View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42744
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42744
Location: NECTEC
|
Posted: 27/11/2021 9:07 pm Post subject: |
|
|
การรถไฟฯ ยืนยันไม่รื้อหัวลำโพง พร้อมเปิดเวทีสาธารณะรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน
https://www.facebook.com/pr.railway/posts/5219862844695211
หัวลำโพง ต้นทางเดินรถไฟไปไกลทุกภาค
กำเนิดสถานีรถไฟกรุงเทพ หรือหัวลำโพง แต่รถไฟจะมีสถานีอย่างเดียวก็ไม่สามารถวิ่งบริการได้ วันนี้เราจะพาไปย้อนดูประวัติการเดินรถไฟ ตั้งแต่ยุคหัวรถจักรไอน้ำ จนถึงปัจจุบัน
CR : MCOT (ข่าวค่ำ 25 พ.ย. 64)
https://www.facebook.com/watch/?v=258949862932884
ย้อนรำลึก 105 ปี ตำนานหัวลำโพง
สถานีรถไฟกรุงเทพ หรือหัวลำโพง เป็นศูนย์กลางให้บริการระบบรางของประเทศมากว่า 100 ปี และกำลังก้าวสู่จุดเปลี่ยนสำคัญ วันนี้จะพาไปย้อนดูจุดกำเนิด คุณค่า และความเปลี่ยนแปลง ที่สถานีแห่งนี้มีให้กับสังคมไทยตลอดเวลาที่ผ่านมา
CR : MCOT (ข่าวค่ำ 24 พ.ย.64)
https://www.facebook.com/watch/?v=4537256136327556
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42744
Location: NECTEC
|
Posted: 28/11/2021 4:05 am Post subject: |
|
|
สั่งเปิดเวทีรับฟังความเห็นการเดินรถไฟเข้าหัวลำโพง
หน้าอสังหาริมทรัพย์
ฐานเศรษฐกิจดิจิทัล
วันเสาร์ ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เวลา 12:10 น.
กระแสต้านปิดหัวลำโพง ดังกระหึ่ม ! การรถไฟฯ ยืนยันไม่รื้อหัวลำโพง พร้อมเปิดเวทีสาธารณะรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน
เสียงต่อต้านการหยุดเดินรถเข้าสถานีรถไฟกรุงเทพ(หัวลำโพง)ดัง กระหึ่ม ถึงหูพลเอกประยุทธื จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หลังจากนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม มีนโยบาย ให้การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) หยุดนำขบวนรถไฟเข้าสู่สถานีหัวลำโพง นับตั้งแต่วันที่23ธันวาคม2564เป็นต้นไป สร้างผลกระทบเป็นวงกว้างให้กับประชาชนผู้คุ้นเคยเคยสัญจรไปมาหาสู่กันในระแวกนั้น โดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย
อีกทั้งกระทบต่อหลายอาชีพหลายชีวิต ทั้ง พ่อค้าแม่ค้า รถรับจ้างในย่านนั้น ขณะเดียวกันยังมีแผนแปลงโฉมพื้นที่โดยรอบสถานีหัวลำโพง120ไร่พัฒนาเชิงพาณิยช์ โดยอ้างในวันแถลงข่าวเมื่อไม่นานมานี้ว่าการรถไฟตกอยู่ในภาวะขาดทุนเพิ่มขึ้นกว่า6แสนล้านบาท ซึ่งหลายฝ่ายทั้งภาคประชาชน นักวิชาการ นักการเมือง นักอนุรักษ์ และสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจรฟท. มองว่าฟังไม่ขึ้นเพราะยังมีที่ดินอีกมากของการรถไฟที่พร้อมกว่าพื้นที่บริเวณสถานีหัวลำโพง ที่มีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่ามายาวนานกว่า 105ปี ควรค่าแก่การอนุรักษ์ไว้
ล่าสุด รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม สั่งการเร่งเปิดเวทีสาธารณะเปิดรับฟังความคิดเห็นประเด็นการเดินรถเข้าสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) ย้ำไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน สำหรับการพัฒนาพื้นที่หัวลำโพงนั้น สามารถสร้างรายได้ให้แก่การรถไฟฯ ในอนาคต
นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการใช้งานและการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) หลังจากที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์และความกังวลถึงเรื่องดังกล่าวว่า
ยืนยันจะไม่มีการทุบหรือรื้อทิ้งสิ่งปลูกสร้างสถานีรถไฟหัวลำโพงหรือปิดให้บริการแต่อย่างใด โดยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้สั่งการให้การรถไฟฯ ดำเนินการเปิดเวทีสาธารณะรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนตามนโยบายของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแล้ว
สำหรับแผนพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์สถานีรถไฟหัวลำโพงในอนาคตนั้น การรถไฟฯ ได้มีการตั้งบริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด เพื่อบริหารที่ดินของการการรถไฟฯ ทุกแปลง โดยจากการประเมินรายได้จากการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์บริเวณหัวลำโพงในอนาคต ระยะเวลา 30 ปี
พบว่า จะมีรายได้เข้ามารวม 800,000 ล้านบาท โดยในปีแรกจะอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท และปีที่ 5 จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะเพียงพอต่อการแก้ไขปัญหาภาระหนี้ของรถไฟที่ขาดทุนสะสมต่อเนื่องที่ประมาณ 150,000 ล้านบาท 160,000 ล้านบาท
ส่วนปัญหาเรื่องการเดินรถไฟเข้ามาในเขตกรุงเทพชั้นใน รัฐบาลได้เล็งเห็นปัญหานี้มานานแล้วจึงได้พัฒนาโครงการสถานีกลางบางซื่อขึ้นเพื่อให้เป็นศูนย์กลางของระบบคมนาคม โดยเฉพาะระบบราง ซึ่งประกอบไปด้วย รถไฟฟ้าสายสีแดง, รถไฟทางไกล รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน และรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน
รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีแดงส่วนต่อขยายในอนาคต เพื่อช่วยในการแก้ไขปัญหาการจราจรแออัดในพื้นที่กรุงเทพมหานครโดยเฉพาะจุดตัดเสมอระดับทางรถไฟ-รถยนต์ และเมื่อการก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อแล้วเสร็จจึงเห็นควรให้มีการปรับการเดินรถเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรอย่างเป็นรูปธรรม
อย่างไรก็ดี ทางรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคม และ การรถไฟฯ เปิดรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนเพื่อนำมาประกอบการพิจารณาและหาข้อสรุป เพื่อให้สามารถตอบโจทย์การดำเนินงานในทุกมิติได้อย่างแท้จริง และไม่ให้เกิดผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน
นอกจากนี้ทางกระทรวงคมนาคมยังได้มีการจัดทำระบบขนส่งมวลชนรอง หรือ ฟีดเดอร์ เช่น รถเมล์ ขสมก. รวมถึงประสานงานกับภาคเอกชนที่มีสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินในการอำนวยความสะดวกและยังเป็นการเพิ่มทางเลือกในการเดินทางให้แก่พี่น้องประชาชนอีกด้วย
https://www.thebangkokinsight.com/news/politics-general/politics/756999/ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42744
Location: NECTEC
|
Posted: 28/11/2021 9:05 pm Post subject: |
|
|
อย่าเท ! ผู้โดยสารรถไฟ
Samart Ratchapolsitte
วันอาทิตย์ ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เวลา 08:58 น.
หากกระทรวงคมนาคมห้ามไม่ให้รถไฟวิ่งเข้า-ออกหัวลำโพง ค่าเดินทางของผู้โดยสารรถไฟชานเมืองจากรังสิต-หัวลำโพง จะพุ่งกระฉูดจาก 6 บาท เป็น 46 บาท หรือเพิ่มขึ้นถึง 6.7 เท่า เป็นภาระหนักของผู้หาเช้ากินค่ำ น่าเห็นใจยิ่งนัก
1. ปัจจุบันค่าเดินทางจากรังสิต-หัวลำโพง โดยรถไฟชานเมืองถูกมาก !
ผู้ที่อยู่อาศัยแถวรังสิตและทำงานแถวหัวลำโพง หากต้องการประหยัดค่าเดินทางและเวลา มักเลือกเดินทางโดยรถไฟชานเมืองจากสถานีรังสิตเข้าสู่สถานีหัวลำโพง ซึ่งมีค่าโดยสารถูกเพียง 6 บาทเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 60 นาที เป็นการลดภาระค่าครองชีพ และประหยัดเวลาเดินทางได้อย่างดี
2. หากห้ามไม่ให้รถไฟชานเมืองวิ่งเข้า-ออกหัวลำโพง ผู้โดยสารจะทำอย่างไร ?
