่น้อยกว่า 1.2 แสนล้านบาท หรือ 3. LOI บวกกับเงินสดแล้ว ไม่น้อยกว่า 1.2 แสนล้านบาท
ส่วนคุณสมบัติด้านเทคนิค จะแยกเป็น 3 ส่วน โดยส่วนแรกจะเป็นเรื่องของประสบการณ์การก่อสร้างโครงการ ซึ่งมี 3 ส่วนย่อย ได้แก่ ประสบการณ์งานออก แบบโครงสร้างพื้นฐาน ด้านการก่อสร้าง และด้านการจัดหางานระบบ พร้อมกับอุปกรณ์ เครื่องกล และไฟฟ้า ส่วนที่ 2 เป็นเรื่องของประสบการณ์ด้านการเดินรถไฟและซ่อมบำรุงรักษา ซึ่งผู้ยื่นข้อเสนอต้องมีประสบการณ์ด้านการเดินรถไฟความเร็วสูงที่ความเร็ว 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และดำเนินการแล้ว 5 ปีต่อเนื่อง ส่วนที่ 3 ต้องมีประสบการณ์พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ หรือประสบการณ์เป็นนักลงทุนพัฒนาเมือง บนเนื้อที่ไม่ตํ่ากว่า 2 หมื่นตารางเมตร
สำหรับค่าธรรมเนียมในขั้นตอนการคัดเลือกเอกชนนั้น การซื้อซองจะอยู่ที่ 2 ล้านบาท และ เมื่อจัดทำเอกสาร ข้อเสนอแล้วยื่นซองประมูลเข้ามา ต้องยื่นหลักประกันซองที่มีมูลค่า 4 พันล้านบาท จากนั้นเข้าขั้นตอนการประเมิน ซึ่งจะต้องมีค่าธรรมเนียมประเมินเอกสารอีก 2 ล้านบาท หลังจากนั้นได้ผู้ที่ผ่านการคัดเลือกแล้ว จะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการลงนามในสัญญาอีก 2 ล้านบาท
การพิจารณาข้อเสนอ จะต้องมีแผนการพัฒนาธุรกิจ การให้บริการ การบริหารความเสี่ยง การเงิน รวมทั้งวงเงินที่รัฐร่วมลงทุนน้อยที่สุดเป็นรายปี และแผนงานที่คาดว่าจะแบ่งปันผลกำไรให้กับการรถไฟแห่งประเทศ ไทย(ร.ฟ.ท.) ที่คำนวณกลับมาเป็นมูลค่าปัจจุบันสุทธิสูงสุด ซึ่งจะเป็นผู้ผ่านเกณฑ์พิจารณา เมื่อคัดเลือกผู้ชนะได้แล้ว ก่อนลงนามสัญญาผู้ชนะประมูลจะต้องจดทะเบียนเป็นนิติบุคคลใหม่ (SPV) มีวัตถุประสงค์ดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินเท่านั้น
บริษัทเฉพาะกิจที่ตั้งขึ้นใหม่นี้ ต้องถือหุ้นโดยฝ่ายไทยมากกว่า 51% ถือโดยบริษัทแกนนำไม่น้อยกว่า 30% และบริษัทอื่นๆ ที่เหลือถือไม่ตํ่ากว่า 5% ซึ่งการจัดตั้งเริ่มแรกจะต้องมีเงินทุนจดทะเบียน 4 พันล้านบาท และเมื่อเปิดดำเนินการแล้วจะต้องเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 3.6 หมื่นล้านบาท
นายรัฐภูมิ ปริชาตปรีชา ประธานคณะกรรมการวิศวกรรมระบบราง วิศวกรรมสถานแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้ความเห็นว่า ร่างทีโออาร์ที่ออกมา ผู้เข้าร่วมประมูลจะต้องมีเงินหนาพอที่จะเข้ามาเสี่ยง เพราะหากเป็นบริษัทเล็กๆ เงินทุนน้อย จะสู้ไม่ไหว จากการเสนอผลตอบ แทนรัฐ และค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาค่อนข้างสูง และผลตอบแทนระยะสั้น ระยะกลางแทบไม่มี
ดังนั้น การจะให้โครงการเกิดได้ การดำเนินงานอยากจะให้เอื้อกับเอกชนที่มีความสามารถไปเลย แต่ต้องสัญญากับรัฐว่า จะต้องคุมค่าโดยสารให้เหมาะสม ความปลอดภัยและความสะดวกสบายในการใช้งาน การสัญญาว่าจะต้องมีการพัฒนาอุตสาหกรรม และการให้บริการ จ้างคนในทุกระดับเป็นคนไทย มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีควบคู่กับการทำวิจัยและพัฒนา การจัดตั้งโรงงานอะไหล่ที่สำคัญเพื่อการซ่อมบำรุง เป็นต้น
