View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
|
Posted: 30/06/2006 11:10 am Post subject: |
|
|
พงษ์ศักดิ์"รื้อระบบประมูลรถไฟสายสีแดง
Khaosod - June 30, 3006
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.คมนาคม เปิดเผยว่า กระทรวงคมนาคมร่วมกับสภาการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเตรียมจัดตั้งคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้างโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดง จากเดิมที่กำหนดให้มีการจัดซื้อจัดจ้างเฉพาะเส้นทางบางซื่อ-รังสิต ซึ่งเป็นเส้นทางระยะสั้น ดังนั้น เพื่อให้มีความสะดวกในการก่อสร้างและรองรับผู้โดยสารในอนาคต จึงเปลี่ยนให้มีการจัดซื้อจัดจ้างรถไฟสายสีแดงทั้งระบบคือเส้นทางรังสิต-พญาไท-มหาชัย ซึ่งเป็นเส้นทางระยะยาว ซึ่งการประมูลจัดซื้อจัดจ้างพร้อมกันทั้งระบบจะทำให้รัฐประหยัดค่าใช้จ่ายในการก่อสร้างมากกว่าการประมูลเพื่อก่อสร้างเป็นช่วงสั้นๆ ทั้งนี้ คาดว่าขั้นตอนการประมูลจัดซื้อจัดจ้างจะแล้วเสร็จในเดือนพ.ย.2549 ส่วนสายการจัดซื้อจัดจ้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินและม่วงนั้นให้ดำเนินการตามที่ทางสำนักนโยบายและแผนการขนส่งจราจร (สนข.) กำหนดไว้ ซึ่งแนวทางดังกล่าว กระทรวงคมนาคมได้วางแนวทางไว้และให้อำนาจครม.ชุดใหม่ เป็นผู้พิจารณาเพื่อเห็นชอบอีกครั้ง |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
|
Posted: 12/07/2006 5:32 pm Post subject: |
|
|
ย่านมักกะสันจากยอดตึกใบหยก 2 เมื่อ 8 กรกฎาคม 2549 โดยนายเคนโด้
City Air Terminal จากยอดตึกใบหยก 2 เมื่อ 8 กรกฎาคม 2549 โดยนายเคนโด้
City Air Terminal ระยะประชิดจากยอดตึกใบหยก 2 เมื่อ 8 กรกฎาคม 2549 โดยนายเคนโด้
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
|
Posted: 22/07/2006 9:59 pm Post subject: |
|
|
หน้าตามักกะสันคอมเพล็กซ์
ด้านหน้ามักกดะสันคอมเพล้กซ์
|
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
|
Posted: 26/07/2006 1:37 pm Post subject: |
|
|
รฟท.รับแล้วเปิดใช้แอร์พอร์ตลิงก์ไม่ทันพ.ย.50
Dailynews - July 26, 2006
รายงานข่าวจากการรถไฟแห่งประเทศไทย แจ้งว่า ตามที่การรถไฟฯ มีโครงการก่อสร้างโครงการระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมสนามบินสุวรรณภูมิ และสถานีรับส่งผู้โดยสารอากาศยาน
ในเมือง (CAT) พญาไท-มักกะสัน-สุวรรณภูมิ (แอร์พอร์ตลิงก์) ระยะทาง 28.5 กม. ซึ่งเริ่มก่อสร้างไปตั้งแต่กลางปี 2548 นั้น ขณะนี้การก่อสร้างมีความคืบหน้าแล้ว 30 กว่าเปอร์เซ็นต์
ช้ากว่าแผนงาน 10 กว่าเปอร์เซ็นต์ แต่มีอัตราความก้าวหน้าที่เร็วขึ้นเพื่อชดเชยการก่อสร้างในส่วนที่ ล่าช้าไป ทั้งนี้ในส่วนของการเข้าพื้นที่ก่อสร้างโครงการขณะนี้เข้าพื้นที่ได้เกือบหมดทุกจุดแล้ว ยกเว้นบริเวณถนนราชปรารภ ที่ผู้รับเหมายังเข้าพื้นที่ไม่ได้ เนื่องจากยังเจรจากับชาวบ้านในชุมชนเดชา กว่า 70-80 หลังคาเรือนไม่เรียบร้อย ทำให้การลงพื้นที่ในบริเวณดังกล่าวต้องล่าช้าออกไปอีก ซึ่ง ส่งผลให้การก่อสร้างทั้งโครงการจะไม่แล้วเสร็จ พร้อมเปิดให้ใช้บริการได้ในเดือน พ.ย. 2550 ตามที่กำหนดไว้ โดยจะล่าช้าออกไปอีก 6-7 เดือน อย่างไรก็ตามทางการรถไฟฯ แจ้งเรื่องดังกล่าวให้ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รักษาการ รมว. คมนาคม ทราบโดยตลอดแล้ว ซึ่งนายพงษ์ศักดิ์มีนโยบายให้เจรจากับชาวบ้านด้วยความนุ่มนวล ไม่ให้ใช้ความรุนแรง แม้จะส่งผลให้การก่อสร้างเสร็จไม่ทันตามกำหนดก็ตาม
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับกรณีที่มีการตรวจพบรอยร้าวของเสา และคานในโครงการก่อสร้างนั้น ขณะนี้ผู้รับเหมาได้หาผู้เชี่ยวชาญเข้ามาตรวจสอบโดยละเอียดแล้ว จะ สามารถนำ
ข้อสรุปเสนอนายพงษ์ศักดิ์ได้ปลายสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ตามจากการตรวจสอบเสาที่ร้าวเบื้องต้นพบว่าเป็นรอย ร้าวเพียงผิวนอกที่อาจเกิดจากการถอดแบบโครงสร้างไม่ดี เท่านั้น ไม่ได้เกิดจาก
โครงสร้างภายใน จึงไม่น่าเป็นห่วงแต่จะกังวลในส่วนของคานที่ร้าวมากกว่า ซึ่งกำลังตรวจสอบอย่างละเอียดว่าอยู่ในสภาพที่ปลอดภัยสามารถใช้งานได้นานหรือไม่ หากไม่ปลอดภัยคงจะต้องทุบทิ้ง. |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
|
Posted: 29/07/2006 6:03 pm Post subject: |
|
|
ได้ข้อสรุปการก่อสร้างรถไฟฟ้า 3 สาย เตรียมนำเข้า ครม.สัปดาห์หน้า
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 28 กรกฎาคม 2549 14:36 น.
รถไฟฟ้ารุ่นเดซิโร่ ของซัเมนส์ ที่นำมาใช้กะ รถไฟด่วนสนามบิน
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรอง คณะที่ 2 ที่มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานว่า ที่ประชุมได้ข้อสรุปใช้รูปแบบการออกแบบควบคู่การก่อสร้าง หรือ ดีไซน์แอนด์บิ้ว ในการดำเนินการโครงสร้างรถไฟฟ้า 3 สาย ตามที่สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ หรือ สป.แนะนำ เพื่อบริษัทรับเหมาเอกชนสามารถเสนอช่องทางที่รัฐบาลสามารถหาแหล่งเงินทุนได้ โดยให้กระทรวงการคลังเป็นผู้พิจารณา
นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และสำนักงานนโยบายแผนการขนส่งและจราจร ประชุมหารือกับ สป. ประกาศรายละเอียดขั้นตอนดำเนินการให้ประชาชนเข้าใจ เพื่อเกิดความโปร่งใส
ทั้งนี้ในที่ประชุมยังมีมติขยายเส้นทางสายสีแดง จากเดิมบางซื่อ-รังสิต เป็นพญาไท-ยมราช บางซื่อ-รังสิต เพื่อสามารถเชื่อมต่อกับแอร์พอร์ตลิงก์ โดยให้ประมูลพร้อมกัน 2 สาย เพื่อให้เกิดประโยชน์อย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตามจะเสนอเรื่องเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในวันอังคารหน้า และเชื่อว่าจะใช้เวลาเพียง 3 สัปดาห์ สามารถขายแบบได้ทันที พร้อมกำหนดประกาศยื่นซองการประมูลว่าต้องใช้เวลากี่วัน โดยคณะกรรมการร่างทีโออาร์จะเป็นผู้พิจารณาต่อไป
// ------------------------------------------------------
คลังเล็งหาทุนหนุนสร้างรถไฟฟ้า 3 เส้นทาง
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 28 กรกฎาคม 2549 16:26 น.