หากกระทรวงคมนาคมห้ามไม่ให้รถไฟวิ่งเข้า-ออกสถานีหัวลำโพง โดยให้ผู้โดยสารรถไฟชานเมืองลงรถไฟที่สถานีบางซื่อ เขาต้องเสียค่าโดยสารจากสถานีรังสิต-สถานีบางซื่อ 4 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที จากนั้นเขาจะต้องเดินทางต่อไปยังสถานีหัวลำโพง ถ้าเขาต้องการไปให้ทันเวลาทำงาน เขาต้องใช้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินหรือ MRT จากสถานีบางซื่อ-สถานีหัวลำโพง ค่าโดยสาร 42 บาท ใช้เวลาประมาณ 30 นาที แต่เขาต้องเสียเวลารอขึ้นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่สถานีบางซื่ออีกประมาณ 10-15 นาที
ดังนั้น เขาต้องเสียค่าเดินทางจากสถานีรังสิต-สถานีหัวลำโพง รวมทั้งหมด 46 บาท (เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เขาเสียเพียง 6 บาท) รวมค่าเดินทางไป-กลับ 92 บาทต่อวัน ค่าเดินทางนี้ยังไม่รวมค่ารถมอเตอร์ไซค์ และ/หรือค่ารถเมล์ ทำให้เป็นภาระหนักในการดำรงชีพของเขา
3. ผู้โดยสารรถไฟชานเมืองสายอื่นก็อ่วมเช่นเดียวกัน
ตัวอย่างข้างต้นเป็นการเดินทางของผู้โดยสารรถไฟชานเมืองสายเหนือและสายอีสานเท่านั้น สำหรับผู้โดยสารรถไฟชานเมืองสายใต้ หากเขาต้องลงรถไฟที่สถานีบางซื่อ เขาก็ต้องเดินทางต่อไปให้ถึงสถานีหัวลำโพง เช่นเดียวกันกับผู้โดยสารรถไฟชานเมืองสายตะวันออก หากเขาต้องลงรถไฟที่สถานีมักกะสัน เขาก็ต้องเดินทางต่อไปให้ถึงสถานีหัวลำโพง ทำให้เขาต้องเสียค่าเดินทางและเวลาเพิ่มขึ้นจากเดิมมาก
4. รถไฟชานเมืองบางขบวนต้องจอดที่ชานเมือง ไม่ให้เข้าบางซื่อ !
การรถไฟฯ วางแผนที่จะให้รถไฟชานเมืองสายเหนือและสายอีสานบางขบวนจอดที่สถานีดอนเมือง สายใต้บางขบวนจอดที่สถานีตลิ่งชัน ไม่ให้เข้าสถานีบางซื่อ จากสถานีดอนเมืองหรือสถานีตลิ่งชัน ผู้โดยสารจะต้องใช้รถไฟฟ้าสายสีแดงวิ่งเข้าสู่สถานีบางซื่อ และจากสถานีบางซื่อจะต้องใช้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินวิ่งเข้าสู่สถานีหัวลำโพง ทำให้ต้องเสียค่าเดินทางเพิ่มขึ้นอีกมาก
เช่น เดิมเสียค่าเดินทางจากดอนเมือง-หัวลำโพง โดยรถไฟชานเมือง 5 บาท แต่ถ้าใช้รถไฟฟ้าสายสีแดงจากดอนเมือง-บางซื่อ จะเสียค่าโดยสาร 33 บาท และใช้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินจากบางซื่อ-หัวลำโพง ค่าโดยสาร 42 บาท รวมเป็นค่าเดินทางจากดอนเมือง-หัวลำโพง 75 บาท (เพิ่มขึ้นจากเดิมที่เคยเสียเพียง 5 บาท) รวมค่าเดินทางไป-กลับ 150 บาทต่อวัน ค่าเดินทางนี้ยังไม่รวมค่ารถมอเตอร์ไซค์ และ/หรือค่ารถเมล์
5. ผู้โดยสารที่เคยลงรถไฟที่สามเสน รพ.รามาธิบดี และยมราช จะเดือดร้อน !
ผู้โดยสารรถไฟชานเมืองที่เคยลงรถไฟที่สถานีสามเสน ป้ายหยุดรถ รพ.รามาธิบดี และป้ายหยุดรถยมราชจะเดือดร้อน เพราะไม่สามารถลงรถไฟรายทางได้อีกต่อไป เนื่องจากจะไม่มีรถไฟวิ่งเข้าหัวลำโพง ทำให้เขาต้องเสียค่าเดินทางและเวลาเพิ่มขึ้น น่าเห็นใจมากโดยเฉพาะผู้ที่ต้องเดินทางมาหาหมอที่ รพ.รามาธิบดี
6. รถไฟทางไกลทุกขบวนต้องจอดที่บางซื่อ
รถไฟทางไกลสายเหนือ สายอีสาน และสายใต้ทุกขบวนจะต้องจอดที่บางซื่อ บางขบวนต้องจอดที่สถานีบางซื่อเก่า บางขบวนต้องจอดที่สถานีบางซื่อใหม่ จากสถานีบางซื่อผู้โดยสารที่เคยลงรถไฟที่สถานีสามเสน และสถานีหัวลำโพง จะใช้รถอะไรเพื่อให้สามารถไปถึงจุดหมายปลายทางได้ ผู้โดยสารเหล่านี้มีสัมภาระมาด้วย หากจะใช้รถไฟฟ้าก็คงไม่สะดวก เพราะในชั่วโมงเร่งด่วนรถไฟฟ้าจะมีผู้โดยสารแน่น ทำให้เขาต้องรอรถไฟฟ้านาน ถ้าจะใช้รถแท็กซี่จะต้องเสียค่าโดยสารแพง
7. ข้อเสนอแนะ
ผมขอเสนอให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาดังนี้
7.1 ให้รถไฟวิ่งเข้า-ออกหัวลำโพงได้ ไม่ต้องห่วงว่าจะทำให้รถติดที่จุดตัดระหว่างทางรถไฟกับถนน เพราะการรถไฟฯ กำลังจะก่อสร้างทางรถไฟใต้ดินจากบางซื่อ-หัวลำโพง ทำให้ไม่มีจุดตัด
7.2 ใช้สถานีหัวลำโพงควบคู่กับสถานีกลางบางซื่อ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสาร ใครอยู่ใกล้หัวลำโพงก็ใช้หัวลำโพง ใครอยู่ใกล้บางซื่อก็ใช้บางซื่อ
ทั้งหมดนี้ ด้วยความห่วงใยผู้โดยสารรถไฟทุกคน ไม่อยากเห็นใครต้องถูกเท !
Wisarut wrote: | ตอนนี้มีข่าวแว่วว่า ตั้งแต่ 23 ธันวาคม 2564 การจัดขบวนรถใหม่จะเป็นแบบนี้
ส่วนรถธรรมดา เป็นแบบนี้เพราะ ยังไม่มีระบบห้องน้ำแบบปิดบนรถชั้นสาม
ธ. 201/202 จะเป็น ดอนเมือง - พิษณุโลก
ธ. 207/208 จะเป็น ดอนเมือง - นครสวรรค์
ธ. 209/210 จะเป็น ดอนเมือง - บ้านตาคลี เวลาใหม่
ธ. 211/212 จะเป็น ดอนเมือง - ตะพานหิน
ธ. 233/234 จะเป็น ดอนเมือง - สุรินทร์
ธ. 261/262 จะเป็น สถานีชุมทางบางซื่อ <-> หัวหิน
ส่วนรถชานเมือง จัดการเดินรถแบบนี้
ช. 303/304 จะเป็น ดอนเมือง - ลพบุรี
ช. 339/340 จะเป็น ดอนเมือง - แก่งคอย
เท็จจริงประการใดขึ้นกับผู้ที่คาบข่าวมาให้กระผม
ผมว่าการจัดการเดินรถ แบบ นี้ โดยเฉพาะรถธรรมดาและรถสายใต้เป็นการฆ่าตัวตายทางการเมืองชัดเลย ดูเหมือนท่านจะไม่เคยเรียนรู้ว่า รฟท. เคยทำแบบที่คล้ายกันนี้มาแล้ว เมื่อปี 2497 และก็โดนด่าเปิ่ง จนตั้งกระทู้กันในสภาอย่างดุเดือด จนต้องเลิกเมื่อปี 2498 |
|
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44632
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 29/11/2021 8:00 am Post subject: |
|
|
"หัวลำโพง" กับธรรมาภิบาลนโยบายสาธารณะ | บัณฑิต นิจถาวร
By ดร.บัณฑิต นิจถาวร | เศรษฐศาสตร์บัณฑิต
กรุงเทพธุรกิจ 29 พ.ย. 2564 เวลา 6:04 น.