Note: ทุนใหญ่ที่ว่าดันเป็นขมิ้นกะปูนกับ เจ้าของสปริงนิวส์ที่เป็นเจ้าของฐานเศรษฐกิจนี่ครับ จึงต้องเขียนเช่นนี้จึงจะถูกใจกอง บก. และเจ้าของ
//-------------------------
ประยุทธ์ สั่งลุยศึกษาเมืองใหม่ EEC ไม่เกิน 2 สัปดาห์เปิดทีโออาร์ไฮสปีด ชี้ แจ๊ค หม่า จะประกาศอบรมเอสเอ็มอีไทย
18 เมษายน 2561
- 18 เม.ย. 61 - นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (EEC) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายอีอีซี ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม ว่า วันนี้มีการหารือในความชัดเจนในการศึกษาการสร้างเมืองใหม่ ซึ่งยังมีความเห็นที่แตกต่างกันหลายประเด็น จึงยังไม่ได้ข้อสรุปว่าเมืองใหม่ต้องอยู่ที่ไหน อย่างไร เรื่องสิทธิประโยชน์จะให้อย่างไร การปกครองจะเป็นอย่างไร
เลขาธิการอีอีซี กล่าวว่า นายกรัฐมนตรีให้นโยบายว่า ขอให้ไปดูเมืองใหม่จริงๆ เมืองที่ทำงานกับเอกชนให้ได้ หน้าตาจะเป็นอย่างไร และเอกชนจะอยู่ตรงไหน โดยแบ่งเป็น เมืองน่าอยู่ เช่น เมืองเก่าหรือจังหวัดที่มีอยู่ จะทำที่จังหวัดชลบุรี หรือ ที่ไหนก็ได้ ซึ่งนายกฯมอบหมายให้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมไปดูแล ส่วน เมืองของแรงงาน ที่ให้ผู้ใช้แรงงานและคนต่างประเทศอยู่ด้วยกัน มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ดูแล ซึ่งบีโอไอแจ้งว่าจะเสนอแพคเกจเมืองแรงงานได้ในการประชุมคณะกรรมการบีโอไอในวันที่ 9 พ.ค.นี้
ส่วนเรื่องเมืองใหม่ที่จะทำงานกับเอกชน หรือเรียกว่าเมืองปั้น เพราะปั้นขึ้นมาทั้งเมือง นายกฯให้สำนักงานอีอีซี ดูแล โดยกำชับให้ดูว่าจะทำอย่างไร ให้สิทธิประโยชน์อย่างไร เงื่อนไขเป็นอย่างไร ซึ่งสำนักงานอีอีซีได้รายงานว่า ต้องการให้เมืองใหม่เป็นเมืองอัจฉริยะ ต้องมี 6 ด้าน ทั้งเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม คมนาคม พลังงาน การอยู่อาศัย และการบริหาร ซึ่งนายกฯจึงขอให้ไปตรวจสอบดูว่าเอกชนมีพื้นที่เท่าไร จะกำหนดพื้นที่ประมาณไหน และหาทางให้เอกชนเป็นคนดำเนินการ จะช่วยกันทำได้อย่างไร ติดกฎหมายอย่างไรบ้าง อันไหนทำได้ อันไหนทำไม่ได้ ต้องทำอะไรบ้าง
นายคณิศ กล่าวอีกว่า นอกจากนี้ นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ให้ความเห็นไว้ 3 เรื่องที่ต้องรีบทำ คือ 1.เรื่องการลงทุน ที่ นายแจ๊ค หม่า ประธานบริหารของกลุ่มอาลีบาบา จะเดินทางมาประเทศไทยในวันที่ 19 เม.ย. ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนโทนของการลงทุน 2.เร่งให้ทำรถไฟความเร็วสูงให้จบ และ 3.ศูนย์ซ่อมบำรุงอากาศยาน (MRO) ที่ให้ช่วยกันทำโดยด่วน