กระทรวงการคลังเตรียมหาแหล่งเงินทุนรองรับการก่อสร้างรถไฟฟ้า 3 เส้นทาง ระบุธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น (เจบิก) ให้เงื่อนไขเงินกู้ผ่อนปรน เพราะไม่มีเงื่อนไขเรื่องบริษัทก่อสร้างต้องเป็นของญี่ปุ่น ดอกเบี้ยต่ำ และระยะเวลาผ่อนชำระนาน แต่ข้อสรุปสุดท้ายต้องรอเงื่อนไขการประมูลจากกระทรวงคมนาคมที่จะเสนอคณะรัฐมนตรีก่อน
นายทนง พิทยะ
นายทนง พิทยะ รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า หลังจากรัฐบาลมีมติเร่งก่อสร้างรถไฟฟ้า 3 เส้นทาง แม้ยังอยู่ระหว่างการร่างเงื่อนไขสัญญาการประมูล (ทีโออาร์) ซึ่งกระทรวงคมนาคมกำลังดำเนินการอยู่ และหากสามารถสรุปรูปแบบเงื่อนไขทีโออาร์และเสนอต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีแล้ว กระทรวงการคลังก็พร้อมจัดหาแหล่งเงินทุนจากสถาบันการเงินต่างประเทศ ซึ่งการระดมทุนเพื่อรองรับการก่อสร้างโครงการดังกล่าว ต้องให้สำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เป็นผู้จัดหาแหล่งเงินทุน ด้วยออกเครื่องมือทางการเงิน ที่เคยดำเนินการอยู่แล้ว ซึ่งเห็นว่าไม่ควรหานวัตกรรมทางการเงินแบบใหม่ที่ยุ่งยาก เพราะต้องการเร่งจัดหาเงินทุน
นายทนง กล่าวว่า กระทรวงการคลังได้เจรจากับเจบิกไว้บ้างแล้ว ซึ่งเจบิกได้เสนอเงื่อนไขเงินกู้ผ่อนปรน เพราะไม่ได้กำหนดเงื่อนไขต้องใช้บริษัทก่อสร้างหรือนำเข้าวัสดุก่อสร้างจากญี่ปุ่นเพียงอย่างเดียว ซึ่งที่ผ่านมาเจบิกได้ปล่อยกู้ให้กับไทยด้วยวงเงินกู้อัตราดอกเบี้ยต่ำ หรือซอฟต์โลน ที่มีอัตราดอกเบี้ยเพียงร้อยละ 0.75 มีอายุการกู้ยาวนานถึง 40 ปี และมีระยะเวลาปลอดชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยร้อยละ 10 นับว่าเป็นอัตราดอกเบี้ยต่ำมาก แต่การจะกู้เงินจากเจบิกทั้งหมดเต็มจำนวนหรือไม่ ยังไม่สามารถยังบอกได้ เพราะต้องรอดูทีโออาร์ที่กระทรวงคมนาคมจะเสนอขอความเห็นชอบจากคณะรัฐมนตรีในเร็ว ๆ นี้ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
|
Posted: 29/07/2006 6:12 pm Post subject: |
|
|
ดูผังการใช้ที่ดินมักกะสันปัจจุบัน โดยคุณ Chad ดูสิครับ
ดูภาพผังแปลนมักกะสันคอมเพล้กซ์สิครับ โดยคุณ Chad
มาเทียบกะภาพกูเกิลเอิร์ธดูเอาก็แล้วกันนะ โดยคุณ Chemon
[img]http://i14.photobucket.com/albums/a307/cHemon2/Makkasan11.jpg [/img] |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
|
Posted: 30/07/2006 12:04 am Post subject: |
|
|
"สุริยะ" ขี่ "ทักษิณ" ฮุบ1.6 แสนล้าน
กดปุ่มเทิร์นโครงการรถไฟฟ้าแฟนซี 3 สาย
สยามธุรกิจ 29 กรกฎษคม 2549
ทำเนียบรัฐบาล/สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจฯ - ทักษิณ หัก พงษ์ศักดิ์ หงอ สุริยะ เลิกนั่งหัวโต๊ะประชุมลงทุนรถไฟฟ้า 3 สาย มูลค่า 1.6 แสนล้านบาท แฉประมูลแบบเทิร์นคีย์ เป็นกลวิธีทุจริตที่ถูกกฎหมาย และทำงบบานปลายได้มากถึง 1,000% ระบุถ้าต้องการผลักดันให้โครงการสำเร็จต้องจ่ายค่า ยุ่งยากบวกค่าประชาสัมพันธ์อีกบานตะไท ด้านผู้ประกอบการระบุ รูปแบบประมูลไม่ใช่ปัญหา ขอเพียงต้องกำหนดสเปกและให้ชัดเจน
ในวันที่ 28 กรกฎาคม 2549 ที่ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ที่มีนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รักษาการรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานจะพิจารณาการลงทุนก่อสร้างรถไฟฟ้า 3 สาย โดยนายสุริยะ กล่าวว่า ขณะนี้โครงการรถไฟฟ้าใต้ดินมีความคืบหน้าพอสมควร แต่รายละเอียดปลีกย่อยได้มอบหมายให้กระทรวงคมนาคมพิจารณา ซึ่งจะต้องมีการหารือในที่ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองก่อน เพื่อให้ได้ข้อสรุปและเสนอเข้าที่ประชุมครม.ต่อไป ซึ่งไม่ถือว่าเป็นความล่าช้า หรือมีปัญหาความขัดแย้งระหว่างตนเองกับ นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแต่อย่างใด โดยจะมีการประชุมคณะกรรมการฯร่วมกับนายกรัฐมนตรีในที่ 28 กรกฎาคม นี้
ทักษิณผวาฤทธิ์สุริยะเลิกล้วงลูก
ด้านพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี หลังจากปรารภในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 กรกฏาคมที่ผ่านมาว่า การพิจารณาก่อสร้างรถไฟฟ้าของรัฐบาลล่าช้ามาก จึงจะมานั่งเป็นประธานพิจารณาเอง ได้สั่งยกเลิกการประชุมหารือระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้า 3 เส้นทางในวันที่ 27 กรกฎาคมที่ผ่านมาอย่างกระทันหัน โดยให้นำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองฯ ชุดที่มีนายสุริยะ ซึ่งกำกับดูแลกระทรวงคมนาคมเป็นประธานพิจารณารายละเอียด
สำหรับการลงทุนรถไฟฟ้า 3 สาย มูลค่าประมาณ 1.6 แสนล้านบาท อยู่ระหว่างจัดทำรายละเอียดร่างขอบเขตเงื่อนไขการลงทุน หรือทีโออาร์ ประกอบด้วย 1.สายสีแดงช่วงพญาไท-ดอนเมือง-รังสิต ระยะทาง 32 กิโลเมตร มูลค่า 4.05 หมื่นล้านบาท 2.สายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ระยะทาง 23 กิโลเมตร มูลค่า 4.65 หมื่นล้านบาท และ 3. โครงการส่วนต่อขยายสายสีน้ำเงิน แบ่งเป็นช่วงหัวลำโพง-บางแค ระยะทาง 14 กิโลเมตร มูลค่า 4.99 หมื่นล้านบาท และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ ระยะทาง 13 กิโลเมตร มูลค่า 2.51 หมื่นล้านบาท รวมระยะทางสองสาย 27 กิโลเมตร มูลค่า 7.50 หมื่นล้านบาท
ส่วนวิธีลงทุนได้ข้อสรุปจะใช้วิธีจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จ (เทิร์นคีย์) ในลักษณะดีไซน์ แอนด์ บิลด์ หรือออกแบบไปก่อสร้างไป โดยรัฐบาลเป็นผู้จัดหาแหล่งเงินทุนให้ แต่เปิดโอกาสให้เอกชนเสนอแหล่งเงินทุนมาให้พิจารณาได้ เพื่อเปรียบเทียบข้อเสนอทางการเงินแล้วเลือกแนวทางที่ดีที่สุด คาดจะเปิดเชิญชวนได้เอกชนดำเนินการในเดือนสิงหาคมนี้
แฉประมูลเทิร์นคีย์ทุจริตถูกก.ม.
