View previous topic :: View next topic |
Author |
Message |
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
Joined: 04/07/2006 Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร
|
Posted: 28/11/2007 11:28 am Post subject: |
|
|
คุณป้าคนเดิมยังถามผมว่ามาเที่ยวสุโขทัยแล้ว ได้ไปกิน " ก๋วยเตี๋ยวสุโขทัย " หรือยัง บอกตามตรงว่าในตอนนั้นผมลืมก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยไปเลยครับ ไม่น่าให้อภัยเลยจริง ๆ มาสุโขทัยแล้วจะไม่แวะไปกินได้ยังไง พวกเรายิ่งเป็นครอบครัวอาหารเส้นอยู่ด้วย ( แต่ชีวิตจริง ไม่มีเส้นนะครับ )
ป้าเขาบอกว่าที่นี่มีร้านขายก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยที่อร่อยจนลูกค้ามาอุดหนุนเยอะ ๆ อยู่ 2 ร้าน ก็คือ " ร้านก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยเจ๊แฮ " ที่เห็นอยู่นี้ กับอีกร้านที่อยู่ตรงข้ามกันก็คือ " ร้านตาปุ้ย " ( ถ้าผมจำชื่อไม่ผิดนะครับ )
จากถนนที่ผ่านกลางเมืองสุโขทัย ก็นั่งรถสองแถวตรงมาเรื่อย ๆ จนถึงสี่แยกบางแก้ว ก็ตรงไปอีก ไม่ไกลเท่าไหร่ก็จะมาถึงบริเวณที่ร้านก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยทั้ง 2 นี้ตั้งอยู่แล้วครับ พอลงจากรถผมก็ให้เด็ก ๆ เลือกว่าจะไปกินร้านไหน คะแนนเสียงเป็นเอกฉันท์ว่าให้เดินเข้าไปที่ร้านเจ๊แฮครับ ไม่แปลกใจเลย...
ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยเจ๊แฮนี้ มีก๋วยเตี๋ยวให้เลือกกินหลายอย่างเลยครับ ตั้งแต่
- ก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำสุโขทัย
- ก๋วยเตี๋ยวไทย ( แห้งหมู )
- ก๋วยเตี๋ยวซี่โครงหมู
- ก๋วยเตี๋ยวต้มยำเครื่องในหมู
- ก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาทะเล
- ก๋วยเตี๋ยวต้มยำรวมมิตร
- ก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ
- ขนมจีนแกงไก่ น้ำยา น้ำเงี้ยว...
นี่คัดลอกมาจากเมนูที่ติดอยู่ที่ร้านเลยนะครับเนี่ย ส่วนราคาก็มีทั้ง 20 - 25 - 30 บาท แล้วแต่เมนูที่สั่งครับ
พอดีช่วงที่ผมไปถึงที่ร้านนั้นก็ประมาณ 15.20 น. อีกไม่นานร้านก็จะปิดแล้วล่ะครับ ผมกับเด็ก ๆ คงจะเป็นลูกค้ากลุ่มสุดท้ายที่มานั่งกินที่ร้านในวันนั้น คุณป้าบนรถสองแถวบอกว่าให้ลองสั่งส้มตำกรอบมากินครับ ผมก็งง ๆ แต่ก็อยากจะลองกินดู แต่ก็ไม่ได้กินหรอกครับ เพราะว่าน้อง ๆ ที่ร้านบอกว่าหมดแล้ว สุดท้ายก็เลยได้กินแต่ก๋วยเตี๋ยวครับ มาดูหน้าตาก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยที่ร้านเจ๊แฮกันหน่อยดีกว่า
ชามนี้เป็นก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำสุโขทัยครับ
ชามต่อมาเป็นก๋วยเตี๋ยวไทยแห้ง ( บะหมี่ ) ครับ
ส่วนชามนี้ของเจ้าตี๋ เป็นก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ ไม่ได้เรื่อง ( หมายถึงฝีมือการถ่ายรูปของเจ้าตี๋ครับ สงสัยจะหิวจนมือสั่น )
จากการสอบถามน้อง ๆ ที่ร้านบอกว่าเปิดขายช่วงระหว่าง 07.00 น. - 16.00 น. ครับ ผ่านไปผ่านมาที่สุโขทัยก็ลองไปชิมกันดูครับ อร่อยสมชื่อล่ะครับ อร่อยหมดล่ะ
ก็ขอทิ้งท้ายช่วงเช้าให้คณะทัวร์ได้กินก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยกันให้พุงกางเลยครับ เดี๋ยวตอนบ่ายเราจะไปเที่ยวกันต่อ... _________________ Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.
|
|
Back to top |
|
|
palm_gea
1st Class Pass (Air)
Joined: 03/07/2006 Posts: 1321
Location: ธ.ก.ส.
|
Posted: 28/11/2007 11:29 am Post subject: |
|
|
รถสองแถวคอกหมูยังหลงเหลืออยู่อีกเหรอครับเนี่ยพี่เต้ย
ชนบทแบบแถวๆบ้านผมยังสูญพันธุ์ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 30 ปี
สวรรคโลกๆๆ _________________
|
|
Back to top |
|
|
black_express
1st Class Pass (Air)
Joined: 24/03/2006 Posts: 10060
Location: อุตรดิตถ์ - กรุงเทพฯ
|
Posted: 28/11/2007 11:44 am Post subject: |
|
|
ถ้าคุณเต้ยขึ้นรถสองแถวคันที่เก็บรูปมาฝาก คงได้ไปเที่ยว อ.กงไกรลาส เป็นแน่แท้
รถสองแถวตัวถังไม้ ถ้าเป็นรถในตัวจังหวัดสุโขทัย จะเป็นสีฟ้า แถบแดง ของพิษณุโลก จะเป็นสีเทา ส่วนของอุตรดิตถ์ สีเขียวอ่อน กับสีเขียวใบไม้ครับ คนประจำรถ ช่างพูดช่างคุยทุกรายครับ เพราะมีนิสัยเอื้อเฟื้อแบบชาวชนบท อ.กิตติ เห็นพ้องไหมครับ ?