นายคณิศ กล่าวอีกว่า เรื่องร่างขอบเขตของงาน (ทีโออาร์) รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน วันนี้คณะทำงานได้รายงานความคืบหน้าของการจัดทำทีโออาร์ให้ที่ประชุมรับทราบว่า ร่างทีโออาร์มีโครงสร้างสำคัญอย่างไร แต่ขอยังไม่เปิดเผยรายละเอียดในตอนนี้ แต่เป็นไปตามเงื่อนไขที่นายกรัฐมนตรี และนายสมคิดต้องการให้เร่งทำทีโออาร์ให้เสร็จโดยเร็ว ซึ่งตอนนี้เกือบจะเสร็จแล้ว พอดีติดช่วงเทศกาลสงกรานต์จึงช้าไปเล็กน้อย แต่คาดว่าไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ ร่างทีโออาร์ก็จะเสร็จแล้ว คงจะเปิดทีโออาร์ได้ โดยไม่ต้องนำกลับเข้าบอร์ดอีอีซีอีก เพราะคณะกรรมการคัดเลือกดำเนินการโดยอิสระ
จากการตรวจสอบ เชื่อว่าเมื่อมีการเปิดทีโออาร์จะมีผู้เข้ามาประมูลแน่นอน นับจากวันที่เปิดทีโออาร์ก็นับไปอีก 4 เดือน ผู้เข้าประมูลก็จะมีข้อเสนอกลับมา จากนั้นเจรจาอีก 1 เดือน รวมแล้ว 5 เดือนก็จะเสร็จ ตั้งเป้าว่าปลายปีนี้ หรือ ช่วงเดือนพฤศจิกายนจะต้องได้ผู้เข้าลงทุนโครงการ นายคณิศ กล่าว
นายคณิศ กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายอีอีซีว่า การเดินทางมาประเทศไทย ของนายแจ๊ค หม่า ประธานบริหารของกลุ่มอาลีบาบา ในวันพรุ่งนี้ (19 เม.ย.) อาจจะมีการประกาศจำนวนเอสเอ็มอีที่อาลีบาบาจะมีการอบรมให้ รวมทั้งปริมาณข้าวที่จะส่งไปขาย จึงขอให้มองเป็นเรื่องของความร่วมมือกัน ไม่ใช่แค่เรื่องของการลงทุน เช่น ความร่วมมือการนำสินค้าเกษตรไปขายที่จีน การนำเอสเอ็มอี โอท็อป ไปอยู่บนแพลตฟอร์มของอาลีบาบา แต่ภายใต้ความร่วมมือมีการลงทุนเกี่ยวกับสมาร์ทดิจิทัลฮับ อีคอมเมิร์ซ ที่อาลีบาบาประกาศวงเงินลงทุนแล้วประมาณหมื่นล้านบาทในรอบแรก
ไม่ใช่แค่เรื่องของการลงทุน เรื่องนี้เราเจรจาค่อนข้างนาน เพราะเราไม่ได้เน้นการลงทุนอย่างเดียว เราอยากจะเห็นเขาช่วยคนตัวเล็กตัวน้อยของประเทศไทย เพราะเขาตัวใหญ่มาก มาแบบนี้ก็คุยกันเรื่องความช่วยเหลือกันระหว่างเรากับอาลีบาบา ส่วนการลงทุนเป็นส่วนที่ตามมา
อีกส่วนที่เขาต้องการทำคือเรื่องการท่องเที่ยว เพราะเขาบอกว่าคนจีนมาเที่ยวประเทศไทยจำนวนมาก เขามีแผนที่บนแพลตฟอร์มท่องเที่ยวของเขาอยู่แล้ว จึงขอให้เขานำสินค้า ร้านอาหารของเราไปอยู่บนแผนที่ของเขา ซึ่งจะสามารถเชื่อมโยงกับระบบอีเพย์เม้นของเราได้ด้วย นายคณิศ กล่าว |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44664
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 20/04/2018 6:33 am Post subject: |
|
|
ต่างชาติกินรวบไฮสปีดเทรน ประยุทธ์ บี้เปิดประมูลรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน
โดย ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 19 เม.ย. 2561 09:30
"ประยุทธ์" จี้เร่งคลอดทีโออาร์ประมูลรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ถกเครียดเปิดทางต่างชาติถือหุ้นใหญ่บริษัทเข้าประมูลงานได้ 51% รฟท.แจงเปิดเงื่อนไขประมูลให้ซื้อซองได้เดือน พ.ค.นี้ คาดได้เอกชนตอกเสาเข็มโครงการปลายปีนี้