ด้าน รศ.ต่อตระกูล ยมนาค อดีตประธานคณะทำงานติดตามและศึกษาปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ตป.) สภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สป.) เปิดเผย สยามธุรกิจว่า เมื่อ 4 ที่ผ่านมา สภาที่ปรึกษาฯ ได้เสนอข้อดีและข้อเสียของการประมูลโครงการด้วยวิธีเทิร์นคีย์ให้กับรัฐบาลไปแล้ว และให้รัฐชะลอโครงการที่จะประมูลด้วยวิธีออกไปก่อนจนกว่าจะมีระเบียบที่เข้มงวดออกมารองรับ
อย่างไรก็ตาม ตนไม่เข้าใจตอนนี้รัฐกลับมาเปิดประมูลรถไฟฟ้าด้วยวิธีเทิร์นคีย์อีก ซึ่งผลเสียของการประมูลวิธีนี้คือ การเร่งรัดจากการทางเมืองจะเป็นการเปิดช่องให้เกิดการทุจริต คอร์ปรัปชั่นที่ถูกกฎหมาย ไม่สามารถกำหนดหลักเกณฑ์ควบคุมงานได้ เนื่องจากผู้รับเหมาจะเป็นผู้ทำหน้าที่ออกแบบเอง ก่อสร้างเอง และควบคุมงานเองด้วย รัฐมีหน้าที่รอรับงานเพียงอย่างเดียว
ในความเป็นจริงไม่ว่าจะออกระเบียบเข้มงวดมารอบรับยังไง ถ้าการเมืองและสถานการณ์การเมืองบ้านเมืองไม่พร้อมอย่างนี้ ถึงแม้ว่าจะขั้นตอนจะทำถูกก็จะมีประชาชนร้องเรียน เกิดการประท้วง ซึ่งจะทำให้เกิดอุปสรรคตามมาอย่างแน่นอน
รศ.ต่อตระกูล กล่าวด้วยว่า การประมูลแบบเทิร์นคีย์ก็ถือว่ามีความอันตรายมาก แม้ว่าข้าราชการที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นคนดี แต่ถ้ามีนักการเมืองไม่ดีเข้าไปเกี่ยวข้องก็ทำให้เกิดการทุจริตได้เหมือนเดิม ที่ผ่านมาการประมูลวิธีนี้จะทำให้ค่าก่อสร้างบานปลาย เพราะการก่อสร้างเป็นลักษณะออกแบบไปก่อสร้างไป ทำให้ไม่สามารถควบคุมงานได้ ซึ่งมีตัวอย่างหลายโครงการที่ผ่านมาที่ค่าก่อสร้างบานปลาย เช่น ทางด่วนบางนา-บางประกง ค่าก่อสร้าง 2.5 หมื่นล้านบาท ได้บานปลายออกไป 6 พันล้าบาท หรือเพิ่มขึ้น 24%
โครงการก่อสร้างบ่อบำกัด คลองด่าน ที่สมุทรปราการ ค่าก่อสร้างได้ตั้งงบไว้ 2 พันล้านบาท งบได้บานปลายออกไปเป็น 2 หมื่นล้าบาท หรือเพิ่มขึ้น 1,000%
การเปิดประมูลด้วยวิธีเทิร์นคีย์ผู้รับเหมาจะต้องเตรียมงบ ยุ่งยากไว้สูงมาก บวกกับงบประชาสัมพันธ์โครงการอีกมหาศาล การก่อสร้างโครงการถึงจะสำเร็จได้
โคทมชี้เทิร์นคียังมีช่องโหว่
นายโคทม อารียา ประธานสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวระหว่างการเปิดสัมมนาเวทีสาธารณะเรื่อง การจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จโครงการรถไฟฟ้า 3 สายทาง ร่วมกับผู้บริหารจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมชี้แจง โดยยอมรับว่าการสร้างรถไฟฟ้าจะอำนวยความสะดวกแก่ประชาชน โดยลดค่าใช้จ่ายด้านพลังงานและเกิดการพัฒนาด้านอสังหาริมทรัพย์บริเวณรถไฟฟ้าวิ่งผ่าน แต่จะต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพราะใช้เงินลงทุนถึง 200,000 ล้านบาท ในช่วง 3 ปีข้างหน้า หากสภาที่ปรึกษาฯ เห็นว่าเลือกใช้ระบบการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จหรือเทิร์นคีย์นับว่ายังมีช่องว่างขาดการรัดกุม เพราะจะทำให้ได้งานที่ไม่ตรงตามสเปกหรือไม่ได้มาตรฐาน รวมถึงมีผลต่องบประมาณผูกพันและอาจมีจุดอ่อนจากเงื่อนไขตามซองด้านเทคนิค ซึ่งอาจไม่เป็นธรรมกับผู้ร่วมประมูล โดยเฉพาะผู้ประมูลอาจปรับเปลี่ยนเส้นทางระหว่างการก่อสร้างได้ รวมถึงการวางหลักประกันสัญญาจ้างร้อยละ 10 ของงานทั้งหมด แต่ผู้รับเหมาสามารถเบิกเงินล่วงหน้าได้ถึงร้อยละ 15 ซึ่งหากงานไม่เสร็จอาจเกิดปัญหาทิ้งงานได้ เมื่อรับฟังข้อคิดเห็นจากทุกฝ่ายแล้วจะจัดประชุมสมาชิกสภาที่ปรึกษาฯ ในวันที่ 28 กรกฎาคมนี้ เพื่อหาข้อสรุปและเสนอแนวทางการคัดเลือกผู้รับเหมาต่อรัฐบาลให้นำไปพิจารณาต่อไป
การรถไฟฯยันเทิร์นคีย์เหมาะสุด
ขณะที่นายถวิล สามนคร รองผู้ว่าการด้านปฏิบัติการ การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) กล่าวว่า ในส่วนของ รฟท.ซึ่งรับผิดชอบก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีแดงจากช่วงบางซื่อ-รังสิต เป็นระยะทาง 25 กิโลเมตร มูลค่าลงทุนเบื้องต้น 38,600 ล้านบาท และช่วงบางซื่อตลิ่งชันยาว 15 กิโลเมตร เงินลงทุน 14,800 ล้านบาท ซึ่งทาง รฟท.ได้เรียกใช้วิธีการประมูลจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จ หรือเทิร์นคีย์ เพราะคิดว่าผู้รับเหมาคงไม่สามารถเปลี่ยนแปลงเส้นทางได้มากนัก เนท่องจากมีการกำหนดเส้นทางไว้ชัดเจน