ก๋วยเตี๋ยวที่ไปชิมรส ใส่ถั่วฝักยาว แทนถั่วงอก กินแล้วกรุบๆ กรอบๆ ดี อร่อย..... |
|
Back to top |
|
|
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
Joined: 04/07/2006 Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร
|
Posted: 28/11/2007 1:44 pm Post subject: |
|
|
saraburi wrote: | รถสองแถว ที่สุโขทัยคล้ายๆกับ สองแถวที่ผมเคยเห็นที่ ชุมพรเลยนะครับ เห็นแล้วคิดถึงๆจริงๆ คิดถึงจริงๆ |
คิดถึงก็ลงไปเที่ยวบ้านเพื่อนอีกทีสิ พี่เองยังมีอะไรค้างคาอยู่ที่ชุมพรเหมือนกัน รอเวลาเหมาะ ๆ จะแอบปลีกวิเวกไปบุกชุมพรอีกครั้ง
palm_gea wrote: | รถสองแถวคอกหมูยังหลงเหลืออยู่อีกเหรอครับเนี่ยพี่เต้ย
ชนบทแบบแถวๆบ้านผมยังสูญพันธุ์ไปแล้วไม่ต่ำกว่า 30 ปี
สวรรคโลกๆๆ |
พี่ก็ไม่ได้เห็นรถแบบนี้วิ่งที่ที่พิษณุโลกนานแล้วล่ะครับ ไม่อยากเชื่อเหมือนกันว่าจะได้มาเห็นที่สุโขทัย
ถ้าช่วงนี้จะไปเที่ยวก็ขอให้เที่ยวให้สนุกนะ ชวนเพื่อน ๆ พี่ ๆ ที่ชอบแนวเดียวกันไปด้วย จะได้เที่ยวสนุก ๆ
black_express wrote: | ถ้าคุณเต้ยขึ้นรถสองแถวคันที่เก็บรูปมาฝาก คงได้ไปเที่ยว อ.กงไกรลาส เป็นแน่แท้
รถสองแถวตัวถังไม้ ถ้าเป็นรถในตัวจังหวัดสุโขทัย จะเป็นสีฟ้า แถบแดง ของพิษณุโลก จะเป็นสีเทา ส่วนของอุตรดิตถ์ สีเขียวอ่อน กับสีเขียวใบไม้ครับ คนประจำรถ ช่างพูดช่างคุยทุกรายครับ เพราะมีนิสัยเอื้อเฟื้อแบบชาวชนบท อ.กิตติ เห็นพ้องไหมครับ ?
ก๋วยเตี๋ยวที่ไปชิมรส ใส่ถั่วฝักยาว แทนถั่วงอก กินแล้วกรุบๆ กรอบๆ ดี อร่อย..... |
ถั่วฝักยาวฝานบาง ๆ นี่ล่ะครับ ที่เป็นเอกลักษณ์ของก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยเลย เสียดายแค่ว่าวันนั้นถ้าผมนึกขึ้นได้เร็วกว่านั้นก็คงจะได้กินก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยเป็นมื้อกลางวันไปแล้ว อาจจะได้ลองทุกเมนูเลยด้วยซ้ำ บางทีถ้าไม่อิ่มอาจจะมีศึกตัดสินรสชาติระหว่างร้านขายก๋วยเตี๋ยวสุโขทัยทั้ง 2 ร้านที่ตั้งอยู่คนละฟากถนนด้วยล่ะครับพี่ตึ๋ง นั่งรถผ่านไปทางนี้แท้ ๆ กลับมองไม่เห็น
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ตกเย็นของวันที่ 17 ตุลาคม ผมก็อยู่ที่โรงแรมตลอดครับ เพราะต้องคอยตามประกบน้องพีที่เล่นน้ำอยู่ในสระว่ายน้ำ แบบไม่ให้คลาดสายตาเลยครับ สระว่ายน้ำในโรงแรมไม่มีแยกสระเด็ก สระผู้ใหญ่ซะด้วย ไม่เหมือนตอนไปพักที่หัวหินเลย ส่วนเจ้าตี๋ก็มัวแต่อายอยู่นั่นล่ะครับ กว่าจะลงน้ำได้ต้องรอให้คนน้อย ๆ อีก เรื่องมากจริง เย็นวันนั้นเหนื่อยจริง ๆ ครับ แต่เห็นเด็ก ๆ เล่นกันสนุก ถือว่าจ่ายค่าห้องพักไปไม่เสียเปล่าครับ
เช้าวันที่ 4 ของการเดินทางหลังจากที่ไปกินอาหารเช้าที่ห้องอาหารของโรงแรมแล้ว ( ก็ซัดกันไปเต็มอิ่มครับ ทั้งขนมปังปิ้ง ไข่ดาว ออมเล็ต ข้าวผัด ข้าวต้ม ไส้กรอก แฮม โอวัลติน ฯลฯ ) เท่าที่โรงแรมเขาจัดให้ จากนั้นพวกผม 3 คนก็ขึ้นรถสองแถว 6 ล้อมาที่ " อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย " ครับ
รายละเอียดเกี่ยวกับ " อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย " สามารถหาอ่านเพิ่มเติมได้จาก
1. Website ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
2. thai-tour.com
3. lakkai.com
4. hamanan.com
5. thaivillagehotel.com
6. tourthai.com
จริง ๆ แล้วยังมี link ที่หาได้จาก Google อีกเยอะครับ แต่คิดว่ารายละเอียดที่ได้ก็คงเหมือน ๆ กัน ยกมาแค่นี้ก็น่าจะเพียงพอครับ มาดูรูปของจริงเลยดีกว่า...