นายคณิศ แสงสุพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการนโยบายการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (กนศ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุม กนศ.ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ได้ติดตามความคืบหน้าการจัดทำร่างเงื่อนไขการประมูล หรือทีโออาร์ โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน คือสนามบินดอนเมือง สนามบินสุวรรณภูมิ และสนามบินอู่ตะเภา หรือไฮสปีดเทรน ซึ่งนายกรัฐมนตรี และนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์<br />รองนายกรัฐมนตรี ต้องการให้เร่งทำทีโออาร์ให้เสร็จโดยเร็ว ทั้งนี้ นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รักษาการผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศ ไทย (รฟท.) ได้รายงานว่า ขณะนี้ร่างทีโออาร์ใกล้เสร็จสมบูรณ์เหลือปรับแก้รายละเอียดเล็กน้อย คาดว่าจะใช้เวลาอีก 1-2 สัปดาห์จะแล้วเสร็จ และเปิดขายซองประมูลได้ในเดือน พ.ค.นี้
"ผมมั่นใจว่าจะมีคนเข้ามาร่วมประมูล เพราะเช็กตลาดมาเรียบร้อยแล้ว โดยหลังจากเปิดขายซองประมูล จะใช้เวลาประมาณ 4 เดือนให้บริษัทเอกชนเสนอข้อเสนอเข้ามา จากนั้นจะตรวจสอบข้อเสนอและคัดเลือกคนที่ชนะ และเรียกมาเจรจาภายใน 1 เดือน เมื่อได้ผู้ชนะการประมูลแล้วก็นำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อรับทราบเพราะมีเรื่องงบประมาณเข้ามาเกี่ยวข้อง ซึ่งภายในปลายปีนี้ หรือช่วงเดือน พ.ย.2561 จะได้ตัวเอกชนมาลงทุนแน่นอน"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุม กนศ.ได้หารือกันถึงร่างทีโออาร์ที่ได้กำหนดให้บริษัทเอกชนที่เข้ามาประมูลโครงการสามารถถือหุ้นในนิติบุคคลที่จะจดทะเบียนในประเทศไทยในสัดส่วน 51% ตามข้อเสนอของต่างชาติ เพื่อจูงใจให้ต่างชาติเข้ามาลงทุน แต่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาให้ความเห็นว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการขนาดใหญ่และเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญจึงเห็นควรให้บริษัทสัญชาติไทยเป็นผู้ถือหุ้นข้างมาก ซึ่งไม่ได้ข้อสรุปในที่ประชุมว่าจะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไร จึงได้ให้คณะกรรมการจัดทำร่างทีโออาร์และคัดเลือกเอกชนที่มีนายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ รักษาการผู้ว่าการ รฟท. เป็นประธาน ไปพิจารณาความเหมาะสมก่อนจะประกาศเชิญชวนนักลงทุนต่อไป
ทั้งนี้ นายคณิศได้กล่าวถึงประเด็นสัดส่วนการถือหุ้นดังกล่าวว่า เรื่องสัดส่วนการถือหุ้นของต่างชาติในบริษัทที่เข้ามาบริหารจัดการโครงการนั้น มาจากรับฟังความเห็นต่างชาติที่มีความต้องการสัดส่วนการถือหุ้นเกินกึ่งหนึ่งเพื่อความคล่องตัวในการบริหารจัดการ แต่เรื่องสัดส่วนการถือหุ้นเป็นเพียงส่วนหนึ่ง ยังมีประเด็นอื่นๆ อีกที่จะทำให้การประมูลครั้งนี้เป็นการประมูลแบบนานาชาติได้อย่างแท้จริง