ดังนั้น การจ้างเหมาแบบเทิร์นคีย์จะเป็นวิธีที่ดีที่สุด เพราะในเบื้องต้นรัฐบาลต้องการรับเหมาด้วยวิธีดังกล่าว ซึ่งเอกชนจะเป็นผู้หาเงินทุนทั้งหมด ในส่วนของการรถไฟที่ได้จัดทำ TOR ของสายสีแดงนั้นเป็นไปในลักษณะ TURN KEY คือจะให้ผู้รับเหมาจัดหาเงินลงทุนมาก่อนแล้วทางการรถไฟจะชำระคืนการจัดสร้างพร้อมดอกเบี้ยในภายหลัง เพราะฉะนั้นแบบที่ทางการถไฟได้ทำการออกแบบไว้อาจจะใช้ไม่ได้ ถ้าเป็นความจำเป็นแบบหนึ่งที่จะต้องในวิธีการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จเพราะจะต้องให้ผู้รับจ้างออกแบบและก่อสร้างพร้อมกันไปส่วนที่แตกต่างจาก รฟท. คือแทนที่จะเป็นการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จ DESING AND BUILT ก็จะเป็นในลักษณะของ TURN KEY ชึ่งเป็นสิ่งที่ยังไม่ชัดเจนแน่นนอนถ้าเราจะดำเนินการในขันตอนนี้เพราะว่ายังจะต้องนำเสนอเข้าไปในคณะ ครม . ซึ่งจะต้องผ่านคณะกรรมการกร่อนกรองรวมทั้งความเห็นชอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทางรัฐบาลเองรวมทั้งกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณอาจจะเห็นได้ว่าวิธีการในการหาเงินทุนอาจจะมีวิธีการอย่างอื่นที่ต้นทุนถูกกว่า อาจจะมีข้อเสนอให้เปลี่ยนแปลงวิธีการได้
รฟม.เน้น Design and Built
ด้านนายเยี่ยมชาย ฉัตรแก้ว รักษาการ รฟม. กล่าวว่า ทาง รฟม.ซึ่งรับผิดชอบก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-บางแค ระยะทาง 14 กิโลเมตร เป็นทางยกระดับ 9 กิโลเมตร และอุโมงค์ใต้ดิน 5 กิโลเมตร รวมกับอุโมงค์ใต้น้ำเจ้าพระยา 1 อุโมงค์ และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ ซึ่งเป็นทางยกระดับ 13 กิโลเมตร รวมกับสะพานข้ามแม่น้ำเจ้าพระยา 1 สะพาน วงเงินเบื้องต้น 62,346 ล้านบาท โดยทาง รฟม.ได้เลือกใช้การก่อสร้างแบบเทิร์นคีย์ แต่เป็นลักษณะ Design and Built ซึ่งเป็นโครงการที่มีเงินลงทุนสูงและใช้เทคโนโลยีพิเศษ โดยสามารถจัดทำโครงการได้หลายรูปแบบ และส่วนใหญ่เป็นโครงการใหม่ที่ไม่เคยดำเนินการมาก่อน จึงต้องมีความรู้ความสามารถและใช้เทคโนโลยีพิเศษ โดยรัฐจะทยอยจ่ายเงินลงทุนตามความคืบหน้าของงวดงาน โดยผู้รับเหมาก่อสร้างเมื่อสร้างเสร็จแล้วจะเป็นผู้รับผิดชอบเองทั้งหมด และจะไม่เกิดปัญหาเรื่องการก่อสร้างกับการออกแบบ เพราะเป็นผู้ดำเนินการคนเดียวกัน แม้จะมีข้อเสียเรื่องความเสี่ยงทั้งหมดที่ถูกโอนไปยังผู้รับเหมา ซึ่งอาจจะทำให้มีการบวกค่าก่อสร้างในราคาสูง แต่เมื่อมีการแข่งขันในการประมูลหลายรายก็จะทำให้ราคาถูกลงได้
โครงการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จเป็นการดำเนินงานควบคู่กับการการสำรวจออกแบบตลอดจนการก่อสร้างโดยสมบูรณ์รวมทั้งการบำรุงลักษาในช่วงเริ่มต้นโครงการ โดยผู้รับจ้างรายเดียวซึ่งมี3ลักษณะ ประกอบด้วย
1.การจ้างออกแบบควบคู่กับการก่อสร้าง (Design and Built) คือโครงการที่มีเงินลงทุนและเทดโนยโลยีสูงสามารถจัดทำได้หลายรูปแบบส่วนใหญ่เป็นโครงการใหม่ไม่เคยดำเนินการมาก่อน จึงจำเป็นต้องใช้ผู้รับเหมาที่มีความรู้ความสามารถและเทคโนโลยีพิเศษและมีรูปแบบการชำระเงินตามความก้าวหน้าของงานเป็นงวดๆเป็นหนึ่งในการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จ
2.การจ้างก่อสร้างพร้อมจัดหาเงินทุน (TURN KEY) คือโครงการที่จัดหาบริษัทรับเหมาก่อสร้างดำเนินการจนแล้วเสร็จจึงจะชำระเงิน ผู้ระบเหมาจะต้องจัดหาแห่เงินทุนเองโดยผู้รับเหมาจะต้องมีวงเงินในการอ้างอิงไว้ประกอบการพิจารณาด้วย
3.การจ้างออกแบบควบคู่กับการก่อสร้างพร้อมกับการจัดหาเงินทุน (Design and Built TURN KEY)เป็นโครงการที่ใช้รูปแบบทั้งข้อ1+2โดยผู้รับเหมาเป็นผู้ออกแบบและก่อสร้างไปพร้อมกันและขณะเดียวกันก็จัดหาเงินลงทุนมาดำเนินโครงการด้วย
ทั้งนี้ ทางรฟม .ต้องการที่จะดำเนินการแบบ Design and Built โดยรัฐจ่ายเงินเป็นงวดๆเงินมาจากสำนักงบระมาณส่วนหนึ่งและจากรัฐบาลส่วนหนึ่ง แต่ว่าเปิดโอกาสให้ผู้ยื่นข้อเสนอทางการเงินที่คาดว่าเห็นว่าดีเราก็จะดำเนินการ สาเหตุที่เลือก Design and Built เพราะว่างานระบบไฟฟ้าเป็นงานที่เรายังไม่มีความชำนาญเพียงพอที่จะดำเนินการและงาน Design and Built มีข้อดี ข้อเสียอย่างไรเมือเทียบกับการก่อสร้างตามปกติงานก่อสร้างตามปกติเราจะให้ที่ปรึกษามาทำการออกแบบลาดละเอีดยเสร็จแล้วก็ออกแบบรายลเอียดไปให้ผู้รับเหมาตีราคาและจัดทำสัญญาการก่อสร้างกันแบบ Design and Built เหมือนกับของเราคือเราจะทำการออกแบบค้าวๆอย่างละเอียดจะบอกความต้องการของเราไปอย่างชัดเจน และให้ผู้รับเหมาออกแบบให้สอดคล้องกับการออกแบบเบี้องต้นของเรา อันนี้คือสิ่งที่เรียกว่า Design and Built