รถสองแถว 6 ล้อจะมาจอดอยู่บริเวณร้านให้เช่าจักรยานครับ ผมเองก็ไม่ได้ขี่จักรยานมานานแล้ว คิดว่าถ้าวันนั้นได้เช่าไปก็คงจะพอทรงตัวอยู่บนล้อทั้ง 2 ได้ไม่มีปัญหา ส่วนเจ้าตี๋ข้ามรายนี้ไปเลยครับ ยังขี่จักรยานไม่เป็น สำหรับน้องพี หาขนาดของจักรยานแบบที่เคยขี่ที่ " พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน " ไม่ได้ก็เลยพาลไม่ขี่ไปด้วยอีกคน มีปัญหาล่ะครับงานนี้ ถึงผมจะเช่าจักรยานมา แต่ก็พานั่งซ้อนท้ายได้แค่คนเดียวเท่านั้น แต่นี่มีสัมภาระถึง 2 ชีวิต สรุปแล้วก็ให้ 2 ขาพาไปครับ งานนี้เดินขาขวิดแน่ ๆ เฮ้อ...
จากบริเวณประตูทางเข้าก็ต้องเดินไปอีกหลายร้อยเมตรครับ กว่าที่จะไปถึงทางเข้าสู่เขตอุทยานชั้นใน ยังดีที่ช่วงนั้นแดดไม่ร้อนมากนัก พอเดินไหว จุดแรกที่พวกผมแวะก็คือ " วัดมหาธาตุ " ครับ
วัด และโบราณสถานต่าง ๆ ที่อยู่ภายในอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จะมีป้ายนี้ติดอยู่ครับ ผมก็ได้ไปยืนดูอยู่หลายที่เลยครับ มองดูในป้ายแล้วก็หันไปดูภาพของจริง เหมือนบ้าง ไม่เหมือนบ้าง ก็แล้วแต่สภาพของแต่ละวัดล่ะครับ เหลือมาให้ดูขนาดนี้ก็นับว่าโชคดีแล้วครับ
นักท่องเที่ยวที่ไปเยี่ยมชมอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ในวันนั้น มากกว่า 90% เป็นกลุ่มชาวต่างชาติครับ คงเป็นเพราะวันนั้นไม่ใช่วันหยุดราชการ ก็เลยไม่ค่อยมีคนไทยไปเที่ยว...
_________________ Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.
|
|
Back to top |
|
|
KTTA-50-L
1st Class Pass (Air)
Joined: 02/04/2006 Posts: 4367
Location: Freight Division , SRT
|
Posted: 28/11/2007 2:12 pm Post subject: |
|
|
ช่วงนี้ผมก็พอๆกับพี่เต้ยเลยวุ้ยออกทริปเยอะ กำลังจะเริ่มเป็นโรคทรัพย์จางแล้วล่ะครับ 55555 _________________ The Guardian of Rotfaithai.Com |
|
Back to top |
|
|
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
Joined: 04/07/2006 Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร
|
Posted: 28/11/2007 3:33 pm Post subject: |
|
|
KTTA-50-L wrote: | ช่วงนี้ผมก็พอๆกับพี่เต้ยเลยวุ้ยออกทริปเยอะ กำลังจะเริ่มเป็นโรคทรัพย์จางแล้วล่ะครับ 55555 |
ทริปของพี่จบไปตั้งนานแล้ว นี่ก็แค่เอาเวลาที่เหลือมาโพสท์รูปให้ดูกันแค่นั้นเอง
แต่ของเจฟนี่สิ ช่วงนี้ดูเหมือนว่ายังอีกหลายทริปนี่นา มีน้อง ๆ ชวนไปเที่ยวอีกไม่ใช่เหรอ คนเนื้อหอมก็แบบนี้ล่ะ น้องเขาชวนแล้วไม่ไปเดี๋ยวเสียน้ำใจนะ
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่ภายในบริเวณวัดมหาธาตุแห่งนี้ครับ
ยังคงอยู่ในบริเวณวัดมหาธาตุนะครับ แต่คิดคำบรรยายไม่ออก เพราะไม่รู้ว่าบริเวณที่ยืนอยู่นี้คือส่วนไหนของวัด
มองออกไปบริเวณด้านข้างของวัดมหาธาตุก็จะเป็นพื้นที่โล่ง ๆ มีเจดีย์เป็นฉากหลังครับ
จากวัดมหาธาตุผมก็พาเด็ก ๆ เดินต่อไปเรื่อย ๆ จนมาถึงวัดศรีสวายครับ
ข้อมูลตามป้าย wrote: | วัดศรีสวาย
ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของวัดมหาธาตุ และอยู่ใกล้กับกำแพงเมืองสุโขทัยด้านทิศใต้ โบราณสถานสำคัญประกอบไปด้วยปรางค์ ๓ องค์ ที่มีรูปแบบศิลปะลพบุรี ซึ่งได้รับอิทธิพลจากศิลปะขอม แต่ลักษณะของปรางค์ค่อนข้างเพรียวตั้งอยู่บนฐานเตี้ย ๆ มีลวดลายปูนปั้นบางส่วนเหมือนลายบนเครื่องถ้วยจีนสมัยราชวงศ์หยวน ได้พบทับหลังสลักเป็นรูปพระนารายณ์บรรทมสินธุ์ ชิ้นส่วนของเทวรูป และศิวลึงค์ ส่วนด้านหน้าขององค์ปรางค์ มีวิหาร ๒ หลังที่สร้างเชื่อมต่อกัน โบราณสถานทั้งหมดล้อมรอบด้วยกำแพงซึ่งก่อด้วยศิลาแลง
ปี พ.ศ. ๒๔๕๐ พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น สยามมกุฏราชกุมาร ได้เสด็จประพาสวัดศรีสวาย ทรงพบรูปพระสยุมภู ( พระอิศวร ) ในวิหาร ก็ทรงสันนิษฐานว่าวัดศรีสวายอาจะเป็นเทวสถานทางศาสนาพราหมณ์ - ฮินดูแล้วแปลงเป็นวัดในพุทธศาสนาในภายหลัง |
