View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 17/05/2022 9:17 pm Post subject: |
|
|
รถไฟกุมขมับ หลังเจอลูกเล่นทุนยักษ์ รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
หน้าเศรษฐกิจ
Mega Project
ฐานเศรษฐกิจดิจิทัล |
วันอังคาร ที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เวลา 12:51 น.
จับตาสถานการณ์ไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน หลังเจอลูกเล่นทุน ยกปมผู้บุกรุก-ลำรางสาธารณะบึงมักกะสันไม่ยอมรับมอบพื้นที่- เบรกรัฐออกหนังสือ NTP เริ่มโครงการ เหตุเงื่อนไขประมูล-TOR ระบุให้พัฒนาตามสภาพ กลุ่ม BSR เกาะติดท่าทีรัฐลั่นฟ้องแน่ หากแก้สัญญาไม่เป็นธรรมกับคู่แข่งขัน
แหล่งข่าวในวงการก่อสร้างโครงการพื้นฐานขนาดใหญ่ เปิดเผยว่า ขณะนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย(รฟท.) ยังไม่มีความคืบหน้าในการส่งมอบพื้นที่ ให้กับบริษัท เอเชีย เอราวัน จำกัด ผู้รับสัมปทานโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) เพราะปฏิเสธการรับมอบพื้นที่ในแนวโครงการ และที่ดินเชิงพาณิชย์ (TOD) 150 ไร่สถานีรถไฟฟ้ามักกะสัน โดยอ้างต้องส่งมอบพื้นที่อย่างสมบูรณ์ 100% ปราศจากการบุกรุก จากที่รถไฟฯดำเนินการส่งมอบไปแล้ว 96% โดยยังคงมีพื้นที่ที้ต้องทำการเคลียร์หน้าเสื่ออยู่อีกราว 4-5%
ขณะที่ที่ดินในเชิงพาณิชย์ที่ต้องส่งมอบนั้นก็มีปัญหาในเรื่องลำรางสาธารณะที่อ้างว่าสถาบันการเงินที่จะปล่อยกู้เข้มงวดแผนปล่อยกู้ให้โครงการ หากไม่สามารถพัฒนาโครงการได้เต็มศักยภาพ จึงยื่นเงื่อนไขให้การรถไฟฯเร่งแก้ไขปัญหาบุกรุกในพื้นที่ รวมทั้งเพิกถอนลำรางสาธารณะให้แล้วเสร็จ จึงจะยอมรับการออกหนังสือ Notice to Proceed : NTP จากการรถไฟเพื่อเริ่มต้นดำเนินโครงการ
เรื่องนี้ทำเอาการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) ที่วางไว้จ่อจะถูกลากยาวข้ามปี หากการรถไฟฯ ไม่สามารถผ่าทางตันปัญหาการบุกรุกพื้นที่ในแนวเวนคืนได้ในระยะ 1-2 ปีนี้ รวมทั้งแก้ไขปัญหาเพิกถอนลำรางสาธารณะในพื้นที่เชิงพาณิชย์ได้ ที่ต้องใช้เวลาเป็นปี ๆ ได้ จากเดิมที่คาดว่าจะสามารถดีเดย์โครงการได้ตั้งแต่ต้นปี 65 เป็นต้นมา
แหล่งข่าวในกระทรวงคมนาคมในประเด็นนี้ว่า การที่คู่สัญญาเอกชนตั้งเงื่อนไขไม่ยอมรับมอบพื้นที่ก่อสร้างฯและบีบให้รัฐต้องเคลียร์หน้าเสื่อให้สมบูรณ์ทั้ง 100% นั้น สะท้อนให้เห็นความเขี้ยวของกลุ่มทุนผู้รับสัมปทานโครงการเป็นอย่างดี เมื่อเทียบกับก่อนหน้านี้ที่คู่สัญญาฝ่ายรัฐยอมผ่อนปรน และเยียวยาการจ่ายค่าสิทธิ์รับโอนรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ให้ จากที่บริษัทต้องจ่ายค่าสิทธิ์ 10,671 ล้านบาท เป็นทยอยจ่าย 5-6 งวด โดยอ้างได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 และเศรษฐกิจ ทั้งที่โครงการระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ที่ต่างได้รับผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจและสถานการณ์โควิด -19 ไม่มีโครงการใดขอให้รัฐชดเชยหรือเยียวยาในลักษณะนี้มาก่อน
แต่พอมาถึงเงื่อนเวลาที่บริษัทจะต้องดีเดย์ก่อสร้างโครงการ ภายหลังจากการรถไฟฯได้ดำเนินการส่งมอบที่ดินแนวก่อสร้างให้แล้ว ซึ่งแม้จะยังไม่ครบทั้ง 100% ขาดไปเพียงบางส่วนที่ยังต้องดำเนินการกับผู้บุกรุกและไม่ได้อยู่ในส่วนที่มีความสำคัญที่จะทำโครงการก่อสร้างสะดุดลงแต่อย่างใด แต่บริษัทกลับหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาเป็นมูลเหตุในการประวิงเวลาการดำเนินโครงการสุดลิ่ม และตั้งเงื่อนไขที่สะท้อนให้เห็นถึงความ เขี้ยวลากดินอย่างเห็นได้ชัด
แหล่งข่าวยังกล่าวต่อว่าเบื้องหลังที่กลุ่มทุนรายดังกล่าวประวิงเวลาการรับมอบพื้นที่โครงการออกไปนั้น ปัญหาที่แท้จริงอยู่ที่บริษัทประสบปัญหาในการระดมทุนก่อสร้างโครงการนี้ที่ต้องใช้เม็ดเงินกว่า 200,000 ล้านบาท โดยเป็นการก่อสร้างโครงการราว 1.65 หมื่นล้านและการพัฒนาที่ดินเชิงพาณิชย์เป็นส่วนสนับสนุนโครงการอีกราว 45,000 ล้านบาท แม้บริษัทจะเซ็น MOU กับสถาบันการเงินที่จะให้การสนับสนุนโครงการนี้ไปกว่า 2 ปีแต่ยังไม่สามารถเจรจาตกลงกันได้
สิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่แท้จริงก็คือ ความพยายามในการเจรจาแก้ไขสัญญาสัมปทานที่บริษัทต้องการให้คู่สัญญาฝ่ายรัฐปรับร่นการจ่ายเงินสนับสนุนการก่อสร้างโครงการตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)วงเงิน 117,227 ล้านบาท จากเงื่อนไขการประมูลและสัญญาที่กำหนดไว้รัฐจะจ่ายคืนเงินส่วนนี้ให้แก่คู่สัญญาเอกชนเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการ หรือประมาณปีที่ 6 ของสัญญา มาเป็นการเริ่มจ่ายในปีที่ 2 ของสัญญานับจากเดือนที่ 21 เป็นต้นไป เพื่อแลกกับการที่บริษัทเอกชนจะแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างโครงสร้างร่วมที่ทับซ้อนกับโครงการรถไฟไทย-จีน ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง
เป็นการดึงเงินของรัฐมาก่อสร้างให้ก่อน แทนที่จะเป็นการระดมทุนจากคู่สัญญาเอกชนโดยตรง ทำให้บริษัทเอกชนแทบจะเข้ามาจับเสือมือเปล่าหรือไม่ ซึ่งข้อเสนอดังกล่าวนั้น คณะทำงานการรถไฟฯได้นำเสนอขอความเห็นชอบจากคณะกรรมการ(บอร์ด)การรถไฟไปแล้ว เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คาดว่าจะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมร่วม 3 ฝ่าย คือสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(สกพอ.) การรถไฟฯและบริษัทเอกชนคู่สัญญากันในเร็วๆนี้ ก่อนนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ต่อไป
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวกล่าวว่า ความพยายามในการแก้ไขสัญญาสัมปทานโครงการรถไฟความเร็วสูงไฮสปีดเทรนฯดังกล่าว ยังคงเป็นปมปัญหาหลักที่เชื่อแน่ว่า คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก(กพอ.) คงยากที่จะให้ความเห็นชอบได้ เพราะถือเป็นการเอื้อประโยชน์ให้เอกชนอย่างเห็นได้ชัด และยังเป็นการดำเนินการที่ขัด พรบ.การร่วมลงทุนฯปี 2562 โดยตรงอีกด้วย
ยิ่งเมื่อดูสถานะของการรถไฟฯ ที่ลำพัง แค่การแก้ไขปัญหาขาดทุนสะสมขององค์กรที่มีนับแสนล้านบาทก็หนักหนาสาหัสพออยู่แล้ว ขณะที่ภารกิจหลักในการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน เฟสแรก เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 250 กม.วงเงินลงทุนกว่า 1.79 แสนล้านบาท ที่รัฐบาลและการรถไฟฯ ดำเนินการมาตั้งแต่ปลายปี 2560 จนวันนี้ที่ ผ่านมากว่า 5 ปีแล้ว ตัวโครงการกลับมีความคืบหน้าในการก่อสร้างในภาพรวมไปเพียง 4.62% เท่านั้น และยังคงมีปัญหาที่การรถไฟฯต้องลงไปแก้ไขอีกเป็นพะเรอเกวียน บางสัญญานั้นยังออกแบบก่อสร้างไม่แล้วเสร็จและยังต้องเจรจาเรื่องเวนคืนอีกเป็นจำนวนมาก
ขณะที่การดำเนินโครงการในระยะ 2 ที่จะต่อเชื่อมโครงการจากโคราช-หนองคาย ระยะทาง 357 กม.เงินเงินลงทุนอีกกว่า 2.6 แสนล้านบาท เพื่อเชื่อมต่อรถไฟลาว-จีน ที่เปิดให้บริการไปแล้ว จนถึงวันนี้ยังออกแบบไม่แล้วเสร็จ และยังไม่ผ่านความเห็นชอบจาก EIA ด้วยซ้ำ ทำให้มีการคาดการณ์กันว่า หากการรถไฟฯยังคงดำเนินการล่าช้าอืดเป็นเรือเกลือเช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาก่อสร้างกันเป็นทศวรรษหรืออย่างไร
เหตุนี้หลายฝ่ายจึงตั้งข้อกังขารัฐและการรถไฟฯ กำลังทำอะไรกันอยู่ เหตุใดโครงการที่ตนเองจะต้องลุยไฟเต็มสูบคือ รถไฟไทย-จีนที่ป่าวประกาศจะต้องไปเชื่อมต่อกับรถไฟจีน-ลาว กลับอืดเป็นเรือเกลือ แต่กลับมาให้ความสำคัญกับการดำเนินโครงการไฮสปีดเทรนเชื่อม3สนามบินที่เป็นโครงการสัมปทานมากกว่า โดยออกหน้าเจรจาแก้ไขสัญญาสัมปทาน ทั้งที่ควรเป็นความรับผิดชอบของเอกชนที่ต้องแสดงศักยภาพในการระดมทุนมากกว่า
ขณะที่ผู้บริหารใน บมจ.บีทีเอส หนึ่งในกลุ่มบีเอสอาร์(BSR) กล่าวว่าทางกลุ่มยังคงติดตามกรณีความพยายามแก้ไขสัญญาสัมปทานระหว่างการรถไฟฯ และบริษัทเอเชียเอราวันฯ ว่าเป็นไปตามเงื่อนไขประมูล TOR หรือไม่ เพราะการที่รัฐตัดสินใจเลือกให้เป็นผู้รับสัมปทานนั้น ก็เพราะมีข้อเสนอขอเงินสนับสนุนจากรัฐต่ำกว่า เชื่อในศักยภาพทางการเงินและการระดมทุนของกลุ่มว่าจะสามารถทำตามเงื่อนไขที่วางไว้ได้
แต่การที่บริษัทประวิงเวลาในการรับมอบพื้นที่โครงการออกไปและมีความพยายามในการเจรจาแก้ไขสัญญาสัมปทานเพื่อดึงเงินสนับสนุนการก่อสร้างของภาครัฐออกมาใช้ สะท้อนให้เห็นว่า บริษัทประสบปัญหาในการระดมทุน ถึงกับจะขอใช้เงินลงทุนจากภาครัฐแทนชี้ให้เห็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดของคณะกรรมการคัดเลือกและรัฐบาลก่อนหน้า ซึ่งหากการแก้ไขสัญญาครั้งนี้ทำให้กลุ่ม BSR ไม่ได้รับความเป็นธรรมก็คงจะใช้สิทธิ์มทางกฎหมายตามมาอย่างแน่นอน |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 17/05/2022 9:40 pm Post subject: |
|
|
3 ตำบล แสดงจุดยืนไม่เอาคันดิน จี้ปรับรูปแบบรถไฟทางคู่ ไทย-จีน เป็นตอม่อผ่านชุมชน
วันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เวลา 14:44 น.