ข่าวการหยุดใช้สถานีรถไฟหัวลำโพงที่จะเริ่มในเดือนธันวาคม สร้างความไม่สบายใจให้กับคนจำนวนมาก เพราะไม่ชัดเจนว่าอนาคตอะไรจะเกิดขึ้นกับสถานีรถไฟหัวลำโพง จะยังอยู่หรือไม่
หัวลำโพงคือสัญลักษณ์ของความเป็นประเทศ ที่คนไทยภูมิใจและอยากให้เป็นสาธารณสมบัติของชาติ ด้วยเหตุนี้ การตัดสินใจเกี่ยวกับหัวลำโพงจึงเป็นนโยบายสาธารณะที่สำคัญ เพราะกระทบความรู้สึกคนทั้งประเทศ รวมทั้งมีคำถามมากมายในเรื่อง อำนาจตามกฎหมาย ธรรมาภิบาลของการทำนโยบายสาธารณะ และวิธีแก้ปัญหาของหน่วยงานรัฐที่สร้างผลกระทบต่อสังคม นี่คือประเด็นที่จะเขียนวันนี้
การรถไฟแห่งประเทศไทยเป็นรัฐวิสาหกิจ ที่การดำเนินงานมีผลขาดทุนก่อให้เกิดหนี้สินจำนวนมาก ระยะหลังมีข่าวว่า ผู้ที่เกี่ยวข้องจะแก้ปัญหาโดยเอาพื้นที่ของการรถไฟไปใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์เพื่อหารายได้ มีการจัดตั้งบริษัทลูกเพื่อการนี้ และล่าสุดจะปิดการให้บริการของสถานีรถไฟหัวลำโพงเพื่อปูทางไปสู่การใช้พื้นที่
การตัดสินใจดังกล่าวเป็นการตัดสินใจเชิงนโยบายที่มีได้ทั้งถูกและผิด มีทั้งผลดีและผลเสีย จึงจำเป็นที่กระบวนการทำนโยบายต้องรอบคอบ ระมัดระวัง มองประโยชน์ส่วนรวมเป็นที่ตั้ง และมีธรรมาภิบาลในทุกขั้นตอนของการทำนโยบาย นั้นคือ การมีส่วนร่วม การรับผิดรับชอบในเรื่องที่ตัดสินใจ ความโปร่งใส การปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และความเป็นธรรม นี่คือห้าประเด็นธรรมาภิบาลของการทำนโยบายสาธารณะที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน
การมีส่วนร่วม หมายถึง มีขั้นตอนรับฟังความเห็นของประชาชนและผู้ที่ได้รับผลกระทบ เพื่อเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ และให้โอกาสผู้มีส่วนได้ส่วนเสียมีส่วนร่วมในกระบวนการตัดสินใจ เช่น ร่วมเป็นกรรมการ ซึ่งกรณีหัวลำโพง ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสำคัญคือ พนักงานการรถไฟ ชุมชนในพื้นที่หัวลำโพง และ ประชาชน โดยเฉพาะผู้ที่ใช้บริการของสถานีรถไฟหัวลำโพงเป็นประจำ
ความรับผิดรับชอบในการตัดสินใจ หมายถึง การสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนว่า การตัดสินใจมองประโยชน์ของส่วนรวมเป็นที่ตั้ง ตัดสินใจอย่างมีเหตุมีผล บนข้อมูลที่ถูกต้อง มีการวิเคราะห์ผลดีผลเสียของการตัดสินใจเป็นอย่างดี มีระบบบริหารความเสี่ยงที่จะรองรับความผิดพลาดที่อาจเกิดขึ้น
ความโปร่งใส หมายถึง การเปิดเผยข้อมูลและกระบวนการที่ใช้ในการตัดสินใจ ทั้งข้อมูลการเงิน ฐานะการเงินของหน่วยงานรัฐ ประมาณการการเงิน แผนชัดเจนว่าโครงการจะทำอะไร หน้าตาของโครงการเมื่อเสร็จแล้วจะเป็นอย่างไร จะใช้พื้นที่อย่างไร ข้อมูลเกี่ยวกับการตัดสินใจว่าทำโดยคณะกรรมการชุดไหน มีใครบ้างเป็นกรรมการ และใช้อำนาจอะไร
การปฏิบัติตามกฎหมาย คือ การสร้างความเชื่อมั่นว่า หน่วยงานรัฐมีอำนาจตามกฎหมายที่จะทำโครงการ และถ้าอำนาจที่มีเป็นการตีความโดยหน่วยงานเองว่ามีอำนาจ การตีความก็ควรมีการตรวจเช็คยืนยันและรับรองการตีความโดยหน่วยงานกฎหมายภายนอก เช่น สำนักงานรัฐวิสาหกิจ กระทรวงการคลัง และสำนักงานกฤษฎีกา
ความเป็นธรรม หมายถึง การตัดสินใจให้ความเป็นธรรมต่อทุกฝ่าย โดยเฉพาะผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการตัดสินใจ และหน่วยงานมีวิธีแก้ไข ชดเชย หรือ ดูแลผลกระทบที่เกิดขึ้น เช่น ผู้โดยสารรถไฟที่เข้าไม่ถึงใจกลางเมืองมีความเดือดร้อน
นี่คือห้าประเด็นสำคัญด้านธรรมาภิบาลของการทำนโยบายสาธารณะ ซึ่งหน่วยงานที่รับผิดชอบต้องให้ความสำคัญและดำเนินการในประเด็นเหล่านี้ เพื่อความชัดเจน ความถูกต้องในการทำงาน ซึ่งจะเป็นประโยชน์ต่อสังคมอย่างมาก
กรณี หัวลำโพง ให้ข้อคิดสำคัญหลายเรื่องเกี่ยวกับการดำเนินนโยบายสาธารณะที่เกี่ยวกับการรักษาสาธารณสมบัติของชาติ และการแก้ปัญหาของหน่วยงานรัฐที่สร้างผลกระทบข้างเคียงต่อส่วนรวม
เรื่องแรก การป้องกันสาธารณสมบัติของชาติไม่ให้ถูกรื้อถอน ทำลาย ดัดแปลง หรือ ปรับปรุงอย่างไม่ถูกต้อง เป็นหน้าที่ร่วมกันของคนในสังคมที่ต้องช่วยกัน เพื่อรักษาและจรรโลงไว้ซึ่งสัญลักษณ์ทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของประเทศ ล่าสุดมีข่าวว่ากรมศิลปากรจะขอขึ้นทะเบียนสถานีรถไฟหัวลำโพงเป็นโบราณสถาน ซึ่งในขั้นตอนการขึ้นทะเบียนต้องได้รับความเห็นชอบจากหน่วยงานที่บริหารหรือเป็นเจ้าของสถานที่
เรื่องนี้ ประชาชนทุกคนควรสนับสนุน ช่วยกันเข้าชื่อให้สถานีหัวลำโพงเป็นโบราณสถานของประเทศอย่างเป็นทางการ อย่าลืมว่า มติ ครม.ไม่ใช่กฎหมาย แต่เป็นการตัดสินใจที่ต้องรับผิดชอบร่วมกันของฝ่ายบริหาร และเปลี่ยนแปลงได้
นอกจากนี้ เราต้องนึกถึงการจัดตั้งองค์กรกึ่งรัฐกึ่งเอกชนที่จะมีหน้าที่ดูแล ปกป้อง ซ่อมแซมและรักษาไว้ซึ่งโบราณสถานของประเทศ เพื่อให้คนรุ่นหลังได้เห็นและศึกษาประวัติศาสตร์ เป็นหน่วยงานที่ประชาชนสามารถมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างๆ ได้โดยสมัครใจ คล้ายกรณีสิงคโปร์ที่จัดตั้ง National Heritage Broad หรือคณะกรรมการมรดกชาติ ขึ้นมาทำหน้าที่
สอง การแก้ปัญหารัฐวิสาหกิจที่มีผลดำเนินงานขาดทุนต่อเนื่อง ต้องแก้ที่การดำเนินงาน ซึ่งเป็นต้นตอของปัญหา ไม่ใช่เอาทรัพย์สินที่หน่วยงานมีไปหารายได้มาล้างหนี้ เพราะถ้าการบริหารจัดการไม่มีการแก้ไขให้ดีขึ้น การขาดทุนก็จะมีต่อไปไม่จบสิ้น ประชาชนก็ไม่ได้บริการที่ดี แต่ทรัพย์สินที่มีได้ถูกขายหรือแปลงสภาพไปแล้วและเรียกกลับคืนมาไม่ได้ ดังนั้น ปัญหาอยู่ตรงไหนต้องแก้ตรงนั้น
ตัวอย่างที่ดีในเรื่องนี้คือ การรถไฟของอังกฤษที่มีปัญหา รัฐบาลสมัยนางมาร์กาเรต แทตเชอร์ เป็นนายกรัฐมนตรีแก้ปัญหาโดยการเปิดเสรีให้ภาคเอกชนเข้ามาแข่งขันประกอบธุรกิจรถไฟ บนโครงสร้างพื้นฐานที่มีอยู่เดิม ผลคือ ธุรกิจรถไฟกลับมาได้ ประชาชนได้ประโยชน์จากการให้บริการที่ดีขึ้น และ สถานีรถไฟเก่าแก่เป็นร้อยๆ ปีกลางกรุงลอนดอนทั้งหมด เช่น สถานี Euston สถานี Paddington สถานี Waterloo ก็อยู่เป็นศักดิ์ศรีและความสง่างามของประเทศต่อไป ไม่ได้ถูกแปลงสภาพหรือถูกนำไปให้เอกชนเช่าพื้นที่หาประโยชน์
ท้ายสุดที่ต้องระวังมากสำหรับบ้านเราคือ มีความเสี่ยงที่การแก้ปัญหาไม่ตรงจุดของหน่วยงานรัฐ จะสร้างแรงจูงใจหรือเป็นตัวอย่างให้ข้าราชการไม่สนใจทำหน้าที่หลักขององค์กรให้ถูกต้อง คือการให้บริการประชาชนและไม่ขาดทุน แต่มุ่งจะเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แทนซึ่งไม่ใช่งานขององค์กรหรือระบบราชการ
นี่คือประเด็นที่ต้องช่วยกันคิดและป้องกัน. |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42744
Location: NECTEC
|
Posted: 29/11/2021 10:24 am Post subject: |
|
|
ห่วงปิดหัวลำโพงกระทบบานปลาย นายกฯ สั่งเร่งเปิดเวทีรับฟังทุกภาคส่วน
หน้าอสังหาริมทรัพย์
ฐานเศรษฐกิจดิจิทัล |
วันจันทร์ ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เวลา 9:12 น.
โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ห่วงปิดหัวลำโพง ประชาชนเดือดร้อน สั่งเร่งเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วน เพื่อการดำเนินการอย่างรอบคอบ
29 พ.ย. 64 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า จากการที่พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ได้สั่งการให้หารือถึงผลกระทบจากการปิดสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) เพื่อพัฒนาพื้นที่ และได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมพิจารณาการดำเนินการ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดส่งผลกระทบถึงประชาชนน้อยที่สุด โดยให้รับฟังความคิดเห็นของประชาชนนั้น
ทางกระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้เร่งดำเนินการเปิดเวทีสาธารณะรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาและหาข้อสรุปการใช้งาน และการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ ให้สามารถตอบโจทย์การดำเนินงานในทุกมิติได้อย่างแท้จริง และไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน
โดยการพัฒนาพื้นที่จะไม่มีการทุบหรือรื้อทิ้งสิ่งปลูกสร้างสถานีรถไฟหัวลำโพง และจากการประเมินรายได้ในอนาคตในระยะเวลา 30 ปี พบว่าจะมีรายได้เข้ามารวม 800,000 ล้านบาท โดยในปีแรกจะอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท และปีที่ 5 จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะเพียงพอต่อการแก้ไขปัญหาภาระหนี้ของรถไฟที่ขาดทุนสะสมต่อเนื่อง
สำหรับปัญหาการเดินรถไฟเข้ามาในเขตกรุงเทพฯ ชั้นใน รัฐบาลได้เล็งเห็นปัญหา และวางแนวทางแก้ไขโดยได้พัฒนาโครงการสถานีกลางบางซื่อขึ้น เพื่อให้เป็นศูนย์กลางของระบบคมนาคมโดยเฉพาะระบบราง เพื่อช่วยแก้ไขปัญหาการจราจรแออัดในพื้นที่กรุงเทพฯ และเมื่อการก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อแล้วเสร็จ จึงให้มีการปรับการเดินรถเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรอย่างเป็นรูปธรรม
อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงคมนาคมได้มีการจัดทำระบบขนส่งมวลชนรอง เช่น รถเมล์ ขสมก. รวมถึงประสานงานกับภาคเอกชนที่มีสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินในการอำนวยความสะดวกและเป็นการเพิ่มทางเลือกในการเดินทางให้แก่ประชาชน
"นายกรัฐมนตรี มีความเป็นห่วงประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการปิดสถานีรถไฟหัวลำโพง โดยกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาแนวทางบรรเทาความเดือดร้อนให้ทั่วถึง" โฆษกรัฐบาล กล่าวพร้อมยืนยันว่า
รัฐบาลตั้งมั่นตามแนวนโยบายที่จะดำเนินการด้วยความรอบคอบ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวมและประชาชนเป็นที่ตั้ง พร้อมทั้งเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วน เพื่อการพัฒนาปรับปรุงพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด
//---------------------------------------------
ไม่ทุบทิ้งหัวลำโพง!เปิดโมเดลลดผลกระทบปชช. คาด 30 ปีโกยรายได้ 8 แสนล้าน
หน้า โลกธุรกิจ
วันจันทร์ ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เวลา 08.08 น.
นายกฯห่วงใยประชาชนได้รับผลกระทบปิด หัวลำโพง สั่งการให้เร่งเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วนเพื่อการดำเนินการอย่างรอบคอบ ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน
29 พฤศจิกายน 2564 นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม สั่งการให้หารือถึงผลกระทบจากการปิดสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) เพื่อพัฒนาพื้นที่ และได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมพิจารณาการดำเนินการเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ส่งผลกระทบถึงประชาชนน้อยที่สุด โดยให้รับฟังความคิดเห็นของประชาชนนั้น ทางกระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้เร่งดำเนินการเปิดเวทีสาธารณะรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อนำมาประกอบการพิจารณา หาข้อสรุปการใช้งาน และการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ ให้สามารถตอบโจทย์การดำเนินงานในทุกมิติได้อย่างแท้จริง และไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน
การพัฒนาพื้นที่จะไม่มีการทุบหรือรื้อทิ้งสิ่งปลูกสร้างสถานีรถไฟหัวลำโพง และจากการประเมินรายได้ในอนาคตในระยะเวลา 30 ปี พบว่า จะมีรายได้เข้ามารวม 800,000 ล้านบาท โดยในปีแรกจะอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท และปีที่ 5 จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท จะเพียงพอต่อการแก้ไขปัญหาภาระหนี้ของรถไฟที่ขาดทุนสะสมต่อเนื่อง นายธนกร กล่าว
นายธนกร กล่าวอีกว่า สำหรับปัญหาการเดินรถไฟเข้ามาในเขตกรุงเทพฯชั้นใน รัฐบาลได้เล็งเห็นปัญหา และวางแนวทางแก้ไขโดยได้พัฒนาโครงการสถานีกลางบางซื่อขึ้น เพื่อให้เป็นศูนย์กลางของระบบคมนาคม โดยเฉพาะระบบราง เพื่อช่วยในการแก้ไขปัญหาการจราจรแออัดในพื้นที่กรุงเทพฯ และเมื่อการก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อแล้วเสร็จ จึงให้มีการปรับการเดินรถเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรอย่างเป็นรูปธรรม
อย่างไรก็ดี ทางกระทรวงคมนาคมได้มีการจัดทำระบบขนส่งมวลชนรอง เช่น รถเมล์ ขสมก. รวมถึงประสานงานกับภาคเอกชนที่มีสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินในการอำนวยความสะดวกและเป็นการเพิ่มทางเลือกในการเดินทางให้แก่ประชาชน นายกรัฐมนตรีห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการปิดสถานีรถไฟหัวลำโพง โดยกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาแนวทางบรรเทาความเดือดร้อนให้ทั่วถึง ยืนยันว่ารัฐบาลตั้งมั่นตามแนวนโยบายที่จะดำเนินการด้วยความรอบคอบ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวมและประชาชนเป็นที่ตั้ง พร้อมทั้งเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วน เพื่อการพัฒนาปรับปรุงพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42744
Location: NECTEC
|
Posted: 29/11/2021 10:47 am Post subject: |
|
|
รถไฟสายสีแดงผู้โดยสารทะลุ 1 หมื่นคน-รฟท.เร่งถก หยุดเดินรถเข้าหัวลำโพง
โดย: ผู้จัดการออนไลน์
เผยแพร่: วันจันทร์ ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เวลา 08:38 น.