รูปแบบสันนิษฐานของวัดศรีสวาย อยู่ในป้ายที่ติดตั้งเอาไว้ในบริเวณวัดครับ
_________________ Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.
|
|
Back to top |
|
|
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
Joined: 04/07/2006 Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร
|
Posted: 28/11/2007 4:00 pm Post subject: |
|
|
จากวัดศรีสวายก็เดินต่อครับ ผมยังโชคดีอยู่บ้างที่ทางเดินบางส่วนที่อยู่ภายในอุทยานประวัติศาสตร์นี้ อยู่ใต้ร่มไม้ใหญ่ ก็เลยไม่ค่อยรู้สึกร้อนเท่าไหร่ครับ
ผมพาเด็ก ๆ เดินผ่านมาถึงวัดตระพังเงินครับ
ข้อมูลตามป้าย wrote: | วัดตระพังเงิน
ตั้งอยู่ทางตะวันตกของวัดมหาธาตุ โบราณสถานแห่งนี้ไม่มีกำแพงล้อมรอบ แต่อาศัยน้ำเป็นขอบเขตของวัด คำว่า ตระพัง เป็นคำภาษาเขมร แปลว่า สระน้ำ
โบราณสถานของวัดนี้มีเจดีย์ประธานทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ หรือทรงดอกบัวตูม มีวิหารประกอบอยู่ด้านหน้า ลักษณะที่เด่นของเจดีย์ทรงดอกบัวตูมของวัดนี้ คือมีจระนำที่เรือนธาตุทั้งสี่ด้านสำหรับประดิษฐานพระพุทธรูปยืนและเดิน ลีลา ซึ่งแตกต่างไปจากเจดีย์ทรงดอกบัวตูมในที่อื่น ๆ
ด้านตะวันออกของเจดีย์ประธาน เป็นเกาะมีอุโบสถ ( โบสถ์ ) ตั้งอยู่กลางสระน้ำตามคตินทีสีมา หรืออุทกสีมา เช่นเดียวกับวัดสระศรี ที่ใช้น้ำในความหมายของความบริสุทธิ์ของขอบเขตที่กันไว้เป็นเขตสำหรับให้พระสงฆ์ทำสังฆกรรม |
นี่คือสระน้ำที่อยู่ข้างหน้าวัดตระพังเงินครับ
จากนั้นผมก็เดินไปตามสระน้ำที่เห็นเมื่อสักครู่ครับ ก่อนจะไปถึงวัดต่อไป มองย้อนกลับไปทางวัดตระพังเงินก็เห็นชาวต่างชาติอีกกลุ่มหนึ่งขี่จักรยานตาม ๆ กันมาเป็นแถวเลยครับ เห็นแล้วมองย้อนดูตัวเอง ไม่รู้จะต้องเดินอีกไกลเท่าไหร่ครับ กว่าจะไปถึงจุดหมายที่ผมตั้งใจจะไปให้ถึงให้ได้ ยังไม่บอกว่าที่ไหนครับ
จริง ๆ แล้วผมมีจุดหมายครับ เพียงแต่ว่าไม่รู้ว่าจะต้องเดินไปทางไหนแค่นั้นเอง ก็ได้แต่คลำทางไปเรื่อย ๆ เพราะเจ้าหน้าที่ที่อยู่ที่ประตูเขาไม่ยอมแจกแผนที่ให้ผม ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมอาศัยถามพี่ ๆ ที่ทำงานอยู่ข้างในเขตอุทยานก็ได้ครับ
ผมเห็นมีพี่ ๆ กลุ่มหนึ่งกำลังทำความสะอาดบริเวณภายในวัดสระศรีครับ ถือโอกาสนี้เดินเข้าไปเที่ยวด้านในด้วยเลยดีกว่า
ข้อมูลตามป้าย wrote: | วัดสระศรี
ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของวัดมหาธาตุ วัดนี้มีความงดงามมากอีกแห่งหนึ่ง เนื่องจากตั้งอยู่กลางสระน้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุด ชื่อว่าตระพังตระกวน โบราณสถานสำคัญประกอบด้วย เจดีย์ปรธานทรงระฆัง วิหาร อุโบลสถ ( โบสถ์ ) และเจดีย์รายขนาดต่าง ๆ รวม ๙ องค์
เจดีย์ทรงระฆัง ของวัดเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่แสดงถึงการรับพุทธศาสนาจากลังกาของสุโขทัย บางครั้งจึงเรียกเจดีย์แบบนี้ว่า เจดีย์ทรงลังกา ส่วนอุโบสถ ( โบสถ์ ) ที่อยู่กลางสระน้ำก็เป็นความเชื่อแบบพุทธศาสนา ที่ใช้น้ำในความหมายของความบริสุทธิ์ของขอบเขตที่กันไว้เป็นเขตสำหรับให้พระสงฆ์ทำสังฆกรรม เรียกว่า นทีสีมา หรืออุทกสีมา
ก่อนปี พ.ศ. ๒๕๒๑ มีถนนจรดวิถีถ่อง ถนนหลวงสายสุโขทัย - ตาก ตัดผ่านกลางวัด ซึ่งทำลายคุณค่าและเป็นอันตรายต่อโบราณสถาน กรมศิลปากร จึงได้ร่วมกับกรมทางหลวง ขุดรื้อถนนเดิมออกไป แล้วสร้างถนนใหม่เลียบสระน้ำทางด้านทิศเหนือขึ้นแทน เพื่อรักษาโบราณสถานและปรับปรุงทัศนียภาพให้สวยงามเช่นในอดีต |