3 ตำบล แสดงจุดยืนไม่เอาคันดิน จี้ปรับรูปแบบรถไฟทางคู่ ไทย-จีน เป็นตอม่อผ่านชุมชน
วันที่ 16 พฤษภาคม ที่ศาลาการเปรียญ วัดใหม่อินทราราม ต.บ้านใหม่ อ.เมือง จ.นครราชสีมา กลุ่มพัฒนาชุมชนตำบลบ้านใหม่ โดยนายพัชกฤต ศุภลักษณ์ ในฐานะเลขาธิการกลุ่มพร้อมพวกประกอบด้วยผู้นำชุมชนและราษฎร ต.บ้านใหม่ ต.โคกกรวด และ ต.ในเมือง นัดประชุมหารือ ขอมติการเคลื่อนไหวเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาปรับรูปแบบการดำเนินโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ มาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ และรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน กรุงเทพมหานคร-นครราชสีมา ช่วงเส้นทางผ่านพื้นที่ ต.โคกกรวด ต.บ้านใหม่ และ ต.ในเมือง อ.เมือง โดยมีนายวัชรพล โตมรศักดิ์ ส.ส.เขต 2 จ.นครราชสีมา พรรคชาติพัฒนา (ชพน.) นางมะลิวัลย์ บางนิ่มน้อย นายกเทศมนตรีตำบล (ทต.) บ้านใหม่ อ.เมือง นายประพจน์ ธรรมประทีป สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) นครราชสีมา อ.เมือง เขต 4
ทั้งหมดในฐานะนักการเมืองในพื้นที่รับผิดชอบร่วมรับทราบจุดยืนของราษฎร 3 ตำบล ต้องการยกระดับเป็นตอม่อไม่ใช่คันดิน ก่อนหน้านี้ได้นำรายชื่อผู้ได้รับผลกระทบและปัญหาความเดือดร้อนไปยื่นทั้งพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม พลเอกยอดยุทธ บุญญาธิการ ประธานคณะกรรมาธิการคมนาคม วุฒิสภา นายนิรุฒ มณีพันธ์ ผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ฯลฯ ขอให้พิจารณาทบทวนปรับรูปแบบการก่อสร้าง แต่ไม่ได้รับคำตอบที่ชัดเจน อ้างอำนาจการตัดสินใจอยู่ที่รัฐบาลในฐานะเจ้าของโครงการ
นายพัชกฤต เลขาธิการในฐานะรักษาการประธานกลุ่มพัฒนาชุมชนตำบลบ้านใหม่ เปิดเผยว่า ต.บ้านใหม่ เป็นชุมชนชานเมืองขนาดใหญ่มี 12 หมู่บ้าน ประชากรกว่า 3 หมื่นคน โครงการบ้านจัดสรรจำนวน 15 แห่ง สถานศึกษา 9 แห่ง และที่ตั้งหน่วยงานราชการ รูปแบบเดิมช่วงเส้นทางผ่าน ต.บ้านใหม่ เป็นคันทางระดับดิน 7.85 กม. ก่อนจะยกระดับเข้าสู่สถานีรถไฟนครราชสีมา ซึ่งคันดินสูงประมาณ 2 เมตร เปรียบเสมือนกำแพงกั้นไม่ตอบโจทย์ความสะดวก ความปลอดภัย เสมือนการแบ่งแยกชาวบ้านที่อยู่สองข้างทางรถไฟออกจากกันส่งผลต่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน
นายสม พงษ์ใหม่ ราษฎร ต.โคกกรวด กล่าวว่า ได้เรียกร้องให้ผู้มีอำนาจพิจารณาปรับรูปแบบจากคันดินโดยยกระดับเป็นตอม่อ เริ่มตั้งแต่ ต.โคกกรวด ยกผ่าน ต.บ้านใหม่ สิ้นสุดที่สถานีรถไฟนครราชสีมา มิเช่นนั้นหากเกิดเหตุเพลิงไหม้จะเป็นอุปสรรคของรถดับเพลิงการไประงับเหตุ เมื่อแบ่งแยกชุมชน วิถีชีวิตเปลี่ยนอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ พระสงฆ์ สามเณรต้องเดินข้ามสะพานต่างระดับสูง 10 เมตร ระยะทาง 1 กิโลเมตร ไปรับบิณฑบาต ชาวบ้านก็ไปมาหาสู่ลำบากมากขึ้น
ด้านนางสาวกิตติมา ถิขุนทด ส.ท.เขต 2 ทต.บ้านใหม่ กล่าวว่า การก่อสร้างคันดินยกระดับและสร้างอุโมงค์ทางลอดผ่านจุดตัดจะเกิดผลกระทบทั้งการคมนาคม เศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม มลพิษเสียงและฝุ่นละออง ที่ผ่านมา ถนนมอเตอร์เวย์ก็ทำให้น้ำท่วม หากโครงการนี้แล้วเสร็จ ต.บ้านใหม่ ต้องเป็นพื้นที่รับปริมาณน้ำจำนวนมาก ชาวบ้านเดือดร้อนมาก ขอให้รัฐบาลหรือผู้มีอำนาจปรับรูปแบบเพื่อประชาชนในพื้นที่มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น สามารถเดินทางได้สะดวก รวดเร็ว ปลอดภัย
ทั้งนี้ รูปแบบการก่อสร้างรถไฟทางคู่ช่วงผ่านพื้นที่ อ.เมือง อยู่ระหว่างปรับปรุงข้อมูลโดยต้องปรับแบบให้สอดคล้องกับรถไฟความเร็วสูงไทย-จีน และต้องส่งรายละเอียดให้กระทรวงคมนาคม เพื่อพิจารณา ศึกษาก่อนจะรายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่ออนุมัติต่อไป ล่าสุด รฟท.ได้ออกเอกสารแจ้งให้รื้อถอนสิ่งปลูกสร้างพร้อมขนย้ายทรัพย์สินออกไปจากที่ดิน รฟท. ซึ่งต้องส่งมอบพื้นที่บริเวณชุมชนกองพระทราย (กม.261+658.39 ถึง กม.261+990) พื้นที่บริเวณถนนสืบสิริ (กม.262+400 ถึง กม.262+500) พื้นที่บริเวณอาคารห้องแถว 25 ห้อง (กม.262+111 ถึง กม.262+292.4) พื้นที่บริเวณชุมชนประสพสุข (กม.262+500 ถึง กม.262+800) และพื้นที่บริเวณอาคารห้องแถว 35 แปลง (กม.263+468 ถึง กม.263+610) เพื่อให้ผู้รับจ้างใช้ก่อสร้างในโครงการรถไฟไทย-จีน สัญญาที่ 3-5