ปรับปรุง: วันจันทร์ ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564 เวลา 08:38 น.
รถไฟสีแดงผู้โดยสารทะลุ 1 หมื่นคน วันนี้ (29 พ.ย.) เริ่มเก็บค่าโดยสาร ขณะที่ รฟท.เร่งเปิดเวทีฟังความเห็นใน ธ.ค.นี้ถกปิดหัวลำโพง ลุ้นฝ่ายนโยบายยอมให้ 22 ขบวนเข้าหัวลำโพงไปก่อนบรรเทาความเดือดร้อน ชี้ยังมีประชาชนใช้บริการมาก
รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า วันนี้ (29 พ.ย.) รถไฟชานเมืองสายสีแดง ช่วงบางซื่อ-รังสิต และช่วงบางซื่อ-ตลิ่งชัน จะเริ่มเก็บค่าโดยสาร และถือเป็นการเปิดเดินรถอย่างเป็นทางการวันแรก หลังจากที่มีการทดลองเดินรถ (Soft Opening) และให้ประชาชนได้ร่วมใช้บริการฟรี มาเป็นเวลา 3 เดือน ตั้งแต่เดือน ส.ค. 2564 โดยกำหนดอัตราค่าโดยสารแรกเข้า 12 บาท สูงสุด 42 บาท หรือเฉลี่ย 1.50 บาทต่อกิโลเมตร โดยจะใช้อัตรานี้ในช่วง 3 ปีแรก
ปัจจุบันผู้โดยสารรถไฟสายสีแดงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องหลังจากผ่อนคลายมาตรการต่างๆ และมีการเปิดประเทศ โดยวันศุกร์ที่ 26 พ.ย. 2564 มีผู้โดยสาร 10,602 คน, วันเสาร์ที่ 27 พ.ย. 2564 มีจำนวน 11,180 คน ซึ่งเพิ่มขึ้นจากช่วงต้นเดือน พ.ย.ที่มีเฉลี่ย 6,105 คน/วัน
@เร่งจัดเวทีฟังความเห็น ปิดหัวลำโพง
รายงานข่าวจากกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า จากกรณีที่มีกระแสต่อต้านไม่เห็นด้วยกับการยุติการเดินรถไฟเข้าสถานีกรุงเทพ (หัวลำโพง) ของกระทรวงคมนาคมและการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ภายหลังจากมีการเปิดให้บริการสถานีกลางบางซื่อ ที่มีวัตถุประสงค์ให้เป็นศูนย์กลางคมนาคมระบบรางของประเทศ อีกทั้งเพื่อไม่ให้มีจุดตัดทางรถไฟกับถนนในเมืองเพื่อแก้ปัญหาจราจรในพื้นที่ชั้นใน รวมถึงเพื่อเร่งรัดการนำที่ดิน 120 ไร่ของสถานีหัวลำโพงมาพัฒนาเชิงพาณิชย์ สร้างรายได้ให้ รฟท.แก้ปัญหาหนี้สินและขาดทุน
ล่าสุด นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้สั่งการให้ รฟท.หารือร่วมกับกรมการขนส่งทางราง (ขร.) และกระทรวงคมนาคม เร่งจัดเวทีสาธารณะเปิดรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาและหาข้อสรุป โดยเชิญผู้แสดงความคิดเห็นคัดค้าน รวมถึงผู้ที่อาจจะยังมีข้อมูลไม่ครบถ้วน เช่น นางสาวรสนา โตสิตระกูล เป็นนักรณรงค์ด้านสุขภาพและสิทธิผู้บริโภค, นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เป็นต้น โดยเบื้องต้นคาดว่าจะจัดเวทีรับฟังความเห็นในวันที่ 13 ธ.ค.นี้ ขณะที่กระทรวงคมนาคมต้องการให้ รฟท.เร่งดำเนินการให้เร็วขึ้นอีก
@ ต่อรองวิ่ง 22 ขบวนเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน
ตามแผนการปรับตารางเดินรถไฟเดิมที่คณะกรรมการเตรียมการเปิดให้บริการและการบริหารโครงการระบบรถไฟชานเมือง (สายสีแดง) และสถานีกลางบางซื่อ ที่มี นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เป็นประธานได้เคยเห็นชอบแล้ว คือตั้งแต่วันที่ 23 ธ.ค. 2564 จะมีการปรับตารางขบวนรถไฟชานเมือง รถไฟทางไกล โดยปรับลดการเดินรถเข้าสถานีหัวลำโพงเหลือ 22 ขบวน/วัน ซึ่งเป็นรถไฟชานเมืองสายเหนือ สายอีสาน สายตะวันออก สายใต้ ซึ่งมีประชาชนใช้บริการในช่วงเช้าและเย็นจำนวนมาก เพื่อลดผลกระทบ ส่วนขบวนรถทางไกลเชิงพาณิชย์จะย้ายไปใช้สถานีกลางบางซื่อทั้งหมด
นอกจากจะลดผลกระทบแล้ว ยังเป็นการให้ประชาชนได้ปรับตัวกับการเปลี่ยนแปลง ขณะที่เชื่อว่าสถานีกลางบางซื่อยังต้องมีการปรับปรุงอีกหลายส่วน ก็จะมีเวลาในการดำเนินการไปพร้อมๆ กันในช่วงเปลี่ยนผ่าน
เบื้องต้นตามแผนที่ รฟท.เสนอ คือ เดินรถเข้าหัวลำโพง 22 ขบวนต่อวันไปก่อนตามแผนเดิม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนโดยเฉพาะสายตะวันออกที่มีผู้โดยสารค่อนข้างมาก การเยียวยาโดยจัดรถเมล์ให้เชื่อมต่อไปยังปลายทางอาจจะไม่สะดวกนัก โดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วน
อย่างไรก็ตาม อยู่ระหว่างการพิจารณาปรับตารางเดินรถในบางขบวนที่อาจจะมีการปรับรวมขบวนลงได้อีกเพื่อลดปัญหาที่จุดตัดถนนลงได้อีกตามนโยบาย
ทั้งนี้ หากจะย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น รฟท.มีแผนเบื้องต้นว่าแม้จะมีการเปิดให้บริการสถานีกลางบางซื่อ แต่จะยังคงให้บริการเดินรถไฟที่สถานีหัวลำโพงต่อไป เนื่องจากมีความจำเป็นเพื่อรองรับการเดินทางของประชาชนเข้ามายังพื้นที่ชั้นในกรุงเทพฯ นอกจากนี้ ยังมีรถไฟที่เป็นรถจักรดีเซลที่ยังไม่สามารถใช้สถานีกลางบางซื่อได้ เพราะจะมีปัญหามลพิษยังต้องวิ่งเข้าหัวลำโพง และบางส่วนต้องใช้สถานีบางซื่อเดิมไปก่อน ในระหว่างนั้นจะมีการเร่งจัดหารถจักรไฟฟ้าด้วย
X
แต่อย่างไรก็ตาม ในระหว่างที่มีการก่อสร้างรถไฟสายสีแดงส่วนต่อขยาย Missing Link ช่วงบางซื่อ-พญาไท-มักกะสัน-หัวหมาก และสีแดงเข้ม ช่วงบางซื่อ-หัวลำโพง ระยะทาง 25.9 กม. มีความจำเป็นต้องหยุดให้บริการเดินรถไฟเข้าสถานีหัวลำโพงระยะหนึ่ง ซึ่งจะมีการประชาสัมพันธ์ทำความเข้าใจประชาชนต่อไป |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44632
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 29/11/2021 11:37 am Post subject: |
|
|
นายกฯ ห่วงใยประชาชนได้รับผลกระทบปิดหัวลำโพง สั่งการให้เร่งเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วน
เผยแพร่: 29 พ.ย. 2564 10:52 ปรับปรุง: 29 พ.ย. 2564 10:52 โดย: ผู้จัดการออนไลน์
โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯ ห่วงใยประชาชนได้รับผลกระทบปิดหัวลำโพง สั่งการให้เร่งเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็นทุกภาคส่วนเพื่อการดำเนินการอย่างรอบคอบ ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน
วันนี้ (29 พ.ย.) นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้หารือถึงผลกระทบจากการปิดสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) เพื่อพัฒนาพื้นที่ และได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมพิจารณาการดำเนินการเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ส่งผลกระทบถึงประชาชนน้อยที่สุด โดยให้รับฟังความคิดเห็นของประชาชนนั้น
ทางกระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เร่งดำเนินการเปิดเวทีสาธารณะรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาและหาข้อสรุปการใช้งานและการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ ให้สามารถตอบโจทย์การดำเนินงานในทุกมิติได้อย่างแท้จริง และไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน โดยการพัฒนาพื้นที่จะไม่มีการทุบหรือรื้อทิ้งสิ่งปลูกสร้างสถานีรถไฟหัวลำโพง และจากการประเมินรายได้ในอนาคตในระยะเวลา 30 ปี พบว่าจะมีรายได้เข้ามารวม 800,000 ล้านบาท โดยในปีแรกจะอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท และปีที่ 5 จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะเพียงพอต่อการแก้ไขปัญหาภาระหนี้ของรถไฟที่ขาดทุนสะสมต่อเนื่อง
นายธนกร กล่าวว่า สำหรับปัญหาการเดินรถไฟเข้ามาในเขตกรุงเทพฯ ชั้นใน รัฐบาลได้เล็งเห็นปัญหา และวางแนวทางแก้ไขโดยได้พัฒนาโครงการสถานีกลางบางซื่อขึ้นเพื่อให้เป็นศูนย์กลางของระบบคมนาคม โดยเฉพาะระบบราง เพื่อช่วยในการแก้ไขปัญหาการจราจรแออัดในพื้นที่กรุงเทพฯ และเมื่อการก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อแล้วเสร็จจึงให้มีการปรับการเดินรถเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรอย่างเป็นรูปธรรม อย่างไรก็ดี ทางกระทรวงคมนาคมได้มีการจัดทำระบบขนส่งมวลชนรอง เช่น รถเมล์ ขสมก. รวมถึงประสานงานกับภาคเอกชนที่มีสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินในการอำนวยความสะดวกและเป็นการเพิ่มทางเลือกในการเดินทางให้แก่ประชาชน นายกรัฐมนตรีห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการปิดสถานีรถไฟหัวลำโพง โดยกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องหาแนวทางบรรเทาความเดือดร้อนให้ทั่วถึง นอกจากนี้ โฆษกรัฐบาลยืนยันว่า รัฐบาลตั้งมั่นตามแนวนโยบายที่จะดำเนินการด้วยความรอบคอบ โดยคำนึงถึงผลประโยชน์ของส่วนรวมและประชาชนเป็นที่ตั้ง พร้อมทั้งเปิดกว้างรับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วน เพื่อการพัฒนาปรับปรุงพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพและเกิดประโยชน์สูงสุด |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44632
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 30/11/2021 7:03 am Post subject: |
|
|
ลุ้นชมความเปลี่ยนแปลง สถานีรถไฟฟ้าหัวลำโพง
เดลินิวส์ 30 พฤศจิกายน 2564 7:00 น.
Special Report
หลังจากมีกระแสวิพากษ์วิจารณ์และความกังวลใจถึงอนาคตของ สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ที่เป็นอีกสัญลักษณ์ที่อยู่คู่กรุงเทพมหานคร มายาวนานกว่า 105 ปี กันไปต่าง ๆ นานาจนทำให้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ต้องออกมา ยืนยันจะไม่มีการทุบ หรือรื้อทิ้งสิ่งปลูกสร้างสถานีรถไฟหัวลำโพง หรือปิดให้บริการแต่อย่างใด ที่สำคัญ รฟท. ยังต้องดำเนินการเปิดเวทีสาธารณะรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนตามนโยบายของรัฐบาล
ผศ.ดร.เฟื่องอรุณ ปรีดีดีดิลก
เส้นทางเชื่อมโยงเมืองเก่า-ใหม่
ทีมข่าว 1/4 Special Report มีโอกาสได้พูดคุยกับ ผศ.ดร.เฟื่องอรุณ ปรีดีดิลก ประธานสาขาวิชาพัฒนศึกษา คณะครุศาสตร์ จุฬาฯ ที่เมื่อเร็ว ๆ นี้ การรถไฟแห่งประเทศไทย และ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมวิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ได้ให้สนับสนุนให้ ผศ.ดร.เฟื่องอรุณ เข้าไปทำโครงการวิจัย เรื่อง การศึกษาเพื่อวางกรอบในการอนุรักษ์และพัฒนาพื้นที่สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ร่วมกับ ผศ.ธิป ศรีสกุลไชยรัก สถาบันอาศรมศิลป์ และ ดร.ภัทร ยืนยง ร่วมกับนักวิจัยจาก 5 สถาบัน คือ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์, มหาวิทยาลัยนเรศวร และสถาบันอาศรมศิลป์ ร่วมกันดำเนินการวิจัยเพื่อหา ทิศทางอนาคตของหัวลำโพงในศตวรรษใหม่ ทีมวิจัยได้มีความเห็นร่วมกันว่า หากมีการย้ายจากหัวลำโพงไปยัง สถานีกลางบางซื่อ จะทำให้ระบบโลจิสติกส์ มีการเปลี่ยนแปลงการเดินทางของผู้ใช้บริการ ทั้งผู้ใช้บริการเส้นทางระยะสั้นและระยะยาว ผู้เดินทางประจำและนักท่องเที่ยว ส่วนสถานีกลางบางซื่อ จะเป็น สถานีหลัก หรือ Grand Station ที่รวมระบบขนส่งทุกอย่าง เป็นผลดีต่อระบบการคมนาคมของประเทศ
อย่างไรก็ดีในส่วนสถานีหัวลำโพง ยังคงมีศักยภาพเป็นพื้นที่รวมการคมนาคม สำหรับคนเมืองและนักท่องเที่ยว สามารถเชื่อมโยงทางบก-ทางน้ำ-ใต้ดิน รวมถึงเชื่อมโยงเมืองเก่าและเมืองใหม่ เพราะเป็นศูนย์กลางคมนาคม มีทั้ง ระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน รถเมล์ประจำทาง และ เรือในคลองผดุงกรุงเกษม อีกทั้งยังมีศักยภาพให้ รถไฟบางขบวน โดยเฉพาะรถไฟสายตะวันออก เดินรถไฟได้ เพื่อรองรับคนทำงานชานเมือง ลดค่าใช้จ่ายของผู้คนในการเดินทาง และลดจำนวนรถยนต์ที่เข้ามาในกรุงเทพฯ ซึ่งมีรูปแบบลักษณะเดียวกับในต่างประเทศ ที่แม้มีการสร้างสถานีหลัก (Grand Station) แห่งใหม่ แต่สถานีเดิมที่อยู่กลางเมืองยังมีรถไฟเข้า-ออก เช่นกัน เพื่อประโยชน์ของประชาชน นักท่องเที่ยว และทำให้สถานีรถไฟเดิมเป็น พิพิธภัณฑ์แบบมีชีวิต
การใช้ประโยชน์อาคารและพื้นที่ภายใน อาจมีการเปลี่ยนแปลงการใช้อาคารและพื้นที่ภายนอกอาคารสถานีรถไฟหัวลำโพง ซึ่งยังมีศักยภาพในการเป็นพื้นที่ใช้สอยครอบคลุมในมิติทางสังคม ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม สามารถรองรับกิจกรรมเชิงสร้างสรรค์ของคนทุกวัย สามารถสร้างรายได้ให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทยในฐานะหน่วยงานที่ดูแลสถานี
การประกอบอาชีพของผู้ที่เกี่ยวข้องกับสถานี ส่งผลกระทบต่อผู้มีอาชีพ หรือหารายได้จากผู้ใช้บริการเดินทางโดยรถไฟ การขนส่ง รวมถึง ชุมชน ผู้ประกอบธุรกิจรอบ ๆ สถานี ซึ่งสถานีหัวลำโพงยังมีศักยภาพในการเป็นพื้นที่ที่ส่งเสริมอาชีพและการประกอบธุรกิจโดยรอบ
โมเดลการอนุรักษ์สร้างคุณค่า