ปกติเวลาออกแบบถ้าเป็นโครงการที่ยุ่งยากอย่างรถไฟฟ้านี้มันมีหลายระบบมีงานโยธา วารราง มีระบบอานัติสัญญาณมีงานรถไฟฟ้าระบบเพาร์เวอร์ซัพพลาย ระบบเทเลคอมมิวนิเคชั่น ถ้าเราออกแบบเองเราต้องประสานงานกับซัพพลายเออร์ ซึ่งสิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ค่อนข้างยุ่งยากและใช้เวลานาน เราคิดว่าน่าจะหาคนที่มีประสบการณ์ในการที่จะมาออกแบบ เพราะผู้รับเหมาแต่ละบริษัทเขาก็จะมีประสบการณ์ในการออกแบบ ความจริงสามารถที่จะออกแบบให้สอดคล้องกับความชำนาญของเขาก็จะมีความชำนาญในการออกแบบอย่างนี้ว่าออกแบบอย่างนี้สร้างแบบนี้ง่ายกว่าถูกกว่าจากประสบการณ์ของเขา ซึ่งถือได้ว่าเป็นการแข่งขันการออกแบบ Design and Built เป็นการประกวดการออกแบบไปด้วยอีกทางหนึ่ง เราบอกสิ่งที่เราต้องการไปให้เขาแล้วให้เขาออกแบบมาแข่งขันกันแต่ต้องเป็นแบบที่สอดคล้องกับความต้องการของเรา ข้อดีอีกอย่างคือระหว่างการดำเนินงานความรับผิดชอบไปอยู่ที่ผู้รับเหมาในเรื่องของการออกแบบทั้งสิน อย่างเช่นการทำงานที่ผ่านมาที่มีปัญหามากที่สุดคือระบบสาธารณูประโภค ถ้าเราออกแบบรายละเอียดเองยังไงก็ไม่สามารถควบคุมได้มีการเปลียนแปลงแบบเพื่อให้สอดคล้องกับสาธารณูประโภคต้องมีการย้ายสาธารณูประโภคมากมายสิ่งเหล่านี้ถ้าเราสามารถที่จะยกให้เป็นภาระของผู้รับเหมาได้ปัญหาก็จะไม่เกิดกับเจ้าของงานนายเยี่ยมชายกล่าว
สำหรับข้อเสียคือ เป็นการเอาความเสี่ยงไปไว้ที่ผู้รับเหมาเพราะฉะนั้นเขาจะมาเรียกร้องเงินเพิ่มเติมไม่ได้ ฉะนั้นผู้รับเหมาจึงอาจคิดค่าความเสี่ยงเป็นค่าใช้จ่ายที่ต้องจ่ายเพิ่มขึ้นมา แต่เมื่อรวมแล้วจะเป็นราคาตายตัวงบไม่บานปลายและผู้รับเหมาไม่สามารถบวกค่าความเสี่ยงได้มากเพราะเป็นการประกวดราคาที่มีการแข่งขันอย่างแท้จริง แต่ละผู้ยื่นข้อเสนอไม่สามารถที่จะบวกค่าความเสี่ยงเข้าไปตามอำเภอใจได้ บริษัทไหนมีความสามารถในการบริหารความเสี่ยงได้ดีกว่ามีประสบการณ์มากกว่ามองรู้ว่าตรงไหนมีความเสี่ยงมากเสี่ยงน้อยเขาก็สามารถที่จะลดค่าใช่จ่ายได้ และข้อเสียอีกอย่างคือเนื่องจากยังไม่มีแบบรายละเอียด อาจมีปัญหาเรื่องการพิจารณาค่าจ้างที่เหมาะสมเพราะไม่มีแบบแล้วจะพิจารณาค่าจ้างที่เหมาะสมได้อย่างไร และความเสี่ยงอีกประการคือผู้รับเหมาพยายามที่จะลดคุณภาพในการก่อสร้างเพื่อกำไรมากขึ้น หรือเพื่อไม่ให้ขาดทุน ถ้ามีการกำหนดไว้กว้างเขาจะลดคุณภาพเองผู้รับเหมาอาจจะใช้วิธีการใช้วัสดุทดแทนในการก่อสร้างแต่ถ้ากำหนดให้ชัดเจนก็จะลดปัญหาตรงนี้ได้
เสนอแยกงานประมูล
เสนอแยกประมูลหาสิ่งที่ดีกว่า
ส่วนนายวิสุทธิ์ เจตสันติ์ สมาชิกสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กล่าวว่า ในเรื่องของรถไฟฟ้าควรจะแยกการประมูลออกเป็นเรื่อง ๆ ในส่วนของโยธาเราก็เลือกวิธีแบบ Design and Built คือ Design แล้วเอามาประมูลเพื่อหาผู้รับจ้างในลักษณะของทางเดินรถไฟฟ้า ชึ่งปกติแล้วมันเป็นการไปละเมิดสิทธิของเจ้าของที่ดิน จะต้องมีการเวรคืน เพราะฉะนั้นความยากลำบากที่จะต้องไปเวรคืนจึงไปทำที่กลางถนน ระบบที่ให้เอกชนรับผิดชอบทั้งหมดเป็นไปไม่ได้ เพราะมีผลกระทบต่อประชาชน การทำงานของ BTS มีแรงต่อต้านในทุกรูปแบบนานกว่า 5ปี ถึงได้เริ่มการก่อสร้าง ถ้ารัฐสามารถที่จะร่วมมือกับเอกชนแก้ไขปัญหาในเรื่องผลกระทบต่างๆ เหล่านี้ได้ก็เป็นการประมูลในรูปแบบ Design And Built หรือมีแบบแล้วค่อยไปหาผู้รับเหมาไม่ใช่เรื่องสำคัญ ในการก่อสร้างรัฐจะต้องทำความเข้าใจกับประชานได้ง่ายกว่าที่จะให้เอกชนหรือผู้รับเหมาไปทำความเข้าใจกับเจ้าของที่ดินหรือผู้ได้รับผลกระทบ เพราะฉะนั้นเรื่องวิธีการไม่ใช่เรื่องสำคัญ จะประมูลแบบไหนวิธีไหนก็หาคนที่เข้าไปกำกับดูแลให้ดีให้มีความเป็นธรรมเกิดขึ้นและความโปร่งใสเกิดขึ้น
ในส่วนของการที่จะจัดหาตัวรถไฟฟ้าก็เหมือนกันจะต้องไม่ใช่เป็นการประมูลเหมือนการก่อสร้าง ชอบรถระดับไหนต้องการสมรรถนะแค่ไหนสามารถกำหนดได้และก็ไปเลือกชื้อได้ ตนขอยืนยันว่า สามารถแยกการประมูลระหว่างระบบเครื่องกลไฟฟ้าคือตัวรถ กับระบบโครงสร้างโยธาได้
ขณะที่นายวัชระ แสงหะวัฒนา ตัวแทนผู้ประกอบการ กล่าวว่า ในฐานะผู้ประกอบการในเรื่องของ Design And Built ทางบริษัทก็เคยได้ดำเนินการมาหลายโครงการ ถามว่ามีความเหมาะสมกับโครงการขนายใหญ่แบบนี้หรือไม่ Design And Built ไม่มีปัญหาอยู่แล้ว แต่ก็มีองค์ประกอบหลายอย่างที่จะต้องทำให้เป็นโครงการ Design And Built ให้สำเร็จตามวัตถุประสงค์ ที่สำคัญคือเจ้าของงานต้องบอกความต้องการที่ชัดเจน และให้เวลาในการเตรียมงานให้เหมาะสม ทางเจ้าของงานก็จะได้ผู้ประกอบการที่มีประสบการณ์ที่เหมาะสม ก็สามารถที่จะได้โครงการที่กำหนดไว้ นั้นคือ Design And Built |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
|
Posted: 31/07/2006 3:01 am Post subject: |
|
|
'สุริยะ' รื้อทีโออาร์ยกเลิกเทิร์นคีย์
Thairath - July 31, 2006
นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.อุตสาหกรรม เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 2 เพื่อพิจารณาจัดทำข้อกำหนดเงื่อนไขการประกวดราคา (ทีโออาร์) รถไฟฟ้า 3 เส้นทาง คือ สายสีแดง สีน้ำเงิน และสีม่วง โดยมีนายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.คมนาคม ผู้แทนจากสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สป.) ผู้แทนจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนกรุงเทพ (รฟม.) การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องร่วมประชุม ว่า ที่ประชุมเห็นชอบร่างทีโออาร์โครงการรถไฟฟ้า 3 เส้นทางที่จะเสนอให้เอกชนที่สนใจเข้ามาประมูลใช้รูปแบบการออกแบบควบคู่การก่อสร้าง หรือ Design and Build ตามข้อเสนอของ สป. และสำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน
โดยรัฐบาลจะเป็นผู้จัดหาเงินลงทุนเอง และยืนยันว่าจะไม่นำระบบการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จหรือเทิร์นคีย์ที่กำหนดให้เอกชนเป็นผู้ก่อสร้างและจัดหาแหล่งเงินทุนมาใช้ ซึ่งหลักการ
ที่สรุปจะนำเสนอที่ประชุม ครม.วันที่ 1 ส.ค.นี้
นายพงษ์ศักดิ์ รักตพงศ์ไพศาล รมว.คมนาคม กล่าวว่า สาเหตุที่เปลี่ยนรูปแบบการประมูลมาใช้วิธีการออกแบบควบคู่ไปกับการก่อสร้าง เพื่อป้องกันการผูกขาดให้กับผู้รับเหมาบางราย และเพื่อเปิดกว้างให้กับผู้รับเหมาทั่วไป นอกจากนี้ ที่ประชุมยังเห็นชอบให้กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ และให้ขยายเส้นทางสีแดงจากเดิม บางซื่อ-รังสิต เป็นขยายช่วงพญาไท-ยมราช-บางซื่อ เพื่อเชื่อมโครงการแอร์พอร์ตลิงค์ไปยังดอนเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานจากที่ประชุมคณะกรรม-การกลั่นกรองฯ ว่า ที่ประชุมได้หยิบยกประเด็นเรื่องความเหมาะสมที่รัฐบาลรักษาการจะดำเนินโครงการขึ้นมาพิจารณา ซึ่งนายสุริยะเห็นว่าไม่น่าจะมีปัญหา เนื่องจากโครงการดังกล่าวเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดประโยชน์ และเชื่อว่ารัฐบาลชุดใหม่จะเข้ามาสานต่อโครงการ
ด้าน นายทนง พิทยะ รมว.คลัง กล่าวว่า มีความพร้อมเต็มที่ในการที่จะระดมเงินทุนเพื่อใช้ในการก่อสร้างรถไฟฟ้า 3 สาย ภายจากหลังที่ ครม.อนุมัติตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอเกี่ยวกับข้อยุติของร่างเงื่อนไขสัญญาการเปิดประมูล หรือทีโออาร์ ในช่วงที่ผ่านมาคลังได้เตรียมความพร้อมโดยได้ติดต่อธนาคารเพื่อความร่วมระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น หรือเจบิค เพื่อเป็นแหล่งระดมเงินทุนในโครงการดังกล่าว
ที่ผ่านมาเจบิคได้ปล่อยกู้ในโครงการก่อสร้างพื้นฐานให้กับประเทศไทยหลายแห่ง เช่น สนามบินหนองงูเห่า และโครงการรถไฟฟ้าสายแรก เป็นวงเงินหลายหมื่นล้านบาทแล้ว และถ้าจะกู้เงินจากเจบิคเพื่อใช้ดำเนินการก่อสร้างรถไฟฟ้าอีก 3 สาย ก็ไม่น่ามีปัญหาเพราะอัตราที่เจบิคกู้นั้นผ่อนปรนมากๆ และไม่มีเงื่อนไขหรือพันธะใดๆในการใช้บริษัทก่อสร้าง หรือวัสดุก่อสร้างจากญี่ปุ่น
นางพรรณี สถาวโรดม ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ กล่าวว่าโครงการรถไฟฟ้า 3 สาย ถือเป็นโครงการที่ลดปัญหาสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นโครงการที่เจบิคให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ โดยคิดอัตราดอกเบี้ยเพียง 0.75% ต่อปี มีระยะเวลาปลอดชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ย 10 ปี และกู้เงินได้ยาวถึง 40 ปี โดยเบื้องต้น คาดว่าโครงการรถไฟฟ้า 3 สาย จะใช้เงินก่อสร้างทั้งหมด 200,000 ล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้ จะกู้เงินจากเจบิค 40% ของจำนวนเงินก่อสร้าง หรือประมาณ 80,000 ล้านบาท อีก 120,000 ล้านบาทที่เหลือ จะเป็นกู้เงินภายในประเทศด้วยการออกพันธบัตรรัฐบาล วงเงินกู้เฉลี่ยตั้งแต่ 5 ปี จนถึง 20 ปี โดยจะทยอยออกพันธบัตรรัฐบาลเป็นงวดๆ ขึ้นอยู่กับความต้องการใช้เงิน เพื่อไม่ให้ดอกเบี้ยมาเป็นภาระกับงบประมาณมากนัก
ตอนนี้ สำนักหนี้ฯได้ดำเนินการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการกู้เงินของเจบิคไว้เรียบร้อยแล้ว และทางเจบิคก็พร้อมที่จะปล่อยกู้ได้ทันที ที่ไทยมีทีโออาร์เรียบร้อยแล้ว ซึ่งคาดว่าในวันอังคารที่ 1 ส.ค. กระทรวงคมนาคมน่าจะเสนอเรื่องดังกล่าวให้ ครม.อนุมัติ และหลังจากนั้น กระทรวงการคลังจะรับเรื่องดังกล่าวมาดำเนินการทันทีโดยเป็นการใช้จ่ายของงบลงทุนปี 2550 ที่ผูกพันมาจากปี 2549.
// --------------------------------------------------
เออ, ไม่ต้องใช้ผู้รับเหมาญี่ปุ่นกะซื้อ และ เช่า เครื่องจักรญี่ปุ่รนก็จริงว แต่ก็ไม่พ้นแบบรรมเนีมคือต้องใช้ Supplier ที่เป็นพันธมิตรกะญี่ปุ่นถึงจะไปได้สวยน่อ |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
|
Posted: 01/08/2006 8:09 pm Post subject: |
|
|
เอาหละ ครม. อนุมัติแผน ก่อสร้าง 3 สายแล้วน่อ ดูข่าวนี้สิครับ
เอาเป็นว่า รถไฟชุมชนสนามบินจะยาวถึง 60 กิโลเมตร (รังสิต - บางซื่อ - พญาไท - มักกะสันใหม่ สุวรรณภูมิ) ... แต่รถไฟด่วนสนามบินจะเชื่อมดอนเมืองกะสุวรรณภูมิหรือเปล่าก็ยังไม่แน่ชัด
// -----------------------------------------------------
ครม.สั่งเดินหน้าก่อสร้างรถไฟฟ้า 3 สายทาง
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 1 สิงหาคม 2549 17:39 น.