ซึ่งพื้นที่ช่วงดังกล่าวมีผู้บุกรุกและผู้ผิดเงื่อนไขสัญญาเช่าแต่ยังครอบครองและใช้ประโยชน์ในที่ดินที่ใช้ก่อสร้างโครงการดังกล่าว การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดและโต้แย้งสิทธิทั้งทางแพ่งและอาญา ฉะนั้น เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ถูกต้องครบถ้วนและเป็นการลดผลกระทบกับผู้ที่อยู่อาศัยในพื้นที่ดังกล่าว จึงมีความจำเป็นต้องจัดทำแบบสำรวจเพื่อจัดเก็บข้อมูลเพื่อนำมาวิเคราะห์การเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ตามความจำเป็นและเร่งด่วน เพื่อไม่ให้โครงการเกิดความล่าช้า จึงขอความร่วมมือเจ้าของสิ่งปลูกสร้างและผู้เช่าตามความเป็นจริงให้ข้อมูลตามแบบสำรวจและขอให้ผู้บุกรุกและผู้มีสิทธิการเช่าโปรดทราบความจำเป็นและให้ความร่วมมือไม่ให้โครงการเกิดความล่าช้า |
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44763
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 19/05/2022 9:16 am Post subject: |
|
|
คอลัมน์ โลกการค้า: 'ร.ฟ.ท.-คมนาคม'กุมขมับ... 'ไฮสปีดเทรน'3 สนามบิน...ส่อเลยกำหนดดีเดย์
Source - แนวหน้า
Thursday, May 19, 2022 06:14
กระบองเพชร
โครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา)...คือหนึ่งใน โครงการความหวังของรัฐบาลที่จะใช้เป็นแรงดึงดูดนักลงทุนต่างชาติให้เข้ามาลงทุนและดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้เดินทางมาประเทศไทย...ซึ่งตั้งแต่เริ่มใครก็รู้ว่าโครงการนี้ไม่ง่ายเลย...ทั้งลงทุนสูง ผลตอบแทนก็ไม่รู้จะคุ้มวันไหน หาแหล่งเงินทุนก็ลำบาก การดำเนินงานในทางปฏิบัติก็มีอุปสรรคลายเรื่อง เริ่มตั้งแต่การส่งมอบพื้นที่จากรัฐ ไปจนถึงความเสี่ยงที่จะเกิดปัญหากับชุมชนใกล้พื้นที่โครงการ ฯลฯ
ล่าสุดก็เกิดขึ้นกับปัญหาที่คิดไว้แต่แรกแล้วว่า ต้องเจอคือการส่งมอบพื้นที่....เรื่องของเรื่องคือว่าบริษัท เอเชีย เอราวัน จำกัด ผู้รับสัมปทานโครงการรถไฟ ความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) เชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา) ปฏิเสธการรับมอบพื้นที่ ในแนวโครงการ และที่ดินเชิงพาณิชย์ (TOD) 150 ไร่สถานีรถไฟฟ้ามักกะสัน โดยทางผู้รับสัมปทานแจ้งว่า...ต้องส่งมอบพื้นที่อย่างสมบูรณ์ 100% ปราศจากการบุกรุก จากที่รถไฟฯดำเนินการส่งมอบไปแล้ว 96% โดยยังคงมีพื้นที่ที่ต้องทำการเคลียร์หน้าเสื่ออยู่อีกราว 4-5% ขณะที่ที่ดินในเชิงพาณิชย์ที่ต้องส่งมอบนั้นก็มีปัญหาในเรื่องลำรางสาธารณะ ที่ผู้รับสัมปทานแจ้งว่าสถาบันการเงิน ที่จะปล่อยกู้เข้มงวดแผนปล่อยกู้ให้โครงการ หากไม่สามารถพัฒนาโครงการได้เต็มศักยภาพ ผู้รับสัมปทานจึงได้แจ้งให้การรถไฟฯเร่งแก้ไขปัญหาบุกรุกในพื้นที่ รวมทั้งเพิกถอนลำรางสาธารณะให้แล้วเสร็จ จึงจะยอมรับการออกหนังสือ Notice to Proceed : NTP จากการรถไฟเพื่อเริ่มต้นดำเนินโครงการ
แน่นอนว่าปัญหาแบบนี้ไม่ใช่แก้กันง่ายๆ...ก็เห็นกันอยู่ในอดีตว่ามีโครงการใหญ่ๆ หลายโครงการต้องสะดุดหรือไม่ก็ล้มลงไปเพราะปมปัญหาการส่งมอบพื้นที่..ถึงตรงนี้ ก็มีความเป็นไปได้สูงที่การดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีดเทรน) อาจจะต้องยืดเวลาออกไปอีกนาน หาก การรถไฟฯ ไม่สามารถผ่าทางตันปัญหาการบุกรุกพื้นที่ใน แนวเวนคืนได้ในระยะ 1-2 ปีนี้ รวมทั้งแก้ไขปัญหาเพิกถอนลำรางสาธารณะในพื้นที่เชิงพาณิชย์ได้ ที่ต้องใช้เวลานาน นับปี...ต้องมาลุ้นกันว่าจากที่กำหนดว่าจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างโครงการฯในปี'65 จะทำได้ตามแผนหรือไม่
แน่นอนว่าเจอแบบนี้...การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และกระทรวงคมนาคม คงต้องกุมขมับเมื่อเจอ เงื่อนไขนี้เข้าไป...โดยผู้บริหารระดับสูงในกระทรวงคมนาคมรายหนึ่งเปิดเผยว่า..การที่เอกชนคู่สัญญาตั้งเงื่อนไขไม่ยอมรับมอบพื้นที่ก่อสร้างฯและยืนยันว่าให้รัฐต้องเคลียร์ปัญหาเรื่องพื้นที่ให้สมบูรณ์ทั้ง 100% นั้น สะท้อนความเป็นนักธุรกิจที่มีชั้นเชิงสูง ของกลุ่มทุน ผู้รับสัมปทานโครงการเป็นอย่างดี...เทียบกับก่อนหน้านี้ ที่คู่สัญญาฝ่ายรัฐยอมผ่อนปรน และ เยียวยาการจ่ายค่าสิทธิ์รับโอนรถไฟฟ้าแอร์พอร์ตลิงค์ให้ จากที่บริษัทต้องจ่ายค่าสิทธิ์ 10,671 ล้านบาท เป็นทยอยจ่าย 5-6 งวด โดยอ้างได้รับผลกระทบจากวิกฤตโควิด-19 และเศรษฐกิจ ทั้งที่โครงการระบบขนส่งมวลชนอื่นๆ ที่ต่างได้รับ ผลกระทบจากวิกฤตเศรษฐกิจและสถานการณ์โควิด-19 ไม่มีโครงการใดขอให้รัฐชดเชยหรือเยียวยาในลักษณะนี้มาก่อน แต่พอมาถึงเงื่อนเวลาที่บริษัทจะต้องดำเนินการก่อสร้างโครงการ แต่การรถไฟฯดำเนินการส่งมอบที่ดินแนวก่อสร้างให้ยังไม่ครบทั้ง 100% โดยขาดไปเพียง บางส่วนที่ยังต้องดำเนินการกับผู้บุกรุกและไม่ได้อยู่ในส่วนที่มีความสำคัญที่จะทำโครงการก่อสร้างสะดุดลง แต่อย่างใด แต่บริษัทกลับหยิบยกประเด็นดังกล่าวมาเป็นมูลเหตุในการยืดเวลาการดำเนินโครงการฯ