_________________ Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.
|
|
Back to top |
|
|
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
Joined: 04/07/2006 Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร
|
Posted: 28/11/2007 4:44 pm Post subject: |
|
|
พี่ ๆ ที่ทำความสะอาดภายในบริเวณวัดสระศรีบอกผมว่า จุดหมายที่ผมต้องการไปนั้น จะต้องเดินจากวัดสระศรี ไปที่ประตูที่อยู่ทางขวาครับ ผมก็พาเด็ก ๆ เดินไปตามทางที่พี่ ๆ เขาบอกมาครับ ที่ประตูทางขวาที่พี่ ๆ เขาบอกมานั้น จะเป็นประตูออกไปสู่บริเวณด้านนอกอุทยานประวัติศาสตร์ครับ มีพี่ ๆ รปภ. เฝ้าประตูนั้นอยู่ ซึ่งพี่เขาบอกว่าผมต้องเดินจากประตูนี้ ตรงไปตามถนนที่เห็นอยู่นี้ไปเรื่อย ๆ ครับ แล้วจะมีป้ายบอกทางเป็นระยะ ว่าแล้วก็อย่ารอช้า ขอบคุณพี่เขา แล้วรีบจ้ำต่อเลยครับ
ข้อมูลตามป้าย wrote: | อุทยานประวัติศาสตร์ สุโขทัย
มรดกโลก
SUKHOTHAI HISTORICAL PARK
WORLD HERITAGE |
ผมเดินไปตามถนนที่เห็นข้างบนครับ สักพักก็เดินผ่านร้านขายก๋วยเตี๋ยวก็เลยแวะซื้อน้ำอัดลมกินให้ชื่นใจสักหน่อย คุณป้าเจ้าของร้านก็คุยสนุกดีครับ แต่พอนั่งพักจนหายเหนื่อย กินน้ำหมดแล้วผมก็ต้องพาเด็ก ๆ เดินกันต่อครับ ไม่ไกลจากร้านก๋วยเตี๋ยวของคุณป้าคนนั้น ผมก็มาถึงป้ายบอกทางที่พี่รปภ. บอกผมแล้วครับ จุดหมายสำคัญที่ผมอยากจะพาเด็ก ๆ ไปดู ก็คือ วัดศรีชุม ครับ ในป้ายนั้นบอกว่าเราต้องเดินเลี้ยวไปทางขวาอีก 600 เมตรครับ
ระยะทาง 600 เมตรนั้น เป็น 600 เมตรที่หนักมากเลยล่ะครับ เพราะผมต้องแบกน้องพีเอาไว้บนหลังด้วย โดยมีเจ้าตี๋เดินตามหลังมาแบบหมดเรี่ยวแรง
พอเลี้ยวขวาจากถนนใหญ่แล้ว ถนนเส้นที่แยกออกมาก็จะเป็นทางตรงไป แล้วเราก็ต้องเลี้ยวขวา ตามด้วยเลี้ยวซ้ายอีกครั้ง แล้วก็จะเห็นวัดศรีชุมอยู่ทางด้านซ้ายของถนนครับ
ที่หน้าประตูทางเข้ามีที่สำหรับติดป้ายประกาศเอาไว้หลายแผ่นเลยครับ ไปดูกันสักหน่อยดีกว่า...