จากการวิจัยแนวทางการอนุรักษ์และพัฒนาสถานีรถไฟหัวลำโพง จากกระบวนการวิจัยที่เน้นการสื่อสารสองทาง ผ่านกิจกรรมและการจัดเวทีต่าง ๆ ประชาชนเป็นทั้ง ผู้ร่วมคิด คือ มีส่วนร่วมในการออกแบบในฐานะ ผู้ใช้ประโยชน์ เพราะทุกคนสามารถมาใช้ประโยชน์ได้ และเป็น ผู้รับผิดชอบ คือเมื่อใช้ประโยชน์แล้วต้องช่วยกันรักษาสมบัติของคนไทยทุกคน ชัดเจนว่า ประชาชนเห็นสถานีรถไฟหัวลำโพงเป็นสมบัติของคนไทยทุกคน
โดยเก็บข้อมูลจากผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย 9 ภาคส่วน จำนวนมากกว่า 1,300 คน มีความคิดเห็นประกอบด้วย ระบบโลจิสติกส์ เพื่อเชื่อมโยงพื้นที่สถานีหัวลำโพง ที่เป็นศูนย์กลางการเดินทางที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบลงตัว ทั้งทางบก ทางน้ำ และใต้ดิน สำหรับคนทั่วไปและนักท่องเที่ยวของกรุงเทพมหานคร โดยสามารถใช้รถส่วนตัวหรือรถสาธารณะ รถไฟฟ้า BTS รถใต้ดิน MRT ขึ้นลงเรือที่ท่าน้ำคลองผดุงกรุงเกษมที่อยู่บริเวณหน้าสถานีหัวลำโพง รวมถึงสามารถเดินทางด้วยรถส่วนตัวหรือรถสาธารณะหรือ BTS, MRT ไปยังสนามบินได้อีกด้วย
การใช้ประโยชน์จากอาคารและพื้นที่ในภาพรวม โดยการใช้งานและประโยชน์ใช้สอยของพื้นที่และอาคารต่าง ๆ ในสถานีรถไฟหัวลําโพง จํานวน 121 ไร่ ที่ได้รับคัดเลือกมาจํานวน 3 แนวคิด ซึ่งแต่ละรูปแบบมีการผสมผสานการแบ่งพื้นที่เพื่อการใช้ประโยชน์ อย่างมีส่วนร่วมในสัดส่วนที่แตกต่างกัน รวมทั้งมีระยะเวลาการคืนทุนที่แตกต่างกัน โดยอยู่ระหว่างช่วง 6-15 ปีดังนี้
แนวคิดที่ 1 เน้นการพัฒนาเชิงอนุรักษ์ โดยแบ่งสัดส่วนการใช้พื้นที่ออกเป็นพื้นที่สาธารณะ และพื้นที่สีเขียว ร้อยละ 30 พื้นที่กิจกรรม ร้อยละ 12 พื้นที่สร้างสรรค์ ร้อยละ 10 พื้นที่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ร้อยละ 30 และพื้นที่อนุรักษ์ ร้อยละ 18 แนวคิดที่ 2 เน้นการพัฒนาอย่างสมดุลระหว่างเชิงอนุรักษ์และเชิงธุรกิจ โดยแบ่งสัดส่วนการใช้พื้นที่ออกเป็นพื้นที่สาธารณะและพื้นที่สีเขียว ร้อยละ 16 พื้นที่กิจกรรม ร้อยละ 18 พื้นที่สร้างสรรค์ ร้อยละ 18 พื้นที่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ร้อยละ 30 และ พื้นที่อนุรักษ์ ร้อยละ 18 และ แนวคิดที่ 3 เน้นพัฒนาเชิงธุรกิจ โดยแบ่งสัดส่วนการใช้พื้นที่ออกเป็นพื้นที่สาธารณะและพื้นที่สีเขียว ร้อยละ 12 พื้นที่กิจกรรม ร้อยละ 18 พื้นที่สร้างสรรค์ ร้อยละ 12 พื้นที่เศรษฐกิจสร้างสรรค์ ร้อยละ 40 และพื้นที่อนุรักษ์ ร้อยละ 1
ศูนย์กลางครบถ้วนทุกวงจร
ขณะเดียวกันในเชิงการท่องเที่ยว สถานีรถไฟหัวลำโพง ยังสามารถเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจ วัฒนธรรม สังคมและการท่องเที่ยวได้โดยการการเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวโดยรอบสถานีรถไฟ จากการศึกษาประกอบด้วย 4 เส้นทาง ที่เชื่อมโยงจากสถานีรถไฟหัวลําโพงไปสู่แหล่งท่องเที่ยวในบริเวณใกล้เคียง 4 เส้นทางคือ 1.หัวลําโพง ถนนเจริญกรุง 2.หัวลําโพงชุมชนวัดดวงแข และชุมชนตรอกสลักหิน 3.หัวลําโพงเยาวราช และ 4.หัวลําโพงตลาดน้อย ภายใต้แนวคิด จากคุณค่าสู่ศูนย์กลางการท่องเที่ยววัฒนธรรมสร้างสรรค์ โดยเน้นการพัฒนาการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน
โอกาสในอนาคตของสถานีหัวลำโพง สมควรจะต้องยกระดับเป็นสถานที่สำคัญระดับสากล เช่น การจัดประกวดแบบในระดับนานาชาติ รวมถึงยกระดับเป็นพื้นที่ต้นแบบการพัฒนาที่ยั่งยืน เช่น พัฒนาให้เป็นพื้นที่สีเขียวทั้งแนวนอน และแนวตั้ง ในอาคาร รอบอาคาร และพื้นที่โดยรอบ เป็นพื้นที่ใช้พลังงานทางเลือก ในการประกอบการ เช่น การใช้พลังงานแสงอาทิตย์ ในการผลิตไฟฟ้าใช้
นับเป็นเรื่องที่น่าจับตายิ่งนัก อนาคตของสถานี สถานีรถไฟหัวลำโพง ที่อยู่เคียงคู่กรุงเทพมหานคร มายาวนานจะได้รับการพัฒนาแปลงโฉมให้ออกมาได้ตามที่คาดหวังเอาไว้หรือไม่ !!
-----------
คอลัมน์ กวนน้ำให้ใส: หัวลำโพงคือสถานีรถไฟความงามที่มีคุณค่า
Source - แนวหน้า
Tuesday, November 30, 2021 06:14
เกี่ยวกับ "อนาคตของหัวลำโพง"
1. ล่าสุด การรถไฟฯ ยืนยันไม่รื้อหัวลำโพง และพร้อมจะเปิดเวทีสาธารณะรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน
นายเอกรัช ศรีอาระยันพงษ์ ผู้อำนวยการศูนย์ประชาสัมพันธ์ การรถไฟแห่งประเทศไทย เปิดเผยถึงประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการใช้งาน และการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ สถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) หลังจากที่มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์และความกังวลถึงเรื่องดังกล่าวว่า ยืนยันจะไม่มีการทุบหรือรื้อทิ้งสิ่งปลูกสร้างสถานีรถไฟหัวลำโพงหรือปิดให้บริการแต่อย่างใด
โดยนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ได้สั่งการให้การรถไฟฯ ดำเนินการเปิดเวทีสาธารณะรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนตามนโยบายของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแล้ว
ปัญหาเรื่องการเดินรถไฟเข้ามาในเขตกรุงเทพชั้นใน รัฐบาลได้เล็งเห็นปัญหานี้มานานแล้วจึงได้พัฒนาโครงการสถานีกลางบางซื่อขึ้นเพื่อให้เป็นศูนย์กลางของระบบคมนาคม โดยเฉพาะระบบราง ซึ่งประกอบไปด้วย รถไฟฟ้าสายสีแดง, รถไฟทางไกล รถไฟความเร็วสูงเชื่อมสามสนามบิน และรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน รวมถึงรถไฟฟ้าสายสีแดงส่วนต่อ ขยายในอนาคต เพื่อช่วยในการแก้ไขปัญหาการจราจรแออัดในพื้นที่กรุงเทพมหานครโดยเฉพาะจุดตัดเสมอระดับทางรถไฟ-รถยนต์ และเมื่อการก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อแล้วเสร็จจึงเห็นควรให้มีการปรับการเดินรถเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรอย่างเป็นรูปธรรม