แหล่งข่าวรายดังกล่าว เปิดเผยอีกว่าเบื้องหลังที่เอกชนคู่สัญญา ยังไม่รับมอบพื้นที่โครงการฯ อาจเป็นเพราะว่าปัญหาที่แท้จริงอยู่ที่บริษัทฯประสบปัญหาในการระดมทุนก่อสร้างโครงการนี้ที่ต้องใช้เม็ดเงินกว่า 200,000 ล้านบาท โดยเป็นการก่อสร้างโครงการราว 1.65 หมื่นล้าน และการพัฒนาที่ดินเชิงพาณิชย์เป็นส่วนสนับสนุนโครงการอีกราว 45,000 ล้านบาท แม้บริษัทจะเซ็น MOU กับสถาบันการเงินที่จะให้การสนับสนุนโครงการนี้ ไปกว่า 2 ปี แต่ยังไม่สามารถเจรจาตกลงกันได้
ทั้งนี้ สิ่งที่สะท้อนให้เห็นถึงปัญหาที่แท้จริงก็คือ ความพยายามในการเจรจาแก้ไขสัญญาสัมปทานที่บริษัทต้องการให้คู่สัญญาฝ่ายรัฐปรับร่นการจ่ายเงินสนับสนุนการก่อสร้างโครงการตามมติคณะรัฐมนตรี(ครม.)วงเงิน 117,227 ล้านบาท จากเงื่อนไขการประมูลและสัญญาที่กำหนดไว้รัฐจะจ่ายคืนเงินส่วนนี้ให้แก่คู่สัญญาเอกชนเมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จและเปิดให้บริการ หรือประมาณปีที่ 6 ของสัญญา มาเป็นการเริ่มจ่ายในปีที่ 2 ของสัญญานับจากเดือนที่ 21 เป็นต้นไป เพื่อแลกกับการที่บริษัทเอกชนจะแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างโครงสร้างร่วมที่ ทับซ้อนกับโครงการรถไฟไทย-จีน ช่วงบางซื่อ-ดอนเมือง
"เป็นการดึงเงินของรัฐมาก่อสร้างให้ก่อน แทนที่จะเป็นการระดมทุนจากคู่สัญญาเอกชนโดยตรง ซึ่งข้อเสนอ ดังกล่าวนั้น คณะทำงานการรถไฟฯได้นำเสนอขอความเห็นชอบ จากคณะกรรมการ(บอร์ด)การรถไฟไปแล้ว เมื่อสัปดาห์ ที่ผ่านมา คาดว่าจะนำเสนอเข้าสู่ที่ประชุมร่วม 3 ฝ่าย คือสำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาค ตะวันออก(สกพอ.) การรถไฟฯและบริษัทเอกชนคู่สัญญา กันในเร็วๆ นี้ ก่อนนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) ต่อไป"
แหล่งข่าวกล่าวอีกว่า ความพยายามในการแก้ไขสัญญาสัมปทานโครงการรถไฟความเร็วสูงไฮสปีดเทรนฯ ดังกล่าว ยังคงเป็นปมปัญหาหลักที่เชื่อแน่ว่า คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (กพอ.) คงยากที่จะให้ความเห็นชอบได้ เพราะถือเป็นการเอื้อประโยชน์ให้เอกชนอย่างเห็นได้ชัด และยังเป็นการดำเนินการ ที่ขัด พ.ร.บ.การร่วมลงทุนฯปี 2562 โดยตรงอีกด้วย
ที่สำคัญเมื่อดูสถานะของการรถไฟฯ ที่ลำพัง แค่การแก้ไขปัญหาขาดทุนสะสมขององค์กรที่มีนับแสนล้านบาท ก็หนักหนาสาหัสพออยู่แล้ว ขณะที่ภารกิจหลักในการดำเนินโครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน เฟสแรก เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา ระยะทาง 250 กม.วงเงินลงทุนกว่า 1.79 แสนล้านบาท ที่รัฐบาลและการรถไฟฯ ดำเนินการ มาตั้งแต่ปลายปี 2560 จนวันนี้ที่ ผ่านมากว่า 5 ปีแล้ว ตัวโครงการ กลับมีความคืบหน้าในการก่อสร้างในภาพรวมไปเพียง 4.62% เท่านั้น และยังคงมีปัญหาที่การรถไฟฯต้องลงไปแก้ไขอีก เป็นพะเรอเกวียน บางสัญญานั้นยังออกแบบก่อสร้างไม่แล้วเสร็จและยังต้องเจรจาเรื่องเวนคืนอีกเป็นจำนวนมมาก ขณะที่ การดำเนินโครงการในระยะ 2 ที่จะต่อเชื่อมโครงการจาก โคราช-หนองคาย ระยะทาง 357 กม. เงินลงทุน อีกกว่า 2.6 แสนล้านบาท เพื่อเชื่อมต่อรถไฟลาว-จีน ที่เปิดให้บริการไปแล้ว จนถึงวันนี้ยังออกแบบไม่แล้วเสร็จ และยังไม่ผ่านความเห็นชอบด้าน EIA ด้วยซ้ำ ทำให้มีการคาดการณ์ กันว่า หากการรถไฟฯยังคงดำเนินการล่าช้าอืดเป็นเรือเกลือเช่นนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะต้องใช้เวลาก่อสร้างกันเป็นทศวรรษหรืออย่างไร
ด้วยเหตุนี้ หลายฝ่ายจึงตั้งข้อกังขารัฐและการรถไฟฯ กำลังทำอะไรกันอยู่ เหตุใดโครงการที่ตนเองจะต้องลุยไฟเต็มสูบ คือ รถไฟไทย-จีนที่ป่าวประกาศจะต้องไปเชื่อมต่อกับรถไฟจีน-ลาว กลับอืดเป็นเรือเกลือ แต่กลับมาให้ความสำคัญกับการดำเนินโครงการไฮสปีดเทรนเชื่อมสามสนามบินที่เป็นโครงการสัมปทานมากกว่า โดยออกหน้าเจรจาแก้ไขสัญญาสัมปทาน ทั้งที่ควรเป็นความรับผิดชอบของเอกชนที่ต้องแสดงศักยภาพในการระดมทุนมากกว่า