ข้อมูลตามป้าย wrote: | วัดศรีชุม
อยู่นอกกำแพงเมืองตรงมุมตะวันตกเฉียงเหนือพอดี สิ่งสำคัญที่ปรากฏอยู่โดดเด่นได้แก่อาคารที่ประดิษฐานพระพุทธรูปนั่งขนาดใหญ่เต็มพื้นที่อาคาร มีขนาดหน้าตักกว้างประมาณ 11.30 เมตร เชื่อกันว่าพระพุทธรูปเรียกตามที่ปรากฏในศิลาจารึกหลักที่ 1 ว่า " พระอจนะ " มีความหมายว่าผู้ไม่หวั่นไหว สร้างเป้นพระพุทธรูปปางมารวิชัย องค์ที่เห็นในปัจจุบันนี้ได้บูรณะปฏิสังขรณ์ใหม่ราว พ.ศ. 2496 - 2499
คำว่า " ศรี " มาจากคำเรียกพื้นเมืองเดิมของไทยว่า " สะหลี " ซึ่งหมายถึง ต้นโพธิ์ ดังนั้นชื่อศรีชุม จึงหมายถึงดงของต้นโพธิ์ แต่ในหนังสือพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยาที่เขียนในสมัยอยุธยาตอนปลาย ไม่เข้าใจความหมายนี้ จึงเรียกสถานที่นี้ว่า " ฤาษีชุม " ว่าเป็นสถานทีที่พระนเรศวรมาประชุมทัพกันอยู่ที่นั้นก่อนที่จะยกทัพไปปราบเมืองสวรรคโลก อันเป็นต้นตอของตำนานเรื่องพระ ( อจนะ ) พูดได้ที่เล่าขานต่อกันมา
วัดศรีชุมยังมีความสำคัญต่อประวัติศาสตร์สุโขทัยอีก ในช่องผนังของมณฑปได้ค้นพบหลักศิลาจารึกที่ 2 เรียกว่า " จารึกวัดศรีชุม " ที่เล่าเรืองราวของการก่อตั้งราชวงศ์สุโขทัยของคนไทยกลุ่มหนึ่ง และที่เพดานของช่องผนังดังกล่าวมีภาพจิตรกรรมลายเส้น เป็นภาพเล่าเรื่องพระพุทธเจ้าในชาติต่าง ๆ ที่เรียกว่าชาดก บางภาพมีลักษณะทางศิลปกรรมคล้ายกับศิลปะลังกาโดยมีอักษรสมัยสุโขทัยกำกับบอกเรืองชาดกไว้ที่ภาพแต่ละภาพด้วย |
ข้อมูลตามป้าย wrote: | ประวัติการศึกษา อนุรักษ์วัดศรีชุม
พ.ศ. 2430 หลวงสโมสรสรรพการรับหน้าที่ตรวจค้นศิลาจารึกเมืองสุโขทัย และได้พบศิลาจารึกหลักที่ 2 ( จารึกวัดศรีชุม ) ในช่องอุโมงค์
พ.ศ. 2434 นายลูเชียง ฟูเนอโร สำรวจและถ่ายภาพโบราณสถานและภาพชาดกในอุโมงค์จำนวน 49 - 50 แผ่น
พ.ศ. 2451 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ขณะดำรงพระยศเป็น สมเด็จพระบรมโอรสสาธิราชสยามมงกุฎราชกุมารเสด็จประพาสเมืองสุโขทัย และทรงบันทึกหลักฐานเกี่ยวกับวัดศรีชุมในหนังสือ " เที่ยวเมืองพระร่วง "
พ.ศ. 2478 กรมศิลปากรประกาศขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานของชาติในราชกิจานุเบกษา เล่มที่ 58 ตอนที่ 75 ลงวันที่ 8 มีนาคม 2478
พ.ศ. 2496 - 2499 สมัยรัฐบาลจอมพล ป. พิบูลสงคราม เป็นระยะของการฟื้นฟูศิลปวัฒนธรรมไทย ได้จัดงบประมาณมาดำเนินการอนุรักษ์โดยการขุดลอกโบราณสถาน เทคานคอนกรีตเสริมเหล็กยึดผนังส่วนบน เพื่อป้องกันผนังแยก และน้ำฝนซึมเข้าผนัง ที่สำคัญมีการบูรณะพระอจนะ โดยว่าจ้างนายบุญธรรม พูลสวัสดิ์ เป็นช่างบูรณะตามแบบของอาจารย์เขียน ยิ้มศิริ ซึ่งออกแบบพุทธลักษณะตามแบบอย่างพระพุทธรูปสำริดสมัยสุโขทัย การบูรณะในครั้งนั้นได้ยึดถือแบบวิธีและวัสดุอย่างโบราณทั้งสิ้น
พ.ศ. 2507 กรมศิลปากรมอบหมายให้นายจำรัส เกียรติก้อง และนายประพัฒน์ โยธาประเสริฐ หัวหน้าแผนกสำรวจกองโบราณคดี คัดลอกภาพชาดกจากแผ่นหิน
พ.ศ. 2509 บูรณะซุ้มประตูทางเข้ามณฑป ตามแบบที่เห็นในปัจจุบัน
พ.ศ. 2523 ผนังมณฑปด้านเหนือพังทลายลง เนื่องจากพายุและฝนตกหนัก พื้นที่ผนังประมาณ 30 ตารางเมตร ด้านนี้จึงได้รับการบูรณะขึ้นใหม่เพื่อป้องกันผนังส่วนอื่น ๆ พังทลายลงตาม
พ.ศ. 2524 โครงการอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ดำเนินการอนุรักษ์วัดศรีชุมครั้งใหญ่ โดยเริ่มขุดค้นทางโบราณคดี
พ.ศ. 2527 ศึกษาหาแนวทางและอนุรักษ์ปูนปั้นองค์พระอจนะด้วยวิธีวิทยาศาสตร์และเสริมความมั่นคงที่ฐานและส่วนบนของมณฑป รวมทั้งมีการจัดสภาพภูมิทัศน์ของบริเวณด้วย
พ.ศ. 2540 - 2541 ศึกษาเพื่อการอนุรักษ์ปูนปั้นที่พระอจนะ โดยความร่วมมือระหว่างกรมศิลปากร และรัฐบาลญี่ปุ่น |
เดินผ่านซุ้มทรงไทยที่เห็นที่รูปข้างบนเข้าไป ก็จะเห็นวัดศรีชุมอยู่ไม่ไกลครับ เดินมาตั้งนาน ในที่สุดก็มาถึงจนได้