นอกจากนี้ ที่ประชุม กนศ.ยังได้พิจารณาเรื่องโครงการพัฒนาเมืองใหม่ ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้จัดทำแผนให้ชัดใน 3 ส่วนประกอบด้วย ส่วนที่ 1.ซึ่งเป็นเมืองเก่าจะพัฒนาให้ไปสู่การเป็นเมืองอัจฉริยะ โดยมี พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เป็นผู้รับผิดชอบ ส่วนที่ 2 เมืองที่จะเป็นพื้นที่รองรับที่อยู่อาศัยของแรงงานต่างชาติ ให้สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ไปพิจารณามาตรการส่งเสริมให้เอกชนลงทุนพัฒนาที่อยู่อาศัยรองรับในส่วนนี้ ซึ่งทางบีโอไอจะประชุมบอร์ดเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ในวันที่ 9 พ.ค.นี้ และส่วนที่ 3 การพัฒนาเมืองใหม่ที่แท้จริง รองรับอีอีซี และเป็นสมาร์ทซิตี้ในทุกด้านไม่ว่าจะเป็นสิ่งแวดล้อม คมนาคม พลังงาน ที่อยู่อาศัย ทางสำนักงานอีอีซีจะเป็นผู้ดูแล โดยนายก-รัฐมนตรีให้พิจารณาในรายละเอียดทั้งแผนงาน กฎหมาย ส่วนที่ไปเกี่ยวข้องกับการปกครองส่วนท้องถิ่น และมาตรการส่งเสริมการลงทุนว่าสิ่งใดสามารถดำเนินการได้หรือไม่ได้ รวมทั้งพิจารณาด้วยว่าเอกชนมีพื้นที่มากน้อยเพียงใดที่จะพัฒนาเป็นสมาร์ทซิตี้
"นายกฯสั่งให้ไปดูว่าถ้าจะมีเมืองใหม่ขึ้นมา จะให้สิทธิประโยชน์ และเงื่อนไขอย่างไรบ้าง รวมทั้งดูด้วยว่าเอกชนมีพื้นที่ที่จะเอามาทำเมืองใหม่อยู่เท่าไร ติดขัดปัญหาอะไรก็หาทางช่วยกัน โดยเฉพาะด้านกฎหมายมีอะไรบ้างที่ต้องแก้ไข ซึ่งข้อกฎหมายที่ต้องไปดูมี 16 เรื่อง เช่น การขุดดิน ถมดิน เรื่องที่เกี่ยวข้องกับการก่อสร้างอาคาร และยังมีเรื่องที่เกี่ยวกับการปกครองส่วนท้องถิ่นด้วย ซึ่งอยู่ในระหว่างการศึกษา โดยหลักการที่จะเป็นเมืองอัจฉริยะอย่างแท้จริงต้องมีครบทั้ง 6 ด้าน คือด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม คมนาคม พลังงาน การอยู่อาศัย และการบริหารจัดการ"
สำหรับงานที่ต้องเร่งดำเนินการในอีอีซีเพื่อสร้างความมั่นใจให้นักลงทุนตามที่นายสมคิดสั่งการไว้ที่สำคัญคือ เรื่องรถไฟความเร็วสูงซึ่งกำลังจะออกทีโออาร์ ถัดไปที่จะต้องเร่งทำคือทีโออาร์สนามบินอู่ตะเภาซึ่งจะใช้เวลาอีก 2-3 เดือน และศูนย์ซ่อมบำรุงการบิน หรือเอ็มอาร์โอ ที่บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ร่วมกับแอร์บัส ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก ส่วนเรื่องพัฒนาการท่องเที่ยวในพื้นที่ได้ดำเนินการไปแล้ว. |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
|
Posted: 20/04/2018 1:04 pm Post subject: |
|
|
เร่งผลิตช่าง 7.5 หมื่นคน! ป้อนรถไฟความเร็วสูง
ออนไลน์เมื่อ 19 เมษายน 2561
ตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ
ปีที่ 38 ฉบับที่ 3,353 วันที่ 1-4 เมษายน 2561 หน้า 11