ขณะที่ผู้บริหารใน บมจ.บีทีเอส 1 ในกลุ่มบีเอสอาร์ (BSR) กล่าวว่าทางกลุ่มยังคงติดตามกรณีความพยายามแก้ไขสัญญาสัมปทานระหว่างการรถไฟฯ และบริษัทเอเซีย เอราวันฯ ว่าเป็นไปตามเงื่อนไขประมูล TOR หรือไม่ เพราะการที่รัฐตัดสินใจเลือกกลุ่มทุนรายนี้ให้เป็นผู้รับสัมปทานนั้น ก็เพราะมีข้อเสนอขอเงินสนับสนุนจากรัฐต่ำกว่า เชื่อในศักยภาพทางการเงินและการระดมทุนของกลุ่มว่าจะสามารถทำตามเงื่อนไขที่วางไว้ได้ แต่การที่บริษัทฯประวิงเวลาในการรับมอบพื้นที่โครงการออกไปและมีความพยายามในการเจรจา แก้ไขสัญญาสัมปทานเพื่อดึงเงินสนับสนุนการก่อสร้างของภาครัฐ ออกมาใช้ สะท้อนให้เห็นว่า บริษัทประสบปัญหาในการระดมทุน ถึงกับจะขอใช้เงินลงทุนจากภาครัฐแทนชี้ให้เห็นการตัดสินใจที่ผิดพลาดของคณะกรรมการคัดเลือกและรัฐบาลก่อนหน้า ซึ่งหากการแก้ไขสัญญาครั้งนี้ทำให้กลุ่ม BSR ไม่ได้รับความเป็นธรรมก็คงจะใช้สิทธิ์ทางกฎหมายตามมาอย่างแน่นอน
ที่มา: นสพ.แนวหน้า ฉบับวันที่ 19 พ.ค. 2565 |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 19/05/2022 12:27 pm Post subject: |
|
|
รฟท. เร่งส่งมอบพื้นที่เดินหน้ารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย
วันพฤหัสบดี ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เวลา 12:02 น.
สัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารโครงการพัฒนาที่ดิน การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมชลประทาน เข้ารื้อถอนย้ายอาคารและสิ่งปลูกสร้างในแนวโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน บริเวณแนวเส้นทางรถไฟโรงเรียนบ้านเขาชีจรรย์ หมู่ 11 ตำบลบางเสร่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้ทำความเข้าใจ เจรจาไปแล้วหลายครั้ง ถึงความจำเป็นต้องเร่งส่งพื้นที่ให้กับผู้รับเหมาเพื่อดำเนินการก่อสร้างโครงการตามสัญญา โดยจ่ายค่าทดแทนให้ชาวบ้านทั้ง 2 รายไปแล้ว แต่ทั้ง 2 รายจะต้องยื่นเอกสารแสดงสิทธิ์การเช่าที่ดินกับกรมชลประทานก่อน แต่ผู้ได้รับผลกระทบไม่สามารถแสดงสิทธิ์ได้ จึงได้ปรับเปลี่ยนค่าทดแทนตามระเบียบที่กฎหมายกำหนด โดยระบุให้ผู้เสียหายได้รับค่าทดแทนส่วนหนึ่ง แต่ทั้ง 2 ราย ยังไม่ยินยอม การรถไฟฯ ได้ลงพื้นที่เพื่อเจรจาต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถส่งมอบพื้นที่ได้ตามกำหนด หลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อประโยชน์ต่อประเทศและประชาชนส่วนรวม
https://www.facebook.com/watch/?v=1214641682697374 |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
Posted: 19/05/2022 3:52 pm Post subject: |
|
|
รฟท. เร่งส่งมอบพื้นที่เดินหน้าไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน
หน้าอสังหาริมทรัพย์
ฐานเศรษฐกิจดิจิทัล |
วันพฤหัสบดี ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เวลา 12:25 น.
รฟท. เร่งส่งมอบพื้นที่เดินหน้าตอกเข็มรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภุมิ-อู่ตะเภา) หลังล่าช้ามานาน
จากความล่าช้าในการก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม3สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา)หรือไฮสปีด3สนามบิน ส่งผลให้ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เข้ารื้อถอนย้ายอาคารและสิ่งปลูกสร้างในแนวโครงการดังกล่าว
ทั้งนี้บริเวณแนวเส้นทางรถไฟโรงเรียนบ้านเขาชีจรรย์ หมู่ 11 ตำบลบางเสร่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้ทำความเข้าใจ เจรจาไปแล้วหลายครั้ง ถึงความจำเป็นต้องเร่งส่งพื้นที่ให้กับผู้รับเหมาเพื่อดำเนินการก่อสร้างโครงการตามสัญญา
การจ่ายค่าทดแทนมีเงื่อนไขว่า ต้องยื่นเอกสารแสดงสิทธิ์การเช่าที่ดินกับกรมชลประทานก่อน แต่ผู้ได้รับผลกระทบไม่สามารถแสดงสิทธิ์ได้ จึงได้ปรับเปลี่ยนค่าทดแทนตามระเบียบที่กฎหมายกำหนด โดยระบุให้ผู้เสียหายได้รับค่าทดแทนส่วนหนึ่งซึ่งขณะนี้มีอยู่สองราย ยังไม่ยินยอม
รฟท. ได้ลงพื้นที่เพื่อเจรจาต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถส่งมอบพื้นที่ได้ตามกำหนด หลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อประโยชน์ต่อประเทศและประชาชนส่วนรวม
รายงานข่าวจากรฟท.ระบุว่า การแก้ปัญหาผู้บุกรุกในเขตก่อสร้างโครงการ ได้แก้ปัญหาแล้วเสร็จไปแล้วเกือบ 100% คงเหลืออีก 2 ราย ในพื้นที่ขอกรมชลประทานที่รฟท.ขอใช้พื้นที่ในเขตทางโครงการเท่านั้น และยืนยันว่าได้มีการทำความเข้าใจกับผู้บุกรุกมาตลอด
โดยหลังการแก้ไขปัญหาผู้บุกรุกเสร็จ การรถไฟฯมีแผนส่งมอบพื้นที่ให้เอกชน ผู้ได้รับสัมปทานโครงกรรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินในวันที่ 24 กรกฎาคม 2565
รฟท.เปิดแผนส่งมอบที่ดิน สร้างไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน ถึงไหนแล้ว
หน้าเศรษฐกิจ Mega Project
ฐานเศรษฐกิจดิจิทัล |
วันพฤหัสบดี ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เวลา 14:19 น.