รูปแบบสันนิษฐานของวัดศรีชุมครับ
_________________ Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.
|
|
Back to top |
|
|
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
Joined: 04/07/2006 Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร
|
Posted: 28/11/2007 5:15 pm Post subject: |
|
|
ผมจำได้ว่าตอนเด็ก ๆ ช่วงที่ปิดเทอมแล้วได้มาอยู่ที่พิษณุโลก คุณแม่ กับอาอี๊เคยพามาเที่ยวที่นี่ครั้งหนึ่งครับ ความทรงจำช่วงนั้นเลือนลางมาก ๆ แต่ที่จำได้ก็คือภาพของพระอจนะ ที่ประดิษฐานอยู่ด้านในวิหารนั้นมีขนาดใหญ่โตมาก ๆ เลยครับ แล้วก็ยังจำได้ว่าที่ผนังของวิหารนั้นมีบันไดให้เดินขึ้นไปข้างบนได้ด้วย แต่พอได้มายืนอยู่ที่นี่อีกครั้ง สิ่งที่ได้เห็นกลับไม่ค่อยจะเหมือนกับในความทรงจำสักเท่าไหร่...
รูปแบบสันนิษฐานของวิหารแห่งนี้ครับ
องค์พระอจนะประดิษฐานอยู่ด้านในวิหาร ข้างหลังประตูนี้ล่ะครับ ในวันนั้นที่ผมกับเด็ก ๆ ไปถึงที่วัดมีชาวต่างชาติเป็นผู้หญิงผมทอง 2 คนครับ ( คงจะเป็นเพื่อนกัน ) กล้องถ่ายรูปของพวกเธอนี่มีเลนส์ยื่นยาวออกมายาวออกมาเกือบฟุตแน่ะครับ จนผมคิดว่ากล้องหนัก ๆ เกะกะแบบนี้จะถ่ายได้ถนัดได้ยังไง แต่นี่ก็แค่มุมมองของคนที่ใช้กล้อง compact จนเคยล่ะครับ พูดมากอีกแล้ว
องค์พระอจนะครับ กว่าจะได้รูปนี้มาผมต้องใช้ Super S Curve ขั้นสุดยอด ก้มลงไปจนหัวเกือบจะถึงพื้นเลยล่ะครับ วิหารก็แคบเหลือเกิน
ที่ผนังด้านข้างองค์พระอจนะ มีช่องว่าง ๆ ด้วยครับ ซึ่งช่องนี้ล่ะครับ ที่ทำให้ผมมั่นใจว่าวัดที่ผมได้มาเที่ยวเมื่อครั้งยังเป็นเด็กต้องใช่วัดศรีชุมแห่งนี้แน่ ๆ เลย ถึงแม้ว่าขนาดของวัด และวิหารแห่งนี้จะไม่ได้ใหญ่โตเหมือนกับที่ผมคิดเอาไว้ หรือว่ายังมีวัดไหนที่เดินไต่บันไดไปตามผนังแล้วโผล่ออกมาดูบรรยากาศข้างนอกได้แบบนี้อีกหรือเปล่าครับ
_________________ Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.
|
|
Back to top |
|
|
ExtendeD
1st Class Pass (Air)
Joined: 04/07/2006 Posts: 9054
Location: สังกัดหน่วยสำรวจสะพาน ตะลอนทั่วราชอาณาจักร
|
Posted: 28/11/2007 6:00 pm Post subject: |
|
|
จากวัดศรีชุมผมกับเด็ก ๆ ก็ต้องเดินย้อนกลับไปตามทางเดิมที่ได้เดินเข้ามา 600 เมตรอีกแล้ว แล้วก็ต้องแบกน้องพีอีกแล้ว เริ่มออกอาการกวน... คงจะรู้ตัวแล้วล่ะครับว่าใกล้ถึงเวลาที่จะต้องจากกันแล้ว...
โชคดีวิ่งมาหาผมอีกครั้ง พอออกมาถึงถนนใหญ่ก็มีรถโดยสารวิ่งระหว่างจังหวัดตาก - จังหวัดพิษณุโลกวิ่งผ่านมาพอดีครับ ผมจำได้ว่าเคยเห็นรถสายนี้วิ่งผ่านโรงแรมไพลินด้วย ก็เลยลองโบกดูครับ เขาจอดรับพวกผมด้วย โอ๊ยดีใจสุด ๆ เลยครับ ไม่ต้องเดินย้อนกลับไปขึ้นรถสองแถวถึงที่หน้าทางเข้าอุทยานเหมือนอย่างที่คิดแล้ว ผมกับเด็ก ๆ นั่งกันอยู่บริเวณหน้ารถ ก็เลยถ่ายบรรยากาศบนรถมาให้ดูได้ชัดที่สุดแค่นี้ล่ะครับ ส่วนค่าโดยสารก็ไม่แพงครับ คนละไม่เกิน 15 บาทครับ ( ผมจำราคาไม่ได้ แต่ว่าไม่เกิน 15 บาทแน่ ๆ ครับ )