วศรท. ผนึก สนง. คณะกรรมการอาชีวศึกษา เร่งผลิตบุคลากรระดับช่างเทคนิคระบบรางป้อนโครงการรถไฟเชื่อม 3 สนามบิน และพื้นที่อีอีซี พร้อมเอ็มโอยู อินชอน จากเกาหลี แลกเปลี่ยนเทคโนโลยีเดินรถและซ่อมบำรุงรถไฟฟ้า เผย ระดับช่างเทคนิคมีความต้องการกว่า 7.5 หมื่นคน
นายดิสพล ผดุงกล นายกสมาคมวิศวกรรมระบบขนส่งทางรางไทย (วศรท.) เปิดเผยถึงความร่วมมือกับคณะกรรมการการอาชีวศึกษาป้อนระบบรางให้สอดคล้องกับแผนพัฒนาเมกะโปรเจ็กต์ระบบรางของรัฐบาล ว่า ในการลงนามบันทึกความร่วมมือของ วศรท. เมื่อวันที่ 29 มี.ค. 2561 ที่ผ่านมา มีการลงนามบันทึกความร่วมมือร่วมโครงการผลิตกำลังคนอาชีวศึกษาด้านระบบขนส่งทางรางเขตพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันออก (อีอีซี) ระหว่างสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษาและ วศรท. รวมถึงการลงนามกับ บริษัท อินซอน ทรานซิท คอร์ปอเรชั่นฯ กับ บริษัท รุ่งณรงค์ จำกัด และบริษัท KTT คอนซัลแตนท์ จำกัด ซึ่งบริษัท อินชอนฯ เป็นผู้ให้บริการรถไฟฟ้า รถเมล์ รถแท็กซี่ ในเมืองอินชอน ของเกาหลีใต้
โดยการร่วมมือครั้งนี้ วศรท. พร้อมเป็นศูนย์กลางจัดหาวิทยากร สถานที่ฝึกงาน ตลอดจนสำนักงานคณะกรรมการอาชีวศึกษาต้องการ ซึ่งได้มอบหมายให้วิทยาลัยเทคนิคชลบุรีเป็นหัวหน้าเขตของการพัฒนาระบบรางในพื้นที่อีอีซี รับเป็นเจ้าภาพรับไปดำเนินการ
การดำเนินงานด้านการพัฒนาเพื่อหาบุคลากรระดับอาชีวศึกษา หรือ ระดับช่างเทคนิคป้อนระบบรางนำร่องในพื้นที่อีอีซี ส่วนการขยายและจัดหากำลังคนให้ครบและเพียงพอได้อย่างไรนั้น หน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) ได้มีการศึกษารองรับไว้แล้ว ประมาณ 2 หมื่นคน เมื่อประมาณช่วง 5 ปีที่ผ่านมา แต่ยังไม่รวมแผนการพัฒนาอีอีซีและโครงการรถไฟฟ้าเชื่อม 3 สนามบิน เอาไว้ด้วย เช่นเดียวกับการขยายสนามบินอู่ตะเภา คาดว่าจำนวนความต้องการแรงงานป้อนระบบรางน่าจะมากกว่า 1 แสนคน โดยประมาณ 7.5 หมื่นคน จะเป็นแรงงานระดับช่างเทคนิคที่มีความต้องการใช้งาน
สำหรับการลงนามครั้งนี้ กับ อินชอน ทรานซิท เพื่อให้บริการเดินรถและบำรุงรักษา เนื่องจากบริษัท รุ่งณรงค์ฯ ได้รับงานจากสนามบินสุวรรณภูมิ เกี่ยวกับระบบขนส่งผู้โดยสารระหว่างอาคารผู้โดยสารหลังเก่ากับอาคารผู้โดยสารหลังใหม่ ที่อยู่ระหว่างการก่อสร้าง อีกทั้ง ภายหลังผ่านพ้นระยะเวลา 2 ปีนี้ไปแล้ว บริษัท รุ่งณรงค์ฯ ยังมีโอกาสได้รับงานโครงการอื่น ๆ ต่อเนื่องกันไป
วศรท. พร้อมประสานงานให้มีการถ่ายทอดเทคโนโลยีกับ บริษัท รุ่งณรงค์ฯ ด้านธุรกิจเกี่ยวกับการให้บริการเดินรถและบำรุงรักษา ประการสำคัญทางบริษัท รุ่งณรง และอินชอน ยังพร้อมร่วมมือกันยื่นข้อเสนอในการเดินรถและบำรุงรักษาโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ที่มีมูลค่ากว่า 3.2 หมื่นล้านบาท ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) เป็นระยะเวลา 30 ปีอีกด้วย
. |
|
Back to top |
|
|
|