รฟท.เผยแผนส่งมอบพื้นที่ ไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน ติดหล่มเวนคืน เหตุชาวบ้านไม่ยอมรับค่าทดแทน-ยื่นเอกสารสิทธิ์ เร่งเจรจาต่อเนื่อง ตั้งเป้าปิดดีล 24 ก.ค.นี้
รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) แจ้งว่า ความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน หรือไฮสปีดเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา) ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารโครงการพัฒนาที่ดิน การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมชลประทาน เข้ารื้อถอนย้ายอาคารและสิ่งปลูกสร้างในแนวโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน บริเวณแนวเส้นทางรถไฟโรงเรียนบ้านเขาชีจรรย์ หมู่ 11 ตำบลบางเสร่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้ทำความเข้าใจ เจรจาไปแล้วหลายครั้ง ถึงความจำเป็นต้องเร่งส่งพื้นที่ให้กับผู้รับเหมาเพื่อดำเนินการก่อสร้างโครงการตามสัญญา โดยจ่ายค่าทดแทนให้ชาวบ้านทั้ง 2 รายไปแล้ว
ทั้งนี้ชาวบ้านทั้ง 2 รายจะต้องยื่นเอกสารแสดงสิทธิ์การเช่าที่ดินกับกรมชลประทานก่อน แต่ผู้ได้รับผลกระทบไม่สามารถแสดงสิทธิ์ได้ จึงได้ปรับเปลี่ยนค่าทดแทนตามระเบียบที่กฎหมายกำหนด โดยระบุให้ผู้เสียหายได้รับค่าทดแทนส่วนหนึ่ง แต่ทั้ง 2 ราย ยังไม่ยินยอม การรถไฟฯ ได้ลงพื้นที่เพื่อเจรจาต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถส่งมอบพื้นที่ได้ตามกำหนด หลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อประโยชน์ต่อประเทศและประชาชนส่วนรวม
นายสมยุทธิ์ เรือนงาม ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการพัฒนาที่ดิน การรถไฟแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การแก้ปัญหาผู้บุกรุกในเขตก่อสร้างโครงการ ได้แก้ปัญหาแล้วเสร็จไปแล้วเกือบ 100% คงเหลืออีก 2 ราย ในพื้นที่ของกรมชลประทานที่การรถไฟขอใช้พื้นที่ในเขตทางโครงการเท่านั้น และยืนยันว่าได้มีการทำความเข้าใจกับผู้บุกรุกมาตลอดโดยหลังการแก้ไขปัญหาผู้บุกรุกเสร็จ การรถไฟฯมีแผนส่งมอบพื้นที่ให้เอกชน ผู้ได้รับสัมปทานโครงกรรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ภายในวันที่ 24 กรกฎาคม 2565
ทั้งนี้โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง สุวรรณภูมิ อู่ตะเภา มีระยะทาง 220 กิโลเมตร 9 สถานี มูลค่าโครงการ 224,500 ล้านบาท ช่วยสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่ระเบียงเศรษฐกิจภาคตะวันออก (EEC) ก่อให้เกิดการลงทุน การท่องเที่ยว ก่อประเทศต่อเศรษฐกิจโดยสารของประเทศในอนาคต
Wisarut wrote: | รฟท. เร่งส่งมอบพื้นที่เดินหน้ารถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน
ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย
วันพฤหัสบดี ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2565 เวลา 12:02 น.
สัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารโครงการพัฒนาที่ดิน การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กรมชลประทาน เข้ารื้อถอนย้ายอาคารและสิ่งปลูกสร้างในแนวโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน บริเวณแนวเส้นทางรถไฟโรงเรียนบ้านเขาชีจรรย์ หมู่ 11 ตำบลบางเสร่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าหน้าที่ได้ทำความเข้าใจ เจรจาไปแล้วหลายครั้ง ถึงความจำเป็นต้องเร่งส่งพื้นที่ให้กับผู้รับเหมาเพื่อดำเนินการก่อสร้างโครงการตามสัญญา โดยจ่ายค่าทดแทนให้ชาวบ้านทั้ง 2 รายไปแล้ว แต่ทั้ง 2 รายจะต้องยื่นเอกสารแสดงสิทธิ์การเช่าที่ดินกับกรมชลประทานก่อน แต่ผู้ได้รับผลกระทบไม่สามารถแสดงสิทธิ์ได้ จึงได้ปรับเปลี่ยนค่าทดแทนตามระเบียบที่กฎหมายกำหนด โดยระบุให้ผู้เสียหายได้รับค่าทดแทนส่วนหนึ่ง แต่ทั้ง 2 ราย ยังไม่ยินยอม การรถไฟฯ ได้ลงพื้นที่เพื่อเจรจาต่อเนื่อง เพื่อให้สามารถส่งมอบพื้นที่ได้ตามกำหนด หลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อประโยชน์ต่อประเทศและประชาชนส่วนรวม
https://www.facebook.com/watch/?v=1214641682697374 |
|
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44763
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
|
Back to top |
|
|
Mongwin
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/09/2007 Posts: 44763
Location: ทางรถไฟสายสุพรรณบุรี สายสงขลา
|
Posted: 20/05/2022 6:25 am Post subject: |
|
|
รื้อแล้ว! อาคาร-สิ่งปลูกสร้าง บุกรุกพื้นที่สร้างรถไฟไฮสปีด 3 สนามบิน
เดลินิวส์ 19 พฤษภาคม 2565 18:42 น.