คณะรัฐมนตรีไฟเขียวเดินหน้าโครงการรถไฟฟ้า 3 สายทาง ระบุจะยึดวิธีออกแบบควบคู่การก่อสร้าง หรือ Design and Build และจัดจ้างด้วยวิธีการประกวดราคาแบบนานาชาติ พร้อมสั่งกระทรวงการคลังไปจัดหาแหล่งเงินกู้ที่เหมาะสม และค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าว ขณะที่ 'พงษ์ศักดิ์' แจงต่อ ครม.ใช้เงินสร้างสนามบินสุวรรณภูมิทั้งสิ้น 113,774 ล้านบาท
น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี รักษาการโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงว่า กระทรวงคมนาคมได้นำเสนอให้ ครม.พิจารณาโครงการรถไฟฟ้า ซึ่งมีทั้งสายสีม่วง สายสีน้ำเงิน และสายสีแดง ซึ่งวันนี้กระทรวงคมนาคมได้มีการนำเสนอเข้าไปสู่คณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอ ครม. คณะที่ 2 ฝ่ายโครงสร้างพื้นฐานการเกษตร ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ซึ่งมีรองนายกฯ สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นประธานคณะกรรมการกลั่นกรองชุดนี้ ซึ่งได้มีการประชุมเมื่อวันศุกร์ที่ 28 กรกฎาคมที่ผ่านมา และได้มีประเด็นในแง่ของการอภิปราย ทั้งในส่วนของรายละเอียด ทั้งที่มาจากกระทรวงคมนาคม และในส่วนของสภาที่ปรึกษาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งได้ให้ความเห็นและข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการดำเนินการโครงการรถไฟฟ้าทั้ง 3 สายทาง ของกระทรวงคมนาคม ซึ่งมีรายละเอียดที่มากพอสมควร และคณะกรรมการกลั่นกรองฯ คณะที่ 2 ได้มีมติดังต่อไปนี้
ข้อแรก ให้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. ดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงบางใหญ่-บางซื่อ ระยะทางประมาณ 23 กิโลเมตร และสายสีน้ำเงิน ช่วงหัวลำโพง-บางแค และช่วงบางซื่อ-ท่าพระ ระยะทาง 27 กิโลเมตร และให้ดำเนินการประกวดราคาในลักษณะของการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จ โดยให้ออกแบบรายละเอียดและก่อสร้างไปพร้อมกัน หรือ Design and build ซึ่งเป็นไปตามที่สภาที่ปรึกษาฯ ได้เสนอ และดำเนินการจัดจ้างด้วยวิธีการประกวดราคาแบบนานาชาติ
ซึ่งสำหรับการคัดเลือกผู้รับเหมา ก็จะพิจารณาภายใต้เงื่อนไขราคาค่าก่อสร้าง ระยะเวลาก่อสร้าง รูปแบบวิธีการก่อสร้าง และข้อเสนอด้านการเงิน ซึ่งจะรวมถึงข้อเสนอการแลกเปลี่ยนสินค้า หรือบาร์เตอร์เทรด แบบไม่เต็มจำนวนด้วย โดยที่ให้สำนักงบประมาณจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสม ตามแผนการใช้จ่ายเงินจริง และให้กระทรวงการคลังจัดหาแหล่งเงินกู้ที่เหมาะสม และค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าว ภายใต้กรอบวงเงินลงทุนค่าก่อสร้างงานโยธาและระบบรถไฟฟ้า 103,136 ล้านบาท ทั้งนี้ ให้ผู้ยื่นข้อเสนอจัดทำข้อเสนอด้านการเงินมาประกอบการพิจารณาด้วย
ข้อสอง อนุมัติให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง ช่วงพญาไท-ยมราช-บางซื่อ-ดอนเมือง-รังสิต ระยะทางประมาณ 32 กิโลเมตร ซึ่งเป็นแอร์พอร์ตลิงก์ส่วนขยาย ที่ ครม.ได้เคยอนุมัติเส้นทางไว้แล้ว ให้ดำเนินการการประกวดราคาในลักษณะการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จ โดยให้ออกแบบรายละเอียดและก่อสร้างไปพร้อมกัน คือ Design and build เหมือนกัน และดำเนินการจัดจ้างด้วยวิธีการประกวดราคาแบบนานาชาติ ซึ่งการคัดเลือกผู้รับเหมาจะพิจารณาภายใต้เงื่อนไขราคาค่าก่อสร้าง ระยะเวลาก่อสร้าง รูปแบบวิธีการก่อสร้าง และข้อเสนอด้านการเงิน ซึ่งรวมถึงข้อเสนอการแลกเปลี่ยนสินค้าแบบไม่เต็มจำนวนด้วย
โดยสำนักงบประมาณจะจัดสรรงบประมาณตามความจำเป็นและเหมาะสมตามแผนการใช้จ่ายเงินจริง และกระทรวงการคลังก็จะจัดหาแหล่งเงินกู้ที่เหมาะสมและค้ำประกันเงินกู้ดังกล่าว ภายใต้กรอบวงเงินลงทุนค่าก่อสร้าง งานโยธา และระบบเดินรถ รวมทั้งจัดหาตัวรถ รวมทั้งค่ารื้อย้ายสาธารณูปโภคภายในวงเงิน 42,300 ล้านบาท ในส่วนนี้คือวงเงิน 42,300 ล้านบาท ทั้งนี้ให้ผู้ยื่นข้อเสนอจัดทำข้อเสนอด้านการเงินประกอบการพิจารณามาด้วย
ข้อสาม ให้ทั้ง รฟม. และ รฟท. ดำเนินโครงการรถไฟฟ้าดังกล่าวโดยยกเว้นขั้นตอน การดำเนินการตามขั้นตอนที่ 1 ของคู่มือการพิจารณาการจ้าง โดยกระทรวงการคลัง และให้ยกเว้นการดำเนินการตามขั้นตอนในระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยการพัสดุ ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ 2549 เพื่อให้สอดคล้องกับการดำเนินการตามขั้นตอนของการจ้างเหมาแบบเบ็ดเสร็จ ซึ่งในส่วนนี้ที่ประชุม ครม.ได้มีการอภิปรายถึงเรื่องเกี่ยวกับที่มาของแหล่งเงินกู้ แต่ยังไม่มีข้อสรุป ก็ถือเป็นเรื่องที่กระทรวงการคลังจะได้ไปจัดหาแหล่งเงินกู้ที่เหมาะสมต่อไป
เป็นที่น่าสังเกตว่าไม่ใช่ระบบสัมปทาน เพราะในช่วงอดีตที่ผ่านมาที่มีการทำโครงการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนนั้น รัฐลงทุนสร้างถึงแสนกว่าล้าน แต่เอกชนมาเดินรถโดยใช้เงินหมื่นกว่าล้าน แต่เป็นผลทำให้รัฐไม่สามารถกำหนดราคาค่าโดยสารได้ เพราะฉะนั้นครั้งนี้ถึงเป็นระบบจ้างเหมาเบ็ดเสร็จ เพื่อที่รัฐจะสามารถกำหนดราคาค่าโดยสารในอนาคตได้ ตามนโยบายที่จะให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนในการโดยสาร |
|
Back to top |
|
|
Wisarut
1st Class Pass (Air)
Joined: 27/03/2006 Posts: 42751
Location: NECTEC
|
Posted: 09/08/2006 11:55 pm Post subject: |
|
|
แอร์พอร์ตลิงค์เข็นไม่ขึ้นคืบแค่ 38% รับเหมาจุกเบิกจ่ายไม่ได้ร่วมพันล.