อย่างไรก็ดี ทางรัฐบาลได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคม และ การรถไฟฯ เปิดรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนเพื่อนำมาประกอบการพิจารณาและหาข้อสรุป เพื่อให้สามารถตอบโจทย์การดำเนินงานในทุกมิติได้อย่างแท้จริง และไม่ให้เกิดผลกระทบต่อพี่น้องประชาชน นอกจากนี้ทางกระทรวงคมนาคมยังได้มีการจัดทำระบบขนส่งมวลชนรอง หรือ ฟีดเดอร์ เช่น รถเมล์ ขสมก. รวมถึงประสานงานกับภาคเอกชนที่มีสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินในการอำนวยความสะดวกและยังเป็นการเพิ่มทางเลือกในการเดินทางให้แก่พี่น้องประชาชนอีกด้วย
2. เป็นที่ชัดเจนว่า ไม่รื้อ และไม่ปิดสถานีรถไฟหัวลำโพงขอบคุณนายกฯ พลเอกประยุทธ์ ที่กำชับติดตามเรื่องนี้ จนมีการ เปลี่ยนแปลงเชิงนโยบาย จากเดิม "ไม่รื้อ" แต่จะ "ปิดให้บริการรถไฟ"
เป็น "ไม่รื้อ" และ "ไม่ปิด" และขอบคุณกระทรวงคมนาคมที่มีท่าทีจะเปิดรับฟังความคิดเห็นและทางเลือกเชิงนโยบายว่าจะจัดการอย่างไรต่อไป
3. ข้อคิดความเห็นที่น่าสนใจ "ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์" เป็นผู้มีประสบการณ์ความรู้ที่ออกมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ ตั้งแต่ต้น ล่าสุด ให้ข้อคิดเห็นที่น่าสนใจเพิ่มเติม
สรุปบางประเด็น ดังนี้ - ปัจจุบันค่าเดินทางจากรังสิต-หัวลำโพง โดยรถไฟชานเมืองถูกมาก จากสถานีรังสิตเข้าสู่สถานีหัวลำโพง มีค่าโดยสารถูกเพียง 6 บาทเท่านั้น ใช้เวลาเดินทางประมาณ 60 นาที เป็นการลดภาระค่าครองชีพ และประหยัดเวลาเดินทางได้อย่างดี
- หากห้ามไม่ให้รถไฟชานเมืองวิ่งเข้า-ออกหัวลำโพง ผู้โดยสารจะเดือดร้อน ต้องเสียค่าโดยสารจากสถานีรังสิต-สถานีบางซื่อ 4 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที จากนั้นเขาจะต้องเดินทางต่อไปยังสถานีหัวลำโพง ถ้าเขาต้องการไปให้ทันเวลาทำงาน เขาต้องใช้รถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินหรือ MRT จากสถานีบางซื่อสถานีหัวลำโพง ค่าโดยสาร 42 บาท ใช้เวลาประมาณ 30 นาที แต่เขาต้องเสียเวลารอขึ้นรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่สถานีบางซื่ออีกประมาณ 10-15 นาที
- ผู้โดยสารที่เคยลงรถไฟที่สามเสน รพ.รามาธิบดี และยมราช จะเดือดร้อน เพราะไม่สามารถลงรถไฟรายทางได้อีกต่อไป เนื่องจากจะไม่มีรถไฟวิ่งเข้าหัวลำโพง ทำให้เขาต้องเสียค่าเดินทางและเวลาเพิ่มขึ้น
- รถไฟทางไกลสายเหนือ สายอีสาน และสายใต้ทุกขบวนจะต้องจอดที่บางซื่อ บางขบวนต้องจอดที่สถานีบางซื่อเก่า บางขบวนต้องจอดที่สถานีบางซื่อใหม่ จากสถานีบางซื่อผู้โดยสารที่เคยลงรถไฟที่สถานีสามเสน และสถานีหัวลำโพง จะใช้รถอะไรเพื่อให้สามารถไปถึงจุดหมายปลายทางได้ ผู้โดยสารเหล่านี้มีสัมภาระมาด้วย หากจะใช้รถไฟฟ้าก็คงไม่สะดวก เพราะในชั่วโมงเร่งด่วนรถไฟฟ้าจะมีผู้โดยสารแน่น ทำให้เขาต้องรอรถไฟฟ้านาน ถ้าจะใช้รถแท็กซี่จะต้องเสียค่าโดยสารแพง
- ข้อเสนอแนะ "ผม (ดร.สามารถ) ขอเสนอให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาดังนี้
1.ให้รถไฟวิ่งเข้า-ออกหัวลำโพงได้ ไม่ต้องห่วงว่าจะทำให้รถติดที่จุดตัดระหว่างทางรถไฟกับถนน เพราะการรถไฟฯ กำลังจะก่อสร้างทางรถไฟใต้ดินจากบางซื่อ-หัวลำโพง ทำให้ไม่มีจุดตัด
2. ใช้สถานีหัวลำโพงควบคู่กับสถานีกลางบางซื่อ เพื่ออำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสาร ใครอยู่ใกล้หัวลำโพงก็ใช้หัวลำโพง ใครอยู่ใกล้บางซื่อก็ใช้บางซื่อ
ทั้งหมดนี้ ด้วยความห่วงใยผู้โดยสารรถไฟทุกคน ไม่อยากเห็นใครต้องถูกเท !"
เป็นข้อคิดเห็นที่น่าสนใจ เป็นรูปธรรม เป็นประโยชน์มาก หวังว่า ร.ฟ.ท. กระทรวงคมนาคม จะพิจารณา หรือคิดหาทางเลือกที่สามารถ ตอบโจทย์เหล่านี้ด้วย
ที่มา: นสพ.แนวหน้า ฉบับวันที่ 30 พ.ย. 2564 |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42744
Location: NECTEC
|
Posted: 30/11/2021 6:29 pm Post subject: |
|
|
นายกฯ ห่วงประชาชนได้รับผลกระทบ "ปิดหัวลำโพง"
หน้าข่าวสังคม
29 พฤศจิกายน 2564
โฆษกรัฐบาลเผย นายกฯมีความห่วงใยประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการปิดสถานีรถไฟหัวลำโพง กำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หาแนวทางบรรเทาความเดือดร้อนให้ทั่วถึง
29 พฤศจิกายน 2564 จากการปิดสถานีรถไฟหัวลำโพง เพื่อพัฒนาพื้นที่ และได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมพิจารณาการดำเนินการเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด ส่งผลกระทบถึงประชาชนน้อยที่สุด โดยให้รับฟังความคิดเห็นของประชาชน
นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้สั่งการให้หารือถึงผลกระทบนั้น ทางกระทรวงคมนาคม โดยการรถไฟแห่งประเทศไทย ได้เร่งดำเนินการเปิดเวทีสาธารณะรับฟังความคิดเห็นจากทุกภาคส่วน เพื่อนำมาประกอบการพิจารณาและหาข้อสรุปการใช้งานและการพัฒนาพื้นที่เชิงพาณิชย์ ให้สามารถตอบโจทย์การดำเนินงานในทุกมิติได้อย่างแท้จริง
ไม่ให้เกิดผลกระทบต่อประชาชน โดยการพัฒนาพื้นที่จะไม่มีการทุบหรือรื้อทิ้งสิ่งปลูกสร้างสถานีรถไฟหัวลำโพง และจากการประเมินรายได้ในอนาคตในระยะเวลา 30 ปี พบว่าจะมีรายได้เข้ามารวม 800,000 ล้านบาท โดยในปีแรกจะอยู่ที่ 5,000 ล้านบาท และปีที่ 5 จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ประมาณ 10,000 ล้านบาท ซึ่งจะเพียงพอต่อการแก้ไขปัญหาภาระหนี้ของรถไฟที่ขาดทุนสะสมต่อเนื่อง
นายธนกร กล่าวว่า สำหรับปัญหาการเดินรถไฟเข้ามาในเขตกรุงเทพฯ ชั้นใน รัฐบาลได้เล็งเห็นปัญหา และวางแนวทางแก้ไขโดยได้พัฒนาโครงการสถานีกลางบางซื่อขึ้นเพื่อให้เป็นศูนย์กลางของระบบคมนาคม โดยเฉพาะระบบราง เพื่อช่วยในการแก้ไขปัญหาการจราจรแออัดในพื้นที่กรุงเทพฯ และเมื่อการก่อสร้างสถานีกลางบางซื่อแล้วเสร็จจึงให้มีการปรับการเดินรถเพื่อแก้ไขปัญหาการจราจรอย่างเป็นรูปธรรม
อย่างไรก็ดี ทางกระทรวงคมนาคมได้มีการจัดทำระบบขนส่งมวลชนรอง เช่น รถเมล์ ขสมก. รวมถึงประสานงานกับภาคเอกชนที่มีสัมปทานรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน ในการอำนวยความสะดวกและเป็นการเพิ่มทางเลือกในการเดินทางให้แก่ประชาชน นายกรัฐมนตรีห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการปิดสถานีรถไฟหัวลำโพง โดยกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หาแนวทางบรรเทาความเดือดร้อนให้ทั่วถึง
|
|
Back to top |
|
|
|