เศรษฐกิจ-ยานยนต์
การรถไฟฯ ลุยรื้อย้ายอาคาร-สิ่งปลูกสร้างชาวบ้าน บุกรุกพื้นที่ก่อสร้างรถไฟไฮสปีด 3 สนามบินแล้ว หวั่นหากล่าช้าจะเกิดความเสียหายต่อรัฐ เดินเครื่องมอบพื้นที่ให้เอกชน คาดส่งมอบพื้นที่ส่วนผู้บุกรุกได้ 24 ก.ค.นี้ ขณะที่งานรื้อย้ายสาธารณูปโภค ช่วงสุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา คาดจบใน ก.ค. นี้
นายสมยุทธ์ เรือนงาม ผู้อำนวยการฝ่ายบริหารโครงการพัฒนาที่ดิน การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหารโครงการพัฒนาที่ดิน รฟท. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ กรมชลประทาน นำกำลังเข้าดำเนินการรื้อถอนย้ายอาคาร และสิ่งปลูกสร้าง ของประชาชนที่อาศัยอยู่ในแนวโครงการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน บริเวณแนวเส้นทางรถไฟโรงเรียนบ้านเขาชีจรรย์ หมู่ 11 ตำบลบางเสร่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี เป็นที่เรียบร้อย เพื่อทำให้โครงการที่เกิดประโยชน์ต่อเศรษฐกิจ การค้า การลงทุน ต่อประเทศนี้ ในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) เดินหน้าต่อไปได้
นายสมยุทธ์ กล่าวต่อว่า ในการแก้ปัญหาผู้บุกรุกในเขตทางก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ในส่วนของ รฟท. ได้แก้ปัญหาแล้วเสร็จไปแล้ว 100% คงเหลืออีก 2 ราย ในพื้นที่ของกรมชลประทาน ที่ รฟท. ขอใช้พื้นที่ในเขตทางโครงการเท่านั้น ยืนยันว่าที่ผ่านมาได้มีการทำความเข้าใจกับผู้บุกรุกมาตลอด โดยหลังการดำเนินการแก้ไขปัญหาผู้บุกรุกแล้วเสร็จ รฟท. มีแผนในการดำเนินการส่งมอบพื้นที่ให้เอกชน ผู้ได้รับสัมปทานโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบินในวันที่ 24 ก.ค.65
นายสมยุทธ์ กล่าวอีกว่า สำหรับความก้าวหน้าการรื้อย้ายสาธารณูปโภค ในเดือน เม.ย.65 ประกอบด้วย งานรื้อย้ายสาธารณูปโภค ช่วงสุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา หน่วยงานเจ้าของสาธารณูปโภคลงพื้นที่ดำเนินการแล้วเสร็จ 357 จุด (609 งาน) จากทั้งหมด 400 จุด (668 งาน) โดยมีสาธารณูปโภคที่ดำเนินการรื้อย้าย จำนวน 135 งาน ดำเนินการแล้ว 76 งาน คงเหลืองานรื้อย้าย 59 งาน ซึ่งการรื้อย้ายสาธารณูปโภคงานสุดท้ายจะรื้อย้ายแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ค. 65 ส่วนงานรื้อย้ายสาธารณูปโภค ช่วงพญาไท-ดอนเมือง ลงพื้นที่ดำเนินการแล้วเสร็จ 18 จุด (18 งาน) จากทั้งหมด 68 จุด (67 งาน)
นายสมยุทธ์ กล่าวอีกว่า ส่วนการแก้ปัญหาผู้บุกรุก พื้นที่เขตทางรถไฟ และพื้นที่บางส่วนของกรมชลประทาน ที่อยู่ในแนวเส้นทางก่อสร้างโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน เจ้าหน้าที่ได้เข้าทำความเข้าใจ และเจรจาไปแล้วหลายครั้ง ถึงความจำเป็นต้องเร่งส่งพื้นที่ให้กับผู้รับเหมา เพื่อดำเนินการปรับสภาพเส้นทาง รองรับการก่อสร้างโครงการดังกล่าวตามสัญญา ซึ่งที่ผ่านมาก็ได้มีการเจรจา เพื่อจ่ายค่าทดแทนให้ชาวบ้านทั้ง 2 รายไปแล้ว จากเดิมได้มีการประเมินราคาค่าทดแทน และมีการทำสัญญากันไป ตั้งแต่วันที่ 21 ก.พ.64 รายที่ 1 ได้รับค่าทดแทน 1,920,600 บาท รายที่ 2 ได้รับค่าทดแทน 821,929 บาท แต่ทั้ง 2 ราย จะต้องยื่นเอกสารแสดงสิทธิการเช่าที่ดิน กับกรมชลประทานก่อนให้ครบถ้วน แต่ปรากฏว่าผู้ได้รับผลกระทบ ไม่สามารถแสดงสิทธิได้ รฟท.จึงไม่สามารถจ่ายค่าทดแทนตามข้อตกลงดังกล่าว
ต่อมาได้มีการปรับเปลี่ยนค่าทดแทนตามระเบียบที่กฎหมายกำหนด โดยระบุให้ผู้เสียหาย ได้รับค่าทดแทนส่วนหนึ่ง โดย รฟท. ได้มีหนังสือแจ้งประกาศครอบครองไปยังคู่กรณี แต่ชาวบ้านทั้ง 2 ราย ไม่ยินยอม ในกรณีดังกล่าว รฟท. ต้องดำเนินการตามกฎหมาย หากผู้ร้องขอไม่สามารถแสดงสิทธิในที่อยู่อาศัยได้ ก็จะกลายเป็นการบุกรุกที่ดินของรัฐ ไม่สามารถจ่ายค่าทดแทนได้ ต่อมา รฟท.ก็ยังได้พิจารณาจัดสรรค่าทดแทนบางส่วนเพื่อช่วยเหลือ
และล่าสุด รฟท. ได้ทำหนังสือแจ้งผู้อาศัยให้มารับเงินค่าทดแทนตามกำหนดเมื่อวันที่ 18 ม.ค.65 แต่ทั้ง 2 ราย ยังไม่ยินยอม รฟท.จึงต้องส่งเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่เพื่อเจรจาต่อเนื่อง แต่ยังไม่ได้รับความร่วมมือ จึงจำเป็นต้องเข้าดำเนินรื้อถอนตามกฎหมาย เพื่อให้สามารถส่งมอบพื้นที่ได้ตามกำหนด หลีกเลี่ยงความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้น จากการที่รัฐส่งมอบพื้นที่ให้ผู้รับเหมาล่าช้า และเป็นโครงการที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศ และประชาชนส่วนรวม
ทั้งนี้โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา มีระยะทาง 220 กิโลเมตร (กม.) 9 สถานี มูลค่าโครงการ 224,500 ล้านบาท เป็นโครงการช่วยสนับสนุนการพัฒนาพื้นที่ EEC ช่วยพัฒนาที่ก่อให้เกิดการลงทุน การท่องเที่ยว ต่อประเทศต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศในอนาคต |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42784
Location: NECTEC
|
|
Back to top |
|
|
|