พอมาถึงโรงแรม ก็อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า นั่งพักต่ออีกหน่อย ก็ได้เวลา Check out ออกจากโรงแรมแล้วครับ ผมก็ข้ามถนนมารอรถสองแถว 6 ล้ออีกครั้ง ตามข้อมูลที่ได้จากคุณป้าคนเมื่อวาน ช่วงนั้นเป็นช่วงปิดเทอม ถ้าจะไปที่สถานีขนส่งก็ต้องถามคุณพี่คนขับก่อนครับ ว่าจะเลี้ยวเข้าไปส่งหรือเปล่า เพราะในช่วงนี้ไม่ค่อยมีนักศึกษาอย่างที่เคยบอกไปครับ ทางไปที่สถานีขนส่งก็ต้องเลี้ยวซ้ายไปอีกประมาณ 500 เมตร แต่ถ้าไม่มีผู้โดยสารไปลงที่สถานีขนส่ง พี่ ๆ เขาก็จะขับรถตรงเข้าตัวเมืองเลยครับ
มาถึงสถานีขนส่ง รถประจำทางของบริษัท สุโขทัยธานี จำกัด ที่วิ่งระหว่างตัวเมืองพิษณุโลก - ตัวเมืองสุโขทัย ก็จอดรออยู่แล้วครับ ค่าโดยสารที่ผมจ่ายไปวันนั้นก็คือ คนละ 42 บาท ( ก่อนหน้าที่ยังไม่ขึ้นค่าโดยสารนั้น เก็บค่าโดยสาร 39 บาทครับ ) ลักษณะของรถก็คล้าย ๆ กับรถไมโครบัสในกรุงเทพนั่นล่ะครับ เป็นรถคันสีขาว มีแถบสีชมพู สีเขียว ( อาจจะมีสีเทาด้วย ) คาดอยู่ตามตัวรถครับ อ้อ.. ผมเดินไปถามบขส. แล้ว เขาบอกว่าจากสถานีขนส่งสุโขทัย ไม่มีรถวิ่งไปที่สถานีขนส่งพิษณุโลกครับ ส่วนบรรยากาศภายในรถที่วิ่งไปที่จังหวัดพิษณุโลกก็เป็นอย่างที่เห็นนี้ครับ
ก่อนหน้านี้ที่เวปเปิดมาใหม่ ๆ มีพี่ ๆ ถามเรื่องการเดินทางระหว่างพิษณุโลก - สุโขทัยเอาไว้ มาถึงตอนนี้ผมหาคำตอบให้แล้วนะครับ ไม่รู้พี่ ๆ ยังจำกันได้หรือเปล่า แต่ผมจำได้แน่นอน ไม่เคยลืม เพียงแต่ว่าดองการบ้านข้อนี้เอาไว้นานไปหน่อยแค่นั้นเอง แล้วตอบไปไม่ค่อยจะดีด้วย เพราะว่าไม่มีรูปภายนอกของรถคันนี้มาให้ดูกันครับ ไม่สะดวกจะถ่ายจริง ๆ ครับ
เท่าที่ผมจดบันทึกเส้นทางที่รถคันนี้วิ่งผ่านไป ก็คือ จากสถานีขนส่งสุโขทัยตรงไปที่แยกบางแก้ว เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนหมายเลข 12 ( สิงหวัฒน์ ) ผ่านวัดกระชงคราม ผ่านแยกบ้านสวน ถ้าเลี้ยวซ้ายจะเป็นถนนหมายเลข 1054 ไปที่อำเภอศรีสำโรง แต่ถ้าเลี้ยวขวาจะเป็นถนนหมายเลข 1053 แต่รถก็ยังขับตรงไปครับ แล้วไปเลี้ยวขวาที่แยกโค้งตานก ผ่านหน้าโรงพยาบาลกงไกรลาศ ที่ว่าการอำเภอกงไกรลาศ วัดใหม่สุขเกษม วัดใหม่โพธิ์ทอง เขื่อนนเรศวร ( ต้องตรงเข้าไปในถนนเล็ก ๆ อีก 37 กิโลเมตร ) จากนั้นก็จะผ่านอีกหลายแยกครับ ทั้งทางแยกไปอำเภอวังทอง แยกไปจังหวัดพิจิตร นครสวรรค์ แล้วก็จะผ่านวัดคูหาสวรรค์ ก่อนที่จะขึ้นสะพานนเรศวร ข้ามแม่น้ำน่านที่เห็นอยู่นี้ครับ
ลงจากสะพานนเรศวรก็จะผ่านหน้า วัดพระศรีมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือวัดใหญ่ที่ได้แวะมากราบองค์พระพุทธชินราชกันแล้ว
หลังจากนั้นรถก็จะวิ่งขึ้นสะพานข้ามทางรถไฟที่อยู่ทางด้านทิศเหนือของสถานีพิษณุโลก ( ไม่ได้เห็นรถไฟ 1 วันเต็ม ๆ แล้วเนี่ย ) ก่อนจะเลี้ยวขวาเข้าสู่สถานีขนส่งพิษณุโลกครับ จากสถานีขนส่งก็ต้องขึ้นรถเมล์กลับไปที่สถานีรถไฟอีกทีครับ ในตอนนั้นมีแต่รถธรรมดาจอดอยู่ ก็ต้องขึ้นล่ะครับ หิวแล้ว...
จริง ๆ แล้ววันนั้นถ้าผมตัดสินใจเร็วกว่านั้นสักหน่อยจะลงจากรถที่นั่งมาจากสุโขทัยก่อนที่จะขึ้นสะพานข้ามทางรถไฟครับ แล้วเดินไปขึ้นรถสองแถวที่ถนนด้านหลังของวัดใหญ่ดีกว่า เร็วกว่ามานั่งรอให้รถเมล์ออกจากสถานีขนส่งอีกครับ ช่วงเที่ยง ๆ แบบนี้มีการหยุดวิ่งด้วย _________________ Life will knock us down . . . but we can choose to get back up.
|
|
Back to top |
|
|
|