ฐานเศรษฐกิจ 10-12 สิงหาคม 2549
แอร์พอร์ตลิงค์ สะเทือนหนักต้องเลื่อนแผนเปิดใช้ถึง 1 ปี "การรถไฟฯ" รับมีส่วนทำให้งานช้า เพราะยังส่งมอบพื้นที่ได้ไม่ครบ โดยเฉพาะบริเวณถนนราชปรารภ อ้างชาวบ้านเรียกร้องเงินค่าชดเชยเพิ่มร่วม 20 ล้าน ประกอบกับต้องตามแก้ปัญหาเสาตอม่อ-คานร้าว ฉุดงานช้ากว่าแผนถึง 18.52% เผยยังไม่เซ็นรับงานร่วม 1 พันล้าน หวั่นกระทบสภาพคล่องของผู้รับเหมา ด้านซิโน-ไทย รับมีผลกระทบต้นทุนเพิ่ม แต่ยังคุมได้ วอนไฟเขียวขยายเวลาเพิ่ม เพื่อเร่งงานด่วน
แหล่งข่าวระดับสูงจากบริษัทผู้ควบคุมงานก่อสร้างโครงการระบบขนส่งทางรถไฟ เชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Airport Rail Link Project) ช่วงพญาไท-มักกะสัน/อโศก-สุวรรณภูมิ ระยะทาง 28 กิโลเมตร เปิดเผย "ฐานเศรษฐกิจ" ว่า ว่าขณะนี้ผลงานความก้าวหน้าในการก่อสร้างโครงการ ระบบขนส่งทางรถไฟเชื่อมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (Airport Rail Link Project) ช่วงพญาไท-มักกะสัน/อโศก-สุวรรณภูมิ หรือ แอร์พอร์ตลิงค์ มีผลงานความคืบหน้ารวมเพียง 38% จากแผนงานที่กำหนดไว้ที่ 56.52%
โดยแบ่งเป็นความคืบหน้าในส่วนของงานด้านโยธา ที่ทำได้จริง 24% จากแผนงานที่กำหนดว่าจะต้องมีผลงาน 40% ขณะที่งานระบบอาณัติสัญญาณ ทำได้จริงเพียง 41% จากแผนงานที่กำหนดว่าจะต้องได้ผลงานถึง 65% ส่งผลให้ภาพรวมการก่อสร้างมีความล่าช้ากว่าแผนอยู่ถึง 18.52%
อย่างไรก็ดี นี่เป็นผลงานที่เป็นไปตามผลการตรวจรับงาน ถึงเมื่อช่วงกลางเดือน มิ.ย.49 ที่ผ่านมา ยังไม่ได้นับรวมกับผลงานในช่วงปลายเดือนมิ.ย.ถึงสิ้นเดือน ก.ค.49 แต่คาดว่าเมื่อนับรวมกับผลงานที่อยู่ระหว่างรอการตรวจรับงานจากคระกรรมการตรวจรับงาน ก็คาดว่าผลงานจะคืบหน้าไม่มากนัก แหล่งข่าวกล่าวชี้แจง
สำหรับสาเหตุที่ทำให้ล่าช้านั้น แหล่งข่าวรายเดิมกล่าวว่า ยังคงเป็นปัญหาเดิมๆ นั้นคือปัญหาที่เกิดจากทั้งฝ่ายผู้รับเหมาก่อสร้างเอง คือ บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) ที่ต้องตามแก้ปัญหาเสาต่อม่อ-คาน ที่มีรอยร้าว ซึ่งในส่วนนี้เชื่อว่าส่งผลต่อสถานะทางการเงินของบริษัทพอสมควร เนื่องจากมีคานที่ติดตั้งไปแล้ว แต่ยังไม่ได้เซ็นรับงานและจะต้องทำการหล่อติดตั้งใหม่ คิดเป็นเงิน 200 ล้านบาท เมื่อรวมกับคานที่หล่อเตรียมติดตั้งอยู่ในขระนี้ กับเสาตอม่อที่ต้องปรับแก้ไข และที่ต้องทุบทิ้งและทำให้อีก 2 ต้น วงเงินที่ทางบริษัทยังไม่สามารถเบิกจ่ายได้จะสูงถึงประมาณ 1 พันล้านบาท
ด้านแหล่งข่าวรายหนึ่งจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้กล่าวรับว่า ขณะนี้การรถไฟฯ เองมีส่วนทำให้โครงการล่าช้าด้วย เนื่องจากว่ายังไม่สามารถส่งมอบพื้นที่ได้ทั้งหมด ที่ยังเหลืออยู่คือชุมชนคลองตัน ที่กำลังอยู่ระหว่างการรื้อบ้าย คาดว่าจะออกจากพื้นที่ได้ทั้งหมดภายในวันที่ 15 ส.ค.49 นี้ ส่วนพื้นที่ชุมชนเดชา ยังไม่สามารถกำหนดแน่นอนได้ เนื่องจากมีปัญหาเรือ่งการตกลงราคาค่าชดเชย ซึ่งโดยรวมแล้วชุมชนที่ถูกรื้อย้ายได้มีการเรียกร้องเงินค่าชดเชยจากเดิมกำหนดไว้ 70 ล้านบาท เพิ่มขึ้นรวมเป็นงินอีก 20 ล้านบาท ซึ่งยังไม่สามารถจัดหามาจ่ายให้ครบได้
ส่วนเรื่องการขอขยายเวลาจากที่ผู้รับเหมาก่อสร้างเสนอมานั้น ยังคงอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา ว่าจะให้หรือไม่อย่างไร ซึ่งคงจะพิจารณา เป็นกรณี ดูที่เหตุและผลของความล่าช้า และอนุมัติให้ขยายเวลาเป็นกรณี จะไม่อนุมัติตามเวลาที่ผู้รับเหมาเสนอมาทั้งหมด ซึ่งคาดว่าต้องใช้เวลาพิจารณาอีกนานพอสมควร เพราะต้องให้ทั้งฝ่ายกฎหมาย ฝ่ายการทำสัญญา ร่วมกันพิจารณาให้รอบคอบ แหล่งข่าวกล่าว
ขณะที่ นายวรพันธ์ ช้อนทอง กรรมการรองผู้จัดการสายการเงินและบริหาร บริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) กล่าวยอมรับกับ "ฐานเศรษฐกิจ" ว่าจากปัญหาความล่าช้าที่เกิดขึ้นนั้นมีมีผลกระทบต่อการเบิกจ่ายเงินพอสมควร แต่ไม่ใช่ปัญหาหลักต่อการก่อสร้าง เนื่องจากการเบิกจ่ายยังคงเป็นไปตามงวดงาน ที่ล่าช้าก็จะมีในส่วนที่ทางผู้ตรวจรับงานตัดทอนการเบิกจ่ายให้ไปเบิกจ่ายในงวดถัดไป
ขณะที่ในส่วนของปัญหาของโครงสร้างเสาตอม่อที่ตรวจพบว่ามีรอบร้าว จำนวน 12 ต้นก็ได้มีการปรับแก้ไขแล้ว 9 ต้น คงเหลืออีกเพียง 3 ต้นที่ยังอยู่ในระหว่างการแก้ไข ซึ่งต้องใช้งบประมาณเพื่อดำเนินการรวมเพียงแค่ 3 ล้านบาทเท่านั้น จึงไม่ส่งผลกระทบต่อสถานทางการเงินของโครงการแต่อย่างใด
"ทั้งจากปัญหาความล่าช้า ผลกระทบจากราคาน้ำมัน ราคาค่าขนส่งและวัสดุก่อสร้างที่เพิ่มสูงขึ้น ยอมรับว่าส่งผลให้ต้นทุนของโครงการสูงขึ้นอย่างแน่นอน แต่คงไม่สามารบอกได้ว่าเพิ่มขึ้นเท่าใด อย่างไรก็ดีทางบริษัทจะพยายามเร่งการก่อสร้างให้เร็วขึ้นเพื่อควบคุมต้นทุนไม่ให้ได้รับผลกระทบมากนัก อีกทั้งเพื่อให้ก่อสร้างแล้วเสร็จได้เร็วด้วย"
กรรมการรองผู้จัดการสายการเงินและบริหาร บมจ.ซิโน-ไทย กล่าวต่อด้วยว่า จากที่ทางบริษัทฯ ได้เสนอขอขยายเวลาการก่อสร้างเพิ่มเติมนั้น ยังไม่ได้รับการอนุมัติจากการรถไฟฯ เจ้าของงานว่าจะอนุมัติให้หรือไม่ ซึ่งไม่ได้รับการชี้แจงว่าเหตุใดจังยังไม่มีการพิจารณา อย่างไรก็ดีต้องยอมรับว่างานก่อสร้างคงจะล่าช้าจากกำหนดในสัญญาประมาณ 1 ปี แต่ก็ขอยืนยันว่าปัญหาหลักไม่ได้มาจากทางบริษัทฯ เพียงฝ่ายเดียว แต่ในส่วนของการรถไฟฯ เองก็มีส่วน เนื่องจากส่งมอบพื้นที่การก่อสร้างให้ล่าช้ากว่ากำหนด ซึ่งเป็นเรื่องที่ต้องหารือร่วมกันต่อไป |
|
Back to top |
|
|
|